ซื้อ หนู แฮม เตอร์ ที่ไหน ดี

วันนี้เราจะมาไปรู้จักกับวิธีการเลือกซื้อหนูแฮมเตอร์ สัตว์เลี้ยงตัวเล็กน่ารัก มีต้นกำเนิดมาจากประเทศซีเรีย เริ่มเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงประจำบ้านกันก็เมื่อตอนปลายทศวรรษ 1940 หลายๆคนที่อยู่คอนโดหรือว่าอพาร์ตเม้นท์อยากจะใช้ชีวิตกับสัตว์เลี้ยงเพื่อนคลายเหงา หนูแฮมเตอร์เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกใช้การเลี้ยงที่ใช้พื้นที่น้อยมาก และไม่ส่งเสียงดัง และเรื่องกลิ่นเหม็นรบกวน อีกทั้งยังดูแลได้ง่ายอีกด้วย ในเรื่องสุขภาพของแฮมเตอร์ เป็นสัตวฺเลี้ยงที่ไม่ค่อยเจ็บป่วยซักเท่าไหร่ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสัตว์เลี้ยงที่เหมาะกับคนที่ไม่ค่อยมีเวลามาก และเป็นที่นิยมอยู่พอสมควรเลยทีเดียว

วิธีการเลือกหนูแฮมสเตอร์ที่ใช่สำหรับคุณ

พิจารณาจากเพศ ลักษณะ และสายพันธุ์หนูแฮมเตอร์

ซื้อ หนู แฮม เตอร์ ที่ไหน ดี

1. ศึกษาหาพันธุ์หนูแฮมเตอร์ที่เหมาะกับชีวิตประจำวันของคุณ. แฮมสเตอร์ก็เหมือนกับสัตว์เลี้ยงอื่นๆ ทั่วไป มีบุคลิกลักษณะหรือพฤติกรรมที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ละสายพันธุ์ แฮมสเตอร์นั้นมีมากมายหลายชนิด เพราะฉะนั้นสำคัญว่าคุณต้องศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนเลือกน้องหนูตัวที่ใช่สำหรับคุณ

  • Syrian hamster หรือที่รู้จักกันในชื่อ golden หรือ teddy bear hamster เป็นสายพันธุ์ที่นิยมกันมากที่สุด เป็นหนูที่ดูแลง่าย เหมาะมากสำหรับเด็ก แต่ต้องเลี้ยงแยกกันกับแฮมสเตอร์สายพันธุ์อื่นๆ และเป็นหนูที่กินอาหารตอนกลางคืน
  • Dwarf Russian Campbell hamster ต่างกับ Syrian hamster ตรงที่เป็นสัตว์สังคม เลี้ยงไว้เป็นกลุ่มจะดีกว่า ถือเป็นสัตว์เลี้ยงที่ดี แต่ดูแลไม่ค่อยง่ายเท่าไหร่ และจะร่าเริงเป็นพิเศษในตอนกลางวัน
  • Dwarf Winter White Russian hamster นั้นคล้ายกันกับญาติใกล้เคียงอย่าง Dwarf Russian Campbell ทั้งในเรื่องอารมณ์และพฤติกรรมการกินอยู่ โดยขนาดตัวจะเล็กกว่าหน่อยและค่อนข้างปราดเปรียว ที่สำคัญคือชอบแว้งกัดเวลาเครียดๆ เพราะงั้นเลยไม่ค่อยเหมาะกับเด็กเล็กเท่าไหร่ แต่ก็น่ารักและร่าเริงพอจะเป็นสัตว์เลี้ยงที่ดีของเด็กโตหรือผู้ใหญ่ได้
  • Roborovski Dwarf Hamster เพราะมีขนาดเล็ก (1 นิ้ว – 2.5 นิ้ว) และมีนิสัยคล่องแคล่วว่องไว แฮมสเตอร์พันธุ์นี้เลยดูแลไม่ค่อยง่ายเท่าไหร่ เป็นพวกสัตว์สังคม อารมณ์ดี และกินอาหารตอนกลางคืน
  • Chinese Hamster หรืออีกชื่อคือ Striped Hamster เป็นแฮมสเตอร์ที่ค่อนข้างขี้อาย แต่ก็ดีตรงที่ดูแลง่าย เป็นพันธุ์ที่ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร และพาลจะหงุดหงิดก้าวร้าวเอาได้ถ้าเผลอเลี้ยงไว้ด้วยกันหลายตัว พันธุ์นี้ก็กินอาหารกลางคืนเหมือนกัน

