หลักการ ทำงาน ของระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่

 จะเห็นได้ว่าโทรศัพท์มีความจำเป็นต่อการดำเนินชีวิต และเข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมากในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะการส่งข้อมูลข่าวสาร หรือการสื่อสารในระยะไกล เพื่อต้องการให้เข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและทันต่อสถานการณ์โลกในปัจจุบัน

       5. การสิ้นสุดการสนทนา เมื่อใช้เครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่กดปุ่มสิ้นสุดการสนทนาจะมีสัญญาณสิ้นสุดการสนทนาส่งไปยังสถานีฐาน สัญญาณจะถูกส่งต่อไปยังชุมสายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ชุมสายโทรศัพท์เคลื่อนที่ทำการยกเลิกใช้ช่องสัญญาณดังกล่าว และสถานีฐานก็ยกเลิกการใช้ช่องสัญญาณเช่นกัน เครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่จะกลับไปวัดสัญญาณช่องปรับแต่งตามเดิม

       5. การสิ้นสุดการสนทนา เมื่อใช้เครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่กดปุ่มสิ้นสุดการสนทนาจะมีสัญญาณสิ้นสุดการสนทนาส่งไปยังสถานีฐาน สัญญาณจะถูกส่งต่อไปยังชุมสายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ชุมสายโทรศัพท์เคลื่อนที่ทำการยกเลิกใช้ช่องสัญญาณดังกล่าว และสถานีฐานก็ยกเลิกการใช้ช่องสัญญาณเช่นกัน เครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่จะกลับไปวัดสัญญาณช่องปรับแต่งตามเดิม

                  การทำงานของโทรศัพท์มือถือก็มีหลักการเหมือนกันกับโทรศัพท์บ้านแต่จะแตกต่างกันตรงที่ โทรศัพท์บ้านจะใช้สายโทรศัพท์ซึ่งเป็นสายทองแดง แต่ใระบบของโทรศัพท์มือถือ จะใช้คลื่นวิทยุแทน                   การทำงานของโทรศัพท์มือถือก็คือภายในเครื่องโทรศัพท์มือถือจะมีชุดกำเนิด ความถี่ซึ่งเป็นความถี่วิทย1ชุด และเมื่อเราเปล่งคำพูดไส่ไมโครโฟนของ โทรศัพท์ สัญญาญเสียงที่เราพูดออกไปก็จะถูกเปลี่ยนเป็นคลื่นไฟฟ้าจากนั้นจะ ถูกส่งไปผสมกับคลื่นความถี่ที่โทรศัพท์ผลิตออกมาหลักการก็คือ คล้ายๆกันกับ ให้คลื่นเสียงของเราขี่คลื่นที่โทรศัพท์ผลิตออกมาแล้วแพร่กระจายไปในอากาศ สู่ชุมสายของโทรศัพท์ต่อไป ซึ่งคลื่นความถี่ในปัจจุบันั้นก็มีมากมายหลาย คลื่น ซึ่งแต่ละคลืนนั้นก็มีผู้ให้บริการเป็นรายๆไป ข้อมูลเพิ่มเติม

การทำงานของโทรศัพท์มือถือก็มีหลักการเหมือนกันกับโทรศัพท์บ้านแต่จะแตกต่างกันตรงที่ โทรศัพท์บ้านจะใช้สายโทรศัพท์ซึ่งเป็นสายทองแดง แต่ใระบบของโทรศัพท์มือถือ จะใช้คลื่นวิทยุแทน การทำงานของโทรศัพท์มือถือก็คือภายในเครื่องโทรศัพท์มือถือจะมีชุดกำเนิด ความถี่ซึ่งเป็นความถี่วิทย1ชุด และเมื่อเราเปล่งคำพูดไส่ไมโครโฟนของ โทรศัพท์ สัญญาญเสียงที่เราพูดออกไปก็จะถูกเปลี่ยนเป็นคลื่นไฟฟ้าจากนั้นจะ ถูกส่งไปผสมกับคลื่นความถี่ที่โทรศัพท์ผลิตออกมาหลักการก็คือ คล้ายๆกันกับ ให้คลื่นเสียงของเราขี่คลื่นที่โทรศัพท์ผลิตออกมาแล้วแพร่กระจายไปในอากาศ สู่ชุมสายของโทรศัพท์ต่อไป ซึ่งคลื่นความถี่ในปัจจุบันั้นก็มีมากมายหลาย คลื่น ซึ่งแต่ละคลืนนั้นก็มีผู้ให้บริการเป็นรายๆไป

