การดูแลพนักงานให้ได้รับสิทธิพื้นฐานตามกฏหมายเป็นหนึ่งในหน้าที่สำคัญของ HR ซึ่งจำเป็นจะต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด มิฉะนั้น อาจกลายเป็นความผิดเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดของกฏหมายแรงงานได้ Show
โดยเฉพาะการแจ้งรายชื่อพนักงานเข้าประกันสังคม ซึ่งนับเป็นเรื่องพื้นฐานที่ HR ทุกคนควรทราบ! บทความนี้ Cigna จะมาแนะนำวิธีแจ้งเข้าประกันสังคมแบบง่ายๆ สำหรับ HR มือใหม่ เพื่อสิทธิที่พึงมีสำหรับพนักงานภายในองค์กร! วิธีแจ้งเข้าประกันสังคมต้องทำอย่างไรบ้าง?วิธีแจ้งเข้าประกันสังคมในปัจจุบันนั้นไม่ยุ่งยากเหมือนกับสมัยก่อนอีกต่อไป เนื่องจากทาง HR สามารถดำเนินการผ่านช่องทางออนไลน์ได้อย่างรวดเร็ว โดยมีวิธีการดำเนินการด้วยกัน ดังนี้
ยกเลิกประกันสังคม ทำอย่างไรเมื่อ “พนักงานแจ้งลาออกจากงาน”สำหรับกรณีที่พนักงานแจ้งลาออกจากงานนั้น ทาง HR สามารถดำเนินการผ่านช่องทางเว็บไซต์ สำนักงานประกันสังคม ได้เช่นเดียวกัน โดย HR จะต้องใช้ “หนังสือแจ้งการสิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตน” (สปส.6-09) เพื่อแจ้งสาเหตุการลาออกจากพนักงาน ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป ทำอย่างไรเมื่อ “ต้องการแก้ไขข้อมูลพนักงานหรือข้อมูลบริษัท”สำหรับการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดข้อมูลพนักงานในประกันสังคม เช่น การเปลี่ยนชื่อนามสกุล การแต่งงาน หรือการมีบุตร ให้ HR แจ้งโดยใช้ “หนังสือแจ้งการเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงผู้ประกันตน” (สปส. 6-10) จากนั้น กรอกรายละเอียดให้เรียบร้อยแล้วนำส่งภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป หากต้องการเปลี่ยนแปลงข้อมูลของบริษัท เช่น การเปลี่ยนชื่อกิจการ การขยายสาขา หรือการโยกย้ายที่ตั้งสำนักงาน ทาง HR หรือนายจ้างจะต้องแจ้งโดยใช้ “หนังสือแจ้งการเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงนายจ้าง” (สปส. 6-15) พร้อมกรอกรายละเอียดข้อมูลให้เรียบร้อย จากนั้นนำส่งภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไปเช่นเดียวกัน สรุป การแจ้งเข้าประกันสังคมปัจจุบัน การแจ้งเข้าประกันสังคมนั้นไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอีกต่อไป แต่ก็นับว่าเป็นเรื่องพื้นฐานที่ HR ไม่ควรมองข้ามเป็นอันขาด เพราะถ้าเกิดข้อผิดพลาดอย่างการลืมแจ้งข้อมูลหรือลืมดำเนินการต่างๆ นั้น อาจทำให้บริษัทมีความผิดตามกฏหมายแรงงานและพระราชบัญญัติประกันสังคม ซึ่งจะส่งผลเสียต่อบริษัทในระยะยาวอย่างแน่นอน ประกันสังคม ถือเป็นเรื่องสำคัญที่แต่ละองค์กรควรให้ความสนใจอย่างมาก เพราะนอกจากจะส่งผลดีต่อลูกจ้างหรือพนักงานในองค์กรแล้ว ยังทำให้องค์กรของคุณดูน่าเชื่อถือมากขึ้น อีกทั้ง ช่วงนี้เชื้อไวรัสโควิด 19 ระบาดหนัก รายได้จากการทำงานในแต่ละเดือนลดน้อยลง ประกันสังคม ก็จะช่วยเยียวยาในส่วนนี้ นั่นเอง สำหรับใครต้องการทราบเกี่ยวกับประกันสังคมเพิ่มเติม เรารวบรวมมาไว้ที่นี่แล้วค่ะ ประกันสังคม คืออะไร ?