ซื้อ หนู แฮม เตอร์ ที่ไหน ดี

2. เลือกหนูแฮมสเตอร์ที่ใช่จากหน้าตา. แฮมสเตอร์มีหลายพันธุ์ เลยทำให้ขนาด สี และความยาวของขนแตกต่างกันออกไป แถมพฤติกรรมของตัวผู้กับตัวเมียก็ไม่เหมือนกันด้วย

  • หนูแฮมสเตอร์มีขนาดตั้งแต่ประมาณ 1 นิ้ว – 7 นิ้ว แล้วแต่ว่าพันธุ์ไหน ถ้าพันธุ์เล็กหน่อยอย่าง Dwarf ก็ไม่ค่อยเหมาะกับเด็กเล็กๆ เพราะงั้นถ้าอยากจับอยากเล่น ก็ต้องเลือกพันธุ์ใหญ่อย่าง Syrian จะดีกว่า
  • แฮมสเตอร์มีด้วยกันหลายสีหลายลาย ถ้าเป็นหนูแฮมเตอร์พันธุ์ Syrian สีจะออกทองกว่า แต่ก็เป็นไปได้ว่าจะมีลายสีออกน้ำตาล สมชื่อ “teddy bear” หรือตุ๊กตาหมีไงล่ะ ส่วนหนูแฮมเตอร์พันธุ์ Dwarf Russian มีทั้งสีขาวสวยหรือสีเทา แฮมสเตอร์ทั่วไปที่เราเห็นกันมักมีขนสีออกน้ำตาล แต่จริงๆ แล้วมีได้ตั้งแต่สีขาว ดำ เทา ไปจนถึงลายจุดหรือลายทางกันเลยทีเดียว
  • คุณเลือกได้ว่าอยากเลี้ยงแฮมสเตอร์ขนยาวหรือขนสั้น ต่างพันธุ์ก็ต่างความยาว ถ้าเป็นหนูแฮมเตอร์ Syrian teddy bear บางทีคนก็เรียกกันว่า “fancy” หรือพันธุ์ไฮโซ เพราะขนจะยาวสลวยสวยเก๋กว่ายังไงล่ะ

ซื้อ หนู แฮม เตอร์ ที่ไหน ดี

3. บอกเลยว่าหนูแฮมเตอร์ตัวผู้กับตัวเมียก็มีนิสัยต่างกัน. ถ้าเป็นแฮมสเตอร์ตัวเมียจะออกก้าวร้าวกว่า ถ้าคุณคิดจะเลี้ยงแฮมสเตอร์มากกว่า 1 ตัวละก็ ผู้เชี่ยวชาญเขาแนะนำว่าให้เลี้ยงเป็นเพศเดียวกันหมดจะดีกว่า

ซื้อ หนู แฮม เตอร์ ที่ไหน ดี

4. ถามใจตัวเองดู ว่าจะเลี้ยงหนูแฮมเตอร์ไปทำไม. ถ้าอยากเลี้ยงไว้ลูบคลำเล่น ให้เลือกพันธุ์ที่ใจเย็นเลี้ยงง่ายจะดีกว่า อย่าง Syrian แต่ถ้าคุณชอบดูแฮมสเตอร์วิ่งเล่นไปมาในกรงของมัน ก็ให้เลือกพันธุ์เล็กแสนไฮเปอร์อย่างพวก Dwarf นั่นแหละเหมาะ

ถึงเวลาซื้อหนูแฮมเตอร์ที่ใช่

ซื้อ หนู แฮม เตอร์ ที่ไหน ดี

1. เลือกร้านหนูแฮมเตอร์ดีๆ หน่อยหรือจะไปตามฟาร์มเลยก็ได้. เลือกร้านเล็กๆ ที่เขาเน้นขายแฮมสเตอร์เลยจะดีกว่าร้านใหญ่ที่ขายมั่วไปหมด เพราะจะได้มีหลากหลายกว่า แถมแปลว่าเจ้าของเขารู้ลึกและใช้เวลากับแฮมสเตอร์ที่เลี้ยงมาจริงๆ คุณจะได้หนูแฮมเตอร์ที่แข็งแรงสุขภาพดี พร้อมย้ายไปอยู่บ้านของคุณ