เครื่องโทรศัพท์ไร้สาย หมายถึงโทรศัพท์ทุกชนิดที่ไม่ใช้สาย เช่น โทรมือถือ PCT แม้กระทั่งโทรตามบ้านที่ไร้สาย

โทรศัพท์อาจจะเป็นปัจจัยที่5ของมนุษย์ยุคดิจิตอล ประชาชนส่วนใหญ่จะเป็นเจ้าของมือถือบางคนมีมากกว่า 1 ครั้งและใช้กันอย่างไม่ลืมหูลืมตาโดยที่ไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือผลเสียที่จะเกิดขึ้น

บทความนี้จะกล่าวถึงความปลอดภัยของคลื่นวิทยุต่อคนโดยมีการทบทวนโดยองค์การอนามัยโลก องค์การสุขภาพของแคนาดาและอังกฤษ

การเจริญเติบโตของธุรกิจมือถืออย่างมาก ประมาณการว่าจะมีจำนวนเครื่องโทรศัพท์ประมาณ 1.6 ล้านๆเครื่องนอกจากนั้นก็ยังมีสถานีเครือข่ายเพิ่มขึ้นมากมายที่ปล่อยคลื่นความถี่วิทยออกมา ปัจจัยที่มีผลต่อสุขภาพได้แก่

การทำงานของโทรมือถือ

หลักการ ทำงาน ของระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่

เมื่อเราพูดโทรศัพท์มือถือ คลื่นเสียงจะเปลี่ยนเป็นคลื่นวิทยุุ radio waves ซึ่งเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าชนิดหนึ่ง( electromagnetic radiation) คลื่นนี้จะกระจายไปในอากาศและไปสู่สถานีของวิทยุมือถือ เมื่อมีคนโทรติดต่อมาคลื่นเสียงจะแปลงเป็นคลื่นวิทยุ ส่งไปตามสถานีและส่งมายังผู้รับ

ความแรงของคลื่นส่วนใหญ่ประมาณ 0.75ถึง 1 watt ในขนะที่เราพูดสมองของเราจะอยู่ใกล้เสาอากาศของโทรศัพท์มือถือมากที่สุด พลังงานจากคลื่นวิทยุจะเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนซึ่งอาจจะส่งผลเสียต่อสุขภาพ

ความแรงของคลื่น

คนที่ใช้โทรศัพท์มือถือจะได้รับคลื่นมากกว่าคนที่อาศัยอยู่ใกล้สถานี คนที่ใช้โทรศัพท์มือถือจะได้รับคลื่นเมื่อมีการใช้โทรศัพท์ แต่คนที่อาศัยใกล้สถานีจะได้รับคลื่นอยู่ตลอดเวลา

โทรศัพท์มือถือ โทรศัพท์มือถือสมัยเก่าเป็นระบบ 850 MHz ปัจจุบันเป็นแบบ 1900 MHz ส่วนของประเทศทางยุโรปใช้ระบบ Global System for Mobile Communications (GSM) ซึ่งมีคลื่นความถี่ระหว่าง 900 MHz ถึง 1800 MHz โทรศัพท์เคลื่อนที่จะให้พลังงานคลื่นเพียง 0.2-0.6 Watts สำหรับวิทยุ walkies talkies จะให้กำลังคลื่นถึง 10 Watts ความแรงของคลื่นจะลดลงอย่างมากเมื่อตัวเครื่องอยู่ห่างจากศรีษะ ดังนั้ควารจะใช้อุปกรณ์ที่เรียกว่า hand free ซึ่งจะลดความแรงของคลื่น

