ป่าชายเลน (mangrove forest) เป็นระบบนิเวศในแนวเชื่อมต่อระหว่างผืนแผ่นดินกับน้ำทะเลในเขตร้อน (tropical) และกึ่งร้อน (subtropical) ประกอบด้วยสังคมพืชและสัตว์หลากชนิดดำรงชีวิตร่วมกันภายใต้สภาพแวดล้อมเงื่อนไขที่ต้องเป็นดินเลน น้ำกร่อย และมีน้ำทะเลท่วมถึงอย่างสม่ำเสมอ ป่าชายเลนจึงพบได้ในบริเวณที่เป็นชายฝั่งทะเล ปากแม่น้ำ อ่าว ทะเลสาบ และรอบเกาะแก่งต่าง ๆ บริเวณพื้นที่ชายฝั่งทะเล ป่าชายเลนอาจเรียกว่า “ป่าโกงกาง” ได้อีกชื่อหนึ่ง ตามพันธุ์ไม้โกงกางที่พบเป็นจำนวนมากนั่นเอง ในระบบนิเวศป่าชายเลน สิ่งไม่มีชีวิตและสิ่งมีชีวิตในป่าชายเลนจะมีความสัมพันธ์ระหว่างกันอย่างซับซ้อน ทั้งในแง่การหมุนเวียนของธาตุอาหารและการถ่ายทอดพลังงาน แต่สามารถอธิบายง่ายๆ ได้ว่าเมื่อผู้ผลิต คือ พืช เติบโตขึ้นจากการสังเคราะห์ด้วยแสง จะมีส่วนของใบไม้ กิ่งไม้และเศษไม้ ที่ร่วงหล่นทับถมในน้ำและดิน จะถูกย่อยสลายโดยผู้ย่อยสลาย ได้แก่ รา แบคทีเรีย โปรโตซัวชนิดต่าง ๆ กลายเป็นอินทรียวัตถุ และในที่สุดก็จะกลายเป็นแร่ธาตุกลับคืนสู่ระบบนิเวศ บางส่วนถูกบริโภคโดยกลุ่มกินอินทรียสาร เช่น แพลงก์ตอนพืช ที่ต่อไปจะกลายเป็นแหล่งอาหารโปรตีนให้แก่ แพลงก์ตอนสัตว์ สัตว์น้ำเล็กๆ ที่จะถูกบริโภคต่อไปอีก เป็นอาหารของพวกกุ้ง ปู และปลา ขนาดใหญ่ขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามลำดับ หรือบางส่วนก็จะตายและถูกย่อยสลายกลับเป็นธาตุอาหารสะสมอยู่ในป่านั่นเอง ธาตุอาหารและอินทรียสารบางส่วนถูกพัดพาออกไปสู่ท้องน้ำ สร้างความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ท้องทะเลภายนอก ป่าชายเลนจึงเป็นระบบนิเวศที่มีความเฉพาะตัวและมีความหลากหลายทางชีวภาพสูง เป็นองค์ประกอบที่สำคัญยิ่งของชายฝั่งทะเล นับเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่ามหาศาลทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมของประเทศ ดังนี้ 1) ป่าชายเลนเป็นแหล่งพลังงานและแหล่งวัตถุดิบไม้ใช้สอยในครัวเรือน 2) ป่าชายเลนเป็นแหล่งพืชผักและพืชสมุนไพร พืชในป่าชายเลนหลายชนิดมีสรรพคุณทางยา ใช้เป็นยาสมุนไพรได้ เช่น เหงือกปลาหมอ มะนาวผี ใช้รักษาโรคผิวหนัง ผลของตะบูนขาวใช้รักษาโรคบิดและโรคท้องร่วง รากตาตุ่มทะเลใช้แก้อักเสบ แก้ไข้ แก้คัน ขลู่ใช้ต้มดื่มบรรเทาโรคเกี่ยวกับทางเดินปัสสาวะและแก้อาการปวดเมื่อย เป็นต้น 3) ป่าชายเลนเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำวัยอ่อน เป็นแหล่งอาหารที่อยู่อาศัย หลบภัย
และเจริญเติบโตของสัตว์น้ำนานาชนิด 4) ป่าชายเลนช่วยรักษาความสมดุลของระบบนิเวศชายฝั่งและใกล้เคียง 5) ป่าชายเลนช่วยป้องกันดินชายฝั่งพังทลาย 6) ป่าชายเลนเป็นพื้นที่สำหรับดูดซับสิ่งปฏิกูลต่าง ๆ 7) ป่าชายเลนเป็นฉากกำบังภัยธรรมชาติที่ช่วยปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนที่อาศัยบริเวณชายฝั่ง 8) ป่าชายเลนเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจและแหล่งศึกษาธรรมชาติ 9) ป่าชายเลนช่วยลดภาวะโลกร้อน สถานภาพทรัพยากรป่าชายเลน (State) พื้นที่ป่าชายเลนรายตำบลในจังหวัดนครศรีธรรมราช กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งได้ดำเนินการสำรวจความหลากหลายของสังคมพืช และสัตว์ในป่าชายเลนจังหวัดนครศรีธรรมราช ท้องที่ตำบลปากนคร ตำบลปากพูน อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ตำบลท่าศาลา อำเภอท่าศาลา ตำบลแหลมตะลุมพุก และตำบลปากพนังตะวันออก