ซื้อ หนู แฮม เตอร์ ที่ไหน ดี

2. สังเกตกรงและที่อยู่ที่กินของหนูแฮมเตอร์. จุดสำคัญเลยคือต้องสะอาด พร้อมไปด้วยน้ำสะอาด อาหารสดใหม่ และที่รองนอน อย่าลืมของเล่นหรือพื้นที่ไว้ให้แฮมสเตอร์ออกกำลังกายด้วย

  • ถ้าในกรงมีแฮมสเตอร์อยู่รวมกันหลายตัว แสดงว่ายังเล็กอยู่ ลองสังเกตดูว่าแฮมสเตอร์แต่ละตัวมีปฏิสัมพันธ์กันยังไง สัญญาณที่ดีคือถ้าแฮมสเตอร์ตื่นอยู่ ต้องร่าเริงและอยากรู้อยากเห็น แต่อย่าให้ถึงขั้นก้าวร้าวใส่กันและกันล่ะ
  • แฮมสเตอร์ต้องดูอิ่มหมีพีมัน และสะอาดสะอ้านสวยงาม ตาต้องมันวาวส่วนขนสวยเป็นประกาย

ซื้อ หนู แฮม เตอร์ ที่ไหน ดี

3. ลองสอบถามพนักงานหรือเจ้าของฟาร์มดู. อีกวิธีที่จะบอกได้ว่าร้านหรือฟาร์มนั้นดีหรือเปล่า ก็คือปฏิกิริยาท่าทางของคนในร้าน/ฟาร์ม ลองสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับหนูแฮมเตอร์ดู อย่างพวกอายุและสายพันธุ์ พนักงานควรจะมีความรู้เป็นอย่างดีและพร้อมอธิบายอย่างเต็มใจ

  • ลองสอบถามประสบการณ์จากลูกค้าคนอื่นๆ ถ้าคุณไม่แน่ใจว่าร้านหรือฟาร์มนี้ใช่สำหรับคุณหรือเปล่า ให้ลองถามทางร้านดูหรือจะ search ในเน็ตก็ได้ ว่ามีใครเคยซื้อแฮมสเตอร์จากร้านนี้บ้าง แล้วมีความคิดเห็นหรือประสบการณ์ยังไง อาจจะลองถามดูก็ได้ ว่าพอซื้อกลับไปบ้านแล้วแฮมสเตอร์มีพฤติกรรมหรือสุขภาพเป็นยังไงบ้าง

ซื้อ หนู แฮม เตอร์ ที่ไหน ดี

4.ขอลองอุ้มลองจับหนูแฮมเตอร์ก่อนตัดสินใจซื้อ. ถ้าคุณอยากได้พันธุ์ที่อุ้มเล่นจับเล่นได้ ให้ลองถามทางร้านดูว่าขอลองจับก่อนได้ไหม คุณจะได้สังเกตลักษณะท่าทางที่ดีหรือน่าสนใจก่อนตัดสินใจซื้อ

  • ความเชื่อง – ต้องเป็นแฮมสเตอร์ที่อุ้มแล้วไม่เครียดหรือตื่น คือต้องไม่ขบ กัด หรือดิ้นหนีเอาเป็นเอาตาย
  • ท่าทางอยากรู้อยากเห็น ไม่ตื่นตกใจ – หนูแฮมเตอร์ที่คุณเลือกควรจะสงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับสิ่งต่างๆ รอบตัว ไม่ใช่กลัวจนหัวหด ถ้าแฮมสเตอร์มองไปรอบๆ หรือทำจมูกดุ๊กดิ๊กดมหาอาหาร แสดงว่าแฮมสเตอร์กำลังผ่อนคลายสบายใจอยู่

ซื้อ หนู แฮม เตอร์ ที่ไหน ดี

5. พยายามเลือกลูกหนูแฮมเตอร์ที่แข็งแรง. แฮมสเตอร์จะมีชีวิตอยู่ได้ประมาณ 2 – 3 ปีเท่านั้น เลือกตัวที่แข็งแรงมีความสุขแต่แรกจะดีกว่า ก่อนซื้อให้คุณลองสังเกตลักษณะท่าทางเด่นๆ ตามนี้ดู

  • ตา จมูก และปากสะอาดใสแจ๋ว
  • จมูกแห้ง ไม่ชื้นแฉะ
  • ขนมันวาว
  • เดินวิ่งคล่องแคล่ว ไม่เป๋ไปมา
  • ฟันไม่ยาวเกินไป
  • นิสัยร่าเริงเป็นมิตร
  • ขนไม่ร่วง
  • ไม่มีก้อนนูนตามขนตามตัว

