Show
แน่นอนว่าอีเมล์ที่เข้ามายัง HR หรือแผนกบุคคลนั้น มีอีเมล์เข้ามาแต่ละวันเยอะมาก ซึ่งหากคุณส่งอีเมล์ที่ไม่มีความน่าสนใจเข้ามา หรือรายละเอียดไม่ครบถ้วน หรือจ่าหัวเรื่องไม่ชัดเจนแล้วละก็ อีเมล์ของคุณอาจไม่ถูกเปิดอ่านเลยก็ได้
2.ชื่ออีเมล์ใช้ชื่อจริง-นามสกุล
3.เกรินนำในหัวข้ออีเมล์ให้มีสาระครบถ้วนและชัดเจน 4.ชื่อไฟล์แนบ ควรเขียนชื่อไฟล์ Resume 5.ตรวจสอบก่อนส่งอีเมล์ ความผิดเกิดขึ้นได้เสมอ เพราะฉะนั้นเราควรอ่านทบทวนข้อความและดูไฟล์แนบ ก่อนส่ง หากส่งไปแล้วเกิดความผิดพลาดจะเห็นถึงความไม่เป็นมืออาชีพของเรา อีเมล์ที่ควรใช้ในการสมัครงาน ในปัจจุบันอีเมล์ที่เป็นทางการและนิยมใช้ในการสมัครงานมากที่สุดคือด้านล่างดังต่อไปนี้
สำหรับใครหลายคนโดยเฉพาะเด็กจบใหม่ที่กำลังมองหางานประจำ ส่งอีเมลสมัครงานไปกี่ครั้งเค้าก็เรียกสัมภาษณ์ทุกครั้ง ถ้าคุณเกิดเบื่อความสำเร็จในลักษณะนี้ ลองมาดู 10 วิธีการส่งอีเมลสมัครงานอย่างไรให้ “ไม่ได้งาน” กันบ้าง ในครั้งนี้ทีมงานได้ไปลงพื้นที่พูดคุยกับหัวหน้าฝ่ายทรัพยากรบุคคลที่มีประสบการณ์ทำงานมากว่า 100 ปี รวมไปถึงผ่านการอ่านอีเมลสมัครงานมาแล้วนานกว่า 200 ปี เดี๋ยวเราจะพาทุกท่านไปดูกันว่าการส่งอีเมลสมัครงานแบบไหนที่ไม่ดี 1. ส่งอีเมลผิดบริษัท/ผิดคนการส่งอีเมลสมัครงานผิดบริษัท โดยเขียนเนื้อหาอีเมลถึงบริษัทหนึ่ง แต่ไปใส่ชื่ออีเมลของอีกบริษัท แสดงถึงความสะเพร่าขั้นรุนแรงจนทำให้ฝ่ายทรัพยากรบุคคลแทบจะไม่รับพิจารณาคุณเข้ามาเลย ข้อนี้จะยิ่งได้ผลมาก ถ้าหากคุณส่งอีเมลไปหาบริษัทคู่แข่ง นั่นจะทำให้เขาเข้าใจว่าคุณตั้งใจจะส่งใบสมัครไปหาทั้งสองบริษัท บริษัทไหนให้ข้อเสนอดีก็เอาอันนั้น รับรองว่านอกจากเขาจะไม่รับเราแล้ว เราจะถูกเข้าไปใน Black List อีกด้วย 2. Attach File ให้ผู้รับไม่อยากโหลดการแนบไฟล์ก็เป็นเรื่องสำคัญนะครับ โดยปกติแล้วเราควรตั้งชื่อไฟล์ให้ชัดเจน เปิดผ่านโทรศัพท์ได้สะดวก รวมไปถึงไม่ควร Compress หรือบีบอัดไฟล์ให้เป็น .zip หรือ .rar และขนาดไฟล์ต้องกระทัดรัด ถ้าจำเป็นต้องแนบไฟล์ใหญ่จริงๆ ให้ใช้บริการที่เป็นมาตรฐานอย่าง wetransfer, Google Drive เป็นต้น ดังนั้นสิ่งที่คุณควรทำเพื่อไม่ให้เค้ารับเข้าทำงานคือต้องตั้งชื่อไฟล์ประหลาดๆ หรือชื่อไฟล์ที่ไม่สื่อถึงเนื้อหาของไฟล์ อย่าลืม Compress ไฟล์ด้วยนามสกุลที่เปิดยากๆ หน่อย และลองทำให้ไฟล์ใหญ่มากๆ ถ้าจะให้ดีก็แนบหนังเผื่อไปสักเรื่อง 3. ใช้ชื่ออีเมลประหลาดๆ ไปเลยการสร้างอีเมลด้วยชื่อและนามสกุลของเจ้าของดูจะเป็นเรื่องธรรมดาและออกจะดูเป็นทางการเกินไป การตั้งชื่ออีเมลสำหรับสมัครงานไม่ได้งานนั้นควรจะเป็นอีเมลเกรียนๆ ดูแล้วเหมือนเด็กๆ เอาไว้สมัครเกมออนไลน์ เช่น หรือ อะไรอย่างนี้เป็นต้น ชื่อเหล่านี้จะแสดงถึงความไม่ใส่ใจและไม่เป็นมืออาชีพ คุณจะถูกปรับตกอย่างแน่นอน 4. อย่าลืมสะกดคำให้ผิดบ้างการเขียนเนื้อหาสมัครงานโดยทั่วไปต้องมีความรอบคอบละเอียด ต้องตรวจคำผิดหลายครั้งก่อนกดส่ง แต่การสมัครงานของเราควรยกระดับไปอีกขั้น คือ การใส่คำสะกดผิดลงไปด้วย ยิ่ง คะ/ค่ะ ห้ามพิมพ์ถูกเด็ดขาด และถ้าจะให้ดีก็ใช้ภาษาสก๊อยไปเลย รับรองว่านอกจากจะไม่ได้งานแล้ว ฝ่ายบุคคลจะอารมณ์เสียไปทั้งวัน 5. เนื้อหาอีเมลใช้คำเหมือนคุยกับเพื่อนการสมัครงานโดยทั่วไปไม่ว่าจะตำแหน่งอะไร หรือเขียนถึงใคร เนื้อหาในอีเมลจะต้องสุภาพและเป็นทางการ ประหนึ่งว่าเรากำลังคุยกับบุคคลที่อายุมากกว่าเราสิบปี การใช้เนื้อหาในอีเมลด้วยความเป็นกันเองมากเกินไปเหมือนคุยกับเพื่อน เพราะคิดว่าตัวเองน่ารักคิกขุ จึงต้องใช้ความเป็นวัยรุ่นแสดงความแตกต่าง อาจจะถูกปรับตกได้อย่างง่าย 6. ส่งอีเมลทีเดียวให้ครบทุกบริษัทการสมัครงานแบบตรงไปตรงมาคือการค่อยๆ ส่งอีเมลถึงแต่ละบริษัทแบบ one by one ซึ่งการทำแบบนี้ทำให้ลดความผิดพลาดในการส่งไปได้แทบ 100% แต่อะไรช้าๆ แบบนั้นเราไม่ชอบ ส่งเมลรวดไปเลยให้ครบทุกบริษัทที่เราต้องการสมัครงาน ถึงแม้บางบริษัทจะเป็นคู่แข่งกันก็ตาม ซึ่งถ้าเราทำไม่ดีบางทีก็จะทำให้เขียนชื่อบริษัทผิดบ้าง ลืมลบนู่นนี่บ้าง ความโป๊ะทั้งหลายเหล่านี้ฝ่ายบุคคลบอกว่าเจอบ่อยมาก และค่อนข้างทำให้อารมณ์บูดได้อย่างดี 7. ใช้ภาพถ่ายชิคๆ คูลๆ เห็นหน้าไม่ต้องชัดการส่งภาพตรงชัดเจนเพื่อใช้ในการสมัครงานเป็นเรื่องปกติที่ทำให้ผู้ที่อ่านแฮปปี้ แต่ถ้าจะเอาให้สนุกต้องส่งภาพที่เห็นไม่ครบทั้งหน้า อาจจะหันซ้าย หันขวา ครอปให้ตกเฟรม หรือถ่ายรูปถอดเสื้อโชว์กล้ามก็แล้วแต่ชอบ ถ้าอยากให้เค้าเห็นว่ามีเพื่อนเยอะก็อาจจะถ่าย Selfie กับเพื่อนสัก 20 คนก็ได้ ทำให้ฝ่ายบุคคลต้องมานั่งเดาว่าไอ้คนที่ส่งมามันอยู่ตรงไหน 