ประเพณีนี้ชาวพุทธถือกันว่าเป็นการสร้างกุศล และถือว่าเป็นการแผ่ส่วนกุศลให้กับญาติผู้ล่วงลับไปแล้วด้วย โดยเชื่อกันว่าอาหารที่ถวายไปนั้นจะส่งถึงญาติผู้ล่วงลับด้วยเช่นกัน Show
กฎของพระภิกษุเกี่ยวกับการตักบาตร พระภิกษุนั้นจะออกบิณฑบาตทุกวัน อันเนื่องมาจากกฎของพระภิกษุมีอยู่ว่า พระภิกษุไม่สามารถที่จะเก็บอาหารข้ามคืนได้ เวลาที่พระภิกษุออกบิณฑบาต พระภิกษุจะใช้ 2 มือประคองบาตรเอาไว้แล้วเดินในกิริยาสำรวม พระภิกษุจะไม่เอ่ยปากขออาหารจากผู้คน หรือแสดงกิริยาในการขอ โดยส่วนมากแล้วเวลาที่พระภิกษุออกบิณฑบาตคือ ตั้งแต่ช่วงเช้ามืด (ประมาณ 5 นาฬิกา อาจจะเร็วหรือช้ากว่านี้บ้างเล็กน้อยในแต่ละท้องที่) จนถึงก่อน 7 นาฬิกา ซึ่งเป็นเวลาที่พระภิกษุฉันอาหารมื้อเช้า เมื่อเวลามีคนให้ทาน พระภิกษุต้องรับทานที่คนให้ทั้งหมด ไม่สามารถที่จะเลือกได้ว่าจะรับหรือไม่รับ หรือบอกกับผู้คนว่าตนต้องการสิ่งนั้นสิ่งนี้ แต่อย่างไรก็ดี มีทานบางชนิดที่พระภิกษุไม่สามารถรับได้ นั่นคือ 1. ทานที่ได้มาโดยวิธีการทุจริตทานแก่ตน เช่น ได้มาจากการขโมย และพระภิกษุรู้ว่าบุคคลคนนั้นได้ขโมยของนั้นเพื่อที่จะให้ 2. เนื้อสัตว์ที่ต้องห้ามตามหลักศาสนาพุทธ (เช่น เนื้อคน, เนื้อช้าง เป็นต้น) 3. เนื้อสัตว์ที่ได้มาจากการที่บุคคลคนนั้นตั้งใจที่จะฆ่าสัตว์โดยมีจุดประสงค์หลักคือเพื่อที่จะเอาเนื้อมาถวายพระภิกษุโดยเฉพาะ และพระภิกษุรู้ว่าเนื้อนั้นมาจากการฆ่าเพื่อที่จะนำมาถวายตนโดยเฉพาะ 4. ผลไม้ที่มีเมล็ด บุคคลที่ตักบาตรไม่สามารถถวายผลไม้ที่มีเมล็ดได้ เพราะถือว่าเมล็ดนั้นยังสามารถที่จะให้กำเนิดชีวิตได้อยู่ ถ้าจะถวายต้องเอาเมล็ดออกก่อน 5. วัตถุดิบในการทำอาหาร เช่น ข้าวสาร, แป้ง เพราะตามหลักของศาสนานั้นไม่อนุญาตที่จะให้พระภิกษุประกอบอาหาร หมายเหตุ ในปัจจุบัน กฎข้อที่ 4 และ 5 สามารถอนุโลมได้ เนื่องจากชีวิตสังคมปัจจุบันที่เร่งรีบ ผู้คนอาจจะไม่มีเวลาที่จะเตรียมอาหารมากนัก โดยหน้าที่ในการเตรียมอาหารนั้นจะเป็นหน้าที่ของเด็กวัด
