บัตรกดเงินสด ต่างกับ บัตรเครดิตอย่างไร?16 ธ.ค. 2564 เวลา 18:42 น.1.6k Show บัตรเครดิตและบัตรกดเงินสด ต่างกันอย่างไร? วันนี้ทางไทยนิวส์จะมาแนะนำการเลือกใช้บัตรให้ถูกประเภทกับความต้องการของผู้ใช้บัตรเครดิตและบัตรกดเงินสด คือตัวช่วยเพิ่มอิสระทางการเงินได้อย่างดี แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนกลายเป็นหนี้ได้โดยไม่ทันตั้งตัวหากใช้อย่างไม่ระมัดระวัง สิ่งสำคัญคือการเลือกใช้บัตรให้ถูกประเภทกับความต้องการของผู้ใช้ ทาง ไทยนิวส์ จะมาแนะนำความแตกต่างระหว่างบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสดให้ทุกท่านได้นำไปเลือกใช้กันตามความเหมาะสม ดังต่อไปนี้ บัตรกดเงินสด บัตรกดเงินสด คือ สินเชื่อในรูปแบบของบัตร ที่สถาบันการเงินหรือธนาคารออกให้แก่ลูกค้า เพื่อนำไปกดเงินสดผ่านตู้ ATM ตามวงเงินที่อนุมัติในบัตรกดเงิน โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม จุดเด่นคือสามารถเบิกถอนเงินสดได้ทันทีตามวงเงินที่ได้รับอนุมัติ (วงเงินมากกว่าบัตรเครดิต)
สามารถดูรายละเอียดบัตรกดเงินสดเพิ่มเติมได้ที่นี่ บัตรเครดิต บัตรเครดิต สามารถใช้รูดเพื่อชำระเงินแทนเงินสด โดยธนาคารจะกำหนดวงเงินให้ตามความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้า และ กำหนดรอบระยะเวลาชำระเงินให้ จะมีสิทธิประโยชน์ให้ต่างกันไปตามบัตรเเต่ละใบ เช่น ส่วนลดสินค้า, การผ่อนชำระ, การสะสมแต้มจากยอดการใช้เพื่อแลกของรางวัล หรือได้รับเงินคืน
สามารถดูรายละเอียดบัตรเครดิตเพิ่มเติมได้ที่นี่ การเลือกใช้บัตรไม่ว่าจะเป็นกดเงินสด หรือบัตรเครดิตนั้นจะมีประโยชน์ไม่น้อยเลยถ้าเรารู้วัตถุประสงค์การใช้อย่างชัดเจน และตรวจสอบรายละเอียดต่างๆ ประกอบการตัดสินใจ จะทำให้ได้ใช้ประโยชน์ของบัตรได้คุ้มค่าและเหมาะกับการใช้งานที่สุด
แต่ไม่ว่าจะเลือกใช้บัตรไหน สิ่งที่ต้องระวังมากที่สุดคือการชำระเงินในแต่ละรอบเดือนให้ตรงตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ เพื่อหลีกเลี่ยงอัตราดอกเบี้ยที่สูงเมื่อมีการผิดนัดชำระ เนื่องจากหนี้ประเภทนี้จะมีดอกเบี้ยจ่ายที่แพงที่สุด Social Version : บัตรเครดิต vs บัตรกดเงินสด ปิดหนี้ก้อนไหนก่อนดี?ใคร ๆ ก็คงไม่อยากเป็นหนี้นะครับ แต่เมื่อสร้างขึ้นมาแล้วโดยเฉพาะหนี้ในระบบ ถูกกฎหมาย ที่พร้อมให้ความช่วยเหลือเสมอทั้งหนี้บัตรกดเงินสดและหนี้บัตรเครดิต ก็คงจะเกิดความสงสัยขึ้นมาว่าหากวันหนึ่งต้องการปิดหนี้ จะเลือกปิดหนี้ธนาคารรูปแบบไหนก่อนดี เพราะเอาเข้าจริงก็สมควรต้องปิดให้จบ ๆ ไปทั้งหมด แต่ด้วยภาระค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ทำให้เลือกปิดหนี้ได้อย่างเดียวน่ะซิ และเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง สามารถเลือกได้อย่างเหมาะสม ตอบโจทย์ต่อตนเองขั้นสุด วันนี้เรามีข้อมูลมาบอกต่อครับ หนี้บัตรกดเงินสดVS หนี้บัตรเครดิตก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกันก่อนนะครับว่าสินเชื่อส่วนบุคคล กับบัตรเครดิตนั้น เรียกว่าเป็นสินเชื่อส่วนบุคคลทั้งคู่ แต่จะมีข้อแตกต่างกันตรงวิธีการใช้ และดอกเบี้ยครับ 1. บัตรกดเงินสดต้องบอกก่อนว่าบัตรกดเงินสดเป็นสินเชื่อที่ทางธนาคารจะออกบัตรที่มีวงเงินพร้อมใช้ให้กดเงินออกมาได้ ถ้าไม่กดเงินออกมาใช้ธนาคารก็จะไม่คิดดอกเบี้ยเราครับมีใช้จ่ายเมื่อถึงคราวฉุกเฉินต้องใช้เงินด่วนทั้ง ค่ารักษาพยาบาล ค่าเทอม ค่างวดบ้าน/งวดรถ หรือแม้แต่ใช้จ่ายจิปาถะมีอัตราดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายร่วมกับเงินต้น โดยทั่วไปธนาคารจะกำหนดต่อปีไม่เกิน 25% (แต่เรื่องดอกเบี้ยแต่ละธนาคารก็จะมีโปรลดดอกเบี้ยออกมาจะเห็นจากโฆษณาที่มีเริ่มตั้งแต่ 9% เลยครับ) 2. หนี้บัตรเครดิตมาต่อกันที่หนี้บัตรเครดิตบ้าง โดยจะเป็นสินเชื่อที่ถูกใจเหล่ามนุษย์เงินเดือน ที่มักจะชอบซื้อสินค้า/บริการ โดยการใช้บัตรเครดิตรูดซื้อสินค้าต่างๆ โดยปกติแล้วดอกเบี้ยจะไม่เกิน 16% ต่อปี ครับ แต่บัตรเครดิตก็สามารถกดเงินสดออกมาใช้ได้เหมือนกัน ถ้าเป็นการนำบัตรเครดิตไปใช้ด้วยการกดเงินออกมาก็จะเสียดอกเบี้ยเท่ากับบัตรกดเงินสดเลย เลือกปิดรูปแบบไหนก่อนดีนะ?จะเห็นได้ว่าเมื่อเทียบกันแล้วสินเชื่อส่วนบุคคลประเภทบัตรกดเงินสดนั้นจะมีดอกเบี้ยที่สูงกว่าบัตรเครดิต ถ้าหากมีเงินก้อนที่สามารถปิดได้ เราก็จะแนะนำให้นำไปปิดที่บัตรกดเงินสดก่อนครับ แต่จริงๆ คำแนะนำนี้ก็เป็นเพียงคำแนะนำเบื่องต้นที่เราอิงจากแนวคิดที่ว่าสินเชื่อไหนดอกเบี้ยสูงก็ให้ปิดสินเชื่อนั้นก่อนเพื่อจะทำให้เราเสียดอกเบี้ยน้อยลง แต่ในความเป็นจริงเรายังมีอีกหลายปัจจัยที่จะต้องนำมาคิดประกอบด้วย เช่น ยอดผ่อนต่อเดือน ยอดวงเงินหนี้ที่เหลืออยู่ ฯลฯ ที่จะต้องนำมาพิจารณาด้วย หากใครที่มีปัญหาภาระหนี้ที่สูง เช่น มีบัตรเครดิต หรือบัตรกดเงินสดหลายใบ ทำให้ยอดผ่อนต่อเดือนสูง จนทำให้เราเริ่มขนาดสภาพคล่อง รายได้ที่มีเอาไปจ่ายขั้นต่ำของแต่ละบัตรจนทำให้เงินไม่พอใช้ในแต่ละเดือนวนลูปแบบนี้ เราอยากแนะนำให้ดูสินเชื่อรวมหนี้บัตรเครดิต ซึ่งจะเป็นการที่เราเอาหนี้บัตรเครดิตที่มีอยู่หลาย ๆ ใบมารวมแล้วรับเงินก้อนจากธนาคารหรือสถาบันการเงินไปปิด เพื่อที่เราจะได้มาผ่อนกับที่เดียว ทำให้เราไม่ต้องไปแยกจ่ายขั้นต่ำทุกบัตร แล้วมีระยะเวลาผ่อนชำระที่ยาว ก็ทำให้ยอดผ่อนต่อเดือนเบาลงครับ ซึ่งวิธีการนี้จะช่วยให้เราผ่อนต่อเดือนน้อย มีสภาพคล่อง แล้วไม่ทำให้ประวัติทางการเงินเราเสียด้วยครับ เรื่องประวัติทางการเงินนี้ต้องรักษาไว้ดี ๆ เลย เผยแพร่เมื่อวันที่ 04 ก.พ. 2564 |