เมื่อชาวโปรตุเกสเดินทางมาถึง ใน พ.ศ. ๒๐๕๗ จนได้ทำสนธิสัญญาทางการค้ากับอยุธยาใน พ.ศ. ๒๐๕๙ แล้ว การค้าต่างประเทศของอยุธยา ก็ยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้น หลังจากที่มีชาวต่างประเทศอื่นๆ เช่น สเปน ฮอลันดา อังกฤษ และฝรั่งเศส เดินทางเข้ามาติดต่อค้าขายมากขึ้นตามลำ ดับ ความต้องการสินค้าต่างๆ เพื่อตอบสนองความต้องการทางการค้าต่างประเทศที่ทวีขึ้น ทำให้อยุธยาต้องมีการกำหนดระเบียบทางการค้าและ การจัดเก็บภาษีอากรขึ้นใหม่หลายครั้ง โดยให้เอกสิทธิ์แก่พระคลังสินค้าให้สามารถซื้อสินค้าที่ต้องการทั้งในทางราชการ และต้องการนำไปขาย ต่อจากพ่อค้าที่นำเข้ามาได้ทั้งหมดก่อน พร้อมทั้งกำหนดรายการสินค้าประเภทอาวุธ เช่น ปืนและกำมะถัน ที่ทางการจะซื้อไว้ทั้งหมดหรือบางส่วน โดยห้ามขายให้แก่ประชาชนเพื่อป้องกันมิให้อาวุธตกไปอยู่ในมือของศัตรูเอาไว้ด้วย พระคลังสินค้าจึงมีอำนาจหน้าที่กว้างขวางมากขึ้น ตั้ งแต่เก็บรวบรวมภาษีอากรสินค้าจากส่วย ส่งเรือไปค้าขายต่างประเทศ ซื้อสินค้าที่นำเข้ามาจากต่างประเทศได้ก่อนบางส่วนหรือทั้งหมดได้ตาม ต้องการ ขายสินค้าจากส่วยสินค้าจากฝั่งตะวันออก และสินค้าจากฝั่งตะวันตกให้แก่พ่อค้าอีกด้วย พระคลังสินค้าจึงเป็นเหมือนเครื่องมือในการควบคุมการค้าและราคาสินค้าไปในตัว ในสมัยต่อมา เมื่อปรากฏว่ามีสินค้าที่ทีราคาแพง หายาก เป็นที่ต้องการจำนวนมากเกิดขึ้น ได้แก่ ไม้หอม กฤษณา ฝาง ดีบุก งาช้าง เขากวางอ่อน ทางการจึงได้ออกกฎหมายกำหนดให้สินค้าเหล้านี้ เป็นสินค้าที่ประชาชนต้องขายให้แก่พระคลังสินค้า เท่านั้น พระคลังสินค้าจึงกลายเป็น องค์การค้าที่ผูกขาดการค้าและผลประโยชน์จากการค้าต่างประเทศไว้เกือบทั้งหมด ต่อมารายการสินค้าต้อง ห้ามนี้มีมากขึ้นอีกหลายรายการในรัชกาลสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง (พ.ศ. ๒๑๗๒-๒๑๙๙) และรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (พ.ศ. ๒๑๙๙-๒๒๓๑) ซึ่งมีการค้าต่างประเทศเฟื่องฟูมากที่สุด รายการสินค้าที่อยุธยาขายและส่งออก ได้แก่ ข้าว พริกไทย เครื่องเทศ กระวาน การพ ลู ลูกจันทน์เทศ หนังสัตว์ หนังปลากระเลน งาช้าง ไม้ฝาง ไม้จันทน์ กฤษณา นอแรด ครั่ง ยางรัก ยางสน ชัน รง กำยาน ดีบุก ตะกั่ว เป็นต้น ส่วนสินค้าเข้า ได้แก่ ผ้าแพร ผ้าชนิดต่างๆ ผ้าม้วน ผ้าลายทอง ถ้วยชาม เครื่องเคลือบ กำมะถัน ทองแดง เหล็ก เครื่องเทศ สินค้าหัตถกรรม อาวุธ เป็นต้น ใบความรู้ เรื่องศัพท์เศรษฐกิจ : สินค้าออกไทย Show สินค้าออกไทย ในสมัยสุโขทัย (ภาพแผนที่อาณาจักรสุโขทัยจาก : http://4.bp.blogspot.com/_gHZdLP0ORF4/TDGn9X5PYUI/AAAAAAAABGQ/RRKjMHjv0_U/s1600/siam_map.jpg) อาณาจักรสุโขทัยนอกจากมีการค้าภายในอาณาจักรแล้วยังมีการค้ากับต่างประเทศ เช่น มลายู อินโดนีเซีย ลูซอน เนื่องจากในสมัยพ่อขุนรามคำแหง ได้หัวเมืองมอญมาเป็นเมืองขึ้น ทำให้ใช้เมืองท่าที่หัวเมืองมอญค้าขายกับต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น (ภาพไม้กฤษณาจาก : http://2.bp.blogspot.com/_GZJuFEL4uiU/THtlcjr-dYI/AAAAAAAAAiU/8wdjYP3Y1RA/s1600/%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%89%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%A9%E0%B8%93%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B8%E0%B8%9A%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99.JPG) (ภาพเครื่องสังคโลกจาก : http://www.stou.ac.th/study/sumrit/1-56(500)/3.1-1-56(500).jpg)
สินค้าออกไทย ในสมัยอยุธยา (ภาพจำลองอาณาจักรอยุธยาจาก : http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/e/e7/Iudea-Ayutthaya.jpg) การค้ากับต่างประเทศ เจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุดในรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์ (พ.ศ.๒๑๙๙-พ.ศ.๒๒๓๑ ) กรุงศรีอยุธยาได้ทำการค้าของป่ากับประเทศต่างๆ ทั้งทางตะวันออกและตะวันตกดังปรากฏว่า ใน พ.ศ. ๒๒๑๑ ไทยได้ส่งทูตออกไปเจริญทางพระราชไมตรีกับประเทศอิหร่านเป็นครั้งแรก ส่วนการค้าขายกับจีนก็ยังคงดำเนินไปตามปกติ พระเจ้าแผ่นดินสยามทรงส่งทูตไปเจริญสัมพันธไมตรีกับจีนใน พ.ศ.๒๒๐๗ ,๒๒๐๘,๒๒๑๑,๒๒๑๕,๒๒๑๖ และ ๒๒๒๑ และได้รับอนุญาตให้ทำการค้าขายสินค้า ณ ที่ใดก็ได้ในประเทศจีน ไทยได้รับความสะดวกในการค้าของป่าเพิ่มขึ้น (ภาพไม้ฝางจาก : http://www.biogang.net/upload_img/biodiversity/biodiversity-4390-1.jpg) สินค้าออกของราชอาณาจักรอยุธยาขายผ่านพระคลังสินค้า ทั้งนี้เพราะสินค้าพื้นเมืองบางชนิดเป็นที่ต้องการของชาวต่างประเทศมาก หากปล่อยให้ซื้อขายกันโดยเสรีเกรงว่าของเหล่านั้นจะหมดสิ้นไป ไม่มีใช้ในราชการบ้านเมือง จึงกำหนดให้เป็นสินค้าต้องห้าม ต้องซื้อขายผ่านพระคลังสินค้า เช่น ไม้กฤษณา นอแรด ดีบุก งาช้าง ไม้จันทน์ ไม้หอม และไม้ฝาง เป็นต้น สินค้าต้องห้ามนี้เพิ่มประเภทขึ้นโดยลำดับ เช่น ในสมัยพระเจ้าปราสาททอง สินค้าต้องห้าม เช่น ดินประสิว ตะกั่ว ฝาง หมากสง หนังสัตว์ เนื้อไม้ งาช้าง ดีบุก ไม้หอม เป็นต้น (ภาพข้าวสารจาก : http://th.openrice.com/UserPhoto/Article/0/0/00003Y76C30502EC4FC90Ej.jpg) สินค้าที่ชาวต่างประเทศต้องการมากอีกอย่างหนึ่ง คือ ข้าว ตอนปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา ข้าวกลายเป็นสินค้าออกที่สำคัญ โดยส่งไปประเทศจีนไม่น้อยกว่าปีละ 65,000 หาบ บางปีส่งไปหลายแสนหาบ และบางปีถึง 1 ล้าน 5 แสนหาบ
