เริ่มต้นด้วย ตัวผมเองชื่นชอบในแก็ดแจ็ตแต่หาซื้อของได้ยาก และราคาสูงคนขายไม่ใช่คนเล่นจริง จึงได้เปิดร้านเทพแก็ดเจ็ต lnwGadget เพื่อสนองความต้องการส่วนตัวล้วนๆ ชื่อเว็ปได้แรงบัลดาลใจร้านเฮียมั่น มั่งคงแก็ดเจ็ตในดวงใจ 😀 Show 094-545-7650 เคยตั้งคำถามกันไหมว่า เวลาซื้ออุปกรณ์ที่เกี่ยวกับฉายภาพจำพวกโทรทัศน์ หรือฟังก์ชั่นในการประมวลผลผ่านจอคอมพิวเตอร์ว่าชัดทีวี 4K และ Full HD คืออะไร ต่างกันจุดไหน และมิติใดดีกว่ากัน บทความนี้จะพาคุณไปชมความต่างระหว่าง Full HD และ 4K อย่างละเอียดเพื่อเป็นคำตอบและทางเลือกที่เหมาะสมในการรับชมหรือใช้ผลิตภัณฑ์นั้นอย่างตอบโจทย์ในทุกไลฟสไตล์และการทำงาน ในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมาก่อน Full HD จะเข้ามา เราคุ้นกับคำว่า HD ซึ่งหมายถึง High-Definition ซึ่งเป็นมาตรฐานในการส่งสัญญาณภาพที่มีความละเอียดสูง แต่ทว่าหลังจากการพัฒนาจนเกิดเป็น Full HD หรือ Full High Definition เทคโนโลยีใหม่ที่แสดงผลด้วยความคมชัดกว่า HD ถึง 2 เท่า
เทคโนโลยีดังกล่าวถูกนำมาเชื่อมโยงกับจอแสดงภาพ โดยเฉพาะโทรทัศน์เพื่อให้อรรถรสในการรับสารต่าง ๆ เกิดความคมชัดเสมือนจริง แต่ทว่าโลกในยุคปัจจุบันกลับไม่หยุดเพียงเท่านั้น เพราะยังพัฒนาต่อจนเกิดเป็นทีวี 4K หรือ Ultra HD ซึ่งก็คือ มาตรฐานการแสดงผลจอภาพที่มีความละเอียดถึงระดับ K หรือ 1,000 หมายถึงความละเอียดในระดับ 3840×2160 พิกเซล ซึ่งในขณะนี้กำลังจะมาเป็นมาตรฐานการแสดงภาพในอุตสาหกรรมการถ่ายภาพยนตร์ ไม่เพียงเท่านั้น ความชัดในระดับดังกล่าว ยังทำให้ผู้ชมเกิดประสบการณ์ใหม่ในการชมภาพจากโทรทัศน์และจอแสดงผลได้อย่างเสมือนจริง ความชัดแบบ 4K เมื่อเทียบจากความกว้าง หรือ Widescreen ในอัตรา 16:9 นอกจากมีความละเอียด 3840×2160 พิกเซล ผลรวมที่แสดงออกคมชัดถึง 8.29 ล้านพิกเซล ขณะที่ Full HD มีความละเอียด 2.07 ล้านพิกเซล ฉะนั้นกล่าวโดยสรุปได้อีกข้อถึงความต่างระหว่าง Full HD กับ 4K ได้ว่า 4K มีความละเอียดโดยรวมมากกว่าระบบ Full HD มากถึง 4 เท่า ปัจจุบัน 4K ไม่ได้มาแค่ความคมชัดแต่ยังถูกเชื่อมโยงไปยังการแสดงผลในรูปแบบของบริการ UHD Streaming ผ่านช่องทาง Netflix, Apple+ หรือเปรียบเทียบได้กับหน้าจอฉายภาพยนตร์แบบดิจิทัลในปัจจุบัน ไม่เพียงเท่านั้นความคมชัดในระบบดังกล่าวยังทำให้ผู้ชมเพลิดเพลินไปกับภาพในความเป็นจริงและระยะทางที่เหมาะสมที่สุด แม้ในระยะแรกที่ 4K เข้ามาจะไม่ได้รับความนิยม เนื่องจากราคาสูง