การยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เป็นหน้าที่ของผู้เสียภาษี ซึ่งแม้จะมีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ต้องเสียภาษีแต่ก็อาจจะมีหน้าที่ต้องยื่นภาษีอยู่ดี โดยเป็นการแสดงรายได้ของเราที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมาในปีภาษี และโดยปกติจะยื่นภาษีประจำปี ปีละ 1 ครั้ง ระหว่าง 1 มกราคม – 31 มีนาคมของทุกปี (และหากยื่นผ่านระบบออนไลน์ของกรมสรรพากรจะขยายเวลายื่นภาษีได้ถึง 8 เมษายนของทุกปี) ยกเว้นบางกรณีอาจจะต้องยื่นภาษีครึ่งปีตอนช่วงกลางปีก่อนครั้งนึงด้วย Show
กำหนดการยื่นภาษียื่นภาษีเงินได้ประจำปีโดยปกติบุคคลธรรมดาจะ ยื่นภาษี กันเพียงปีละครั้งเท่านั้น คือระหว่าง 1 มกราคม – 31 มีนาคม โดยเป็นการสรุปรายได้และสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงปีภาษีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ตอนยื่นภาษีเงินได้ประจำปี คุณสามารถเลือกได้ด้วยว่าต้องการ บริจาคเงินสนับสนุนพรรคการเมือง หรือไม่ ซึ่งไม่ทำให้คุณได้เงินคืนภาษีน้อยลงแต่อย่างใด ยื่นภาษีเงินได้ครึ่งปีการยื่นภาษีครึ่งปีจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อคุณมี เงินได้ประเภทที่ 5, 6 , 7 และ 8 รวมกันแล้วเกิน ฿60,000 เท่านั้น (กรณีสถานภาพโสด) ซึ่งจะยื่นกันช่วงกลางปี คือระหว่าง 1 กรกฎาคม – 30 กันยายน โดยเป็นการสรุปรายได้และสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีภาษีแรกที่ผ่านมา โดยที่ ค่าลดหย่อน บางรายการจะถูกหักเหลือครึ่งนึงด้วย เช่น ค่าลดหย่อนส่วนตัว จะลดลงจาก ฿60,000 เหลือ ฿30,000 ทั้งนี้ เมื่อยื่นภาษีเงินได้ครึ่งปีไปแล้ว สุดท้ายก็ยังคงมีหน้าที่ต้องยื่นภาษีประจำปีอยู่ดี โดยสรุปเงินได้ที่เกิดขึ้นตลอดทั้งปี ไม่ใช่ เฉพาะแค่เงินได้ที่เกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง การยื่นภาษีเงินได้ครึ่งปีจะใช้แบบฟอร์ม ภ.ง.ด. 94 การยื่นภาษีเมื่อคู่สมรสมีรายได้หากคู่สมรสมีรายได้ คุณสามารถเลือกนำรายได้ของคู่สมรสมารวมคำนวณและยื่นภาษีร่วมกันก็ได้ หรือต่างฝ่ายต่างเลือกแยกยื่นภาษีก็ได้ แล้วแต่ผู้เสียภาษีจะเลือก โดยคู่สมรสอาจเพิ่งจดทะเบียนสมรสกันระหว่างปีภาษีหรือจดทะเบียสมรสก่อนหน้านี้เต็มปีแล้วก็ได้ ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว หากทั้งคุณและคู่สมรสต่างฝ่ายต่างมีรายได้ การแยกยื่นภาษีจะช่วยให้ภาระภาษีรวมของทั้งคู่ต่ำกว่าการยื่นภาษีร่วมกัน อย่างไรก็ดี การเลือกรวมยื่นหรือแยกยื่นกับคู่สมรสสามารถเปลี่ยนแปลงได้ทุกปีตามสถานการณ์ของผู้เสียภาษี คณะบุคคล/ห้างหุ้นส่วนสามัญต้องทำบัญชียื่นด้วยถ้าเป็นการยื่นภาษีของห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล จากนี้ไปจะมีหน้าที่ต้องทำบัญชียื่นพร้อมกับตอนยื่นแบบภาษี ภ.ง.ด. 90/91 ด้วย โดยจะมีผลตั้งแต่ปีภาษี 2557 ที่จะยื่นตั้งแต่ 1 มกราคม 2558 เป็นต้นไป ซึ่งการทำบัญชีที่ว่ามีรายละเอียดดังนี้
ขอเงินคืนภาษีอ่านเพิ่มเติม การขอเงินคืนภาษี ในกรณีที่จ่ายภาษีไว้เกินกว่าที่ตัวเองมีหน้าที่ แล้วมานึกได้ทีหลังก็ยังสามารถขอเงินภาษีที่จ่ายเกินนั้นได้โดยวิธี ยื่นภาษี (หรือยื่นภาษีเพิ่มเติมย้อนหลัง) แต่ต้องรีบขอคืนภายใน 3 ปีนับจากวันสุดท้ายที่ครบกำหนดยื่นภาษี ทั้งนี้ กรมสรรพากรมีหน้าที่ต้องคืนเงินภาษีภายใน 3 เดือนนับจากวันที่ยื่นแบบฯ หรือวันที่ยื่นเอกสารประกอบการขอเงินคืนภาษีเพิ่มเติม หากกรมสรรพากรคืนภาษีล่าช้า คุณมีสิทธิได้รับเงินคืนภาษีพร้อมดอกเบี้ยในอัตรา 1% ต่อเดือนจนถึงวันที่ลงในหนังสือแจ้งคำสั่งคืนเงิน โดยเริ่มคำนวณดอกเบี้ยตั้งแต่เดือนที่ 4 เป็นต้นไป เลขประจำตัวผู้เสียภาษีสำหรับตัวผู้เสียภาษีเอง ปัจจุบันเราสามารถใช้ เลขบัตรประชาชน 13 หลักเป็นเลขประจำตัวผู้เสียภาษี ได้เลย ส่วนกรณีกรอกเลขประจำตัวผู้เสียภาษี 13 หลักของผู้จ่ายเงินได้ ให้ใช้เลขประจำตัวนิติบุคคล/ผู้เสียภาษีของผู้จ่ายเงินก้อนนั้นๆ เช่น เลขประจำตัวนิติบุคคลของนายจ้าง เป็นต้น ซึ่งโดยปกติมักจะปรากฏอยู่บนหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (ใบ 50 ทวิ) อยู่แล้ว หากภายในปีภาษี มีผู้จ่ายเงินประเภทเดียวกันให้คุณมากกว่า 1 ราย เช่น ได้รับเงินค่าจ้าง freelance เป็นต้น ให้เลือกกรอกเลขประจำตัว 13 หลักของผู้ที่จ่ายเงินให้คุณเยอะที่สุด ยื่นภาษีที่ไหนได้บ้าง?
