ลวดเชื่อมนั้นมีอยู่หลายประเภท แต่ละประเภทก็มีหน้าที่และการใช้งานต่างกันไปตามชนิดของกระแสไฟฟ้าที่ใช้ ซึ่งปัจจัยในการเลือกลวดเชื่อมสามารถแบ่งเป็น 7 ปัจจัยหลัก ๆ ดังนี้ Show
ช่างเชื่อมมือใหม่หรือช่างเชื่อมมืออาชีพลองมาเรียนรู้ปัจจัยต่างๆ ในการเลือกลวดเชื่อม ว่าการเลือกลวดเชื่อมให้เหมาะสมกับงาน มีหลักในการพิจารณาอย่างไรก่อนลงมือปฎิบัติ เพื่อเป็นเกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆ ด้วยกัน 1. วิธีเลือกลวดเชื่อม ให้ตรงกับคุณสมบัติของชิ้นงานก่อนการเลือกลวดเชื่อม สิ่งแรกที่ควรรู้ คือ สารประกอบของโลหะหรือชิ้นงาน เพราะหากคุณต้องการให้งานเชื่อมของคุณมีความแข็งแรงและทนทาน คุณต้องเลือกลวดเชื่อมกับชิ้นงานให้ได้ หรือเลือกให้ใกล้เคียงกันมากที่สุด แต่ถ้าหากคุณยังไม่แน่ใจว่าชิ้นงาน หรือฐานโลหะของคุณนั้นเป็นโลหะชนิดใด ลองใช้คำถามข้างล่างนี้ในการหาคำตอบ เพื่อการพิจารณา
2. ความทนแรงดึง หรือแรงเค้นเพื่อป้องกันไม่ให้งานเชื่อมแตกร้าว หรือเชื่อมงานได้ไม่ต่อเนื่อง ให้เลือกลวดเชื่อมที่ความทนแรงดึงต่ำที่สุดกับความทนแรงดึงของโลหะ คุณสามารถจำแนกความทนแรงดึงของลวดเชื่อมโดยทำการเทียบตัวเลขสองตัวแรกที่ระบุไว้บนลวดเชื่อม กับสัญลักษณ์การเชื่อมตามมาตรฐานอเมริกัน (American Welding Society , AWS) เช่น เลข 60 บนลวดเชื่อม E6013 บอกถึงการเกิดเม็ดเชื่อมของโลหะเติม มีความทนแรงดึงต่ำสุดที่ 76,500 psi ซึ่งทำงานได้ดีกับเหล็กที่มีความทนแรงดึงเดียวกัน 3. การเลือกลวดเชื่อมตรงกับกระกระแสเชื่อมลวดเชื่อมบางชนิดใช้ได้กับไฟฟ้ากระแสตรง หรือกระแสสลับอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น ในขณะที่ลวดเชื่อมชนิดอื่น ๆ สามารถใช้ได้กับไฟฟ้าทั้ง 2 กระแส ทั้งนี้ AWS ระบุชนิดกระแสเชื่อมไว้ในสัญลักษณ์ตัวเลขลำดับที่ 4 ถึงประเภทของสารเคลือบและชนิดกระแสเชื่อมที่ทำงานร่วมกัน (ตามรูปภาพข้างต้น) นอกจากนี้ ชนิดของกระแสไฟยังมีผลต่อแนวเชื่อมที่เกิดอีกด้วย ตัวอย่างเช่น ลวดเชื่อมที่ใช้กระแสสลับ เช่น ลวดเชื่อม E6013 ให้แนวเชื่อมอาร์กนิ่มแบบหลอมลึก และควรใช้เชื่อมโลหะที่ใหม่และสะอาด 4. ความหนา รูปร่าง และรอยเชื่อมของชิ้นงานเหล็กหนาจำเป็นต้องใช้ลวดเชื่อมที่มีความเหนียวสูง ชนิดไฮโดรเจนต่ำ เพื่อกันไม่ให้งานเชื่อมแตกร้าว ซึ่ง AWS ของลวดเชื่อมที่ลงท้ายด้วยสัญลักษณ์ตัวเลข 15, 16 หรือ 18 นั้นระบุถึงลวดเชื่อมที่มีคุณสมบัติออกซิเจนต่ำ แข็งแรง ทนทาน(ค่าแรงอัดสูง) เพื่อรองรับความทนแรงดึง สำหรับเหล็กบาง อาจต้องใช้ลวดเชื่อมอาร์กนิ่ม เช่น ลวดเชื่อม E6013 และลวดเชื่อมที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางน้อย ที่ให้รอยเชื่อมที่ตื้นกว่า และเพื่อป้องกันไม่ให้ทินเนอร์ถูกเผา 5. ตำแหน่งที่เชื่อมเพื่อจำแนกว่าลวดเชื่อมแต่ละชนิดนั้นเหมาะกับงานเชื่อมตำแหน่งใด ให้สังเกตดูตัวเลข AWS ตำแหน่งที่ 3 ระบุตำแหน่งไว้ ดังนี้ 1 = ท่าราบ ท่าระดับ(ท่าขนานนอน) ท่าตั้ง และท่าเหนือศีรษะ 2 = ท่าราบ และท่าระดับเท่านั้น ตัวอย่าง ลวดเชื่อม E6013 สามารถใช้กับการเชื่อมท่าราบ ท่าระดับ ท่าตั้ว และท่าเหนือศีรษะได้ 6. เงื่อนไขข้อจำกัด และบริการหากงานเชื่อมถูกใช้ในความร้อนสูง หรือสภาพอุณหภูมิต่ำ ที่ต้องกระทบแรงกระแทกซ้ำๆ ลวดเชื่อมชนิดไฮโดรเจนต่ำที่มีความเหนียวสูงจะช่วยลดโอกาสการแตกร้าวของรอยเชื่อม เช่นเดียวกับงานเชื่อมภาชนะรับแรงดัน หรือหม้อไอน้ำ ที่คุณต้องเลือกลวดเชื่อมชนิดเฉพาะเจาะจงให้เหมาะสมกับงานเชื่อมของคุณ 7. สภาพแวดล้อมของงานเพื่อให้ได้งานเชื่อมที่มีคุณภาพตรงตามที่ผู้ออกแบบต้องการ อย่าลืมกำจัดเปลือกสนิมเหล็ก(mill scale) สนิม ความชื้น สี และไขมันออกทุกครั้งก่อนลงมือปฎิบัติ เพราะการทำความสะอาดชิ้นงานจะช่วยป้องกันการสึกกร่อน และยังทำให้คุณทำงานเชื่อมได้ไวยิ่งขึ้น หลักการพิจารณาข้างต้นช่วยให้ผู้เชื่อมสามารถเลือกลวดเชื่อมได้ตรงกับความประสงค์ และเหมาะกับชิ้นงานที่เชื่อม อย่างไรก็ตาม เนื่องจากลวดเชื่อมนั้นมีอยู่หลายชนิด 1 วิธีการอาจไม่ช่วยไขปัญหาได้
|