แต่ทว่าในปัจจุบันด้วยคุณภาพที่กล่าวมาข้างต้น ประกอบกับการผลิตหลากหลายแบรนด์ที่มีฐานการผลิตในไทย ทำให้มีราคาที่ลดลง มีโปรโมชั่นหลากหลาย จึงมีการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจากผลสำรวจยอดขายล่าสุดในปี 2018 ทีวีความละเอียดระดับ 4K นั้นมียอดจำหน่ายประมาณ 100 ล้านเครื่อง จากทีวีความละเอียดชนิดต่าง ๆทั้งหมดประมาณ 220 ล้านเครื่องทั่วโลก ไม่เพียงเท่านั้นประเทศที่ครองแชมป์ในการมียอดขาดทีวี 4K มากที่สุดคือ จีน ยิ่งไปกว่านั้น ความคมชัดในระดับดังกล่าวยังเติบโตขึ้นกว่า 30 % ในตลาดอเมริกาและยุโรป ขณะที่ประเทศไทยก็มีหลากหลายแบรนด์เข้ามาทำตลาด และก็มียอดขายเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยมีปัจจัยบวกมาจากการพัฒนาคอนเทนต์ต่าง ๆ มากขึ้น มีช่องทางรับชมที่หลากหลาย และฟังก์ชั่นการเชื่อมกับอินเทอร์เน็ต ส่งผลให้โทรทัศน์ในยุคนี้ไม่ได้เป็นแค่ช่องทางการแสดงผลแต่ยังเป็นสื่อกลางในการใช้ชีวิตเพื่อการพักผ่อน ปัจจุบันเราแทบไม่เห็นความคมชัดในแบบ 2K อีกแล้ว มีแต่ความคมชัดที่เพิ่มมากขึ้น ภาพรวมของการตลาดคึกคัก โดยเฉพาะจอแสดงผลในรูปแบบต่าง ๆ อาทิ โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ ทำให้การพัฒนายังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่องจนไม่แน่ใจว่า 4K จะเกิดการต่อยอดสู่ความคมชัดในรูปแบบอื่น ๆ เหมือนที่เรากำลังได้ยินว่า ความคมชัดในระดับ 8K กำลังเข้ามา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นปัจจุบันระบบ 4K คือ นวัตกรรมที่เข้ามาเปลี่ยนโลกทัศน์ให้กับผู้รับชมและผู้ส่งสารเกิดความประทับใจ เพราะผลลัพธ์ที่ได้มีความสวยงามและถ่ายทอดในทุกอรรถรสได้อย่างครบถ้วน 4K ต่างจาก 1080p ยังไงFull HD:ความละเอียดของภาพ 1080p (1,920 x 1,080 พิกเซล - พิกเซลทั้งหมดประมาณ 2 ล้านพิกเซล) Ultra HD:ความละเอียดของภาพ 4K (3,840 x 2,160 พิกเซล - พิกเซลทั้งหมดประมาณ 8 ล้านพิกเซล)
ทีวีความละเอียด 4K มีความละเอียดภาพเท่าใดทีวี 4K คือชุดทีวีที่มาพร้อมกับความละเอียดระดับ 4K นั่นหมายความว่าทีวีมีพิกเซลในแนวนอน 3,840 พิกเซลและในแนวตั้ง 2,160 พิกเซล ทำให้มีพิกเซลรวมทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 8.3 ล้านพิกเซล ซึ่งข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ทีวีมักระบุความละเอียดของทีวี 4K ไว้ที่ "3,840 x 2,160"
ทีวี ที่เป็นความละเอียดแบบ Full HD (เอชดี) มีจำนวนพิคเซลเท่าใดFHD (Full HD) : 1,920 x 1,080 = 2,073,600 พิกเซล
|