พระองค์ใดทรงพระราชนิพนธ์เรื่องรามเกียรติ์

นายบวรเวท รุ่งรุจี อธิบดีกรมศิลปากรเป็นประธานในพิธีเปิดการบรรยายทางวิชาการ เรื่อง “รามเกียรติ์  พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช”ณ โรงละครแห่งชาติกรุงเทพฯ โดยมีนักวิชาการ ครู อาจารย์ นิสิต นักศึกษา และประชาชนผู้สนใจเข้าร่วมฟังการบรรยาย จำนวนกว่า ๕๐๐ คน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๕๘ เวลา ๐๘.๓๐ น.

            สืบเนื่องจากคณะกรรมการวรรณคดีแห่งชาติ  มีมติเห็นชอบให้ประกาศยกย่องบทละครเรื่อง “รามเกียรติ์”พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช  เป็น “วรรณคดีแห่งชาติ”  เนื่องจากรามเกียรติ์เป็นวรรณคดีสำคัญที่มีอิทธิพลต่อความคิดความเชื่อของไทยมาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน  และเรื่องรามเกียรติ์พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชนี้ ถือเป็นหนังสือรามเกียรติ์ฉบับสมบูรณ์ที่ทรงคุณค่าเปี่ยมด้วยอรรถรสทางวรรณศิลป์  และเป็นหลักในการศึกษาเปรียบเทียบเรื่องรามเกียรติ์ของไทยกับมหากาพย์รามายณะฉบับต่าง ๆ ของอินเดีย ตลอดจนเรื่องรามายณะในภูมิภาคอาเซียนได้อย่างดี 

กระทรวงวัฒนธรรม โดยกลุ่มภาษาและวรรณกรรม สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร ในนามคณะกรรมการวรรณคดีแห่งชาติ จึงได้กำหนดจัดการบรรยายทางวิชาการเรื่อง รามเกียรติ์ พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ประกอบการสาธิตและการแสดงโขนขึ้น เพื่อเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจ และพระปรีชาญาณอันล้ำเลิศที่ทรงพระราชนิพนธ์วรรณคดีที่มีคุณค่าทางวรรณศิลป์และด้านนาฏยศาสตร์ ซึ่งการบรรยายมีหัวข้อที่น่าสนใจมากมาย ประกอบด้วย ช่วงเช้า การบรรยาย เรื่อง “ความเป็นเอกภาพในบทละครเรื่องรามเกียรติ์  พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช” โดยรองศาสตราจารย์ ดร.มณีปิ่น  พรหมสุทธิรักษ์, การบรรยาย เรื่อง “ความดีความงามในบทละครเรื่องรามเกียรติ์

พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช” โดยศาสตราจารย์ ดร.ชลดา เรืองรักษ์ลิขิต  และการบรรยาย เรื่อง “จากหนุมานถึง ‘หนุแมน’: การถ่ายทอดวัฒนธรรมทางวรรณศิลป์ในยุค Gen Z”  โดย ศาสตราจารย์ ดร.รื่นฤทัย  สัจจพันธุ์ และช่วงบ่ายเป็นการบรรยาย เรื่อง “สิ่งควรรู้ก่อนดูโขน”และสาธิตการแสดงท่ารำ โดย นายประสาท ทองอร่าม ผู้ชำนาญการด้านนาฏศิลป์ไทย  ดร.ไพโรจน์ ทองคำสุก สำนักการสังคีต พร้อมชมการแสดงโขนเรื่องรามเกียรติ์ ชุด “รามาวตาร”จากสำนักการสังคีต กรมศิลปากร

กรมศิลปากรหวังว่า การบรรยายในครั้งนี้จะเป็นการเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจแก่สาธารณชนและวงวิชาการวรรณคดีให้กว้างขวางยิ่งขึ้น เป็นการสร้างความตระหนักและเห็นคุณค่าของวรรณคดีไทย และจะได้ร่วมสืบสานมรดกวัฒนธรรมแขนงนี้ไว้ให้คงอยู่สืบไป

รัชกาลที่ 1 ทรงเริ่มพระราชนิพนธ์วรรณคดีเรื่อง รามเกียรติ์, รัชกาลที่ 1 ทรงเริ่มพระราชนิพนธ์วรรณคดีเรื่อง รามเกียรติ์ หมายถึง, รัชกาลที่ 1 ทรงเริ่มพระราชนิพนธ์วรรณคดีเรื่อง รามเกียรติ์ คือ, รัชกาลที่ 1 ทรงเริ่มพระราชนิพนธ์วรรณคดีเรื่อง รามเกียรติ์ ความหมาย, รัชกาลที่ 1 ทรงเริ่มพระราชนิพนธ์วรรณคดีเรื่อง รามเกียรติ์ คืออะไร

ร่วมเป็นแฟนเพจเรา บน Facebook..ได้ที่นี่เลย!!