สถานีกระจายคลื่น สถานีจะให้คลื่นแรงตั้งแต่ไม่กี่วัตต์จนเป็นร้อยขึ้นกับขนาดและจำนวนของเซลล์ไซต์ โดยตัวเสาอากาศจะมีความกว้าง 20-30 ซม. และยาวประมาณ 1 เมตรโดยตั้งอยู่ ดาดฟ้าอาคาร บนหอคอยสูง 15-50 เมตรจากพื้น หากตั้งอยู่บนพื้นจะต้องมีความสูง 50-200 ฟุตจากพื้นดิน คลื่นจากเสาอากาศจะออกในแนวราบ ดังนั้นคนที่อยู่บนดินหรือในบ้านจะได้รับคลื่นน้อยมาก ระยะห่างที่ปลอดภัยจากคือ 2-5 เมตรจากเสาอากาศ

ผลกระทบต่อสุขภาพ

คลื่นวิทยุจะมีผลต่อเนื้อเยื่อลึกประมาณ 1 ซม ความลึกขึ้นกับความถี่ของคลื่น เมื่อเนื้อเยื่อได้รับคลื่นจะแปลงเป็นความร้อนแต่ร่างกายก็มีกลไกที่จะควบคุมอุณหภูมิ เชื่อว่าผลเสียของคลื่นวิทยุเกิดจากความร้อน

การศึกษาที่ผ่านมาจะศึกษาผลกระทบอของคลื่นวิทยุต่อทั้งร่างกาย และคลื่นที่ศึกษาก็แรงกว่าคลื่นโทรศัพท์มาก การศึกษาผลกระทบของคลื่นโทรศัพทมือถือต่อคนยังมีไม่มาก

  • มะเร็ง ยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่าคลื่นโทรศัพท์ทำให้เกิดมะเร็ง แต่จากการทดลองในสัตว์ก็ไม่มีหลักฐานว่าทำให้เกิดมะเร็ง และจากการศึกษาทางระบาดวิทยาก็ไม่มีหลักฐานว่าคลื่นโทรศัพท์ทำให้เกิดมะเร็ง
  • ผลเสียต่อสุขภาพอื่น พบว่าคลื่นวิทยุมีผลต่อการนอนหลับ การตอบสนองของสมอง น้อยมาก
  • การขับรถ การใช้โทรศัพท์มือถือทำให้มีอุบัติเหตุเพิ่มขึ้น
  • การรบกวนของคลื่นวิทยุ คลื่นจะรบกวนการทำงานของอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น เครื่องกระตุ้นการเต้นของหัวใจ pacemaker ,defibrillator และอาจจะมีผลต่อการควบคุมการบิน

การเลือกซื้อต้องพิจารณาอะไรบ้าง

  • ต้องทราบว่าโทรมือถือแต่ละรุ่นที่ผลิตออกมาให้ความถี่คลื่นวิทยุออกมาเท่าไร (Raduofrequency exposure level ) ท่านจะทราบโดยขอข้อมูลจากบริษัทผู้ผลิตหรือที่เวป http://www.fcc.gov/oet/rfsafety
  • ท่านจะต้องทราบว่าพลังงานที่ได้จากคลื่น (Specific Absorption Rate (SAR) เป็นการคำนวณพลังงานจากคลื่นวิทยุที่เราได้รับ)ไม่ควรเกินเท่าไร ปกติไม่ควรเกิน 1.6 watts per kilogram