8. Portfolio หรือ Resume โง่ๆ ก็พอแล้วการทำ Portfolio หรือ Resume ให้สวยงาม รายละเอียดครบถ้วน จัดเลย์เอาท์ดี อ่านง่าย เป็นเรื่องสำหรับคนที่ตั้งใจสมัครงานแล้วถูกเรียกสัมภาษณ์ ดังนั้นเราไม่ต้องแนบอะไรที่มันดูดีไปหรอก เอาแค่ภาพถ่ายง่ายๆ เขียนอธิบายสองบรรทัดก็พอแล้ว 9. ตั้ง Subject ประหลาดๆ แค่เห็นก็ไม่อยากคลิกSubject หรือหัวเรื่องที่ดีคือองค์ประกอบของประโยคที่อ่านแล้วเข้าใจทันทีว่าต้องการสมัครงานที่บริษัทอะไร ในตำแหน่งไหน ซึ่งการทำอะไรแปลกๆ เพื่อเป็นการท้าทายฝ่ายบุคคลบ้างก็สนุกดี อย่างเช่นใส่ Subject ประมาณว่า “คลิกเข้าไปสิจ๊ะ จะได้รู้”, “สวัสดี รับเราสิ” อะไรประมาณนี้ การครีเอทีฟข้อความประหลาดใน Subject ทำให้เราสอบตกง่ายขึ้นแน่นอน ส่งเมลตอนดึกได้ไหมการแจ้งเตือนเมล์อาจจะเป็นการไปปลุกผู้อ่านได้
อย่างเช่นที่กล่าวไว้ใน ข้อ 1 คือเมื่อคุณส่งเมล์ในยามดึก อาจจะไปเป็นการปลุกผู้รับต้องเปิดอีเมล์อ่านในเวลากลางคืน ซึ่งส่วนใหญ่นี้มักจะเปิดผ่านมือถือ หรือแม้ว่าผู้รับนั้นไม่เปิดอ่านแต่เสียงเตือนบนมือถือก็อาจจะไปรบกวนการนอนของเขาได้
ส่งอีเมลสมัครงานยังไง ระบุชื่ออีเมล์ให้ชัดเจน ให้รู้ว่าส่งมาเพื่อสมัครงาน ... . ใส่ชื่อผู้รับ ตำแหน่ง และบริษัทให้ถูกต้อง ... . เปิดประโยคให้สุภาพ (Dear Mr. / Mrs. / Ms. (ชื่อผู้รับ) ... . เขียนแนะนำตัวคร่าว ๆ ให้ดูน่าสนใจ ... . ก่อนจบอีเมล อย่าลืมบอกช่องทางการติดต่อกลับ ... . ลงชื่อจบให้เหมาะสม เช่น Best regards, หรือ Yours sincerely,. สมัครงานช่วงไหนดีสุดถ้าคุณกำลังมองหางานใหม่ในช่วงปีใหม่ก็ควรเตรียมตัวตั้งแต่วันนี้ เพราะเดือนมกราคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการหางาน เนื่องจากบริษัทมักจะโพสต์หาพนักงานใหม่ในปีงบประมาณใหม่ ช่วงเดือนธันวาคมจึงเป็นโอกาสที่ดีในการเตรียมตัว
ส่งเรซูเม่อย่างไรให้ได้งานวิธีเขียนเรซูเม่สมัครงานให้น่าสนใจพร้อมตัวอย่าง. ประวัติส่วนตัว (Personal Information) ... . ประวัติการศึกษา (Education) (เรียงลำดับจากสูงสุด) ... . จุดมุ่งหมายในการทำงาน (Career Objective) กล่าวถึงความน่าสนใจของงานตำแหน่งงาน หรือเป้าหมายในการทำงานของผู้สมัคร ส่วนนี้อาจมีผลต่อการพิจารณาเงินเดือนและตำแหน่งงาน. |