ข้อใดไม่ใช่ลักษณะของการก่ออาชญากรรม คอมพิวเตอร์

คำชี้แจง
1. แบบทดสอบฉบับนี้มีจำนวน 10 ข้อ เวลา 10 นาที 20 คะแนน
2. ข้อสอบแต่ละข้อเป็นแบบปรนัย 4 ตัวเลือก ให้เลือกคำตอบที่ถูกที่สุดเพียงข้อเดียว

1. จริยธรรมหมายถึง
ก.กิริยาที่ควรประพฤติ
ข.หลักการที่ยึดปฏิบัติ
ค.หลักที่ควรประพฤติปฏิบัติที่ไม่ให้ผู้อื่นเดือดร้อน
ง.ควรปฏิบัติในสิ่งที่ควรกระทำ

2. ข้อใดเป็นจริยธรรมภายใน
ก.ความเป็นระเบียบ
ข.การตรงต่อเวลา
ค.ความมีวินัย
ง.ความเมตตา

3. ข้อใดเป็นจริยธรรมภายนอก
ก.ความกตัญญู
ข.ความเมตตา
ค.ความกรุณา
ง.ความประหยัด

4. ข้อใดไม่เป็นจริยธรรม
ก.ความรู้
ข.ความซื่อสัตย์
ค.ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
ง.ความยุติธรรม

5. Freewareคืออะไร
ก.ท่านซื้อลิขสิทธิ์มาและมีสิทธิใช้
ข.ให้ทดลองใช้ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ
ค.ใช้งานได้ฟรี คัดลอก และเผยแพร่ให้ผู้อื่นได้
ง.ให้ทดลองใช้และสามารถเปลี่ยนแปลงได้

6. ผู้ที่กระทำผิดกฎหมายโดยใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์พวกใดคือผู้ที่มีความรู้และทักษะทางคอมพิวเตอร์เป็นอย่างดี
ก.Novice
ข.Com Artistr
ค.Dreamer
ง.Cracker

7. ผู้ที่กระทำผิดกฎหมายโดยใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์พวกใดคือพวกอาชญากรมืออาชีพ
ก.Darnged Person
ข.Com Artist
ค.Career Criminat
ง.Cracker

8. ข้อใดไม่ใช่กลุ่มบุคคลที่ลักลอบเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต
ก.แฮกเกอร์
ข.แครกเกอร์
ค.สคริปต์คิดดี้
ง.ไวรัส

9. อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ใดที่เป็นกลุ่มของโปรแกรมที่ถูกเขียนขึ้นมาใช้งานบนอินเตอร์เน็ตเป็นหลัก แต่ไม่ไปกระทำร้ายแรงต่อคอมพิวเตอร์
ก.การก่อกวนด้วยระบบสปายร์แวร์
ข.การก่อกวนด้วยระบบสแปมเมล์
ค.การหลอกลวงเหยื่อเพื่อล้วงเอาข้อมูลส่วนตัว ข. การก่อกวนด้วยระบบสแปมเมล์ ง. การขโมยโปรแกรมคอมพิวเตอร์
ง.การขโมยโปรแกรมคอมพิวเตอร์

10. ข้อใดไม่ใช่การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
ก.การปลอมแปลงข้อมูลคอมพิวเตอร์
ข.ความผิดฐานฉ้อโกง
ค.ความผิดฐานการลักลอบเข้าถึงข้อโดยมิได้รับอนุญาต
ง.ความผิดฐานทำให้สื่อลามกอนาจารแพร่กระจาย

ผลคะแนน =
เฉลยคำตอบ:

1. อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ใดที่ลักลอบขโมยไปใช้งาน โดยเฉพาะเครื่องคอมพิวเตอร์แบบโน้ตบุ๊กหรืออุปกรณ์ประเภทโทรศัพท์มือถือ
    การลักลอบเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต
    การขโมยและทำลายอุปกรณ์
    การขโมยโปรแกรมคอมพิวเตอร์
    การกอกวนระบบด้วยโปรแกรมประสงค์ร้าย
2. Software Theft เป็นรูปแบบการก่ออาชญากรรม แบบใด
    การลักลอบเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต
    การขโมยโปรแกรมคอมพิวเตอร์
    การก่อกวนระบบด้วยโปรแกรมประสงค์ร้าย
    การขโมยและทำลายอุปกรณ์
3. อาชญากรที่ก่ออาชญากรรมไซเบอร์เรียกว่าอะไร
    ไวรัส
    แฮกเกอร์
    แครกเกอร์
    หนอนอินเตอร์เน็ต
4. Hardware Theft and Vandalismเป็นรูปแบบการก่ออาชญากรรม แบบใด
    การลักลอบเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต
    การขโมยโปรแกรมคอมพิวเตอร์
    การก่อกวนระบบด้วยโปรแกรมประสงค์ร้าย
    การขโมยและทำลายอุปกรณ์
5. ข้อใดคือการกระทำที่กล่าวถึงการละเมิดสิทธิ์
    ดำชอบเล่นfacebook
    เขียวชอบฟังเพลง
    กล้าชอบไลด์แผ่นซีดีขาย
    แนนชอบแต่งนิยาย
6. จรรยาบรรณของนักคอมพิวเตอร์ข้อใดอยู่ในข้อ จรรยาบรรณต่อตนเอง
    จรรยาบรรณของนักคอมพิวเตอร์ข้อใดอยู่ในข้อ จรรยาบรรณต่อตนเอง
    ไม่คัดลอกผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตน
    ปฏิบัติหน้าที่ ปฏิบัติตน ในวิชาชีพนักคอมพิวเตอร์ที่ดี เป็นแบบอย่างที่ดี ของสังคม
    ไม่ใช้อำนวยหน้าที่โดยไม่ชอบธรรม
7. ผู้ที่กระทำผิดกฎหมายโดยใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์พวกใดคือผู้ที่มีความรู้และทักษะ ทาง คอมพิวเตอร์เป็นอย่างดี
    Novice
    Com Artist
    Dreamer
    Cracker
8. อาชกรรมคอมพิวเตอร์แบ่งเป็นกี่ลักษณะ
    4
    6
    8
    10
9. ข้อใดไม่ใช่กลุ่มบุคคลที่ลักลอบเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ไดรับอนุญาต
    แฮกเกอร์
    แครกเกอร์
    สคริปต์คิดตี้
    ไวรัส
10. อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์มีกี่ ประเภท
    5
    6
    7
    8
ตรวจสอบคำตอบและชื่อนามสกุลให้ครบ
หากไม่ครบระบบจะไม่ตรวจให้นะครับ
ข้อใดไม่ใช่ลักษณะของการก่ออาชญากรรม คอมพิวเตอร์

อาชญากรรมคอมพิวเตอร์

อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ หมายถึง การกระทำผิดทางอาญาในระบบคอมพิวเตอร์ หรือการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อกระทำผิดทางอาญา เช่น ทำลาย เปลี่ยนแปลง หรือขโมยข้อมูลต่าง ๆ เป็นต้น ระบบคอมพิวเตอร์ในที่นี้ หมายรวมถึงระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ที่เชื่อมกับระบบดังกล่าวด้วย

อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ คือ

1.การกระทำการใด ๆ เกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์ อันทำให้เหยื่อได้รับความเสียหาย และผู้กระทำได้รับผลประโยชน์ตอบแทน

2.การกระทำผิดกฎหมายใด ๆ ซึ่งใช้เทคโนโลยี คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือและในการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่เพื่อนำผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี ต้องใช้ความรู้ทางเทคโนโลยีเช่นเดียวกัน

การประกอบอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ได้ก่อให้เกิดความเสียหาย ต่อเศรษฐกิจของประเทศจำนวนมหาศาล อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ จึงจัดเป็นอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หรือ อาชญากรรมทางธุรกิจรูปแบบ หนึ่งที่มีความสำคัญ

ประเภทของอาชญากรรมคอมพิวเตอร์

อาชญากรคอมพิวเตอร์จะก่ออาชญากรรมหลายรูปแบบ ซึ่งปัจจุบันทั่วโลกจัดออกเป็น 9 ประเภท (ตามข้อมูลคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจร่างกฎหมายอาชญากรรมคอมพิวเตอร์)

