ความหมายของทรัพยากรสารสนเทศ ประโยชน์ของทรัพยากรสารสนเทศ ประเภทและลักษณะของทรัพยากรสารสนเทศ ทรัพยากรสารสนเทศประเภทวัสดุตีพิมพ์ 2. สิ่งพิมพ์ต่อเนื่อง (Serials) หมายถึง สิ่งพิมพ์ที่จัดทำขึ้นเพื่อบันทึกและเผยแพร่ความรู้ ข้อมูล
โดยมีกำหนดออกต่อเนื่องกันตามเวลาที่กำหนดไว้ ได้แก่ ทรัพยากรสารสนเทศประเภทวัสดุไม่ตีพิมพ์ (Nonprint Materials) หมายถึง ทรัพยากรสารสนเทศรูปแบบอื่น ๆ ที่ให้ความรู้ความคิดผ่านทางตา ทางหู ทำให้เกิด ความเข้าใจในการเรียนรู้ได้เร็วขึ้น แบ่งออกเป็นประเภทได้ ดังนี้ 3. ทรัพยากรสารสนเทศประเภทวัสดุอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Materials) เป็นวัสดุที่จัดเก็บสารสนเทศในรูปของสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ ต้องมีเครื่องแปลงสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ ให้เป็นสัญญาณภาพและเสียง วัสดุอิเล็กทรอนิกส์ แบ่งออกได้ ดังนี้ ความหมายของหนังสืออ้างอิง ประโยชน์ของหนังสืออ้างอิง หนังสืออ้างอิงจะมีลักษณะทั่ว ๆ ไปดังนี้ การแบ่งประเภทของหนังอ้างอิง ตามลักษณะของเนื้อหา ของหนังสืออ้างอิง การแบ่งประเภทของหนังสืออ้างอิง ในลักษณะนี้ สามารถแบ่งออกได้เป็น 9 ประเภท คือ
วิธีใช้พจนานุกรม พจนานุกรมแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ พจนานุกรมที่ควรรู้จัก วิธีใช้พจนานุกรม
2. สารานุกรม (Encyclopedias) เป็นหนังสืออ้างอิงที่มีความสำคัญและใช้กันอย่างแพร่หลายในฐานะที่เป็นแหล่งสรรพวิยาความรู้อันเป็นพื้นฐานโดยทั่วๆ ไป โดยรวบรวมความรู้ในสาขาวิชาต่างๆ โดยเฉพาะเขียนโดยผู้ทรงคุณวุฒิในแต่ละสาขาวิชา แล้วนำมาเรียบเรียงไว้ตามลำดับตัวอักษร หรือแบ่งเป็นหมวดหมู่วิชา สารานุกรมมีทั้งเล่มเดียวจบและเป็นชุดหลายเล่มจบ ลักษณะเฉพาะของสารานุกรม ประโยชน์ของสารานุกรม สารานุกรมสามารถจำแนกได้ 2 ประเภท คือ สารานุกรมที่ควรรู้จัก วิธีใช้สารานุกรม 3. หนังสือรายปี
หรือหนังสือคู่มือ (Almanacs, Yearbook) หมายถึง หนังสือที่รวมรวบเหตุการณ์สำคัญ ๆ และเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในรอบปีที่ผ่านมารวมทั้งสถิติต่าง ๆ จะออกเป็นประจำทุก ๆ ปี มีทั้งของรัฐบาลและเอกชนมี 3 ประเภท 4. อักขรานุกรมชีวประวัติ (Biographical Dictionaries) ให้ความรู้เกี่ยวกับประวัติบุคคลสำคัญเรียงตามลำดับอักษร บอกชื่อ ปีเกิด ปีตาย ภูมิลำเนาพื้นฐานการศึกษา ผลงานที่สำคัญ อาชีพ ตำแหน่งหน้าที่การงาน เป็นหนังสือที่ให้รายละเอียด เกี่ยวกับบุคคลสำคัญ มีลักษณะดังนี้
6. สิ่งพิมพ์รัฐบาล (Government Publications) ให้ความรู้เกี่ยวกับการปฏิบัติงานของรัฐบาลหรือความรู้ในแขนงวิชาต่าง ๆ หน่วยราชการเป็นผู้รับผิดชอบจัดพิมพ์ เผยแพร่ผลการปฏิบัติงานให้ประชาชนมี 3