กรมสรรพากรจะถือเอาวันที่ลงทะเบียนไปรษณีย์เป็นวันรับแบบฯ และชำระภาษี และจะส่งใบเสร็จรับเงินให้แก่ผู้ยื่นแบบฯ ทางไปรษณีย์ลงทะเบียน ไม่ยื่นภาษีได้ไหม?แม้ว่ากฎหมายจะบังคับให้คุณยื่นภาษีเมื่อมีรายได้ แต่ถ้าเป็นกรณีต่อไปนี้ คุณเลือกจะไม่ยื่นภาษีก็ไม่มีใครว่า
เสียภาษีเยอะ ขอผ่อนได้ไหม?ในกรณีที่คุณต้องจ่ายเงินภาษีตั้งแต่ ฿3,000 ขึ้นไป คุณสามารถขอ ผ่อนชำระภาษี ในอัตราดอกเบี้ย 0% นาน 3 เดือน เป็นจำนวน 3 งวดเท่าๆ กันได้ โดยแจ้งความประสงค์ตอนยื่นภาษีผ่านระบบยื่นภาษี หรือกับเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร (ทั่วประเทศ) หรือเจ้าหน้าที่ธนาคารผู้รับชำระภาษี (เฉพาะกรุงเทพฯ เท่านั้น) ยื่นภาษีไปแล้ว ยื่นใหม่ได้อีกรึเปล่า?ถ้าพบว่าข้อมูลที่ยื่นภาษีไว้ไม่ถูกต้อง คุณสามารถยื่นภาษีใหม่อีกกี่ครั้งก็ได้เพื่อให้ข้อมูลการยื่นภาษีถูกต้องสมบูรณ์ที่สุด โดยแยกเป็นกรณี ดังนี้ ยื่นภาษีใหม่ระหว่างช่วงเวลายื่นภาษีปกติได้
ถ้ายื่นภาษีผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น ยื่นภาษีผ่านเว็บไซต์หรือแอป คุณสามารถเลือก “ยกเลิกการยื่นแบบฯ” เพื่อล้างข้อมูลที่เคยยื่นไว้แล้วกรอกข้อมูลใหม่ที่ถูกต้องตั้งแต่แรกก็ได้ แต่ถ้ายื่นกระดาษจะต้องใช้วิธียื่นเพิ่มเติม โดยบนแบบฟอร์มต้องระบุด้วยว่า “ยื่นเพิ่มเติม” เพื่อป้องกันความสับสนกับการ “ยื่นปกติ”
กรณียื่นภาษีผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น ยื่นภาษีผ่านเว็บไซต์หรือแอป คุณสามารถเลือก “ยื่นแบบฯ เพิ่มเติม” โดยจะต้องกรอกข้อมูลการยื่นภาษีใหม่ทั้งหมดอีกครั้งและแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้องเช่นกัน แต่ส่วนที่เพิ่มเติมขึ้นมาคือต้องระบุเพิ่มเติมไปว่าที่ยื่นภาษีไปครั้งก่อนชำระภาษีไปแล้วกี่บาทหรือได้เงินคืนภาษีไปแล้วกี่บาท เพื่อจะได้คำนวณใหม่ว่าครั้งนี้ต้องจ่ายภาษีเพิ่มหรือได้เงินคืนภาษีเพิ่มอีกกี่บาทหลังจากยื่นเพิ่มเติมแล้ว ส่วนกรณียื่นกระดาษจะต้องระบุบนแบบฟอร์มด้วยว่า “ยื่นเพิ่มเติม” เพื่อป้องกันความสับสนกับการ “ยื่นปกติ”
ถ้าพ้นช่วงเวลายื่นภาษีไปแล้ว การยื่นภาษีใหม่จะต้องยื่นเพิ่มเติมแบบกระดาษเท่านั้น โดยการยื่นเพิ่มเติมจะต้องระบุด้วยว่า “ยื่นเพิ่มเติม” เพื่อป้องกันความสับสนกับการ “ยื่นปกติ” ทั้งนี้ การยื่นเพิ่มเติมสามารถยื่นอีกกี่ครั้งก็ได้ภายใน 3 ปีนับจากวันสุดท้ายที่ครบกำหนดยื่นภาษี อยากซ้อมใหญ่ก่อน “ยื่นภาษี” จริง?ให้ iTAX ช่วยคำนวณภาษีก่อนยื่นจริง! โหลดแอป iTAX เรื่องที่เกี่ยวข้อง
อ้างอิง
|