(ภาพจาก : http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/f/f2/Narai.JPG) ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ การค้าของป่ากับประเทศฮอลันดา อังกฤษ และฝรั่งเศส ได้ขยายตัวกว้างขวาง บริษัทอีสต์ อินเดียของอังกฤษได้เล็งเห็นถึง ความสำคัญของการค้ากับกรุงศรีอยุธยา ในแง่ที่ว่าไทยมีสินค้าของป่าที่มีค่า เป็นสินค้าขาออกหลายอย่าง อาทิ เช่น กฤษณา ฝาง ดีบุก งาช้าง หมาก ตะกั่ว และยังเป็นแหล่งรวมสินค้าจากจีนและอินเดียด้วย เช่นเดียวกันกับที่ฝรั่งเศสได้เข้ามาตั้งคลังสินค้าในประเทศไทยเมื่อ พ.ศ. ๒๒๐๕ รัฐบาลไทยได้ให้การต้อนรับอย่างดี และให้สิทธิพิเศษในการค้าขาย เพราะเห็นประโยชน์ที่จะรับในการติดต่อกับฝรั่งเศสทั้งทางด้านการค้าและหวังที่เกรงขามอยู่ในขณะนั้น ทั้งนี้เพราะปรากฏว่า ในตอนต้นรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์ ผลประโยชน์ทางด้านการค้าของป่าส่วนใหญ่ ตกอยู่ในมือของฮอลันดา ซึ่งได้รับสิทธิพิเศษในการซื้อหนังสัตว์ มาตั้งแต่สมัยพระเจ้าทรงธรรมเมื่อ พ.ศ.๒๑๖๐ แต่พอมาถึงปลายแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์การค้าของฮอลันดาเสื่อมลง เพราะได้รับการขัดขวางจากฟอลคอนถึงกระนั้นฮอลันดาก็ยังคงทำการค้าขายกับไทยตลอดมา เพราะข้าวเป็นสินค้าประจำที่บริษัทมาซื้อจากกรุงศรีอยุธยา เพื่อไปจำหน่ายต่อยังหมู่เกาะมลายู ชวา สินค้าออกไทย ในสมัยธนบุรี (ภาพอาณาจักรธนบุรีจาก : http://1.bp.blogspot.com/_tDPZT9Tf5Gg/TBDPN1a3DKI/AAAAAAAAAK4/uEpyVLE659c/s1600/KrungThonburi.jpg) ช่วงต้นรัชกาล สภาพบ้านเมืองเสียหายจากการสงครามอย่างหนัก เกิดทุพภิกขภัยครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย เนื่องจากขาดการทำนามานาน ราคาข้าวในอาณาจักรสูงเกือบตลอดรัชกาล ก่อนจะค่อย ๆ ลดลงในตอนปลายรัชกาล จะมีเพิ่มสูงขึ้นบ้างก็ในปี พ.ศ. 2312 ที่เกิดหนูระบาด สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงสละทรัพย์ส่วนพระองค์ซื้อข้าวมาให้แก่ราษฎรทั้งหลาย ช่วยคนได้หลายหมื่น ทั้งยังกระตุ้นให้ชาวบ้านทั้งหลายเข้ามาอาศัยอยู่ในกรุงด้วย การส่งออกสินค้าไปต่างประเทศก็ยังไม่ดีมากนัก การส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ ประเทศจีน หลังจากเสียกรุงศรีอยุธยา การติดต่อกาค้าไทยกับจีนได้อยุดชะงักลง แต่ก็ได้มาเริ่มใหม่ เมื่อจีนยอมรับเครื่องราชบรรณาการจากกรงธนบุรี ปีพ.ศ. 2324 สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงส่งราชทูตไปกรุงปักกิ่งโดยมี เจ้าพระยาศรีธรรมาธิราช เป็นหัวหน้าราชทูต ความสัมพันธ์ด้านการค้าระหว่างไทยกับจีนเริ่มต้นจากการค้าข้าวเป็นสำคัญ ต่อมาได้ขยายเพิ่มขึ้น โดยประเทศจีนได้ส่งสินค้าพื้นเมืองจากแต้จิ๋วมาขาย ที่สำคัญ คือ เครื่องลายคราม ผ้าไหม ผักดอง และเสื่อ เป็นต้น เที่ยวกลับก็จะซื้อสินค้าจากไทย อาทิ ข้าว เครื่องเทศ ไม้สัก ดีบุก ตะกั่ว กลับไปยังเมืองจีนด้วย เช่นกัน (ภาพไม้สักจาก : http://xn--12cb7gd5b3bd9lwb.net/wp-content/uploads/2010/06/teak-logs-6-mt-11.jpg) นอกจากนั้น ในปี พ.ศ. 2320 ได้มีหนังสือจีน ฉบับหนึ่งในสมัยราชวงศ์ ไต้เชงแห่งแผ่นดิน เฉียงหลง ปีที่ 42 ได้บันทึกไว้ว่า "สินค้าของไทยมี อำพัน ทอง ไม้หอม งาช้าง กระวาน พริกไทย ทองคำ หินสีต่าง ๆ ทองคำก้อน ทองคำทราย พลอยหินต่างๆ และตะกั่วแข็ง เป็นต้น"
|