SAR stands for Specific Absorption Rate

แม้ว่าจากหลักฐานถึงปัจจุบันพบว่าการใช้โทรศัพท์มือถือไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้ แต่ยังมีคำถามถึงความปลอดภัยของการใช้โทรศัพท์มือถือในระยะยาว ซึ่งรัฐบาลของของหลายประเทศได้แนะนำให้มีการวิจัยเพิ่มเติม

SAR คืออะไร

หมายถง Specific Absorption Rate หมายถึงหน่วยการวัดปริมาณพลังงานที่ร่างกายได้รับขณะที่เราใช้โทรศัพท์มือถือ โทรศัพท์ทุกเครื่องจะต้องผ่านการวัดโดยใช้พลังงานเต็มที่ แต่พลังงานที่เราใช้จริงจะน้อยกว่าค่าที่ได้จากการทดสอบ เพราะบริษัทเค้าออกแบบให้ใช้พลังงานต่ำที่สุดที่พอจะส่งคลื่นไปยังสถานีที่ใกล้ที่สุด ดังนั้นหากเราอยู่ใกล้สถานี เราจะได้รับพลังงานน้อย

เราจะเลือกเครื่องที่มีระดับ SAR เท่าไร

ในการเลือกซื้อเครื่องโทรมือถือนอกตากจะพิจารณา บริษัทที่ผลิต รุ่น แบบ ขนาด ประเภทการใช้งาน ราคา เราจะต้องคำนึงถึง ระดับของ SAR โดยค่าปกติจะไม่เกิน 1.6 watt/Kg

โทรศัพท์ของบริษัทแต่ละรุ่นมีค่า SAR เท่ากันหรือไม่

แม้ว่าจะเป็นโทรศัพท์จากบริษัทเดียวกัน แต่จะมีค่า SAR ไม่เท่ากัน

เราจะทราบว่าเครื่องของเรามีค่า SAR เท่าไร

มี website ที่ให้ท่านค้นหาว่าเครื่องของท่านมีค่า SAR เท่าไรค้นได้จาก www.fcc.gov/oet/fccid

ตารางข้างล่่างจะเป็นที่อยู่ของบริษัทที่ผลิตโทรมือถือ ซึ่งท่านจะสามารถหารายละเอียดของ Specific Absorption Rate (SAR) ของเครื่องแต่ละรุ่น

  • Alcatel
  • Audiovox:
  • Benefon:
  • Kyocera Wireless: www.kyocera-wireless.com
  • LG:www.lge.com
  • Mitsubishi:www.mitshubishiwireless.com
  • Motorola:www.mot.com/rfhealth/sar.html
  • Nokia:www.nokiausa.com
  • Panasonic:www.panasonic.com
  • Samsung:www.samsungusa.com
  • Siemens:
  • Ericsson:www.sonyericssonmoible.com/us

อุปกรณ์ Hand free จะทำให้ปลอดภัยเพิ่มขึ้นหรือไม่

ในขณะที่ยังไม่ทราบถึงผลเสียของการใช้โทรศัพท์มือถือในระยะยาว ดังนั้นการใช้อุปกรณ์ Hand free จะทำให้สมองของเราได้รับพลังงานจากคลื่นวิทยุลดลง

อุปกรณ์ที่ป้องกันคลื่นไปสู่ศรีษะใช้การได้หรือไม่

จากการศึกษาพบว่าอุปกรณ์เหล่านี้ใช้ไม่ได้ผลเนื่องจากทำให้การใช้โทรศัพท์ลำบาก และเครื่องจะปรับพลังงานเพิ่มขึ้น ทำให้เราได้รับพลังงานเท่าเดิม

เราจะใช้มือถืออย่างปลอดภัยได้อย่างไร

จนถึงปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานถึงผลเสียของคลื่นโทรศัพท์มือถือต่อสุขภาพ แต่ต้องรอผลการศึกษาอีก 3-4 ปี ดังนั้นองค์การอนามัยโลกจึงเสนอแนวทางปฏิบัติ