1.การขโมยข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต ซึ่งรวมถึงการขโมยประโยชน์ในการลักลอบใช้บริการ
2.อาชญากรนำเอาระบบการสื่อสารมาปกปิดความผิดของตนเอง
3.การละเมิดสิทธิ์ปลอมแปรงรูปแบบ เลียนแบบระบบซอพต์แวร์โดยมิชอบ
4.ใช้คอมพิวเตอร์แพร่ภาพ เสียง ลามก อนาจาร และข้อมูลที่ไม่เหมาะสม
5.ใช้คอมพิวเตอร์ฟอกเงิน
6.อันธพาลทางคอมพิวเตอร์ที่เช้าไปก่อกวน ทำลายระบบสาราณูปโภค เช่น ระบบจ่ายน้ำ จ่ายไฟ ระบบการจราจร
7.หลอกลวงให้ร่วมค้าขายหรือลงทุนปลอม
8.แทรกแซงข้อมูลแล้วนำข้อมูลนั้นมาเป็น)ระโยชน์ต่อตนโดยมิชอบ เช่น ลักรอบค้นหารหัสบัตรเครดิตคนอื่นมาใช้ ดักข้อมูลทางการค้าเพื่อเอาผลประโยชน์นั้นเป็นของตน
9.ใช้คอมพิวเตอร์แอบโอนเงินบัญชีผู้อื่นเข้าบัญชีตัวเอง

อาชญากรคอมพิวเตอร์

อาชญากรคอมพิวเตอร์ คือ ผู้กระทำผิดกฎหมายโดยใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เป็นส่วนสำคัญ มีการจำแนกไว้ดังนี้
  1. พวกมือใหม่ (Novices) หรือมือสมัครเล่น อยากทดลองความรู้และส่วนใหญ่จะมิใช่ผู้ ที่เป็นอาชญากรโดยนิสัย มิได้ดำรงชีพโดยการกระทำผิด อาจหมายถึงพวกที่เพิ่งได้รับความไว้วางใจให้เข้าสู่ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
  2. Darnged person คือ พวกจิตวิปริต ผิดปกติ มีลักษณะเป็นพวกชอบความรุนแรง และอันตราย มักเป็นพวกที่ชอบทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้าไม่ว่าจะเป็นบุคคล สิ่งของ หรือสภาพแวดล้อม
  3. Organized Crime พวกนี้เป็นกลุ่มอาชญากรที่ร่วมมือกันทำผิดในลักษณะขององค์กรใหญ่ๆ ที่มีระบบ พวกเขาจะใช้คอมพิวเตอร์ที่ต่างกัน โดยส่วนหนึ่งอาจใช้เป็นเครื่องหาข่าวสาร เหมือนองค์กรธุรกิจทั่วไป อีกส่วนหนึ่งก็จะใช้เทคโนโลยีเพื่อเป็นตัวประกอบสำคัญในการก่ออาชญากรรม หรือใช้เทคโนโลยีกลบเกลื่อนร่องร่อย ให้รอดพ้นจากเจ้าหน้าที่
  4. Career Criminal พวกอาชญากรมืออาชีพ เป็นกลุ่มอาชญากรคอมพิวเตอร์ที่มีอยู่มาก กลุ่มนี้น่าเป็นห่วงมากที่สุด เนื่องจากนับวันจะทวีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยจับผิดแล้วจับผิดเล่า บ่อยครั้ง
  5. Com Artist คือพวกหัวพัฒนา เป็นพวกที่ชอบความก้าวหน้าทางคอมพิวเตอร์ เพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์ส่วนตน อาชญากรประเภทนี้จะใช้ความก้าวหน้า เกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์ และความรู้ของตนเพื่อหาเงินมิชอบทางกฎหมาย
  6. Dreamer พวกบ้าลัทธิ เป็นพวกที่คอยทำผิดเนื่องจากมีความเชื่อถือสิ่งหนึ่งสิ่งใดอย่างรุ่นแรง
  7. Cracker หมายถึง ผู้ที่มีความรู้และทักษะทางคอมพิวเตอร์เป็นอย่างดี จนสามารถลักลอบเข้าสู่ระบบได้ โดยมีวัตถุประสงค์เข้าไปหาผลประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่ง มักเข้าไปทำลายหรือลบไฟล์ หรือทำให้คอมพิวเตอร์ใช้การไม่ได้ รวมถึงทำลายระบบปฏิบัติการ
  8. นักเจาะข้อมูล (Hacker) ผู้ที่ชอบเจาะเข้าระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น พยายามหาความท้าทายทางเทคโนโลยีเข้าไปในเครือข่ายของผู้อื่นโดยที่ตนเองไม่มีอำนาจ
  9. อาชญากรในรูปแบบเดิมที่ใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือ เช่นพวกลักเล็กขโมยน้อยที่ พยายามขโมยบัตร ATM ของผู้อื่น
  10. อาชญากรมืออาชีพ คนพวกนี้จะดำรงชีพจากการกระทำความผิด เช่นพวกที่มักจะใช้ ความรู้ทางเทคโนโลยีฉ้อโกงสถาบันการเงิน หรือการจารกรรมข้อมูลไปขาย เป็นต้น
  11. พวกหัวรุนแรงคลั่งอุดมการณ์หรือลัทธิ มักก่ออาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ เพื่อ อุดมการณ์ทางการเมือง เศรษฐกิจ ศาสนา หรือสิทธิมนุษย์ชน เป็นต้น

