การจัดองค์ประกอบทางศิลปะ เป็น หลักสำคัญสำหรับผู้สร้างสรรค์ และผู้ศึกษางานศิลปะ เนื่องจากผลงานศิลปะใด ๆ ก็ตาม ล้วนมีคุณค่าอยู่ 2 ประการ คือ คุณค่าทางด้านรูปทรง และ คุณค่าทางด้านเรื่องราว คุณค่าทางด้านรูปทรง เกิดจากการนำเอา องค์ประกอบต่าง ๆ ของ ศิลปะ อันได้แก่ เส้น สี แสงและเงา รูปร่าง รูปทรง พื้นผิว ฯลฯ มาจัดเข้าด้วยกันเพื่อให้เกิดความงาม ซึ่งแนวทางในการนำองค์ประกอบต่าง ๆ มาจัดรวมกันนั้นเรียกว่า การจัดองค์ ประกอบศิลป์ (Art Composition) โดยมีหลักการจัดตามที่จะกล่าวต่อไป อีกคุณค่าหนึ่งของงานศิลปะ คือ คุณค่าทางด้านเนื้อหา เป็นเรื่องราว หรือสาระของผลงานที่ศิลปินผู้สร้าง สรรค์ต้องการที่จะแสดงออกมา ให้ผู้ชมได้สัมผัสรับรู้โดยอาศัยรูปลักษณะ ที่เกิดจากการจัดองค์ประกอบศิลป์ นั่นเองหรืออาจกล่าวได้ว่า ศิลปิน นำเสนอเนื้อหาเรื่องราวผ่านรูปลักษณะที่เกิดจากการจัดองค์ประกอบทางศิลปะ ถ้าองค์ประกอบที่จัดขึ้นไม่สัมพันธ์ กับเนื้อหาเรื่องราวที่นำเสนอ งานศิลปะนั้นก็จะขาดคุณค่าทางความงามไปดังนั้นการจัดองค์ประกอบศิลป ์จึงมีความสำคัญใน การสร้างสรรค์งานศิลปะ เป็นอย่างยิ่งเพราะจะทำให้งานศิลปะทรงคุณค่าทางความงามอย่างสมบูรณ์ การจัดองค์ประกอบของศิลปะ มีหลักที่ควรคำนึง อยู่ 5 ประการ คือ Show 2. ความสมดุล (Balance) 3. จังหวะลีลา (Rhythm) 4. การเน้น (Emphasis) 5. เอกภาพ (Unity) 6.เส้น(line) 1. สัดส่วน (Proportion) 2. ความสมดุล (Balance)
4. การเน้น (Emphasis) การเน้น หมายถึง การกระทำให้เด่นเป็นพิเศษกว่าธรรมดา ในงานศิลปะจะต้องมี ส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือจุดใดจุดหนึ่ง ที่มีความสำคัญกว่าส่วนอื่น ๆ เป็นประธานอยู่ ถ้าส่วนนั้นๆ อยู่ปะปนกับส่วนอื่น ๆ และมีลักษณะเหมือน ๆ กัน ก็อาจถูกกลืน หรือ ถูกส่วนอื่นๆ ที่มีความสำคัญน้อยกว่าบดบัง หรือแย่งความสำคัญ ความน่าสนใจไปเสีย งานที่ไม่มีจุดสนใจ หรือประธาน จะทำให้ดูน่าเบื่อ เหมือนกับลวดลายที่ถูกจัดวางซ้ำกัน โดยปราศจากความหมาย หรือเรื่องราวที่น่าสนใจ ดังนั้น ส่วนนั้นจึงต้องถูกเน้น ให้เห็นเด่นชัดขึ้นมา เป็นพิเศษกว่าส่วนอื่น ๆ ซึ่งจะทำให้ผลงาน 4.1. การเน้นด้วยการใช้องค์ประกอบที่ตัดกัน (Emphasis by Contrast) สิ่งที่แปลกแตก ต่างไปจากส่วนอื่นๆ ของงาน จะเป็นจุดสนใจ ดังนั้น การใช้องค์ประกอบที่มีลักษณะ แตกต่าง หรือขัดแย้ง กับส่วนอื่น ก็จะทำให้เกิดจุดสนใจขึ้นในผลงานได้ แต่ทั้งนี้ต้อง พิจารณาลักษณะความแตกต่างที่นำมาใช้ด้วยว่า ก่อให้เกิดความขัดแย้งกันในส่วนรวม และทำให้เนื้อหาของงานเปลี่ยนไปหรือไม่ โดยต้องคำนึงว่า แม้มีความขัดแย้ง แตก ต่างกันในบางส่วน และในส่วนรวมยังมีความกลมกลืนเป็นเอกภาพเดียวกัน 4.2. การเน้นด้วยการด้วยการอยู่โดดเดี่ยว (Emphasis by Isolation) เมื่อสิ่งหนึ่งถูกแยก ออกไปจากส่วนอื่น ๆ ของภาพ หรือกลุ่มของมัน สิ่งนั้นก็จะเป็นจุดสนใจ เพราะเมื่อ แยกออกไปแล้วก็จะเกิดความสำคัญขึ้นมา ซึ่งเป็นผลจากความแตกต่าง ที่ไม่ใช่แตก 4. 3. การเน้นด้วยการจัดวางตำแหน่ง (Emphasis by Placement) เมื่อองค์ประกอบอื่น ๆ ชี้นำมายังจุดใด ๆ จุดนั้นก็จะเป็นจุดสนใจที่ถูกเน้นขึ้นมา และการจัดวางตำแหน่งที่ เหมาะสม ก็สามารถทำให้จุดนั้นเป็นจุดสำคัญขึ้นมาได้เช่นกัน พึงเข้าใจว่า การเน้น ไม่จำเป็นจะต้องชี้แนะให้เห็นเด่นชัดจนเกินไป สิ่งที่จะต้อง ระลึกถึงอยู่เสมอ คือ เมื่อจัดวางจุดสนใจแล้ว จะต้องพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้สิ่งอื่นมา 5. เอกภาพ (Unity)
นอกเหนือจากกฎเกณฑ์หลักคือ การขัดแย้งและการประสานแล้ว ยังมีกฎเกณฑ์รองอีก 2 ข้อ คือ 6.เส้น(line) เส้น คือ ร่องรอยที่เกิดจากเคลื่อนที่ของจุด หรือถ้าเรานำจุดมาวางเรียงต่อ ๆ กันไป ก็จะเกิดเป็นเส้นขึ้น เส้นมีมิติเดียว คือ ความยาว ไม่มีความกว้าง ทำหน้าที่เป็นขอบเขต ของที่ว่าง รูปร่าง รูปทรง น้ำหนัก สี ตลอดจนกลุ่มรูปทรงต่าง ๆ รวมทั้งเป็นแกนหรือ ลักษณะของเส้น 1. เส้นตั้ง หรือ เส้นดิ่ง ให้ความรู้สึกทางความสูง สง่า มั่นคง แข็งแรง หนักแน่น เป็นสัญลักษณ์ของความซื่อตรง จากการที่เราได้เรียนรู้ในการจัดวางและความสำคัญขององค์ประกอบศิลป์ ในทางกลับกลับนั้นเรายังคงต้องศึกษาพื้นฐานการเรียนทัษนศิลป์ ที่ต้องใช้ร่วมกับการจัดวางองค์ประกอบศิลป์แล้ว พื้นที่สำคัญจริงนั้นคือ หลักการจัดองค์ประกอบทางทัศนศิลป์ หลักการจัดองค์ประกอบทางทัศนศิลป์ (Composition) คือ การนำเอาทัศนะธาตุ ได้แก่ จุด เส้น รูปร่าง รูปทรง น้ำหนักอ่อนแก่ บริเวณว่าง สี และพื้นผิว มาจัดประกอบเข้าด้วยกันจนเกิดความพอดี เหมาะสม ทำให้งานศิลปะชิ้นนั้นมีคุณค่าอย่างสูงสุด ประกอบด้วยหลักเกณฑ์ต่อไปนี้ ความหมายของมิติ ส่วนประกอบของมิติ มิติในด้านรูปภาพ มิติในด้านรูปทรง 1. สามมิติเกิดจากการรับรู้ทางการมองเห็นรูปทรงที่เป็นปริมาตร ได้แก่ รูปทรงเรขาคณิต ธรรมชาติ อิสระ ที่มีความกว้าง ยาว ลึกหรือหนา ของภาพ หลัการจัดวาง ( Law of Composition)