รามเกียรติ์พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเป็นบทละครที่มีเนื้อเรื่องแบ่งเป็นสองตอน ตอนแรกตั้งแต่หนุมานไปถวายแหวนจนถึงทศกัณฐ์ล้ม อีกตอนหนึ่งมีเนื้อความไม่ต่อเนื่องกับตอนแรก เรื่องเริ่มตั้งแต่พระรามประพาสป่าจนถึงพระอิศวรอภิเษกพระรามกับนางสีดา

รามเกียรติ์พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย มุ่งจะใช้เป็นบทแสดงละครรำจึงเลือกเฉพาะตอนที่เหมาะสมจะแสดงละครและทรงปรับเนื้อหาและถ้อยคำให้ไพเราะและเหมาะสมกับการแสดง                              

รามเกียรติ์พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยได้รับการยกย่องว่าเป็นบทละครรามเกียรติ์ที่มีความไพเราะและถือเป็นแบบแผนของบทละครในดังปรากฏว่า เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวจะทรงทำบุญพระตำหนักจิตรลดารโหฐานใน พ.ศ. 2456 ได้มีพระราชดำริว่าจะพิมพ์หนังสือดีพระราชทานแก่ผู้ที่มาช่วยงาน ทรงรำลึกถึงรามเกียรติ์พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 2 ว่า “นักเลงหนังสือก็ดี นักเลงดูละครก็ดี ต้องยอมทั้งนั้นว่าเป็นหนังสืออันดี เป็นบทกลอนไพเราะ และถ้อยคำสำนวนดี เป็นตัวอย่างดียิ่งอันหนึ่งแห่งจินตกวีนิพนธ์ในภาษาไทยเรา สมควรแล้วที่จะเป็นหนังสือซึ่งจะรักษาไว้เป็นแบบแผน”  จึงได้ทรงเลือกบทละครเรื่องรามเกียรติ์พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 2 เป็นหนังสือที่จะพิมพ์พระราชทาน

พุทธเลิศหล้านภาลัย, พระบาทสมเด็จพระ. บทละครเรื่องรามเกียรติ์ เล่ม 1 – 3. พระนคร : ไทยวัฒนาพานิช, 2498.

บทพระราชนิพนธ์รามเกียรติ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชเป็นรามเกียรติ์ฉบับไทยที่สมบูรณ์ที่สุด ตอนต้นเรื่องเป็นร่ายสดุดีพระมหากษัตริย์ เนื้อเรื่องแต่งเป็นกลอนบทละครเริ่มตั้งแต่หิรันตยักษ์ม้วนแผ่นดินจนถึงพระรามเสด็จกลับเมืองอยุธยา สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงอธิบายว่าพระราชนิพนธ์บทละครรามเกียรติ์นี้นักปราชญ์ราชบัณฑิตในราชสำนักช่วยกันแต่งเรื่องรามเกียรติ์ที่เคยใช้เป็นบทละครในราชสำนักครั้งกรุงศรีอยุธยาและสูญหายไปเมื่อครั้งกรุงศรีอยุธยาถูกทำลายในปี พ.ศ.2310 เพื่อถวายพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เมื่อทรงแก้ไขจนพอพระทัยแล้วก็โปรดเกล้าฯ ให้ประทับตราเป็นฉบับพระราชนิพนธ์ 

เนื้อเรื่องเริ่มตั้งแต่หิรันตยักษ์ได้พรจากพระอิศวรจึงกำเริบม้วนแผ่นดินไปไว้ใต้บาดาล พระนารายณ์จึงอวตารเป็นหมูป่ามาสังหารหิรันตยักษ์แล้วกลับไปบรรทมที่เกษียรสมุทรจนเกิดดอกบัวผุดจากพระนาภี ภายในดอกบัวมีกุมารองค์หนึ่ง พระนารายณ์นำกุมารนั้นไปถวายพระอิศวร พระอิศวรประทานนามว่าอโนมาตันและบัญชาให้สร้างเมืองอยุธยาให้แก่พระกุมาร