การป้องกันอาชญากรรมคอมพิวเตอร์

การป้องกันอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ (Preventing computer crime) จากการเรียนรู้เทคนิคการเจาะข้อมูลของนักก่อกวนคอมพิวเตอร์ (Hacker) ทั้งหลาย องค์กรต่างๆ สามารถหาวิธีที่เหมาะสมเป็นการป้องกันอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ได้

1. การว่าจ้างอย่างรอบคอบและระมัดระวัง (Hirecarefully) ดังที่ได้เคยกล่าวไว้แล้วว่าปัญหาอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่มาจากพนักงานภายในองค์กร ดังนั้นในกระบวนการจ้างคนเข้าทำงานต้องดูคนที่ซื่อสัตย์สุจริต มีความรับผิดชอบ เป็นการยากที่จะสรรหาคนดังกล่าว แต่เราสามารถสอบถามดูข้อมูลอ้างอิงเก่าๆ ของเขาได้ หรือดูนิสัยส่วนตัวว่าดื่มสุรา สูบบุหรี่ และเล่นการพนันหรือไม่ สิ่งเหล่านี้ประกอบกันเข้าจะเป็นสิ่งบ่งชี้นิสัยของคนได้

2. ระวังพวกที่ไม่พอใจ (Beware of malcontents) ปัญหาหลักในการป้องกันอาชญากรคอมพิวเตอร์ก็คือพนักงานในองค์กรนั้นเอง พนักงานเหล่านั้นมีความรู้และความเชียวชาญในระบบคอมพิวเตอร์แต่ไม่พอใจการบริหารงานของผู้บังคับบัญชาเนื่องจากไม่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งหน้าที่ บางครั้งถูกให้ออกจากงาน และเกิดความแค้นเคือง ทำให้มีการขโมย การทำลาย หรือการเปลี่ยนแปลงข้อมูลที่สำคัญภายในองค์กร

3. การแยกหน้าที่รับผิดชอบของพนักงาน (Separate employee function) ในกลุ่มคนที่ทำงานร่วมกันเรากำหนดและบ่งบอกว่าใครคนใดคนหนึ่งเป็นอาชญากรทางคอมพิวเตอร์นั้นคงยาก มีวิธีการใดบ้างที่จะแก้ปัญหาถ้าหากมีคนไม่ดีซึ่งประสงค์ร้ายต่อข้อมูลขององค์กร ได้มีหลายบริษัททีเดียวที่พยายามจัดรูปแบบการทำงานของพนักงานที่คาดว่าน่าจะล่อแหล่มต่อการก่ออาชญากรรมข้อมูล เป็นต้นว่า คนที่มีหน้าที่จ่ายเช็ค (Check) ในองค์กรก็ไม่ได้รับมอบหมายให้มีหน้าที่ปรับข้อมูลเกี่ยวกับอัตราเงินเดือน หรือแม้แต่ในบางธนาคารก็จะกันพื้นที่จำเพาะบางส่วนในเช็คไว้ให้เป็นพื้นที่สำหรับเจ้าของเช็คได้ทำการเซ็นชื่อ

