ต้องไปถึงสนามบินกี่โมง 2564

1.เผื่อเวลาเดินทางไปสนามบินเยอะๆ โดยปกติแล้ว ทุกสายการบิน จะอนุญาตให้เช็คอิน ก่อนเวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง ดังนั้นเราควรเดินทางไปถึงสนามบิน อย่างน้อย 2 ชั่วโมงตามนั้นแหละค่ะ (อย่างน้อยนะคะ)  แต่ในช่วงวันหยุดยาว หรือ ช่วงเวลาที่รถอาจจะติด (ในช่วงเย็น ของวันธรรมดา) เราอาจจำเป็นต้องเผื่อเวลามากขึ้น เพราะ การจราจรอาจติดขัดกว่าที่คิด

2. เมื่อเราเช็คอินเรียบร้อยแล้ว ควรรีบจัดการผ่านขั้นตอนการตรวจกระเป๋า (security check)  และ immigration เลย เพราะ หลายๆครั้ง ขั้นตอนเหล่านี้ ใช้เวลานานมาก เพราะ ผู้โดยสารเยอะ… บางคนคิดว่าเร็ว เลยเดินเล่นด้านนอกไปเรื่อยๆ รอจนใกล้เวลา boarding  แล้วค่อยเริ่มไป security check … ไปถึง เจอคิวยาวแสนยาวแล้วจะหนาว เสี่ยงตกเครื่องมากนะจะบอกให้ (ไม่ว่าสนามบินใดๆในโลก)

3. อย่าลืม ตรวจสอบว่า เครื่องของเราจะเรียกให้ขึ้นกี่โมง หรือ ที่เรียกว่า boarding time ซึ่งจะเป็นเวลาที่เค้าจะเรียกให้ผู้โดยสาร ขึ้นเครื่อง เตรียมตัวพร้อมเดินทาง…. โดยเวลาของ Boarding time จะเร็วกว่าเวลาที่เครื่องออกประมาณหนึ่งเลยนะคะ  บางคนคิดว่าเครื่องออก 10 โมง เราก็ชิลๆ เดินขึ้นเครื่องเอา 9.55 น.เหมือนเข้าโรงหนังได้ …  เอิ่ม.. มันไม่ใช่นะคะคุณ… เราต้องดูที่ตั๋วของเรา ที่ได้หลัง check in ระบุ borading time กี่โมง…  และ เราควรพร้อมที่ gate ณ เวลานั้น เพื่อรอเรียกชึ้นเครื่อง… เครื่องขึ้น 10 โมง boarding time อาจเป็นเวลา 9.20 ก็เป็นได้

==========

Shupatto Thailand กระเป๋าผ้านำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น

www.Facebook.com/ShupattoThailand

=========

4. อย่าลืม เช็คว่าเครื่องที่เราจะไป จอดอยู่ที่ Gate ไหน… จะได้กะเวลาเดินไปให้ทันเวลา boarding  เพราะ บางครั้ง gate ที่เราจะไป อยู่ไกลจากโซนช้อปปิ้ง อาจต้องเผื่อเวลาเดินไปเป็น 10 นาทีเชียวนะคะ ในบางประเทศ อาจเป็นอีก terminal เลย ซึ่งจะมีการนั่งรถไฟแยกออกไปอีก…  เวลาเรารู้ gate แล้ว เราควรเช็คด้วย ว่า gate นั้น อยู่ตรงไหน ใกล้ไกลอย่างไร… ไม่งั้นพอถึงเวลาใกล้ boarding แล้วอาจมีวิ่งขาขวิด สลบกลางทางได้เลยนะคะ (บางคนวิ่งไม่ทัน ตกเครื่องซะงั้น)

5. เรื่องของเวลา อย่าลืมตรงต่อเวลาด้วย…  อย่างที่เขียนไปด้านบน.. ขึ้นเครื่อง ไม่ใช่การเข้าโรงหนัง.. ต้องไปก่อนเครื่องออก และ ตรงเวลา เพราะ หากช้าไปเสี้ยววินาที ประตูเครื่องปิด คือ ปิด เท่ากับตกเครื่อง!! ซึ่งถ้าเราช้าเอง ไม่กะเวลาเอง … อย่าไปโทษใคร ให้โทษตัวเองล้วนๆ ที่ไม่พร้อม ไม่รู้จักรักษาเวลาเอง

***สำหรับการปฏิบัติตัวของผู้โดยสาร เบื้องต้นให้เป็นไปตามที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) กำหนด

หมายเหตุ: สายการบินจะช่วยอำนวยความสะดวกในการดำเนินการตามมาตรการคัดกรองท่ีจุดหมายปลายทาง แต่การตรวจสอบมาตรการต่าง ๆ เป็นหน้าที่ของผู้โดยสาร

อ้างอิง : CAAT News 33/2564 มาตรการเปิดให้บริการเที่ยวบินภายในประเทศ เริ่ม 1 กันยายน นี้ >> https://www.caat.or.th/th/archives/60282

ประกาศ กพท. เรื่อง แนวปฏิบัติสําหรับผู้ดําเนินการสนามบินและผู้ดําเนินการเดินอากาศในเส้นทางบินภายในประเทศในระหว่างสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ฉบับที่ 5) >> https://www.caat.or.th/th/archives/60273

ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสนามบิน เพื่อการใช้เวลาที่อาคาร
ผู้โดยสารได้อย่างคุ้มค่า นอกจากนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่รอยัลออร์คิดเลานจ์ คุณสามารถลิ้มรสอาหารที่ดีที่สุดและผ่อนคลายในบรรยากาศที่เงียบสงบอย่างแท้จริงในขณะที่รอเที่ยวบินของคุณ

หลังจากที่เคยรีวิวการขึ้นเครื่องบิน ช่วงคลายล็อกดาวน์โควิดเมื่อปี 64 ที่ผ่านมา รอบนี้ขอจะขอรีวิวการขึ้นเครื่องบินเดินทางในประเทศ ช่วงโควิดปี 65 กันบ้าง

รอบนี้ผู้เขียนเดินทางไปจังหวัดน่านเมื่อวันที่ 25 มี.ค. 65 ที่ผ่านมา หากเทียบกับการเดินทางเมื่อปีที่แล้ว พบว่า มีผู้โดยสารเดินทางในประเทศมากขึ้น มีการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ แต่ระเบียบบางข้อก็ยังเหมือนเดิม เพื่อป้องกันการระบาดของโควิด โดยเราจะขอสรุปให้อ่านง่ายๆ ดังนี้

1. ตรวจสอบมาตรการของจังหวัดปลายทางที่จะเดินทางไป เช่น เราจะไปจังหวัดน่าน พอตรวจสอบแล้วว่า ผู้เดินทางเข้าจังหวัดจะต้องฉีดวัคซีนโควิด-19 จำนวน 2 เข็มขึ้นไป

2. ก่อนเดินทางควรตรวจ ATK ด้วยตนเองก่อน และถ่ายรูปเอาไว้เพื่อความอุ่นใจ แม้ตอนนี้หลายสายการบินจะไม่มีการขอดูผลตรวจ ATK ก็ตาม แต่เพื่อเป็นการรับผิดชอบต่อสังคม ก็ควรจะตรวจไว้อุ่นใจตัวเราเอง และเพื่อนร่วมทาง

3. ควรโหลดแอปพลิเคชัน ไทยชนะ หมอพร้อม ติดไว้ในโทรศัพท์เพื่อความสะดวกในการเดินทาง หากสายการบิน หรือท่าอากาศยานต้องการขอดูประวัติการฉีดวัคซีน

4. ปัจจุบันสายการบินในประเทศยังไม่พร้อมให้บริการอาหารบนเครื่องบิน ฉะนั้นควรรับประทานอาหาร และน้ำดื่มให้พร้อมก่อนขึ้นเครื่อง

5. การนำเจลล้างมือ หรือแอลกอฮอล์ขึ้นเครื่องบินนั้นสามารถทำได้แต่ต้องมีปริมาณความจุไม่เกิน 350 มิลลิลิตร หรือ 12 ออนซ์ และต้องมีปริมาณรวมกัน ทั้งของเหลว เจล สเปรย์อื่นๆ สูงสุดได้ไม่เกินคนละ 1,000 มิลลิลิตร ซึ่งเราแนะนำให้ใส่ถุงซิปล็อกมาด้วยจะดีมาก

แต่ถ้าหากเป็นการโหลดใต้เครื่องบินนั้น ปริมาณความจุไม่เกิน 500 มิลลิลิตร หรือ 17 ออนซ์ มีปริมาณรวมกัน หรือรวมกับของเหลว เจล สเปรย์อื่นๆ สูงสุดได้ไม่เกินคนละ 2,000 มิลลิลิตร แต่ต้องมีปริมาตรรวมกันสูงสุดคนละไม่เกิน 2 ลิตร หรือ 2,000 มิลลิลิตร แนะนำให้ใส่ถุงซิปล็อกอีกเช่นกัน

6. หากจะขึ้นเครื่องต้องใช้ตั๋วโดยสาร หรือ Boarding Pass ที่เป็นกระดาษเท่านั้น โดยเราสามารถขอตั๋วโดยสารแบบกระดาษได้ที่เคาน์เตอร์เช็กอินของสายการบินนั้นๆ หรือจะเป็นตู้เช็กอินอัตโนมัติ (self check-in kiosk) หรือหากไม่แน่ใจก็สามารถสอบถามไปยังสายการบินที่เราจะใช้บริการเพื่อความสะดวกก่อนเดินทาง