มีอะไรกันหลายครั้งแล้วกินยาคุมฉุกเฉิน

มีอะไรกันหลายครั้งแล้วกินยาคุมฉุกเฉิน

Show

ยาคุมฉุกเฉิน หลักๆ จะแบ่งออกเป็นสองประเภท คือ ยาคุมฉุกเฉินแบบหนึ่งเม็ด และยาคุมฉุกเฉินแบบสองเม็ด เหมาะใช้ในกรณีที่ฉุกเฉินในบางกรณี เช่น ถุงยางรั่ว ถุงยางแตก หรือมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน ซึ่งช่วยลดโอกาสตั้งครรภ์ได้ระดับหนึ่ง

วิธีการกินยาคุมฉุกเฉิน

- กรณีที่เป็นแบบสองเม็ด

  • ให้กินหนึ่งเม็ดทันทีหลังจากมีเพศ
  • หลังจากนั้นสิบสองชั่วโมงก็กินเม็ดที่สองตาม
  • หรือจะกินพร้อมกันครั้งเดียวสองเม็ดเลยก็ได้

- กรณีที่เป็นแบบหนึ่งเม็ด ให้ทานหนึ่งเม็ดทันทีหลังจากมีเพศสัมพันธ์

ยาคุมฉุกเฉิน กินหลังมีเพศสัมพันธ์

การกินยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน ไม่ควรเกิน 3 วันหรือ 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ โดยรีบทานเม็ดแรกภายในระยะเวลาที่กำหนด

อาการข้างเคียงที่พบได้บ่อย

  • อาการคลื่นไส้อาเจียน
  • เลือดออกกะปริบกะปรอย

ยาคุมฉุกเฉิน ก็ท้องได้

ถึงแม้ว่าจะกินยาคุมถูกต้องถูกวิธีแล้ว ก็อาจจะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้นะคะ และยาคุมฉุกเฉินนี้ไม่ได้มีส่วนช่วยในการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

การมีเพศสัมพันธ์จึงควรสวมถุงยางอนามัยอย่างเหมาะสม

วิธีกินยาคุมฉุกเฉินแบบ 1 เม็ดและ 2 เม็ด ใช้ในกรณีไหน มีผลข้างเคียงอย่างไร

หากใครมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องยาคุมกำเนิด และปัญหาเรื่องสุขภาพ สามารถปรึกษาเภสัชกรที่ร้านขายยา Fascino ผ่านระบบเทเลฟาร์มาซี เรายินดีให้คําปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพทุกช่องทาง

มีอะไรกันหลายครั้งแล้วกินยาคุมฉุกเฉิน

  • ปรึกษาง่าย ๆ ไม่ต้องโหลดแอป ได้ที่ https://telepharmacy.fascino.co.th/
  • Facebook : https://m.me/fascinohealthcarethailand
  • Line : https://lin.ee/3mHf2nZ
  • โทร : 02-111-6999

บทความแนะนำ

  • ความเชื่อยาคุมฉุกเฉิน ตอน 1: กินแล้วไม่ท้อง จริงเหรอ ?
  • ยาคุมฉุกเฉิน กินบ่อยอันตราย จริงหรือ ?
  • ยาคุมกำเนิด 21 เม็ด กับ 28 เม็ด ต่างกันอย่างไร ?
  • ลืมกินยาคุม ทำอย่างไรดี ? เรามีคำตอบ

✅ บทความนี้ได้รับการตรวจสอบแล้ว

KEY POINTS:


  • การใช้ยาคุมฉุกเฉินไม่ควรใช้บ่อยๆ หรือใช้แทนการคุมกำเนิดระยะยาว เพราะจะทำให้เป็นอันตราย จากโรคต่างๆ มากมาย เช่น โรคมะเร็งทางนารีเวช รวมถึงยังลดประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์อีกด้วย
  • การกินยาคุมฉุกเฉินต้องกินเม็ดแรกภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน เม็ดที่ 2 หลักจากกินเม็ดแรกไปแล้ว 12 ชั่วโมง เพื่อประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์
  • ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน โรคตับ โรคไต โรคหัวใจ โรคหลอดเลือด โรคไขมันในเลือดสูง โรคอ้วน ไมเกรนชนิดมีอาการเตือน ไม่ควรทานยาคุมฉุกเฉิน เพราะจะทำให้อาการของโรครุนแรงขึ้น