ประกันสังคม ถือเป็นสวัสดิการที่ทางรัฐมอบให้แก่ลูกจ้าง แต่นายจ้างและลูกจ้างต้องส่งเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมตามที่กฎหมายกำหนด โดยลูกจ้างจะถูกหักจากเงินเดือน 5% หรือสูงสุดไม่เกิน 750 บาท, นายจ้างจ่ายสมทบ 5% และ รัฐบาลร่วมจ่ายสมทบอีก 2.75% หมายเหตุ เงินสมทบ คือ เงินที่นายจ้างและลูกจ้าง ต้องนำส่งกองทุนประกันสังคมทุกเดือน ทำไมการทำประกันสังคมถึงสำคัญ ?หากคุณเป็นลูกจ้างหรือพนักงาน เมื่อเกิดอุบัติเหตุ เจ็บป่วย หรือคลอดบุตร คุณสามารถใช้สิทธิประกันสังคมได้เลยค่ะ ประกันสังคมก็จะช่วยในเรื่องของค่ารักษาพยาบาล, ค่าชดเชย, ค่าคลอดบุตร, รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ควรได้รับ โดยที่คุณไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาเลยสักบาทเดียว หรือถ้าคุณเป็นเจ้าขององค์กร องค์กรของคุณก็จะเกิดความน่าเชื่อถือ คนที่สนใจอยากร่วมงานในองค์กรของคุณก็จะเกิดความเชื่อมั่น และเขาจะรู้สึกว่า องค์กรของคุณดูมีความมั่นคง อีกทั้ง ยังส่งผลดีต่อลูกค้าหรือคู่ค้า อีกด้วย ผู้ประกันตนคืออะไร ?ผู้ประกันตน เป็นคำที่เราได้ยินกันบ่อยมาก แต่หลายคนอาจยังไม่ทราบว่า คืออะไร ผู้ประกันตน คือ ลูกจ้างหรือพนักงานที่มีการจ่ายค่าประกันสังคมทุก ๆ เดือน ซึ่งผู้ประกันตนจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้ 1.ลูกจ้าง หรือพนักงานประจำลูกจ้าง หรือพนักงานประจำ ที่มีอายุมากกว่า 15 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป และมีอายุไม่เกิน 60 ปีบริบูรณ์ ทางกฎหมายเรียกว่า ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 สำหรับผู้ประกันตนตามมาตรา 33 จะได้รับความคุ้มครองทุกกรณี ไม่ว่าจะเรื่องการเจ็บป่วย, เกิดอุบัติเหตุ, ทุพพลภาพ, เสียชีวิต, คลอดบุตร, สงเคราะห์บุตร, ชราภาพ รวมไปถึงการว่างงาน ยกตัวอย่าง กรณีคลอดบุตร คุณสามารถเบิกค่าคลอดบุตรได้ 13,000 บาทต่อการคลอดบุตร 1 ครั้ง ไม่จำกัดจำนวนครั้ง และได้รับเงินสงเคราะห์จากการลาคลอดเหมาจ่ายในอัตราร้อยละ 50 ของเงินเดือนเป็นระยะเวลา 90 วัน หรือกรณีที่คุณว่างงาน ถูกเลิกจ้าง คุณจะได้รับเงินทดแทนระหว่างการว่างงานปีละไม่เกิน 180 วันในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างเฉลี่ย ซึ่งค่าจ้างเฉลี่ยสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท หรือกรณีที่เสียชีวิต และมีการจ่ายเงินสมทบมาแล้ว 1 เดือน จะได้ค่าทำศพ 40,000 บาท หมายเหตุ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนดด้วยว่า ต้องจ่ายค่าสมทบเท่าไหร่ ในระยะเวลาเท่าใด ถึงจะได้รับสิทธิ์จากประกันสังคม สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์สำนักงานประกันสังคม 2.