ประเภท 7. บรรณานุกรม (Bibliographies) ให้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับรายชื่อหนังสือหรือ สิ่งพิมพ์ต่าง ๆ รายละเอียดเกี่ยวกับชื่อผู้แต่ง ชื่อหนังสือ สถานที่พิมพ์
สำนักพิมพ์ ปีที่พิมพ์ จำนวนหน้า ราคา เช่น 8. ดรรชนีวารสาร (Periodical Indexes) หมายถึง หนังสือที่รวบรวมรายชื่อของบทความที่ตีพิมพ์ในวารสารต่าง ๆ ให้รายละเอียดของ แต่ละรายชื่อตามลำดับดังนี้ ชื่อ นามสกุล ผู้เขียนบทความ ชื่อบทความ ชื่อวารสาร ปีที่หรือเล่มที่ ฉบับที่ (เดือน ปี พ.ศ.) หน้าที่ปรากฏบทความ เช่น 9. นามานุกรมไทย (Directories) ให้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับรายชื่อต่าง ๆ เช่น ชื่อบุคคล องค์กร บริษัท ห้างร้าน สถาบัน สมาคม หรือหน่วยราชการต่าง ๆ โดยเรียบเรียงตามตัวอักษรเพื่อความสะดวกในการ ค้นหารายชื่อ เช่น เครื่องมือช่วยค้นในหนังสืออ้างอิง วิธีการใช้หนังสืออ้างอิง ส่วนประกอบของหนังสือ ส่วนประกอบของวารสาร ส่วนประกอบของหนังสือพิมพ์ การจัดหมู่หนังสือความหมายของการจัดหมู่หนังสือ ความสำคัญของการจัดหมู่หนังสือ ประโยชน์ของการจัดหมู่หนังสือ ระบบการจัดหมวดหมู่หนังสือที่ควรทราบ การจัดหมู่หนังสือระบบทศนิยมของดิวอี้ หมู่ หรือการแบ่งครั้งที่ 2 คือ การแบ่งหมวดใหญ่แต่ละหมวดออกเป็น 10 หมู่ (รวมเป็น 100 หมู่) โดยใช้เลขหลัก 10 แทนหมู่วิชา เช่น ในหมวด 000 (หมวดเบ็ดเตล็ด) หมู่ย่อย หรือการแบ่งครั้งที่ 3 คือการแบ่งแต่ละหมู่ออกเป็น
10 หมู่ย่อย (รวมเป็น 1,000 หมู่ย่อย) โดยใช้เลขหลักหน่วยแทนหมู่ย่อย เช่น นอกจากการแบ่งหมู่ย่อยแล้ว
ยังสามารถแบ่งให้ละเอียดหรือเฉพาะเจาะจงมากขึ้นโดยการใส่จุดทศนิยมดังตัวอย่าง ระบบทศนิยมของดิวอี้ จะแบ่งหมวดหมู่หนังสือตามลักษณะเนื้อหาของหนังสือ ยกเว้น ในหมวด 800 แบ่งตามลักษณะการประพันธ์ โดยจะเริ่มจากเรื่องที่กว้าง
ๆ ไปหาเรื่องที่ย่อยหรือเฉพาะเรื่อง ดังตัวอย่าง จากการจัดหมวดหมู่ระบบทศนิยมของดิวอี้ได้มีการนำไปใช้กันอย่างแพร่หลาย เพราะเป็นระบบที่ใช้ง่าย เหมาะสมกับห้องสมุดขนาดเล็กจนถึงขนาดกลาง หรือมีหนังสือยังไม่มากนักแต่สำหรับห้องสมุดขนาดใหญ่ ที่มีหนังสือมากจะทำให้เลขหมู่หนังสือ มีทศนิยมหลายตำแหน่ง จะทำให้ไม่สะดวกต่อการดำเนินงาน และการค้นหาหนังสือ การจัดหมวดหมู่หนังสือระบบหอสมุดรัฐสภาอเมริกัน
การจัดหมวดหมู่หนังสือ เป็นการแบ่งกลุ่มประเภทเนื้อหาของหนังสือให้หนังสือประเภทที่มีเนื้อหาเหมือนกันหรือใกล้เคียงกันมาอยู่รวมกันแล้วใช้สัญลักษณ์เป็นตัวเลข หรือตัวอักษรตามที่กำหนดไว้ในระบบ เขียนไว้ที่สันหนังสือ ทุกเล่ม ทั้งนั้นเพื่อให้ง่ายต่อการแยกจัดเก็บไว้ในชั้นสะดวกต่อการค้นหาของผู้ใช้ บริการสัญลักษณ์ที่เขียนกำกับไว้บนสันหนังสือนี้เรียกว่า เลขเรียกหนังสือ (Call Number) ซึ่งประกอบด้วยส่วนต่าง ๆ ดังนี้
การจัดเรียงหนังสือบนชั้น หลักการเรียงหนังสือขึ้นชั้น ในระบบทศนิยมของดิวอี้ 004 004.03 004.16 004.6 004.68 ถ้าเลขหมู่ซ้ำกัน จัดเรียงตามลำดับอักษรตัวแรกของชื่อผู้แต่ง เช่น
การระวังรักษาหนังสือ วิธีปฏิบัติดังกล่าวข้างต้น จะทำให้หนังสือใหม่เปิดอ่านได้ง่ายตลอดทั้งเล่ม ไม่พลิกกลับไปกลับมา เนื่องจากหน้าหนังสือจะเปิดตามรอยพับที่ถูกสร้างขึ้น และเพื่อให้หนังสือเล่มนั้นๆ มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน และคงทน การอ่านหนังสือในคราวต่อไปควรปฏิบัติให้ถูกต้อง
ดังนี้ “หากผู้ใช้ใจปรานี” กรรมใดหนอเจาะจงส่งให้ข้า
ต้องเกิดมาเป็นหนังสือมีชื่อเสียง ดาวโหลดไฟล์งาน หน่วยที่ 4 .docx หน่วยที่ 4 .pdf ห้องสมุดโรงเรียนเป็นห้องสมุดประเภทใดห้องสมุดโรงเรียน หมายถึง ห้องสมุดที่จัดตั้งขึ้นในโรงเรียนหรือ สถานที่การศึกษาที่ต่ำกว่าระดับอุดมศึกษามีวัตถุประสงค์ สำคัญเพื่อให้เป็นศูนย์กลางของการเรียนของนักเรียน และการสอนของครู ห้องสมุดโรงเรียนจะจัดหาวัสดุตามหลักสูตรเพื่อให้บริการ แก่นักเรียน และครู ความสำคัญอีกอย่างคือ เป็นการปลูกฝังนิสัยรักการอ่านของนักเรียน
ห้องสมุดจัดเก็บข้อมูลประเภทใดห้องสมุด คือแหล่งรวบรวมทรัพยากรสารสนเทศทุกประเภท ทั้งที่เป็นวัสดุตีพิมพ์ วัสดุไม่ตีพิมพ์ และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ มีการคัดเลือกและจัดหาเข้ามาอย่างทันสมัย สอดคล้องกับความต้องการและความ สนใจของผู้ใช้ มีบรรณารักษ์เป็นผู้ด าเนินงานและจัดบริการต่างๆอย่างเป็นระบบ ความส าคัญของห้องสมุด
ห้องสมุดใดเป็นห้องสมุดประชาชนห้องสมุดสาธารณะ (อังกฤษ: Public library) หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ห้องสมุดประชาชน หมายถึง ห้องสมุดที่ให้บริการสำหรับประชาชนทุกอาชีพ ทุกเพศทุกวัย ไม่จำกัดอายุ เพื่อเป็นศูนย์ข้อมูล ส่งเสริมการเรียนรู้ เป็นศูนย์กลางการจัดกิจกรรมของชุมชน เพื่อพัฒนาเครือข่ายการเรียนรู้ของชุมชนต่าง ๆ ในลักษณะและกิจกรรมของห้องสมุด โดย ...
ห้องสมุดใดดำเนินการโดยรัฐ๑. ห้องสมุดแห่งชาติ
นับเป็นห้องสมุดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ดำเนินการโดยรัฐบาล ทำหน้าที่หลักคือ รวบรวมหนังสือสิ่งพิมพ์ และสื่อความรู้ทุกอย่าง ที่ผลิตขึ้นในประเทศ และทุกอย่างที่เกี่ยวกับประเทศ ไม่ว่าจะจัดพิมพ์ในประเทศใด ภาษาใด ทั้งนี้เป็นการอนุรักษ์สื่อความรู้
|