เนื้อความตอนต้นกล่าวถึงกำเนิดตัวละครทั้งฝ่ายเมืองอยุธยาและเมืองลงกาตลอดจนตัวละครวานรและเทวดาต่างๆ กำเนิดตัวละครสำคัญของเรื่อง เช่น นนทกมาเกิดเป็นทศกัณฐ์โอรสท้าวลัสเตียน ทศกัณฐ์มีนิสัยเป็นพาลมักก่อความเดือดร้อนให้เทวดาและฤาษีเสมอ ฤาษีทั้งหลายจึงทูลเชิญพระนารายณ์อวตารไปปราบยักษ์ พระนารายณ์อวตารมาเป็นพระรามโอรสท้าวทศรถ สังข์ จักรและบัลลังก์นาค รวมทั้งพระลักษมีตลอดจนเทวดาทั้งหลายก็แบ่งภาคมาเป็นบริวารพระรามด้วย เมื่อพระรามเจริญวัยขณะที่กำลังเล่นในอุทยานได้ใช้กระสุนยิงนางค่อม คนรับใช้พระนางไกยเกษี นางค่อมผูกพยาบาทพระราม ต่อมาเหล่าฤาษีเชิญพระรามไปปราบกากนาสูรและบริวารที่คอยรบกวนเหล่าฤาษี และพระรามได้อภิเษกกับนางสีดาที่เมืองมิถิลา เมื่อพระรามจะอภิเษกเป็นพระยุพราช นางค่อมทูลยุยงพระนางไกยเกษีให้ขอราชบัลลังก์ให้พระพรตครองก่อน และให้พระรามออกเดินป่าเป็นเวลา 14 ปี ท้าวทศรถจำต้องให้พรตามที่นางไกยเกษีขอพระราม นางสีดาและพระลักษณ์ออกจากเมืองอยุธยา ระหว่างที่ผจญภัยในป่า นางสำมะนักขาหลงรักพระรามจึงเข้ายั่วยวนและถูกพระลักษณ์ลงโทษ นางสำมะนักขาไปขอให้ พญาทูษณ์ พญาขร และตรีเศียรพี่ของตนมาแก้แค้น ทั้งสามถูกพระรามสังหาร นางสำมะนักขาจึงนำความไปทูลทศกัณฐ์ ทศกัณฐ์หลงรักนางสีดาจึงให้มารีศแปลงเป็นกวางทองมาล่อนางสีดา เมื่อพระรามออกตามกวางทอง ทศกัณฐ์ก็ลักนางมาไว้ในสวนเมืองลงกา พระรามและพระลักษณ์ออกติดตามจนได้พบหนุมาน หนุมานนำสุครีพมาเฝ้าพระราม พระรามรับปากจะปราบพาลีเจ้าเมืองขีดขินที่ไม่อยู่ในธรรม พระรามได้พลวานรของเมืองขีดขินและเมืองชมพูจึงเตรียมถมถนนไปเมืองลงกา ส่วนทศกัณฐ์ไม่ฟังคำเตือนของพิเภกและขับไล่พิเภกออกจากเมืองลงกา พิเภกจึงมาสวามิภักดิ์กับพระราม ทศกัณฐ์เชิญญาติวงศ์หลายตนมาร่วมรบแต่ถูกสังหารจนหมด ทศกัณฐ์จึงออกรบเองและถูกสังหารในที่สุด เมื่อปราบอสูรเมืองลงกาหมดแล้ว พระรามให้พิเภกครองเมืองลงกาแทนส่วนพระองค์ก็เสด็จกลับเมืองอยุธยา ต่อมาท้าวมหาบาลสหายทศกัณฐ์ยกทัพมาแก้แค้นแต่พลวานรมาช่วยไว้ได้ หลังจากนั้นไพนาสุริวงศ์เป็นกบฏไปเข้ากับท้าวจักรวรรดิให้ยกทัพมายึดเมืองลงกา พระรามให้พระพรตและพระสัตรุดมาปราบ 

ครั้งหนึ่งนางอดูลปีศาจหลอกให้นางสีดาวาดรูปทศกัณฐ์ พระรามเข้าพระทัยผิดสั่งให้นำนางสีดาไปประหาร พระลักษณ์ปล่อยนางไป นางจึงไปอาศัยอยู่กับพระฤาษี จนประสูติพระมงกุฎและฤาษีชุบพระกุมารอีกองค์หนึ่งชื่อพระลบ กุมารทั้งสองเรียนศิลปศาสตร์กับพระฤาษีจนชำนาญ ครั้งหนึ่งได้แสดงฤทธิ์จนสะเทือนไปถึงเมืองอยุธยา พระรามให้ปล่อยม้าอุปการหาตัว พระมงกุฎจับม้าไว้ได้ ภายหลังพระรามทราบว่าพระมงกุฎเป็นพระโอรส นางสีดาไม่ยอมกลับเมืองอยุธยา พระรามแสร้งทำเป็นสวรรคต นางสีดาจึงยอมเข้าเมืองอยุธยา แต่เมื่อทราบว่าโดนหลอกนางก็แทรกแผ่นดินหนีไป พระรามออกประพาสป่าอีกและได้ปราบอสูรอีกหลายตน พระอิศวรต้องการให้พระรามและนางสีดาปรองดองกัน จึงทรงไกล่เกลี่ยและให้อภิเษกกันอีกครั้ง ทั้งสองจึงคืนดีกัน ต่อมาคนธรรพ์มารบกวนฤาษีและโจมตีเมืองไกยเกษ พระรามจึงให้พระมงกุฎและพระลบไปปราบคนธรรพ์ หลังจากนั้นเมืองต่างๆ ก็รุ่งเรืองสืบมา

พุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช, พระบาทสมเด็จพระ. บทละครเรื่องรามเกียรติ์  พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เล่ม 1 – 4. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, 2540.