ซื้อ หนู แฮม เตอร์ ที่ไหน ดี

6. พาแฮมสเตอร์กลับบ้าน. ร้านขายหรือฟาร์มเพาะพันธุ์อาจจะเอาแฮมสเตอร์ใส่กล่องเล็กๆ ให้คุณเอากลับบ้าน ซึ่งจะทำให้แฮมสเตอร์รู้สึกเหมือนถูกขังหรือตื่นกลัวจนตะกุยหรือเคี้ยวกล่องและวิ่งพล่านไปมาได้

  • คุณต้องรีบพาแฮมสเตอร์ตรงกลับไปบ้านทันที อย่าให้เครียดจนแฮมสเตอร์แหกกล่องหนีไปได้!

เตรียมที่เตรียมทางต้อนรับหนูแฮมเตอร์

ซื้อ หนู แฮม เตอร์ ที่ไหน ดี

1. ถ้ามีอาการแพ้ อย่าเลี้ยงแฮมสเตอร์เลย. เช็คดูให้แน่ใจก่อน ว่าคุณไม่ได้แพ้ตัวแฮมสเตอร์เองหรือวัสดุที่ใช้ทำรัง แล้วค่อยตัดสินใจเลี้ยง วิธีดูง่ายๆ ก็คือสังเกตอาการของตัวเองตอนคุณอยู่ที่ร้านหรือฟาร์ม ตรงโซนแฮมสเตอร์หรือสัตว์ฟันแทะอื่นๆ นอกจากตัวแฮมสเตอร์เองแล้ว วัสดุที่ใช้ทำรังก็ฝุ่นเยอะอยู่เหมือนกัน เพราะงั้นต้องแน่ใจก่อนว่าคุณไม่ได้มีอาการแพ้ใดๆ ก่อนตัดสินใจพาแฮมสเตอร์เข้าบ้าน

ซื้อ หนู แฮม เตอร์ ที่ไหน ดี

2.คุณมีเวลาและความรับผิดชอบพอไหม. ถามตัวเองดู ว่ามีเวลาและมีกะจิตกะใจพอจะดูแลเอาใจใส่น้องหนูตัวใหม่หรือเปล่า แฮมสเตอร์นั้นเลี้ยงค่อนข้างง่ายก็จริง แต่ก็ยังต้องหมั่นเปลี่ยนน้ำเปลี่ยนอาหารทุกวันไม่ให้ขาดอยู่ดี นอกจากนี้กรงก็ต้องสะอาดอยู่เสมอ และคุณก็ต้องคอยสังเกตด้วย ว่าแฮมสเตอร์ของคุณอยู่ดีมีสุขหรือเปล่า

ซื้อ หนู แฮม เตอร์ ที่ไหน ดี

3. ให้อาหารและน้ำหนูแฮมเตอร์อย่าให้ขาด. แฮมสเตอร์ต้องได้รับอาหารและน้ำที่สดใหม่และเพียงพอในแต่ละวัน ห้ามให้อาหารน้อยไปเด็ดขาด แต่ถ้าให้มากไป แฮมสเตอร์ก็จะอมซ่อนอาหารไว้จนแก้มตุ่ย หรือเอาไปซุกไว้ตามรังแทน

ซื้อ หนู แฮม เตอร์ ที่ไหน ดี

4. ต้องมีทุนทรัพย์มากพอ. เลี้ยงสัตว์ไม่ว่าตัวอะไรก็ต้องใช้เงินทั้งนั้น คุณต้องแน่ใจว่ามีเงินมากพอจะจ่ายค่าต่างๆ ได้ อย่างค่าหมอ ค่าอาหาร ของเล่น วัสดุทำรัง และอื่นๆ ที่จำเป็นต่อแฮมสเตอร์

ซื้อ หนู แฮม เตอร์ ที่ไหน ดี

5. สร้างที่อยู่ที่กินที่เหมาะสมสำหรับแฮมสเตอร์. ต้องเตรียมทุกอย่างไว้ให้พร้อมก่อนพาน้องหนูตัวใหม่เข้าบ้าน สิ่งที่ควรเตรียมก็คือ