วิธีการตักบาตร การตักบาตรโดยทั่วไป ผู้คนที่นำของที่เอามาตักบาตรจะยืนรออยู่ตรงทางที่พระภิกษุเดินผ่าน ส่วนมากของที่ผู้คนใช้นิยมตักบาตรเป็นหลักคือข้าว โดยก่อนที่พระภิกษุเดินทางมาถึงจะมีการนำถ้วยข้าวจบที่ศีรษะแล้วอธิษฐาน เมื่อพระภิกษุเดินทางมาถึงพระภิกษุจะหยุดยืนอยู่ตรงหน้าคนที่จะตักบาตรแล้วเปิดฝาบาตร ก่อนที่จะตักบาตรคนที่ตักบาตรจะต้องถอดรองเท้าก่อน จากนั้นคนที่ตักบาตรจะนำทานที่ตนมีถวายพระ เมื่อให้เสร็จแล้วพระจะให้พร คนที่ตักบาตรประนมมือรับพร (โดยปกติแล้วจะนิยมคุกเข่าหรือนั่งยองๆ ประนมมือ) ขณะที่ให้พรคนที่ตักบาตรอาจจะมีการกรวดน้ำเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ที่ล่วงลับ (การกรวดน้ำนั้นอาจจะทำขณะที่พระให้พรหรือหลังจากการตักบาตรเสร็จสิ้นก็ได้) หลังจากที่พระภิกษุให้พรแล้วก็เป็นอันเสร็จพิธี การตักบาตรในวันพระ ในวันพระ ทุกขึ้น/แรม 8/15ค่ำ โดยทั่วไปพระภิกษุจะไม่มีการออกบิณฑบาต ผู้คนจะนำทานไปถวายที่วัด และวันนั้นพระภิกษุจะมีการเทศนาธรรมที่วัด โดยคตินิยมการเข้าวัดทำบุญนั้นน่าจะมีมาแต่สมัยพุทธกาลที่ชาวพุทธไปวัดเพื่อรับฟังพระธรรมเทศนาและถืออุโบสถศีล ในอดีตการไปทำบุญตักบาตรที่วัดวันพระนับว่าเป็นการไปพบปะเพื่อนฝูงญาติมิตรและแสดงออกถึงความสามัคคีของคนในชุมชนที่ได้มาทำกิจกรรมร่วมกัน ซึ่งในปัจจุบันยังพอหาพบได้บางตามหมู่บ้านในแถบชนบท ในเมืองใหญ่ ๆ ที่มีความเร่งรีบเช่นกรุงเทพ บางวัดจะมีการเทศนาที่วัดอย่างเดียวโดยไม่มีการจัดทำบุญตักบาตร ส่วนพระสงฆ์จะออกเดินบิณฑบาตเพื่อโปรดชาวพุทธตามปรกติ เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในการตักบาตร คำว่าตักบาตรนั้น สามารถที่จะเรียกว่าใส่บาตรก็ได้ ในบางที่มีคนสงสัยว่าตกลงแล้วเรียกว่าตักบาตรหรือใส่บาตรกันแน่ - ก็ว่ากันว่าคำว่าตักบาตรนั้นมาจากกิริยาอาการที่ใช้ทัพพีตักข้าวใส่บาตรพระ แต่ในปัจจุบันนี้เนื่องจากสภาพสังคมที่เปลี่ยนไป ผู้คนใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบมากขึ้น ผู้คนจึงนำข้าวสารหรือของอื่นๆ ใส่ถุงหรือกล่อง เมื่อถึงเวลาตักบาตรจะได้สะดวกที่จะหยิบของใส่ได้ทันที คำว่าใส่บาตรจึงถือว่าเป็นวิวัฒนาการทางภาษาเพื่อสอดคล้องกับยุคปัจจุบัน - สรุปว่าใช้ได้ทั้ง 2 อย่าง ตามปกติผู้คนจะถือว่า ของที่นำมาถวายพระจะต้องเป็นของที่ดีที่สุดเสมอ ดังนั้นผู้คนจะจัดเตรียมทานที่ดีที่สุดตามกำลังที่หาได้ นอกจากนี้ยังมีความเชื่อพิเศษเล็กน้อยเกี่ยวกับทานที่ให้ (ความเชื่อนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล) เช่น ข้าวที่ถวายพระนั้นควรจะเป็นข้าวที่หุงสุกใหม่ๆ ร้อนๆ ยิ่งข้าวร้อนเท่าไหร่บุญกุศลจะยิ่งแรงมากขึ้นเท่านั้น, ถวายน้ำตาลแก่พระเพื่อที่จะส่งผลให้ชีวิตคู่มีความหวานสดชื่นดั่งน้ำตาล เป็นต้น การใส่บาตรในตอนเช้า อาจจะเป็นสิ่งที่หลายๆ คน ทำเป็นกิจวัตรประจำวันอยู่แล้ว สำหรับคนที่ไม่เคยใส่บาตรเลย หรือใส่น้อยมาก ลองมาดูผลของการใส่บาตรบ้าง ว่าเราจะได้อะไร จากการที่เราใส่บาตร ในฐานะที่เราเป็นชาวพุทธ สิ่งเหล่านี้ ถือว่าเป็นเรื่องที่เรา ควรจะต้องรู้ และเอามาปฏิบัติในชีวิต จะทำให้เรา เป็นคนที่สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น และเราก็จะมีความสำเร็จในชีวิต มากกว่าเดิม -การที่เราใส่บาตรทุกวัน จะได้รับอานิสงค์ ต่อไปนี้ ที่พระพุทธเจ้า ได้ตรัสเอาไว้ นั่นก็คือ เป็นที่รักของคนทั้งหลาย, ผู้ที่มีปัญญาจะชื่นชอบคบหาด้วย, มีชื่อเสียงดีงาม, เป็นผู้ที่ไม่ห่างไกลธรรม, และเป็นผู้ที่ตายแล้วได้สู่สุขติโลกสวรรค์ -คนที่ใส่บาตรทุกวัน จะเป็นคนที่มีความสุขอยู่กับ การทำความดี และมักจะทำความดีอยู่เสมอ หรือเรียกว่า เป็นผู้ที่ไม่ขาดความดีนั่นเอง สิ่งที่คนลักษณะนี้ทำ จะทำแต่เรื่องที่ดีๆ ตั้งแต่ตื่นนอนมา นั่นก็คือการตักบาตรในตอนเช้า กับพระภิกษุสงฆ์ -ลดความตระหนี่ ในจิตใจ การที่เรา ได้เสียสละสิ่งของ ที่เป็นของตอนเอง ให้กับคนอื่นนั้น มันเป็นการลดความตระหนี่ ลดความเห็นแก่ตัวภายในใจ ของเราให้ลดน้อยลง และพอเราทำทุกวัน ความตระหนี่ และความเห็นแก่ตัว ก็จะออกไปจากจิตใจของเรา -เป็นการต่อบุญ ให้กับตัวเอง การที่เราใส่บาตรทุกวัน ก็คือการทำบุญ การสั่งบุญ ให้กับชีวิตของเรา คนที่มีบุญมาก คือคนที่โชคดีมาก ไม่ว่าจะทำอะไร ก็จะประสบความสำเร็จในทุกเรื่อง -เป็นการอุทิศ ส่วนบุญส่วนกุศล การใส่บาตร เป็นวิธีการหนึ่ง ที่เราสามารถทำบุญแผ่ส่วนบุญกุศล ไปให้กับคนที่ล่วงลับและเจ้ากรรมนายเวรต่าง ๆ ได้ -รักษาวัฒนธรรม ประเพณี การใส่บาตร ถือว่าเป็นการรักษาประเพณี อันดีงามของคนไทย ที่มีมากันตั้งแต่โบร่ำโบราณ ให้คงอยู่ชั่วลูกชั่วหลาน และถือเป็นสิ่งหนึ่ง ที่เป็นเอกลักษณ์ของคนไทย ในสายตาของชาวโลก ที่ได้พบเห็น -เป็นการสืบทอด พระพุทธศาสนา การใส่บาตร ถือว่าเป็นหน้าที่ของเราชาวพุทธ เพราะถ้าเราไม่ใส่บาตร พระก็ไม่มีอะไรฉัน ศาสนาพุทธก็ไม่สามารถอยู่ได้ เพราะขาดองค์ประกอบหลัก