4. การจำกัดการใช้งานในระบบ (Restrict system use) คนในองค์กรน่าที่จะมีสิทธิในการใช้ทรัพยากรข้อมูลเท่าที่เหมาะสมกับหน้าที่งานของเขาเท่านั้น แต่ก็ยากที่จะบ่งชี้ชัดแบบนี้ องค์กรเองต้องหาขั้นตอนวิธีใหม่ในการควบคุมข้อมูลที่สำคัญขององค์การ เราอาจจะไม่อนุญาตให้พนักงานมีการดึงหรือเรียกใช้ข้อมูลเกินลักษณะงานที่เขาควรจะเรียนรู้ โดยซอฟต์แวร์หรืออุปกรณ์ฮาร์ดแวร์สามารถควบคุมการใช้ข้อมูลดังกล่าวได้ ยิ่งกว่านั้นเราควรกำหนดขั้นตอนการทำงานและลักษณะการใช้งานของข้อมูลไว้ด้วย ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับชนิดของข้อมูล และลักษณะเฉพาะขององค์กรนั้นๆ เองด้วย

5. การป้องกันทรัพยากรข้อมูลด้วยรหัสผ่านหรือการตรวจสอบการมีสิทธิใช้งานของผู้ใช้ (Protect resources with passwords or other user authorization cheeks a password) รหัสผ่าน (Password) เป็นกลุ่มข้อมูลที่ประกอบไปด้วยตัวอักษร ตัวเลข หรือสัญลักษณ์อื่นๆ ที่ประกอบกันเข้า และใช้สำหรับป้อยเข้าในระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อเราสามารถที่จะใช้งานซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ได้อย่างถูกต้อง และจำกัดอยู่เฉพาะกลุ่มคนที่มีรหัสผ่านเท่านั้น เช่น การใช้งานคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ (Mainframe) และการใช้งานระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์นั้นจำเป็นต้องใช้รหัสผ่าน เพราะระบบดังกล่าวออกแบบมาสำหรับผู้ใช้หลายๆ คน และใช้ในเวลาเดียวกันได้ด้วยอย่างไรก็ตามรหัสผ่านต้องได้รับการเปลี่ยนอยู่เรื่อยๆ ในช่วงเวลากำหนด ทั้งนี้เพื่อป้องกันและลดการล่วงรู้ไปถึงผู้อื่นให้น้อยที่สุด

6. การเข้ารหัสข้อมูลโปรแกรม (Encrypt data and programs) การเข้ารหัสข้อมูลเป้นกระบวนในการซ้อนหรือเปลี่ยนรูปข้อมูลและโปรแกรมให้อยู่ในรูปของรหัสชนิดใดชนิดหนึ่ง เพื่อไม่ให้คนอื่นทราบว่าข้อมูลจริงคืออะไร ข้อมูลข่าวสารที่สำคัญขององค์กรจำเป็นต้องเข้ารหัสก่อนการส่งไปยังผู้รับซึ่งอาจจะจัดหาโปรแกรมการเข้ารหัสที่มีอยู่ในปัจจุบันหรือจะพัฒนาขึ้นมาใหม่เองก็ได้ ในปี ค.ศ 1988 วิธีการเข้ารหัสข้อมูลได้รับการพัฒนาขึ้นจากสำนักกำหนดมาตรฐานในสหรัฐอเมริกา และธนาคารก็ได้ใช้ในการทำธุรกิจของตนเอง และการติดต่อกับกรมธนารักษ์ด้วย

7. การเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของระบบข้อมูล (Monitor system transactions) ในการเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของระบบข้อมูลเคลื่อนไหว หรือระบบจัดทำรายการต่างๆ นั้นจะมีโปรแกรมช่วยงานด้านนี้โดยเฉพาะโดยโปรแกรมจะคอยบันทึกว่ามีใครเข้ามาใช้ระบบบ้าง เวลาเท่าใด ณ ที่แห่งใดของข้อมูล และวกลับออกไปเวลาใดแฟ้มข้อมูลใดที่ดึงไปใช้ปรับปรุงข้อมูล เป็นต้นว่า ลบ เพิ่ม เปลี่ยนแปลงอื่นๆ นั้นทำที่ข้อมูลชุดใด