  • กรงโล่งกว้าง — หนูแฮมเตอร์ชอบเจาะโพรง ซ่อนตัว และสำรวจ เพราะฉะนั้นกรงต้องกว้างพอให้แฮมสเตอร์ได้ทำกิจกรรมตามใจชอบ
  • ปิดทางหนีทีไล่ — หนูแฮมเตอร์น่ะหายตัวเก่งยังกับนักมายากล ถ้ากรงคุณเป็นแบบลูกกรงซี่ๆ ละก็ ต้องซี่ถี่และแน่นหนาแข็งแรงพอกันไม่ให้แฮมสเตอร์แทะหรือลอดหนีออกไปได้ ที่สำคัญคือไม่ว่ากรงแบบไหนก็ต้องมีฝาปิดมิดชิดแข็งแรง
  • ที่ใส่น้ำและอาหาร — คุณต้องเปลี่ยนน้ำและอาหารใหม่ให้แฮมสเตอร์ทุกวัน แฮมสเตอร์จะกินน้ำจากขวดน้ำได้สะดวกกว่า ข้อดีก็คือช่วยประหยัดเนื้อที่ได้ด้วย
  • มีอะไรไว้ให้เคี้ยวเล่น — ฟันของสัตว์ฟันแทะจะงอกยาวออกมาเรื่อยๆ ไม่ยอมหยุด เว้นแต่จะมีอะไรให้บดแทะ พวกของขบเคี้ยวที่คุณเลือกให้แฮมสเตอร์ต้องปลอดภัย (พวกแท่งของเล่นสำหรับไว้ให้แฮมสเตอร์แทะโดยเฉพาะ หาซื้อได้ตามร้านขายสัตว์เลี้ยงทั่วไป) จุดนี้ถือว่าสำคัญมากเลยสำหรับแฮมสเตอร์
  • วัสดุทำรัง — หนูแฮมเตอร์ชอบเจาะโพรง และมีอะไรไว้ให้พักผ่อนหย่อนใจ ให้คุณใช้ขี้เลื่อยไม้ญี่ปุ่น (aspen) หรือวัสดุนุ่มๆ อื่นๆ มาทำรังแสนสุขให้สมาชิกครอบครัวตัวใหม่ของคุณ อย่าพยายามใช้พวกไม้สน cedar หรือ pine wood เพราะเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจของแฮมสเตอร์

เคล็ดลับในการเลี้ยงหนูแฮมเตอร์

  • ถ้าจะหาวงล้อให้แฮมสเตอร์วิ่งเล่นออกกำลังกาย พยายามอย่าเลือกที่เป็นซี่ๆ เพราะแฮมสเตอร์จะเข้าไปติดได้
  • เล่นกับแฮมสเตอร์บ่อยๆ จะได้สร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน
  • ตอนที่จะไปรับแฮมสเตอร์กลับมาที่บ้าน อย่าลืมเตรียมกรงเดินทางที่ทำรังและใส่อาหารเตรียมไว้แล้วไปด้วย
  • กำมือแล้วยื่นให้แฮมสเตอร์ดม จากนั้นค่อยอุ้มแฮมสเตอร์ขึ้นมาอย่างเบามือ
  • อย่าอยู่ๆ ขยับตัวปุบปับ เพราะเดี๋ยวแฮมสเตอร์จะกลัวจนหนีไปหรือข่วนคุณเอาได้
  • ตอนเลือกแฮมสเตอร์ อย่าลืมเช็คเพศให้แน่นอนก่อนล่ะ
  • ก่อนรับแฮมสเตอร์จากร้านกลับมาบ้าน ควรให้แฮมสเตอร์ได้ขับถ่ายเรียบร้อยซะก่อน
  • ถ้าหาคนที่เคยมีประสบการณ์เลี้ยงแฮมสเตอร์มาก่อนไปเป็นเพื่อนด้วยก็จะดีมาก
  • ถ้าไม่ได้ซื้อตามร้าน จะลองหาแฮมสเตอร์มาอุปการะก็ได้ ศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ตามอินเทอร์เน็ตมีเยอะแยะไป
  • ตอนไปรับแฮมสเตอร์ พยายามแวะไปตอนบ่ายๆ เพราะแฮมสเตอร์จะได้ตื่นตัวกว่า
  • เวลาเอาแฮมสเตอร์ออกมาข้างนอก พยายามใส่ไว้ในลูกบอลแฮมสเตอร์หรือในกรง แบบนี้แฮมสเตอร์จะมีความสุขและตื่นเต้นเร้าใจกว่า
  • เวลาหยิบจับแฮมสเตอร์ต้องระวังให้มากๆ ไม่งั้นเดี๋ยวแฮมสเตอร์จะกลัวจนพาลไม่เชื่อใจคุณไปเลย

