ผลงานของสุนทรภู่ประเภทบทละคร คือข้อใด

– นิราศพระบาท (พ.ศ. 2350) แต่งหลังจากกลับจากเมืองแกลง และต้องตามเสด็จพระองค์เจ้าปฐมวงศ์ไปนมัสการรอยพระพุทธบาทที่จังหวัดสระบุรีในวันมาฆบูชา

– นิราศภูเขาทอง (ประมาณ พ.ศ. 2371) แต่งโดยสมมุติว่า เณรหนูพัด เป็นผู้แต่งไปนมัสการพระเจดีย์ภูเขาทองที่จังหวัดอยุธยา

– นิราศสุพรรณ (ประมาณ พ.ศ. 2374) แต่งเมื่อครั้งยังบวชอยู่ และไปค้นหายาอายุวัฒนะที่จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นผลงานเรื่องเดียวของสุนทรภู่ที่แต่งเป็นโคลง

– นิราศวัดเจ้าฟ้า (ประมาณ พ.ศ. 2375) แต่งเมื่อครั้งยังบวชอยู่ และไปค้นหายาอายุวัฒนะตามลายแทงที่วัดเจ้าฟ้าอากาศ (ไม่ปรากฏว่าที่จริงคือวัดใด) ที่จังหวัดอยุธยา

– นิราศอิเหนา (ไม่ปรากฏ, คาดว่าเป็นสมัยรัชกาลที่ 3) แต่งเป็นเนื้อเรื่องอิเหนารำพันถึงนางบุษบา

– รำพันพิลาป (พ.ศ. 2385) แต่งเมื่อครั้งจำพรรษาอยู่ที่วัดเทพธิดาราม แล้วเกิดฝันร้ายว่าชะตาขาด จึงบันทึกความฝันพร้อมรำพันความอาภัพของตัวไว้เป็น “รำพันพิลาป” จากนั้นจึงลาสิกขา

– นิราศพระประธม (พ.ศ. 2385) เชื่อว่าแต่งเมื่อหลังจากลาสิกขาและเข้ารับราชการในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ไปนมัสการพระประธมเจดีย์ (หรือพระปฐมเจดีย์) ที่เมืองนครชัยศรี

– นิราศเมืองเพชร (พ.ศ. 2388) แต่งเมื่อเข้ารับราชการในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เชื่อว่าไปธุระราชการอย่างใดอย่างหนึ่ง นิราศเรื่องนี้มีฉบับค้นพบเนื้อหาเพิ่มเติมซึ่ง อ.ล้อม เพ็งแก้ว เชื่อว่า บรรพบุรุษฝ่ายมารดาของสุนทรภู่เป็นชาวเมืองเพชร

 

ผลงานของสุนทรภู่ประเภทบทละคร คือข้อใด

 

ประเภทนิทาน

เรื่องโคบุตร, เรื่องพระอภัยมณี, เรื่องพระไชยสุริยา, เรื่องลักษณวงศ์, เรื่องสิงหไกรภพ

ประเภทสุภาษิต

– สวัสดิรักษา คาดว่าประพันธ์ในสมัยรัชกาลที่ 2 ขณะเป็นพระอาจารย์ถวายอักษรแด่เจ้าฟ้าอาภรณ์

– สุภาษิตสอนหญิง เป็นหนึ่งในผลงานซึ่งยังเป็นที่เคลือบแคลงว่า สุนทรภู่เป็นผู้ประพันธ์จริงหรือไม่

– เพลงยาวถวายโอวาท คาดว่าประพันธ์ในสมัยรัชกาลที่ 3 ขณะเป็นพระอาจารย์ถวายอักษรแด่เจ้าฟ้ากลางและเจ้าฟ้าปิ๋ว

ประเภทบทละคร

– เรื่องอภัยณุรา ซึ่งเขียนขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 เพื่อถวายพระองค์เจ้าดวงประภา พระธิดาในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว

ประเภทบทเสภา

– เรื่องขุนช้างขุนแผน (ตอนกำเนิดพลายงาม)

– เรื่องพระราชพงศาวดาร

ประเภทบทเห่กล่อม

แต่งขึ้นสำหรับใช้ขับกล่อมหม่อมเจ้าในพระองค์เจ้าลักขณานุคุณ กับพระเจ้าลูกยาเธอในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เท่าที่พบมี 4 เรื่องคือ เห่จับระบำ, เห่เรื่องพระอภัยมณี, เห่เรื่องโคบุตร เห่เรื่องพระอภัยมณี, เห่เรื่องกากี

๏ พอจวนรุ่งฝูงนกวิหคร้อง ประสานซ้องเซ็งแซ่ดังแตรสังข์ กระเหว่าหวานขานเสียงสำเนียงดัง เหมือนชาววังหวีดเสียงสำเนียงนวล อโณทัยไตรตรัสจำรัสแสง กระจ่างแจ้งแจ่มฟ้าพฤกษาสวน หอมดอกไม้หลายพรรณให้รัญจวน เหมือนกลิ่นนวลน้ำกุหลาบซึ่งซาบทรวง โอ้บุปผาสารพัดที่กลัดกลีบ ครั้นรุ่งรีบบานงามไม่ห้ามหวง ให้ชื่นชุ่มภุมรินสิ้นทั้งปวง ได้ซาบทรวงเสาวรสไม่อดออม แต่ดอกฟ้าส่าหรีเจ้าพี่เอ๋ย มิหล่นเลยละให้หมู่แมงภู่สนอม จะกลัดกลิ่นสิ้นรสเพราะมดตอม จนหายหอมแลกลอกเหมือนดอกกลอยฯ ๏ ถึงวัดสักเหมือนพึ่งรักที่ศักดิ์สูง สูงกว่าฝูงเขาเหินเห็นเกินสอย แม้นดอกฟ้าคลาเคลื่อนหล่นเลื่อนลอย จะได้คอยเคียงรับประคับประคอง บางขนุนขุนกองมีคลองกว้าง ว่าเดิมบางชื่อถนนเขาขนของ เป็นเรื่องหลังครั้งคราวท้าวอู่ทอง แต่คนร้องเรียกเฟือนไม่เหมือนเดิม สุดาใดได้เพื่อนอย่าเฟือนพี่ เหมือนมณีนพรัตน์ฉัตรเฉลิม อันน้ำในใจรักช่วยตักเติม ให้พูนเพิ่มพิศวาสอย่าคลาดคลาย บางนายไกรไกรทองอยู่คลองนี้ ชื่อจึงมีมาทุกวันเหมือนมั่นหมาย ไปเข่นฆ่าชาละวันให้พลันตาย เป็นยอดชายเชี่ยวชาญการวิชา ได้ครอบครองสองสาวชาวพิจิตร สมสนิทนางตะเข้เสน่หา เหมือนตัวพี่นี้ได้ครองแต่น้องยา จะเกื้อหน้าพางามขึ้นครามครัน ถึงคลองขวางบางระนกโอ้อกพี่ แม้นปีกมีเหมือนหนึ่งนกจะผกผัน ไปอุ้มแก้วแววตาพาจรัล มาด้วยกันกับทั้งคู่ที่อยู่ริม คงร่วมเรือเมื่อว่าตื่นสะอื้นอ้อน จะคอยช้อนโฉมอุ้มไม่หยุมหยิม ให้แย้มสรวลชวนเสบยเฝ้าเชยชิม กว่าจะอิ่มอกแอบแนบนิทรา บางคูเวียงเสียงเงียบเซียบสงัด เป็นจังหวัดเวียงสวนล้วนพฤกษา ดูรูปนางบางคูเวียงเหมือนเหนียงนา ไม่เหมือนหน้านางนั่งในวังเวียง เห็นโรงหีบหนีบอ้อยเขาคอยป้อน มีคนต้อนควายตวาดไม่ขาดเสียง เห็นน้ำอ้อยย้อยรางที่อ่างเรียง โอ้พิศเพียงชลนาพี่จาบัลย์ อันลำอ้อยย่อยยับเหมือนกับอก น้ำอ้อยตกเหมือนน้ำตาพี่กว่าขัน เขาโหมไฟในโรงโขมงควัน เหมือนอ้นอั้นอกกลุ้มรุมระกำ โอ้น้ำในใจคนเหมือนต้นอ้อย ข้างปลายกร่อยชืดชิมไม่อิ่มหนำ ต้องหันหีบหนีบแตกให้แหลกลำ นั่นแลน้ำจึงจะหวานเพราะจานเจือฯ ๏ ถึงบางม่วงง่วงจิตคิดถึงม่วง ต้องจากทรวงเสียใจอาลัยเหลือ มะม่วงงอมหอมหวนเหมือนนวลเนื้อ มิรู้เบื่อบางม่วงเหมือนดวงใจ เห็นต้นรักหักโค่นต้นสนัด เป็นรอยตัดรักขาดให้หวาดไหว เหมือนตัดรักหักสวาทขาดอาลัย ด้วยเห็นใจเจ้าเสียแล้วเจ้าแก้วตาฯ ๏ ถึงบางใหญ่ให้จอดทอดประทับ เข้าเทียบกับกิ่งรักไม่พักหา เมื่อกินข้าวเขาก็หักใบรักมา จิ้มปลาร้าลองดูด้วยอยู่ริม อร่อยนักรักอ่อนปลาช่อนย่าง เปรียบเหมือนนางเนื้อนุ่มที่หยุมหยิม อยากรู้จักรักใคร่พึ่งได้ชิม ชอบแต่จิ้มปลาร้าจึงพารวย โอ้รักต้นคนรักเขาหักให้ ไม่พักได้เด็ดรักไม่พักฉวย แต่รักน้องต้องประสงค์ถึงงงงวย ใครไม่ช่วยชักนำให้กล้ำกลืนฯ ๏ เสพอาหารหวานคาวเมื่อคราวยาก ล้วนของฝากเฟื่องฟูค่อยชูชื่น แต่มะแป้นแกนในจะไปคืน ของอื่นอื่นอักโขล้วนโอชา เห็นสิ่งของน้องรักฟักจันอับ แช่อิ่มพลับผลชิดเป็นปริศนา พี่จรจากฝากชิดสนิทมา เหมือนแก้วตาตามติดมาชิดเชื้อ แผ่นขนุนวุ้นแท่งของแห้งสิ้น แต่ละชิ้นชูใจอาลัยเหลือ ได้ชื่นชิมอิ่มหนำทั้งลำเรือ เพราะน้องเนื้อนพคุณกรุณาฯ ๏ แล้วเข้าทางบางใหญ่ครรไลล่อง ไปตามคลองเคลื่อนคล้อยละห้อยหา เห็นสิ่งไรในจังหวัดรัถยา สะอื้นอาลัยถึงคะนึงนวล แม้นแก้วตามาเห็นเหมือนเช่นนี้ จะยินดีด้วยดอกไม้ที่ในสวน ไม่แจ้งนามถามพี่จะชี้ชวน ชมลำดวนดอกส้มต้นนมนาง ที่ริมน้ำง้ำเงื้อมจะเอื้อมหัก เอายอดรักให้น้องเมื่อหมองหมาง ไม่เหมือนหมายสายสวาทมาขาดกลาง โอ้อ้างว้างวิญญาณ์ในสาครฯ ๏ บางกระบือเห็นกระบือเหมือนชื่อบ้าน แสนสงสารสัตว์นาฝูงกาสร ลงปลักเปลือกเกลือกเลนระเนนนอน เหมือนจะร้อนรนร่ำทุกค่ำคืน โอ้อกพี่นี้ก็ร้อนเพราะศรรัก ถึงฝนสักแสนห่าไม่ฝ่าฝืน แม้นเหมือนรสพจมานเมื่อวานซืน จะชูชื่นใจพี่ด้วยปรีดิ์เปรม โอ้เปรียบชายคล้ายนกวิหคน้อย จะเลื่อนลอยลงสรงกับหงส์เหม ได้ใกล้เคียงเรียงริมจะอิ่มเอม แสนเกษมสุดสวาทไม่คลาดคลายฯ ๏ ถึงคลองย่านบ้านบางสุนัขบ้า เหมือนขี้ข้านอกเจ้าเฉาฉงาย เป็นบ้าจิตคิดแค้นด้วยแสนร้าย ใครใกล้กรายเกลียดกลัวทุกตัวคนฯ ๏ ถึงลำคลองช่องกว้างชื่อบางโสน สะอื้นโอ้อ้างว้างมากลางหน โสนออกดอกระย้าริมสาชล บ้างร่วงหล่นแลงามเมื่อยามโซ แต่ต้นเบาเขาไม่ใช้เช่นใจหญิง เบาจริงจริงเจียวใจเหมือนไม้โสน เห็นตะโกโอ้แสนแค้นตะโก ถึงแสนโซสิ้นคิดไม่ติดตาม พอสุดสวนล้วนแต่เหล่าเถาสวาด ขึ้นพ้นพาดเพ่งพิศให้คิดขาม ชื่อสวาดพาดเพราะเสนาะนาม แต่ว่าหนามรกระชะกะกาง สวาดต้นคนต้องแล้วร้องอุ่ย ด้วยรุกรุยรกเรื้อรังเสือสาง จนชั้นลูกถูกต้องเป็นกองกลาง เปรียบเหมือนอย่างลูกสวาทศรียาตรา ริมลำคลองท้องทุ่งดูวุ้งเวิ้ง ด้วยน้ำเจิ่งจอกผักขึ้นหนักหนา ดอกบัวเผื่อนเกลื่อนกลาดดาษดา สันตะวาสายติ่งต้นลินจงฯ ๏ ถึงบ้านใหม่ธงทองริมคลองลัด ที่หน้าวัดเห็นเขาปักเสาหงส์ ขอความรักหนักแน่นให้แสนตรง เหมือนคันธงแท้เที่ยงอย่าเอียงเอน ได้ชมวัดศรัทธาสาธุสะ ไหว้ทั้งพระปฏิมามหาเถร นาวาล่องคล่องแคล่วเขาแจวเจน เฟือยระเนนน้ำพร่างกระจ่างกระจาย ดูชาวบ้านพรานปลาทำลามก เที่ยวดักนกยิงเนื้อมาเถือขาย เป็นทุ่งนาป่าไม้รำไรราย พวกหญิงชายชาวเถื่อนอยู่เรือนโรงฯ ๏ ที่ริมคลองสองฝั่งเขาตั้งบ้าน น่าสำราญเรียงรันควันโขมง ถึงชะวากปากช่องชื่อคลองโยง เป็นทุ่งโล่งลิบลิ่วหวิวหวิวใจ มีบ้านช่องสองฝั่งชื่อบางเชือก ล้วนตมเปือกเปอะปะสวะไสว ที่เรือน้อยลอยล่องค่อยคล่องไป ที่เรือใหญ่โป้งโล้งต้องโยงควาย เวทนากาสรสู้ถอนถีบ เขาตีรีบเร่งไปน่าใจหาย ถึงแสนชาติจะมาเกิดกำเนิดกาย อย่าเป็นควายรับจ้างที่ทางโยงฯ