8. การตรวจสอบระบบอย่างสม่ำเสมอ (Conduct frequent audit) อาชญากรคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่จะถูกเปิดเผยและถูกจับได้โดยความบังเอิญ บางครั้งก็ใช้เวลานานทีเดียวกว่าจะจับได้ ในกรณีตัวอย่างของนาย M. Buss และ Lynn salerno ได้ใช้คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลในการลักลอบดึงข้อมูลหมายเลขบัตรเครดิตจากสำนักงานเครดิตและใช้บัตรดังกล่าวซื้อสินค้าคิดเป็นค่าใช้จ่ายจำนวน 50,000 เหรียญสหรัฐฯ และในที่สุดถูกจับได้เมื่อบุรุษไปรษณีย์ เกิดความสงสัยว่าทำไมถึงมีจดหมายและพัสดุต่างๆ

9. การให้ความรู้ผู้ร่วมงานในเรื่องระบบความปลอดภัยของข้อมูล (Educate people in security measures) พนักงานทุกคนควรต้องรู้ระบบความปลอดภัยของข้อมูลในองค์กรเป็นอย่างดี ในกรณีตัวอย่างของพนักงานไม่พอใจผู้บริหารอาจเนื่องมาจากการที่ไม่ได้รับเลื่อนตำแหน่งหน้าที่ หรือเรื่องอื่นๆ พนักงานในลักษณะนี้มีแนวโน้มที่จะคุกคามระบบความปลอดภัยข้อมูลขององค์กร โดยพยายามที่เข้าไปดูข้อมูลที่สำคัญขององค์กร และสอบถามข้อมูลที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับระบบความปลอดภัยซึ่งไม่ใช่ภารกิจหรือหน้าที่ของพนักงานคนดังกล่าวที่จะต้องทำเช่นนั้น

ข้อใดไม่ใช่ลักษณะของการก่ออาชญากรรม คอมพิวเตอร์

ข้อใดเป็นลักษณะของอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์

อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ (Computer crime หรือ cyber crime) เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายโดยใช้คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือ เช่น การโจรกรรมข้อมูลหรือความลับของบริษัท การบิดเบือนข้อมูล การฉ้อโกง การฟอกเงิน การถอดรหัสโปรแกรมคอมพิวเตอร์ รวมถึงการก่อกวนโดยกลุ่มแฮกเกอร์ (Hacker) เช่น ไวรัสคอมพิวเตอร์ การทำลายข้อมูลและอุปกรณ์ เป็นต้น

อาชญากรคอมพิวเตอร์ มีอะไรบ้าง

การโจรกรรมหรือการขโมยข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต.
การปกปิดความผิดของตัวเอง เช่น ใช้คอมพิวเตอร์ปกปิดความผิดตนเองโดยตั้งรหัสไม่ให้คนอื่นรู้.
การละเมิดลิขสิทธ์.
ใช้คอมพิวเตอร์แพร่ภาพหรือเสียงลามกอนาจาร.
การใช้คอมพิวเตอร์เพื่อฟอกเงิน.
อันตพาลทางคอมพิวเตอร์ที่เข้าไปก่อกวน.
การหลอกลวงให้ร่วมค้าขายหรือลงทุนปลอม.

ข้อใดอธิบายความหมายของอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ได้ดีที่สุด

อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ หมายถึง การกระทำผิดทางอาญาในระบบคอมพิวเตอร์ หรือการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อกระทำผิดทางอาญา เช่น ทำลาย เปลี่ยนแปลง หรือขโมยข้อมูลต่าง ๆ เป็นต้น ระบบคอมพิวเตอร์ในที่นี้ หมายรวมถึงระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ที่เชื่อมกับระบบดังกล่าวด้วย

อาชญากรรมทางเทคโนโลยี มีอะไรบ้าง

การเงิน – อาชญากรรมที่ขัดขวางความสามารถขององค์กรธุรกิจในการทำธุรกรรม อี-คอมเมิร์ซ.
การละเมิดลิขสิทธิ์ – การคัดลอกผลงานที่มีลิขสิทธิ์ รวมถึง การละเมิดลิขสิทธิ์ ใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้อินเท ... .
การเจาะระบบ – การให้ได้มาซึ่งสิทธิในการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์หรือเครือข่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต.