สสวท. ร่วมน้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดไม่ได้ ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในโอกาสนี้จึงขอนำเสนอพระบรมราโชวาท ที่พระองค์ท่านทรงเคยพระราชดำรัสไว้ในงานที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา ซึ่งล้วนเป็นถ้อยคำที่ทรงแนะนำสั่งสอน ให้ทุก ๆ คน ได้รู้จักหน้าที่ของตน ขออัญเชิญ พระบรมราโชวาท ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ที่พระองค์ท่านเคยทรงพระราชดำรัสไว้ในงานเกี่ยวกับการศึกษาต่างๆ อาทิ ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร ของมหาวิทยาลัยต่างๆ ทุกๆ พระบรมราโชวาทล้วนเป็นถ้อยคำที่พระองค์ท่านทรงแนะนำ สั่งสอน ให้ทุกๆ ได้รู้จักหน้าที่ของตนเอง เผื่อใครกำลังท้อแท้เกี่ยวกับเรื่องเรียน มาอ่านไว้เป็นข้อคิด เตือนสติ เป็นหลักในการดำเนินชีวิตกันได้
“...การศึกษาขั้นมหาวิทยาลัยคือการศึกษาค้นคว้า เพื่อสร้างเสริมและสะสมความรู้ ความจัดเจน ในด้านวิชาการอย่างสูง และด้านการใช้ความคิดวิจารณญาณตามเหตุผลหลักวิชาความถูกต้อง ผู้มีปัญญาซึ่งได้ผ่านการศึกษาระดับนี้ จัดว่าเป็นบุคคลที่ทรงคุณค่า ผู้จะเป็นกำลังสร้างสรรค์ความเจริญมั่นคงทุกด้านของประเทศอย่างสำคัญต่อไป เหตุนี้ บัณฑิตทั้งหลายจึงมีหน้าที่รับผิดชอบเกิดขึ้น ที่จะต้องนำความรู้ ความคิด และความสามารถจัดเจนของตนออกปฏิบัติงาน เพื่อประโยชน์สุขของส่วนรวมและบ้านเมือง...” ความตอนหนึ่ง ในพระบรมราโชวาท
“...การศึกษาค้นคว้าที่สำคัญและจำเป็นอย่างแรก คือการศึกษาทางแนวลึก อันได้แก่การฝึกฝนค้นคว้าวิชาเฉพาะของแต่ละคน ให้เชี่ยวชาญชำนาญแตกฉานลึกซึ้ง และพัฒนาก้าวหน้าพร้อมกันนั้น ในฐานะนักปฏิบัติ ซึ่งจะต้องทำงานและแก้ปัญหาต่างๆ ร่วมกับผู้อื่นฝ่ายอื่นอยู่เป็นปรกติ ทุกคนจำเป็นต้องศึกษาทางแนวกว้างควบคู่กันไปด้วย การศึกษาตามแนวกว้างนี้ หมายถึง การศึกษาให้รู้ให้ทราบ ถึงวิทยาการสาขาอื่นๆ ตลอดจน ความรู้รอบตัวเกี่ยวกับสภาวะและวิวัฒนาการของบ้านเมืองและสังคมในทุกแง่มุม เพื่อช่วยให้มองเห็น ให้เข้าใจปัญหาต่างๆ อย่างชัดเจนถูกถ้วน และสามารถนำวิชาการด้านของตน ประสานเข้ากับวิชาด้านอื่นๆ ได้โดยสอดคล้องถูกต้อง และเหมาะสม...” ความตอนหนึ่ง ในพระบรมราโชวาท
“...การศึกษาหาความรู้จึงสำคัญตรงที่ว่า ต้องศึกษาเพื่อให้เกิด ความฉลาดรู้ คือรู้แล้วสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้จริงๆ โดยไม่เป็นพิษเป็นโทษ การศึกษาเพื่อความฉลาดรู้ มีข้อปฏิบัติที่น่ายึดเป็นหลักอย่างน้อยสองประการ ประการแรก เมื่อจะศึกษาสิ่งใดให้รู้จริง ควรจะให้ศึกษาให้ตลอด ครบถ้วนทุกแง่ทุกมุม ไม่ใช่เรียนรู้แต่เพียงบางส่วนบางตอน หรือเพ่งเล็งเฉพาะบางแง่บางมุม อีกประการหนึ่ง ซึ่งจะต้องปฏิบัติประกอบพร้อมกันไปด้วยเสมอ คือต้องพิจารณา ศึกษาเรื่องนั้นๆ ด้วยความคิดจิตใจที่ตั้งมั่นเป็นปรกติ และเที่ยงตรงเป็นกลาง ไม่ยอมให้รู้เห็นและเข้าใจ ตามอำนาจความเหนี่ยวนำของอคติ ไม่ว่าจะเป็นอคติฝ่ายชอบหรือฝ่ายชังมิฉะนั้น ความรู้ที่เกิดขึ้นจะไม่เป็นความรู้แท้ หากแต่เป็นความรู้ที่ถูกอำพรางไว้ หรือที่คลาดเคลื่อนวิปริตไปต่างๆ จะนำไปใช้ประโยชน์จริงๆ โดยปราศจากโทษไม่ได้...” ความตอนหนึ่ง
ในพระบรมราโชวาท
“...การศึกษาเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างและพัฒนาความรู้ ความคิด ความประพฤติ และคุณธรรมของบุคคลสังคมและบ้านเมืองใดให้การศึกษาที่ดีแก่เยาวชนได้อย่างครบถ้วน ล้วนพอเหมาะกันทุกๆ ด้าน สังคมและบ้านเมืองนั้นก็จะมีพลเมืองมั่นคงของประเทศชาติไว้ และพัฒนาให้ก้าวหน้าต่อไปได้โดยตลอด...” ความตอนหนึ่ง ในพระบรมราโชวาท
“...การศึกษามิได้มาจากการฟังโอวาท หรือแม้จะฟังบรรยายสั่งสอนของครูบาอาจารย์ การศึกษานั้นมาจากการสังเกต การดู การฟัง ของแต่ละคน หมายความว่าดูแล้วฟังแล้วมาพิจารณาให้เป็นประโยชน์แก่ตน ก็นับว่าเป็นการศึกษาแล้วและเป็นการศึกษาที่ดีที่สุด...” ความตอนหนึ่ง ในพระบรมราโชวาท ขอบคุณข้อมูลจาก : www.thaihealth.or.th ตั้งแต่ทรงครองราชย์ จากอดีตจนถึงปัจจุบันนั้น 'ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ' ทรงมีพระบรมราโชวาท และพระราชดำรัสกับปวงชนชาวไทยนานัปการ ในการให้ทุกคนได้ประพฤติปฏิบัติตนเป็นคนดีของสังคม และทรงเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับพวกเราในทุกๆ ด้าน ซึ่งหากเราใส่ใจและสนใจนำพระราชดำรัสมาปฏิบัติในชีวิตประจำวันของพวกเรา ทั้งด้านความคิดด้านการงาน ครอบครัว และการใช้ชีวิตแล้ว เชื่อแน่ว่าจะทำให้ชีวิตของเราดีขึ้นอย่างแน่นอน พระราชดำรัสของพระองค์ที่มอบให้แก่พวกเราชาวไทยในหลากหลายเรื่องนั้น ล้วนแล้วแต่มีคติสอนใจที่อยากให้ทุกคนนำมาประพฤติปฏิบัติเพื่อความสุข ความสำเร็จ และความเจริญของเราเปรียบเสมือนเป็น 'คำสอนของพ่อ’ ที่ยิ่งใหญ่ และมีคุณค่า ต่อไปนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่พระองค์ได้ให้พระบรมราโชวาทในโอกาสต่างๆ เกี่ยวกับการปฏิบัติตนเป็นคนดี การทำงาน และการใช้ชีวิตในสังคม เชื่อว่าหลายๆ พระบรมราโชวาทที่พระองค์มอบให้นั้น พวกเราคงเคยได้ยินกันบ่อยๆ แต่จะมีใครรู้ไหมว่าพระบรมราโชวาทนั้น เกิดขึ้นที่ไหน และเมื่อใด ● ขอน้อมนำพระบรมราโชวาท มาเผยแพร่เพื่อเป็นประโยชน์และสิริมงคลแก่ชีวิต ซึ่งพระบรมราโชวาทที่คัดเลือกมานี้ สามารถนำไปปรับใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน และแก้ไขปัญหาการทำงานได้ด้วย ● ● การทำความดี...'การทำดีนั้นทำยากและเห็นผลช้า แต่ก็จำเป็นต้องทำ เพราะหาไม่ความชั่ว ซึ่งทำได้ง่าย จะเข้ามาแทนที่ และจะพอกพูนขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันรู้สึกตัว แต่ละคนจึงต้องตั้งใจ และเพียรพยายามให้สุดกำลัง ในการสร้างเสริมและสะสมความดี’ ●พระบรมราโชวาทพระราชทาน แก่ผู้สำเร็จการศึกษาที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ สวนอัมพร ● คนเราต้องเตรียมตัว...'คนเราต้องเตรียมตัว เพื่อที่จะเผชิญปัญหาต่างๆ ในชีวิต แต่การเตรียมตัวนั้น ก็ต้องมีความรู้ประกอบด้วย มีการฝึกนิสัยใจคอของตนให้สามารถฟันฝ่าอุปสรรคได้ด้วย สิ่งที่สำคัญในการฟันฝ่าอุปสรรคในชีวิตคือ ต้องรู้จัก ตัวเอง รู้ว่าตัวกำลังทำอะไร รู้ว่าตัวต้องการอะไร’ ●กระแสพระบรมราโชวาทพระราชทานแก่ นักศึกษาวิทยาลัยเกษตรกรรมแม่โจ้ เชียงใหม่ ● คนเราต้องมีความสบายใจ...'ความสบายใจของคนเป็นของที่หายาก คนเราต้องมีความสบายใจ จึงจะมีชีวิตที่ราบรื่นได้' ●พระราชดำรัส พระราชทานแก่คณะกรรมการจัดงาน '๕ ธันวา วันมหาราช’ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ● เมื่อมีโอกาสทำงาน...การทำงาน...'เมื่อมีโอกาสและมีงานทำ ควรเต็มใจ ทำโดยไม่จำเป็นต้องตั้งข้อแม้ หรือเงื่อนไขอันใด ไว้ให้เป็นเครื่องกีดขวาง คนที่ทำงานได้จริงๆ นั้น ไม่ว่าจะจับงานสิ่งใด ย่อมทำได้เสมอ ถ้ายิ่งมีความเอาใจใส่ มีความขยัน และความซื่อสัตย์สุจริต ก็ยิ่งจะช่วยให้ประสบผลสำเร็จในงานที่ทำสูงขึ้น' ●พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร วิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา ● ต้องปรับปรุงตัวตลอดเวลา...'การดำรงชีวิตที่ดีจะต้องปรับปรุงตัวตลอดเวลา การปรับปรุงตัวจะต้องมีความเพียรและความอดทน เป็นที่ตั้ง ถ้าคนเราไม่หมั่นเพียร ไม่มีความอดทน ก็อาจจะท้อใจไปโดยง่าย เมื่อท้อใจไปแล้ว ไม่มีทางที่จะมีชีวิตเจริญรุ่งเรืองแน่ๆ' ●พระบรมราโชวาท พระราชทาน
แก่คณะครูและนักเรียนโรงเรียนจิตรลดา |