บุคคลที่เลิกเป็นลูกจ้างประจำ ลูกจ้างที่ลาออกจากงานเป็นบุคคลที่เคยเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ไม่ต่ำกว่า 1 ปี ลาออกไม่ต่ำกว่า 6 เดือน และไม่เป็นผู้ทุพพลภาพอีกด้วย ทางกฎหมายเรียกว่า ผู้ประกันตนตามมาตรา 39 สำหรับผู้ประกันตนตามมาตรา 39 จะได้รับความคุ้มครองในกรณีเจ็บป่วย, เกิดอุบัติเหตุ, ทุพพลภาพ, เสียชีวิต, คลอดบุตร, สงเคราะห์บุตร และชราภาพ หมายเหตุ หลังจากลาออก หากคุณต้องการเป็นผู้ประกันตนต่อหรือต้องการรักษาสิทธิประกันสังคม สามารถแจ้งกับสำนักงานประกันสังคมได้เลยค่ะ และต้องแจ้งภายใน 6 เดือนหลังจากมีการแจ้งออกจากงาน และส่งเงินเข้ากองทุนประกันสังคมภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป 3.บุคคลที่ทำงานอิสระบุคคลที่ทำงานอิสระ และต้องไม่เคยเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และมาตรา 39 อายุ 15-60 ปี ทางกฎหมายเรียกว่า ผู้ประกันตนตามมาตรา 40 สำหรับผู้ประกันตนตามมาตรา 40 สามารถเลือกสิทธิความคุ้มครองได้ โดยสามารถเลือกจ่ายเงินสมทบ ดังนี้ จ่ายเงินสมทบ 70 บาทต่อเดือน จะได้รับความคุ้มครองในเรื่องของกรณีเจ็บป่วย, เกิดอุบัติเหตุ, ทุพพลภาพ และเสียชีวิต
จ่ายเงินสมทบ 100 บาทต่อเดือน จะได้รับความคุ้มครองในเรื่องของกรณีเจ็บป่วย, เกิดอุบัติเหตุ, ทุพพลภาพ, เสียชีวิต และชราภาพ
จ่ายเงินสมทบ 300 บาทต่อเดือน จะได้รับความคุ้มครองในเรื่องของกรณีเจ็บป่วย, เกิดอุบัติเหตุ, ทุพพลภาพ, เสียชีวิต, ชราภาพ และสงเคราะห์บุตร
READ ขั้นตอนการจดทะเบียนพาณิชย์ร้านอาหาร การขึ้นทะเบียนประกันสังคมสำหรับนายจ้างที่เป็นเจ้าของกิจการคนเดียว หรือเป็นนิติบุคคล หากมีลูกจ้าง 1 คนขึ้นไป ต้องขึ้นทะเบียนนายจ้าง พร้อมกับขึ้นทะเบียนลูกจ้างเป็นผู้ประกันตน ภายใน 30 วัน หากรับลูกจ้างเพิ่ม ก็ต้องแจ้งขึ้นทะเบียนภายใน 30 วันอีกเช่นกัน เอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับนายจ้างกรณีนายจ้างจดทะเบียนนิติบุคคล
หมายเหตุ หากไม่มีสำเนาใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม สามารถใช้สำเนาคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม, สำเนาภาษีธุรกิจเฉพาะ, หรือสำเนาใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานได้ค่ะ กรณีนายจ้างเป็นเจ้าของคนเดียว
หมายเหตุ หากไม่มีสำเนาบัตรประจำตัวผู้เสียภาษีอากร สามารถใช้สำเนาใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน, สำเนาทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม, หรือสำเนาทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะได้ เอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับลูกจ้างหรือพนักงาน