อำเภอปากพนัง พบว่าพื้นที่ป่าชายเลนจังหวัดนครศรีธรรมราช มีความหลากหลาย ดังนี้ ความหลากหลายของสังคมพืชในป่าชายเลนจังหวัดนครศรีธรรมราช ผลผลิตมวลชีวภาพและการกักเก็บคาร์บอนในป่าชายเลนจังหวัดนครศรีธรรมราช การสะสมคาร์บอนในป่าชายเลน พบว่า คาร์บอนที่สะสมอยู่ในมวลชีวภาพ (ในรูปสารประกอบคาร์บอน) รวมเฉลี่ยเท่ากับ 14.065 ตันต่อไร่ โดยแบ่งเป็น คาร์บอนที่สะสมอยู่ในมวลชีวภาพเหนือดินเท่ากับ 7.469 ตันต่อไร่ และคาร์บอนที่สะสมอยู่ในมวลชีวภาพใต้ดินเท่ากับ 6.596 ตันต่อไร่ คาร์บอนที่สะสมอยู่ในมวลชีวภาพเหนือดินสะสมอยู่ในลำต้นมากที่สุด 4.143 ตันต่อไร่ รองลงมาคือ สะสมอยู่ในกิ่ง 2.108 ตันต่อไร่ สะสมอยูในรากเหนือพื้นดิน 0.846 ตันต่อไร่ และสะสมอยู่ในใบ 0.372 ตันต่อไร่ ตามลำดับ และเมื่อนำมาประเมินร่วมกับพื้นที่ป่าชายเลน พบว่า ป่าชายเลนจังหวัดนครศรีธรรมราชมีการกักเก็บคาร์บอนเท่ากับ 1.138 ล้านตันคาร์บอน ความหลากหลายของแมลงและนกในป่าชายเลน นกที่พบมี 12 อันดับ 22 วงศ์ 37 ชนิด ที่พบมากที่สุดได้แก่ นกยางโทนน้อย (Ardea intermedia) นกยางเปีย (Egertta garzetta) นกกาน้ำเล็ก (Microcarbo niger) ตามลำดับ พบนกที่อยู่ในกลุ่มใกล้ถูกคุกคาม (Near Threatened; NT) ตาม IUCN Red list ได้แก่ นางนวลแกลบเล็ก (Sternula albifrons) ความหลากหลายของเห็ดราขนาดใหญ่ในป่าชายเลน ความหลากหลายของสัตว์น้ำเศรษฐกิจในป่าชายเลน ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตที่พื้นป่าชายเลน การใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่ป่าชายเลน พื้นที่ป่าชายเลนจังหวัดนครศรีธรรมราช ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2504 - พ.ศ. 2557 กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้ดำเนินการโครงการจำแนกเขตการใช้ประโยชน์ที่ดินป่าชายเลน พ.ศ. 2557 เพื่อจำแนกเขตการใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าชายเลนออกเป็นพื้นที่ต่างๆ พบว่า ในปี 2557 จังหวัดนครศรีธรรมราชมีพื้นที่ป่ามีพื้นที่ป่าชายเลนในความรับผิดชอบของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จำนวน 108,212.31 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ป่าชายเลนคงสภาพ จำนวน 42,951.40 ไร่ นอกนั้นเป็นพื้นที่อื่น ๆ ได้แก่พื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ เกษตรกรรม เมืองและสิ่งก่อสร้าง ป่าชายหาด เลนงอก พื้นที่เปลี่ยนแปลงแนวชายฝั่ง พื้นที่ทิ้งร้าง และป่าบก รวมจำนวน 65,260.91 ไร่ รูปแบบการใช้ประโยชน์ที่ดินป่าชายเลนจังหวัดนครศรีธรรมราช ปี พ.ศ. 2557 การดำเนินการในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ดำเนินการด้านป่าชายเลนหลายโครงการ ประกอบด้วยการจำแนกเขตการใช้ประโยชน์ที่ดินป่าชายเลน พ.ศ. 2557 การอนุญาตใช้พื้นที่ป่าชายเลน ป่าชุมชน การปลูกป่าตามนโยบายของรัฐบาล เช่น โครงการปลูกป่าประชารัฐ การปลูกป่าในเมือง การปลูกป่าชายเลนเสริม การจัดทำเขตพิทักษ์ การจัดทำแนวคูแพรก นอกจากนี้ในส่วนของการเฝ้าระวังการบุกรุกพื้นที่ป่าชายเลนยังมีการดำเนินการจับกุมและดำเนินคดีกับผู้บุกรุกในแต่ละพื้นที่มากน้อยต่างกันไป แผนที่การใช้ประโยชน์ที่ดินป่าชายเลน ปี พ.ศ. 2557 จังหวัดนครศรีธรรมราช
สาเหตุของปัญหา การดำเนินงาน มาตรการ และการแก้ไขปัญหาเสื่อมโทรมต่อป่าชายเลน ข้อมูล : สำนักอนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลน |