สรุปประเด็นจาก TSD Forum EDUCATIONเปลี่ยนการศึกษาในชาตินี้ ยังพอมีโอกาสอยู่ไหม ?ในวันที่สังคมเรายังเต็มไปด้วยคำถามที่เกี่ยวข้องกับปัญหาการศึกษา ตั้งแต่ #ทำไมครูไทยอยากลาออก จนมาถึง #พี่ตูนวิ่งทำไม สะท้อนภาพความเหลื่อมล้ำที่สูง คุณภาพที่ต่าง เด็กออกจากระบบ เรียนไม่ตอบโจทย์โลกปัจจุบัน ฯลฯ อีกเพียบ Show
แต่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอย่างการระดมทุนช่วยเหลือเป็นครั้งคราวแบบที่กำลังเกิดขึ้นใช่คำตอบหรือไม่? The Active ร่วมกับ เครือข่ายภาคี TSDF-การศึกษา สรุปประเด็นจากวงสนทนา Thailand Social Development Forum – Education 5 เวที ที่มีภาคส่วนของสังคมกว่า 30 องค์กร ร่วมบอกสถานการณ์ แบ่งปันประสบการณ์ และวิธีลงมือแก้ปัญหาแบบไม่รอใคร ในรูปแบบ Visual Note สรุปเนื้อหาจากบทสนทนากว่า 10 ชั่วโมง Roundtable 1 : ความเหลื่อมล้ำและความไม่พร้อมของโรงเรียนขนาดกลาง–เล็ก“ความเหลื่อมล้ำและความไม่พร้อมของโรงเรียนขนาดกลาง-เล็ก” คือ ความท้าทายแรกที่ส่งผลต่อคุณภาพการศึกษาไทย ปัจจุบันเด็กในโรงเรียนชนบท มีพัฒนาการด้านการเรียนรู้ล่าช้ากว่าเด็กโรงเรียนในเมืองถึง 2 ปีการศึกษา นี่ไม่ใช่เรื่องความสามารถเฉพาะบุคคล แต่เป็นผลจากการสนับสนุนไม่ทั่วถึงกันในเรื่องอุปกรณ์ บุคลากร และงบประมาณ ที่กระทรวงศึกษาธิการยังคงลงทุนกับเด็กแบบนับหัว ซึ่งนอกจากเด็กทั่วไปจะยังเข้าไม่ถึงการศึกษาได้ครบ ในกลุ่มเด็กพิการก็มีมากถึง 38% ที่ไม่ได้เข้าเรียนในระบบการศึกษา สวนทางคำประกาศ “Education For All” เชื่อไหม ? การศึกษาไทยยุค 5G มีเด็กโรงเรียนยากจน เข้าไม่ถึงคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตถึง 80% ขณะที่โรงเรียนขนาดใหญ่เข้าถึงได้มากกว่า 85% ขณะที่ครูผู้มีส่วนสำคัญต่อคุณภาพนักเรียน ก็มีเฉลี่ยเพียง 4 คนตามโรงเรียนขนาดเล็ก รับหลายหน้าที่ ไม่มีเวลาโฟกัสงานสอน โดยพบว่าโรงเรียนมากกว่า 13,000 แห่ง หรือ กว่าครึ่งหนึ่งของโรงเรียนทั่วประเทศอยู่ในสภาพนี้ ตอกย้ำด้วยดัชนีการเข้าถึงทรัพยากรครูและอุปกรณ์การศึกษาของไทย มีความเหลื่อมล้ำสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้านทั้งเวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย “นักเรียนยากจน เรียนในโรงเรียนยากจน” เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เด็กกลุ่มนี้ มีโอกาสเรียนต่อระดับอุดมศึกษาเพียง 5% มีความพยายามแก้ปัญหานี้ทั้งจากระดับบุคคล กลุ่ม องค์กร และภาคี เช่น จัดทำ Big Data หรือระบบสารสนเทศขนาดใหญ่ชื่อว่า iSEE โดยกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) รวบรวมข้อมูลนักเรียนจากคุณครู ปักหมุดแผนที่นักเรียนยากจนและสภาพปัญหาแบบรายคน หวังให้เป็นเครื่องมือแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาแบบถูกจุดถูกคน ใช้งบประมาณคุ้มค่าไม่หว่านแจก มีโครงการชื่อ FSQL ที่ธนาคารโลก สำนักงานประเทศไทย กำลังทำงานกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพยากรให้โรงเรียนอย่างเหมาะสม มี Startup พัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาสนับสนุนเด็ก ๆ ให้เข้าถึงการเรียนรู้ได้หลากหลายและเน้นคุณภาพ โดย สสวท. , Startdee, LearnEd และมีความพยายามพัฒนาครู โดย HCEC, กสศ., Trainkru มีการสนับสนุนให้คนพิการเข้าถึงการศึกษาโดยมูลนิธินวัตกรรมสังคม และ Smarttricks “การทำงานความร่วมมือข้ามภาคส่วน” คือ สิ่งที่ทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่าควรขยายผลความร่วมมือ ด้วยการช่วยกันหาแหล่งทุน สร้างกลไกร่วมกันบริหารจัดการ และใช้วิธีทำงานแบบร้อยพลังการศึกษาที่มีประสบการณ์หรืองานของแต่ละคนคอยเป็นพี่เลี้ยง ชวนท้องถิ่นและเอกชนในพื้นที่มาร่วมขยายผลการทำงานให้มีขนาดใหญ่ขึ้น Roundtable 2 : ปัญหาเด็กหลุดจากระบบและผลกระทบที่เกิดขึ้นจากโควิด“เด็กหลุดจากระบบและผลกระทบจากโควิด” โจทย์ใหม่ทับซ้อนปัญหาเก่าในระบบการศึกษาที่รอแก้ ก่อนการระบาดโควิด-19 การศึกษาภาคบังคับ ไม่สามารถบังคับนักเรียน ป.1 ถึง ม.3 ให้อยู่ในระบบการศึกษาได้แล้วกว่า 500,000 คน และผลกระทบจากการระบาด ทำให้ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 เพิ่มจำนวนเด็กยากจนขึ้นกว่า 300,000 คน มีนักเรียนชั้นอนุบาล 3 ป.6 และ ม.3 ไม่เรียนต่อช่วงชั้นถัดไปเกือบ 50,000 คน และมีนักเรียนยากจนอีกกว่า 1.8 ล้านคน ตกอยู่ในสภาวะเสี่ยง Drop out หรือ หลุดออกจากระบบเพราะความไม่พร้อม • อ่าน – “เด็ก Drop out” เหมือนใบไม้ร่วง ภาวะไม่ปกติของการศึกษาไทย “ไม่มีเงินจ่ายค่าเทอมและค่าเล่าเรียน ต้องเป็นแรงหลักหาเงิน” เป็นเหตุผลอันดับ 1 เพื่อโบกมือลาการศึกษาชั้น ม.ปลาย หลังจากได้วุฒิ ม.3 ของเด็กยากจน 47.3% แต่ไม่ใช่เหตุผลเดียว มีปัญหาอื่น ๆ อีกมาก เช่น เรียนไม่ทันเพื่อน ความรุนแรงและความขัดแย้งในครอบครัว ไร้ที่ปรึกษาและผู้แนะนำ ก็ทำให้เด็ก Drop out หรือ ออกจากระบบ เพราะความไม่พร้อมเยอะมาก การถูกตีตราว่าเป็นผู้แพ้ และไม่รักดี เหนี่ยวนำความรู้สึกให้เด็กกลายเป็นยุวอาชญากรถึง 6 จาก 10 คน ทันทีที่หันหลังให้ระบบการศึกษาไม่เกิน 3 เดือน ทั้งหมดนี้ มีความพยายามจากหลายภาคส่วนในการดูแลเด็ก Drop out และเสี่ยง Drop out ด้วยระบบทุนการศึกษาและเป็นที่ปรึกษา เช่น กสศ., มูลนิธิยุวพัฒน์ และมูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ. เพื่อเด็กและเยาวชน ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ระบบประคับประคองการเรียนรู้ถดถอย หรือ Learning loss เช่น อาสาสมัครผู้สนับสนุนการเรียนรู้ นักจิตวิทยาส่งเสริมการเรียนรู้หลายรูปแบบจาก สสวท. , Startdee และ LearnEd มีการหาช่องทางเชื่อมโยงกับครอบครัวและชุมชน ในรูปแบบร้อยพลังการศึกษา และความพยายามดึงเด็ก ๆ กลับมาเข้าระบบด้วยพลังของครูในโรงเรียนและการแนะแนว นอกจากนี้ ยังเห็นความพยายามปรับหลักสูตรการเรียนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ความหลากหลายของนักเรียนและพื้นที่ ปรับตัวชี้วัดให้เด็กได้เลือกแนวทางการเรียนรู้ของตนเอง เช่น โรงเรียนเซนต์โยเซฟแม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ • อ่าน – เครือข่ายการศึกษา ชี้ “ปัญหาเด็ก Drop out” ทำคนไทยยากจนซ้ำซาก Roundtable 3 : ทักษะชีวิตและการเป็นพลเมืองที่ดี“พัฒนาทักษะชีวิตและความเป็นพลเมืองที่ดีของเด็กเยาวชน” คือความมุ่งหวังที่คนส่วนมากอยากเห็นจากระบบการศึกษา วันนี้ เด็กไทย “เน้นวิชาการหนักไป” ขาดสมดุลการเติมทักษะอื่น ๆ เพื่อสร้างสมรรถนะแห่งศตวรรษที่ 21 ที่ได้ใช้ประโยชน์ในชีวิตจริงมากกว่า รู้หรือไม่ ? ไทยมีโครงการและหลักสูตรการเรียนรู้ที่มุ่งเน้น “คุณธรรมจริยธรรมและการทำความดีของเยาวชน” อย่างน้อย 31 โครงการใหญ่ แต่ “คอร์รัปชัน ยังเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ” เรื่องนี้หลายคนเชื่อว่า เป็นเพราะโครงการหรือหลักสูตรเหล่านี้ เป็นนโยบายสั่งการแบบ “เบื้องบน ชี้” ไม่ทำความเข้าใจความพร้อมของพื้นที่ และไม่ถาม และถึงแม้ว่า ทักษะชีวิตและการเป็นพลเมืองที่ดี จะเป็นสิ่งที่ทุกภาคส่วนเห็นตรงกันมานานว่าสำคัญ แต่จนถึงวันนี้ สภาพแวดล้อมในระบบการศึกษาก็ยังไม่เอื้อเฟื้อให้เกิดระบบหนุนเสริมทักษะการคิดและการแก้ปัญหา ไม่เพิ่มบรรยากาศแห่งการลงมือลองผิดลองถูก ขณะที่ “ครอบครัว” หนึ่งในภาคส่วนสำคัญต่อการปลูกฝังทักษะและความเป็นพลเมือง ก็เจอปัญหาเศรษฐกิจทำให้ไม่สามารถดูแลช่วยกันได้อย่างที่ควรจะเป็น “การเชื่อมโยง In school + Out school” คือโมเดลทางออกของปัญหาที่ เครือข่ายภาคี TSDF-การศึกษา เชื่อว่าทุกภาคส่วนช่วยได้ สำหรับกระทรวงศึกษาธิการ หากตั้งใจปรับหลักสูตรแกนกลางให้เหมาะสมกับยุคสมัยจะช่วยให้การศึกษาไทยไปต่อได้ในเรื่องคุณภาพ ส่วนครอบครัวให้มีบทบาทนักส่งเสริมการเรียนรู้อย่างใส่ใจ ขณะที่ครูเป็นนักจัดกระบวนการเรียนรู้ที่สร้างสภาพแวดล้อมให้เด็ก ๆ ได้ทดลองทำ และผู้บริหารโรงเรียนต้องหนุนนำเต็มที่ โยนทิ้งระบบสั่งการ มาถึงตรงนี้ “การสร้างความร่วมมือข้ามภาคส่วนของภาคีเครือข่าย” กำลังเริ่มขึ้นโดยกลุ่มคนที่เห็นความสำคัญและทำมาแล้ว เช่น ธุรกิจเพื่อสังคม a-chieve ได้สร้างแพลตฟอร์มค้นหาตัวตนและระบบแนะแนวที่ทันสมัย มีความพยายามพัฒนาเครื่องมือเสริมประสบการณ์ด้านธรรมาภิบาลและการมีส่วนร่วมของครูและนักเรียนโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานเรียนรู้จริงของแฮนด์วิสาหกิจเพื่อสังคม, สถาบันพัฒนาโรงเรียนคุณธรรม มูลนิธิยุวพัฒน์ และการพัฒนาหลักสูตรคุณธรรมที่น่าสนใจมากขึ้นโดย CG fund และ Trainkru นอกจากนี้ ยังมีแพลตฟอร์มการเรียนรู้โรงเรียนวันเสาร์ หรือ Saturday school ที่สร้าง Learning space ให้เด็ก ๆ มีพื้นที่เรียนรู้ตามความสนใจ แบบที่หาไม่ได้ในระบบโรงเรียน • อ่าน – 9 ประสบการณ์ 9 เครื่องมือ “สร้างความสำเร็จจากการศึกษา” Roundtable 4 : ข้อเสนอเชิงนโยบายต่อสาธารณะ และโครงการเพื่อร่วมผลักดันหลัง TSD Forumจากการสนทนาใน Roundtable 1-3 “ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาและยกระดับโรงเรียนขนาดกลาง-เล็ก, เด็กหลุดออกจากระบบและลดผลกระทบจากโควิด Learning loss, การพัฒนาทักษะชีวิตและความเป็นพลเมือง” คือ ประเด็นที่ทุกฝ่ายเห็นตรงกันในการตั้งต้นระดมความร่วมมือเพื่อสร้างสรรค์สังคมดี ด้วยความเชื่อว่า “การศึกษาไทยเป็นโจทย์ร่วมของคนไทยทุกคน” ข้อเสนอเชิงนโยบายต่อสาธารณะที่เห็นตรงกัน คือ ให้อำนาจโรงเรียนมีสิทธิเลือกแนวทางจัดการเรียนรู้ของตนเอง เปิดโอกาสความร่วมมือข้ามภาคส่วนด้านการศึกษาอย่างต่อเนื่อง สนับสนุนท้องถิ่นและภาคเอกชนในพื้นที่มีส่วนร่วมด้วยมาตรการจูงใจทางภาษี พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติฉบับใหม่ ต้องมีส่วนร่วมแท้จริงเพื่อสร้างหลักสูตรฐานสมรรถนะที่ใช้ได้จริง มีหลักสูตรที่อ่อนตัวกับความหลากหลายของผู้เรียนและพื้นที่ สร้างพื้นที่ปลอดภัยในโรงเรียน มีศูนย์ร้องเรียนที่ปลอดภัย ปฏิรูปงบประมาณ เปลี่ยนการลงทุนรายหัวเป็นตามความจำเป็นของโรงเรียน ลดค่าใช้จ่ายแอบแฝงให้นักเรียนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงการศึกษาแบบไม่มีค่าใช้จ่ายได้จริง จัดให้นักเรียนทุกคนได้ใช้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และจัดให้นักเรียนมัธยมปลายมีอุปกรณ์เพื่อการเรียนรู้ผ่านเทคโนโลยี ใช้เครื่องมือที่เป็นประโยชน์ต่อการจัดสรรทรัพยากรให้กับโรงเรียนทั่วประเทศ เช่น FSQL ทั้งนี้ เครือข่ายภาคี TSDF-การศึกษา จะสนับสนุนงานพัฒนา Big Data ผลักดันการใช้ข้อมูล เชื่อมโยงภาคีอาสาสมัคร และการมีส่วนร่วมจากชุมชนและครอบครัว รวมทั้งระดมแหล่งทุนและความร่วมมือในรูปแบบต่าง ๆ ลงขันประสบการณ์ออกจากทางตันการศึกษา เพื่อทำให้ความคาดหวังเกิดเป็นความจริง “ปฏิรูปการศึกษาไม่รอรัฐ” | แผนปฏิบัติการพัฒนาสังคมด้านการศึกษาบทสรุปจาก เวทีความร่วมมือแผนปฏิบัติการเพื่อการพัฒนาทางสังคมของประเทศไทย ด้านการศึกษา หรือ Thailand Social Development Forum – Education ในงาน Good Society Summit 2021 : Hope In Crisis ในวิกฤตยังมีหวัง นักเรียน ผู้ปกครอง ครู ผู้อำนวยการโรงเรียน และตัวแทนจากกระทรวงศึกษาธิการ มีความเห็นตรงกันว่า หากการศึกษาเปลี่ยนได้ จะเป็นเป็นจุดเริ่มต้นของการแก้ปัญหาสังคมอื่น ๆ โดยเฉพาะการสร้างเศรษฐกิจไทยให้ดีขึ้น “อยากให้นักเรียนมีส่วนร่วมกับทุกเรื่องในโรงเรียน” คือ ความหวังของตัวแทนเด็กและเยาวชน ซึ่งมองว่าในระดับโรงเรียนยังไม่ค่อยเปิดพื้นที่ทางความคิดกับผู้เรียน นี่คือภูมิคุ้มกันชั้นแรกของการเป็นพื้นที่ปลอดภัยในระดับกระทรวงศึกษาธิการ ที่จะนำไปสู่การออกแบบหลักสูตรการเรียนรู้ที่นักเรียนได้ใช้ในชีวิตจริง ลดความสิ้นหวังกับระบบ และมองว่ากระทรวงศึกษาฯ ยังทำงานข้ามหน่วยงานน้อยเกินไป “ความรู้วิชาการไม่ใช่ที่ 1 ของการศึกษายุคนี้” คือความคิดเห็นจากมุมผู้ปกครอง ที่มองว่านักเรียนควรถูกสนุบสนุนตามความหลงไหล และนี่คือหนึ่งในหน้าที่ผู้ปกครองในการหาทางช่วยส่งเสริมลูกหลานให้ได้เรียนรู้แบบเน้นทักษะในขณะที่โรงเรียนยังมีมาตรฐานต่างกัน มีบางโรงเรียนผ่านการปรับตัวเพื่อทำ “หลักสูตรการศึกษาที่มีเด็กเป็นตัวตั้ง” เช่น โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ที่สร้างหลักสูตรการศึกษา 19 โปรแกรม รองรับนักเรียนในท้องถิ่น สนับสนุนการศึกษาตามความสนใจผู้เรียนที่หลากหลาย ไม่สอบ ไม่จัดอันดับนักเรียน • อ่าน – หมดยุคการศึกษาเสื้อโหล “รร.อบจ.เชียงราย” ให้เด็กประถม-มัธยม เลือกเรียน 19 หลักสูตรตามถนัด “ต้องการอินเทอร์เน็ต อุปกรณ์เรียนออนไลน์แบบไม่มีค่าใช้จ่ายผูกพัน และเพิ่มเทคนิคการสอน” คือ ความคาดหวังของตัวแทนครูผู้อยู่กับเด็กที่มีแนวโน้มหลุดระบบ และอยู่กับการจัดการศึกษายุคเก่าที่อาจไม่ทันเป้าหมายการเรียนรู้เด็กยุคนี้ “มีศูนย์สนับสนุนเติมทักษะครูเต็มที่” คือ ความพร้อมที่ผู้อำนวยการศูนย์บริหารงานการพัฒนาศักยภาพบุคคลเพื่อความเป็นเลิศ สพฐ. หรือ HCEC แจ้งทุกฝ่ายว่า พร้อมสนับสนุนครูในการเสริมทักษะกระบวนการสอน แต่ขณะนี้ก็ยังขาดแคลนวิทยากรผู้เชี่ยวชาญหลาย ๆ ด้าน หากใครพร้อมช่วยกัน เชื่อว่าเปลี่ยนการศึกษาโดยเริ่มจากครูจะเกิดขึ้นได้เร็วกว่าเดิม “ใช้ Big data แก้ปัญหาแบบตรงจุด” คือบทสรุปจาก เวทีความร่วมมือแผนปฏิบัติการเพื่อการพัฒนาทางสังคมของประเทศไทย ด้านการศึกษา หรือ Thailand Social Development Forum – Education โดยยกตัวอย่างการทำงานของมูลนิธิโรงเรียนวันเสาร์ และแอปพลิเคชันเพื่อการศึกษา StartDee ที่ใช้ข้อมูลจากระบบ iSEE ของ กสศ. มาจัดสรรทรัพยากรและเปิดพื้นที่การศึกษาให้เด็กยากจนได้อย่างคุ้มค่า “ทุนการศึกษาแบบยั่งยืน” คือ ประเด็นที่คนทำงานด้วยระบบมูลนิธิ อยากเห็นระบบการมอบทุนการศึกษาไม่ใช่ครั้งเดียวจบ แต่มีระบบออกแบบชีวิตทางการศึกษานักเรียนรายคน และอยากให้ภาครัฐช่วยเปลี่ยนกฎเกณฑ์สนับสนุนเอกชนที่ลงทุนด้านการศึกษา สามารถลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า ทุกองค์กร ส่วนมุมมองที่อยากเห็นการพัฒนา คือ “ใช้เทคโนโลยีช่วยครู” จัดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น งานเอกสาร การสอนทฤษฎี เพื่อให้ครูได้เต็มที่กับการสอนภาคปฏิบัติ และการแลกเปลี่ยนกันความเห็น “ปฏิรูปหลักสูตร” ให้มีเนื้อหาตอบโจทย์ยุคสมัย “สนับสนุนการเรียนฟรี” ให้เกิดขึ้นจริงตามสิทธิ “ปรับโครงสร้างการจัดการงบประมาณ” ให้โรงเรียนตัดสินใจบริหารได้เอง ขณะที่การ “สร้างทักษะความเป็นพลเมือง” ต้องอาศัย 3 ป. คือ เปิดกว้าง เข้าใจบริบทการศึกษาแบบใหม่ ๆ ปลูกฝังความเข้าใจความคิดที่แตกต่าง และปฏิบัติจริง เพื่อทำให้เด็กได้มีโอกาสปฏิบัติและมีส่วนร่วมกับทุกเรื่องในโรงเรียน • อ่าน – รวมพลังภาคีกว่า 30 องค์กร ลงขันประสบการณ์ออกจากทางตันการศึกษา “การศึกษาไทย” อย่างไรต่อ ?บทสรุปจาก 4 เวทีย่อย ได้ถูกใช้เป็นประเด็นระดมความร่วมมือและข้อเสนอเพื่อสร้างสรรค์สังคมดีด้วยความเชื่อว่า “การศึกษาไทยเป็นโจทย์ร่วมของคนไทยทุกคน” ในงาน “Good Society Summit 2021 : Hope In Crisis ในวิกฤตยังมีหวัง” กับ “เวทีความร่วมมือแผนปฏิบัติการเพื่อการพัฒนาสังคมของประเทศไทย ด้านการศึกษา” ทางเว็บไซต์ http://goodsociety.network และ The Active เครือข่ายภาคี TSDF-การศึกษา ประกอบด้วยกลุ่มบุคคลและองค์กรเครือข่ายจากภาคส่วนต่าง ๆ ดังนี้ 1.คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา ระบบการศึกษาไทยเป็นยังไงการศึกษาในประเทศไทย เป็นการศึกษาที่จัดโดยกระทรวงศึกษาธิการของประเทศไทย โดยภาครัฐจะเข้ามาดูแลโดยตรงและเปิดโอกาสให้เอกชนมีส่วนร่วมในการศึกษาตั้งแต่ระดับการศึกษาปฐมวัยจนถึงระดับอุดมศึกษา สำหรับการศึกษาภาคบังคับในประเทศไทยนั้นได้กำหนดให้พลเมืองไทยต้องจบการศึกษาอย่างน้อยที่สุดในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น และต้องเข้ารับการ ...
ระบบการศึกษาของไทยมีกี่ระบบสำหรับการศึกษาตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 มี 3 รูปแบบคือ การศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และ การศึกษาตามอัธยาศัย
การจัดการศึกษาในปัจจุบันมีกี่รูปแบบการจัดการศึกษาเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ 1. การศึกษาตามอัธยาศัย (Informal Education) 2. การศึกษาในโรงเรียน (Formal Education) 3. การศึกษานอกโรงเรียน หรือการศึกษานอกระบบ (Non-Formal Education)
การจัดการการศึกษาของไทยในปัจจุบันควรปรับปรุงอะไรบ้าง20 ปี ปฏิรูปการศึกษาไทย ปมปัญหาที่ยังคงต้องแก้ไข. หลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้. ครู คณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษา. ระบบสื่อและเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา. โครงสร้างการบริหารและการจัดการ. ระบบตรวจสอบประเมินคุณภาพการศึกษา. ระบบงบประมาณและทรัพยากรเพื่อการศึกษา. การมีส่วนร่วมของสังคมในการจัดการศึกษา. |