หมายเหตุ แบบขึ้นทะเบียนผู้ประกันตน สปส.1-02 เป็นหนังสือนำส่งแบบขึ้นทะเบียนผู้ประกันตน ส่วนแบบขึ้นทะเบียนผู้ประกันตน สปส.1-03/1 สำหรับผู้ที่เคยยื่นแบบขึ้นทะเบียนผู้ประกันตนมาก่อนแล้ว สถานที่ขึ้นทะเบียนประกันตน
วัน-เวลาการเปิดทำการวันจันทร์ – วันศุกร์ ยกเว้นวันหยุดราชการ ตั้งแต่เวลา 08.30 – 16.30 น. หมายเหตุ ควรวางแผนวัน-เวลาการเดินทาง และเตรียมเอกสารให้พร้อมนะคะ ขั้นตอนการขึ้นทะเบียนประกันสังคม
หมายเหตุ การขึ้นประกันสังคม ไม่มีการเสียค่าธรรมเนียม และนายจ้าง ไม่สามารถยื่นเรื่องเข้าประกันสังคม ภายใต้กิจการตนเองได้ ถ้าไม่ขึ้นทะเบียนประกันสังคม จะเกิดอะไรขึ้น?หากไม่ขึ้นทะเบียนประกันสังคม ตามที่กฎหมายกำหนด นายจ้าง ถือว่ามีความผิดค่ะ อาจจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หลังจากขึ้นทะเบียนประกันสังคมแล้ว ควรทำอย่างไรต่อ?นายจ้าง จะต้องนำเงินสมทบประกันสังคมทุกเดือนให้กับสำนักงานประกันสังคมในพื้นที่ที่นายจ้างขึ้นทะเบียนไว้ เงินสมทบ ได้มาจากไหน? ก็ได้มาจากการหักจากเงินเดือนของลูกจ้าง และเงินจากนายจ้าง โดยนายจ้างสามารถยื่นข้อมูลเงินสมทบผ่านทางออนไลน์ของสำนักงานประกันสังคมได้ มีขั้นตอน ดังนี้ ขั้นตอนการยื่นข้อมูลเงินสมทบ
หมายเหตุ สำหรับวิธีการส่งข้อมูลเงินสมทบในขั้นตอนที่ 3 หากมีสาขาเดียวและผู้ประกันตนน้อยกว่า หรือเท่ากับ 20 คน ให้ยื่นแบบกรอกข้อมูล
ล่าสุด รัฐบาลจัดโครงการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ในกิจการที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่กรุงเทพมหานคร, นครปฐม, นนทบุรี, ปทุมธานี, สมุทรปราการ และสมุทรสาคร โดยคุณสามารถตรวจสอบสิทธิโครงการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ได้ดังนี้ โครงการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนตามมาตรา 33
เกณฑ์การรับเงินเยียวยา สำหรับผู้ประกันตนตามมาตรา 33
เกณฑ์การรับเงินเยียวยา สำหรับนายจ้าง
ช่องทางการรับเงินเยียวยา สำหรับผู้ประกันตนตามมาตรา 33ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 หรือลูกจ้าง สามารถรับเงินเยียวยา ได้ที่บัญชีพร้อมเพย์ ที่มีการผูกกับเลขบัตรประจำตัวประชาชนแล้ว ช่องทางการรับเงินเยียวยา สำหรับนายจ้างนายจ้างที่เป็นเจ้าของคนเดียว หรือเป็นนิติบุคคล ทางสำนักงานประกันสังคมจะโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากตามที่นายจ้างได้แจ้งไว้ หากมีข้อสงสัย หรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ด้วยตนเองที่ สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-12, สำนักงานประกันสังคมจังหวัด, สำนักงานประกันสังคมส่วนกลาง หรือ โทร 1506
แท็กที่เกี่ยวข้อง
|