สำหรับหลักทั้งสามประการที่กล่าวมาแล้วนั้นหากเรารู้จักนำไปใช้ ก่อนที่เราจะลั่นซัตเตอร์แต่ละครั้งเป็นสิ่งที่ช่างภาพควรคิดและนำมาใช้ให้เกิดประโชยน์ในการถ่ายภาพเพื่อให้ท่านได้ผลงานออกมาเป็นที่พอใจช่างภาพหลายคนละเลยในส่วนนี้ไปทำให้เราพลาดโอกาสที่จะได้ภาพสวย ๆ มาอวดเพื่อน ๆ ในบางคร้้งการถ่ายภาพให้ดีนั้นต้องมีบางกรณ๊เป็นข้อยกเว้นนั่นก็คือการเแหกกฏของการถ่ายภาพ (Break of Law ) ไม่ยึดแนวทางทั้่งสามแบบที่กล่าวมาแล้วแต่เป็นการเดิมจินตนาการของช่างภาพเองลงในแผ่น memory ให้ออกมาเป็นงานศิลปะที่งดงาม สำหรัการถ่ายภาพแล้วคงไม่ใช่เรื่องที่ยุ่งยากต่อไปแล้วเมื่อเราได้เรี่ยนรู้การสิ่งที่กล่าวมาแล้วในข้างต้น เพียงแต่ช่างภาพต้องคิดและนำเสนอรูปแบบที่เราต้องการสื่อออกมาให้เห็นโดยดึงเอาความรู้ทั้งสามอย่างมารวมกันเป็นความคิดหนึ่งเดียว ภายใต้ความคิดนี้ต้องทำอย่างรวดเร็วให้ทันเวลากับการเปลี่ยนแปลงสภาพแสงในขณะนั้น (ผมพูดถึงการถ่าย Landscape) เพราะในการถ่าย Landscape นั้นช่วงเวลาที่แสงสวย ประมาณ 2-5 นาทีเท่านั้น เราอาจพลาดแสงที่สวยงาม นั่นหมายถึงพลาดที่จะได้ภาพสวยงามเช่นกันดังนั้นการที่จะได้ภาพสวยงามนั้น ช่างภาพต้องฝึกให้มากอย่างกลัวเปลียงชัตเตอร์ ข้อใดคือความหมายของความกลมกลืนความกลมกลืน (Harmony) หมายถึง การประสานสัมพันธ์กันขององค์ประกอบศิลป์ เช่น รูปร่าง รูปทรง น้ำหนัก ประกอบเข้าด้วยกันแล้วมีความกลมกลืนเข้ากันได้ดี ไม่ขัดแย้งกัน ในงานศิลปะบางครั้งถ้ามีความกลมกลืนกันมากเกินไปจะดูน่าเบื่อได้ การเพิ่มความขัดแย้งเข้าไปบ้างเล็กน้อยจะช่วยให้ผลงานศิลปะน่าสนใจขึ้น
ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันคือความหมายของข้อใด(adv) in unison, See also: be of one mind, unanimously, Syn. เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน, Ant. แตกแยก, Example: ถ้าพวกเรารวมใจเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแล้ว ก็จะสามารถเอาชนะปัญหาทุกอย่างได้, Thai Definition: อย่างพร้อมเพรียงกัน, อย่างเป็นไปในทางเดียวกัน
ความเป็นเอกภาพของทัศนธาตุหมายถึงสิ่งใด1. เอกภาพ (Unity) หมายถึง การจัดทัศนธาตุของศิลปะให้มีความประสานกลมกลืน มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันเป็นกลุ่มก้อนไม่กระจัดกระจาย และแสดงออกให้เห็นได้ถึงความพอดีของความงาม
ข้อใดหมายถึงความสมดุลความสมดุล หรือ ดุลยภาพ (Balance)หมายถึง น้าหนักที่เท่ากัน ขององค์ประกอบ ไม่เอนเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง ในทางศิลปะ ยังรวมถึงความประสานกลมกลืนพอเหมาะพอดีของส่วนต่าง ๆ ในรูปทรงหนึ่ง การจัดวางองค์ประกอบต่าง ๆ ลงในงานศิลปะ นั้นจะต้องคานึงถึงจุดศูนย์ถ่วงในธรรมชาติทุกสิ่งที่ทรงตัวอยู่ได้ โดยไม่ล้มเพราะมีน้าหนักเฉลี่ยเท่ากันทุก ...
|