27 มิ.ย. 2022 รัฐควบคุมราคาสินค้า ไม่ได้มีแต่ข้อดีเสมอไป /โดย ลงทุนแมน แม้ว่าการควบคุมดูแลราคาสินค้า จะส่งผลดีต่อผู้บริโภคที่ไม่ต้องใช้ของในราคาแพงเกินไป แล้วการเข้าไปควบคุมราคาสินค้า
ส่งผลกระทบอะไรบ้าง ? หรืออีกมุมหนึ่งก็เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมหลัก ที่เกี่ยวข้องกับประชากรในประเทศเป็นจำนวนมาก อย่างในประเทศไทยก็คือ ภาคการเกษตร หากพูดถึงการตรึงราคาสินค้าและบริการแล้ว เราก็มักจะนึกถึงสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น น้ำมัน ก๊าซหุงต้ม ข้าว ซึ่งก็รวมไปถึงราคาค่ารถโดยสารสาธารณะต่าง ๆ ด้วย แต่มีนักเศรษฐศาสตร์จำนวนไม่น้อย มองว่านโยบายการควบคุมราคาสินค้าและบริการ ที่ดำเนินการโดยรัฐบาลนั้น มักไม่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากรัฐบาลเข้ามาแทรกแซงราคาสินค้านานเกินไป กลับกลายเป็นว่ามันจะก่อให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็น - ทำให้เกิดภาระทางเศรษฐกิจของประเทศ ตัวอย่างที่ใกล้ตัวที่สุดคือ การตรึงราคาพลังงานที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศไทย อย่างกรณีของราคาน้ำมันขายปลีกนั้น ข้อมูลจากสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2565 ระบุว่าราคาน้ำมันขายปลีกดีเซล B7 อยู่ที่ 34.94 บาทต่อลิตร โดยที่ปัจจุบันรัฐบาลช่วยจ่ายให้เรา เพื่ออุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลที่ 10.92
บาทต่อลิตร ผ่านกองทุนน้ำมัน น้ำมันดีเซลนั้นถือเป็นต้นทุนที่สำคัญในหลายภาคส่วน ตั้งแต่ภาคเกษตรกรรม ภาคการผลิตในโรงงาน ภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งภาคขนส่ง แน่นอนว่า การอุดหนุนราคาน้ำมันนั้น จะช่วยให้ประชาชนได้ใช้น้ำมันในราคาที่ถูกลง และเยียวยาภาระค่าครองชีพไปได้บ้าง แต่การอุดหนุนราคาน้ำมันนั้น มีต้นทุนมหาศาล เพราะที่ผ่านมา ซึ่งถ้ากองทุนน้ำมันทำแบบนี้ต่อไปตลอดทั้งปี นอกจากนั้น หากการควบคุมราคาสินค้า กินระยะเวลายาวนานเกินไป ก็จะทำให้กลไกราคานั้นไม่ได้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงด้วย ยิ่งถ้าผู้บริโภคเชื่อว่ารัฐบาลจะยังคงอุดหนุน หรือตรึงราคาต่อไปเรื่อย ๆ
- ส่งผลเสียต่อผู้ผลิต และอาจนำไปสู่ตลาดมืด สินค้าบางอย่าง แม้ว่ารัฐบาลอาจจะไม่ได้มีภาระในการใช้เงินเข้าไปอุดหนุน แต่การที่ผู้ผลิตต้องถูกควบคุมราคาขายสินค้านั้น ซึ่งในทางเศรษฐศาสตร์ก็เป็นเพียงการผลักภาระต้นทุนทางเศรษฐกิจ
จากฝั่งผู้บริโภคมาให้ผู้ผลิตเท่านั้น แต่ในระยะยาวนั้น ผู้ผลิตที่ถูกควบคุมราคาขายสินค้า มีโอกาสที่จะผลิตสินค้าและบริการออกมาสู่ตลาดน้อยลง อย่างกรณีของรถโดยสารขนส่งสาธารณะที่กำลังขาดแคลน การควบคุมราคาสินค้า ยังทำให้ผู้ผลิตขาดแรงจูงใจในการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตใหม่ ๆ หรือขาดการลงทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต จนอาจส่งผลต่อการลงทุน การจ้างงาน และก่อให้เกิดผลเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศได้เช่นกัน รวมไปถึงอาจนำไปสู่การลักลอบนำสินค้าไปซื้อขายกันในตลาดมืด - เงินเฟ้ออาจเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง และทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อแฝงในระบบเศรษฐกิจ กรณีที่ชัดเจนที่สุดคือ กรณีของการตรึงราคาน้ำมันที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน ประเด็นสำคัญคือ การที่รัฐบาลต้องใช้เงินเข้าไปตรึงราคาน้ำมัน และก๊าซหุงต้มเป็นเวลานาน แต่ราคาสินค้าดังกล่าว กลับไม่ลดลงหรือยังเพิ่มขึ้น และทรงตัวอยู่ในระดับสูงยาวนาน สุดท้ายเมื่อเงินที่ใช้ตรึงราคาสินค้าเริ่มลดลง หรือต้นทุนทางเศรษฐกิจนั้นมากขึ้น และรัฐบาลต้องยกเลิกการตรึงราคาในภายหลัง เราก็มีโอกาสเจอกับเงินเฟ้อที่ผันผวนรุนแรง นอกจากนี้ การควบคุมราคาสินค้า อาจนำไปสู่สถานการณ์ เพราะการที่ผู้ผลิตไม่สามารถขึ้นราคาสินค้าได้ ผู้ผลิตจึงมักเลือกที่จะลดขนาดของผลิตภัณฑ์ เพื่อช่วยลดต้นทุนสำหรับผู้ผลิต อ่านมาถึงตรงนี้ เราน่าจะพอเข้าใจแล้วว่า การควบคุมดูแลราคาสินค้านั้น เนื่องจากภายใต้สถานการณ์การควบคุมดูแลราคาสินค้านั้น จะมีต้นทุนเกิดขึ้นเสมอ สรุปแล้ว การแทรกแซงราคาสินค้า
อาจดูเป็นสิ่งจำเป็น |