การใส่บาตร ก็คือการสืบทอดพระพุทธศาสนา ที่มีมายาวนานกว่า 2000 ปี ให้คงอยู่ต่อไป เมื่อไหร่ที่คนไม่ใส่บาตร เมื่อนั้น ก็คือวันที่ศาสนาพุทธ ได้หายจากโลกนี้ไปแล้ว -เป็นการสร้างความปรองดอง การใส่บาตร ก็คือการสร้างความสามัคคีด้วย อย่างเช่นการไปทำบุญ ที่วัดหลายๆคน ถือว่าเป็นการสร้างความสามัคคี ในหมู่คณะ ให้มีความปรองดองกัน และจะอยู่ร่วมกันได้ อย่างมีความสุข ในฐานะ ที่เราเป็นชาวพุทธ ควรที่จะใส่บาตรทุกวัน หรือใส่ให้มากที่สุด เท่าที่มีโอกาสทำได้ จะเป็นการสร้างความดี ทำให้จิตใจของเราสูงขึ้น เป็นการสั่งสมบุญ ให้ชีวิตเรา มีแต่ความราบรื่น และเหนือสิ่งอื่นใด คือเป็นการดำรงซึ่งศาสนาพุทธ ให้อยู่คู่กับคนไทย ไปอีกนานแสนนาน การทำบุญตักบาตรส่งผลสำคัญที่สุดต่อผู้ปฏิบัติอย่างไร *การตักบาตรจึงเป็นประเพณีที่พุทธศาสนิกชนควรปฏิบัติ เพราะเป็นการให้กำลังแก่พระภิกษุสามเณรได้มีโอกาสศึกษาเล่าเรียน ประพฤติปฎิบัติธรรมตามพระธรรมวินัย และสั่งสอนประชาชนเป็นการสืบต่อพระพุทธศาสนาให้มั่นคงถาวรสืบไป ทั้งนี้จะเป็นผลดีแก่ผู้ปฏิบัติด้วยเพราะทำให้เป็นผู้มีใจบุญกุศลและเป็นการส่งเสริมผุ้ทรงคุณธรรม
การทําบุญ ตักบาตร มีประโยชน์อย่างไรบ้าง๑.การใส่บาตรทุกวัน ย่อมได้รับอานิสงส์ ๕ ประการ ที่ตามพุทธเจ้าตรัสไว้ คือ ๑) เป็นที่รักของผู้คนทั้งหลาย ๒) คนดีมีปัญญาย่อมชอบคบค้าสมาคมด้วย ๓) มีชื่อเสียงที่ดีงาม ๔) เป็นผู้ไม่ห่างไกลธรรม และ ๕) เมื่อตายแล้วย่อมเข้าสู่สุคติโลกสวรรค์
ใส่บาตรตอนเช้าได้ประโยชน์อะไร1. การใส่บาตรทุกวัน ย่อมได้รับอานิสงส์ ให้เป็นที่รักของทุกคน รวมทั้งส่งผลให้มีสติปัญญาที่ดี เมื่อตายแล้วย่อมเข้าสู่สุคติโลกสวรรค์ 2. การใส่บาตรทุกวัน ทำให้จิตใจเกาะอยู่กับความดี 3. เป็นการบรรเทาความเห็นแก่ตัว สร้างใจให้เป็นสุขและ สร้างสังคมให้ร่มเย็น 4. เป็นการต่อบุญต่อลาภให้แก่ตนเอง
พิธีการทำบุญมีความสำคัญอย่างไรการทำบุญในทางพุทธศาสนานั้น มุ่งให้เกิดผลทางจิตใจเป็นเบื้องต้น ไม่ใช่เพียงแค่ทำบุญเพื่อให้เกิดประโยชน์ในทางวัตถุเท่านั้น การถวายทาน อาหารหรือว่าปัจจัย (เงิน) นั้นก่อให้เกิดประโยชน์ทางวัตถุ แต่ว่าทางจิตใจพุทธศาสนาก็ให้ความสำคัญเช่นกัน เพราะฉะนั้นในการทำบุญจึงมีพิธีกรรมเพื่อเตรียมใจ ขณะเดียวกัน ก็ยังเป็นโอกาสให้ผู้ทำบุญมี ...
|