ซื้อ หนู แฮม เตอร์ ที่ไหน ดี

คำเตือนในการเลี้ยงหนูแฮมเตอร์

  • ถ้าอยู่ๆ พฤติกรรมของแฮมสเตอร์ก็เปลี่ยนไป ให้ลองพาไปหาหมอ เพราะอาจจะป่วยได้
  • แฮมสเตอร์ Dwarf บางทีก็กัดได้กัดดี เพราะงั้นมือใหม่เริ่มจากเลี้ยงแฮมสเตอร์ Syrian ก่อนดีกว่า เว้นแต่คุณชอบอะไรที่มันท้าทาย ถ้าคิดว่าแฮมสเตอร์กัดสักแผลสองแผลไม่เห็นเป็นไรละก็ เชิญเลือกแฮมสเตอร์ dwarf ตามสะดวก แฮมสเตอร์บางตัวอาจกัดมากหน่อยช่วงแรกๆ แต่พอเริ่มชินกับคุณก็ไม่กัดแล้วล่ะ
  • แฮมสเตอร์ที่ไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่อาจมีพฤติกรรมก้าวร้าวหงุดหงิดได้ ถ้าคุณว่างแค่วันละ 1 ชั่วโมงละก็ อย่าเสี่ยงเอาแฮมสเตอร์มาเลี้ยงจะดีกว่า
  • ถ้าคุณเลือกแฮมสเตอร์ dwarf ไม่ใช่ว่าจะเลี้ยงไว้ในกรงไหนก็ได้ คุณต้องหากรงสำหรับแฮมสเตอร์ dwarf โดยเฉพาะ จริงๆ แล้วทุกสายพันธุ์ก็ควรมีกรงที่แยกเฉพาะไปเลย

สิ่งของที่ใช้ในการเลี้ยงหนูแฮมเตอร์

  • กรงหนูแฮมสเตอร์ (จะเป็นกรงพลาสติก ตู้กระจกใส หรือเป็นลูกกรงซี่ๆ ก็ได้)
  • วัสดุทำรังและขี้เลื่อย (อย่าใช้ฟาง หญ้าแห้ง และไม้สนจำพวก cedar หรือ pine)
  • บ้านแฮมสเตอร์
  • ขวดน้ำ (อย่าใช้ชาม เดี๋ยวจะคว่ำเอาเปล่าๆ)
  • อาหารหนูแฮมสเตอร์
  • ชามอาหาร
  • ท่อวิ่งเล่นและของเล่นไม้อื่นๆ
  • ลูกบอลแฮมสเตอร์ (ถ้าเป็นแฮมสเตอร์ dwarf ก็ต้องเลือกลูกจิ๋วๆ หน่อย)
  • Mineral stone หรือเกลือก้อน
  • วิตามินเสริม
  • วงล้อสำหรับวิ่งออกกำลังกาย
  • แท่งขบเคี้ยวสำหรับแฮมสเตอร์
  • ขนมแฮมสเตอร์
  • ยาฆ่าเชื้อทำความสะอาดกรง
  • อาหารเสริม Probiotic (เฉพาะแฮมสเตอร์ dwarf)

เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับวิธีการเลือกหนูแฮมเตอร์ที่ใช่ ก่อนจะตัดสินใจนำหนูแฮมเตอร์มาเลี้ยง คุณควรพิจารณาตัวเองเสียก่อนว่าเหมาะกับตัวคุณหรือไม่ มีเวลาดูแลพวกมันมากพอหรือเปล่า จากวิธีการเลือกหนูแฮมเตอร์ก็คงจะบอกได้ว่าตัวคุณนั้นเหมาะที่จะเลี้ยงหนูแฮมเตอร์หรือไม่

ที่มาและการอ้างอิง

  1. http://pethamstercare.com/
  2. http://www.drsfostersmith.com/pic/article.cfm?articleid=2053
  3. http://animalwhoop.com/hamster-species-and-choosing-a-hamster/
  4. http://www.humanesociety.org/animals/hamsters/tips/hamster_housing.html?referrer=https://www.google.com/