Table of Contents
การคุมกำเนิดฉุกเฉินคืออะไร?
ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินคืออะไร?
ยาคุมฉุกเฉินมีกี่ประเภท?
ข้อควรรู้ในการใช้ยาคุมฉุกเฉิน

วิธีกินยาคุมฉุกเฉิน
ผลข้างเคียงจากการรับประทานยาคุมฉุกเฉิน
ข้อห้ามในการใช้ยาคุมฉุกเฉิน
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการกินยาคุมฉุกเฉิน




การคุมกำเนิดฉุกเฉินคืออะไร?

การคุมกำเนิดฉุกเฉิน คือ การป้องกันไม่ให้เกิดการตั้งครรภ์ขึ้นภายหลังการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน หรือ ล้มเหลวในการป้องกัน เช่น ถุงยางอนามัยหลุด การไม่ได้รับประทานยาคุมกำเนิด ลืมกินยาคุมกำเนิด ห่วงคุมกำเนิด หรือยาฝังคุมกำเนิดหลุด รวมไปถึงการถูกข่มขืน


ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินคืออะไร?

ยาคุมฉุกเฉิน (Emergency Contraceptive Pills, Morning-after Pills และ Post-coital Contraceptives) คือยาคุมกำเนิดที่ใช้ป้องกันการตั้งครรภ์หลังการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่คาดคิดหรือไม่พึงประสงค์ ไปจนถึงการป้องกันอุบัติเหตุที่เกิดจากการคุมกำเนิด


ยาคุมฉุกเฉินมีกี่ประเภท?


มีอะไรกันหลายครั้งแล้วกินยาคุมฉุกเฉิน

การกินยาคุมฉุกเฉิน คือ การรับประทานฮอร์โมนเข้าสู่ร่างกายในปริมาณที่สูงมาก โดยยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินจะยับยั้งหรือทำให้การตกไข่ในร่างกายเลื่อนออกไป ซึ่งในปัจจุบันมียาคุมฉุกเฉินทั้งหมด 3 ชนิด โดย 2 ชนิดแรกนั้น เป็นยาคุมฉุกเฉินที่ใช้ฮอร์โมนในการคุมกำเนิด ในขณะที่ยาคุมฉุกเฉินชนิดที่ 3 นั้น เป็นการใช้ตัวยาในการยับยั้งการตกไข่และฮอร์โมนของร่างกาย ซึ่งยาคุมแต่ละชนิดมีลักษณะที่แตกต่างกันต่อไปนี้


1. ยาคุมฉุกเฉินชนิดฮอร์โมนรวม (Combined Estrogen-Progestin)

ยาคุมฉุกเฉินชนิดฮอร์โมนรวม หรือ เรียกว่า Yupze Regimen เป็นยาที่ได้รับการคิดค้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1974 โดยใช้กลไกในการเพิ่มระดับฮอร์โมนให้สูงขึ้นในร่างกาย ซึ่งประกอบไปด้วยสองฮอร์โมนหลัก ได้แก่ estrogen และ progesterone ในการที่จะยับยั้ง หรือ เลื่อนเวลาของการตกไข่เยื่อบุโพรงมดลูกให้ไม่เหมาะสมกับการฝังตัว และยังมีผลต่อการทำงานของรังไข่ด้วย

โดยการรับประทานยาจะมีส่วนประกอบของ ethinyl estradiol 100 มคก. และ levonogestrel 1 มก. โดยกินหลังการมีเพศสัมพันธ์โดยทันที หรือภายใน 72 ชั่วโมง และ รับประทานซ้ำอีกครั้ง 2 เม็ด จำนวน 2 ครั้งห่างกัน 12 ชั่วโมง


2. ยาคุมฉุกเฉินชนิดฮอร์โมนเดียวโพรเจสติน (Progestin Only)

ยาคุมฉุกเฉินที่ใช้การทำงานของฮอร์โมนตัวเดียว คือ โพรเจสโตเจน ตัวยาที่นิยมใช้ในยาคุมฉุกเฉินก็คือ Levonorgestrel ซึ่งเป็นฮอร์โมนสังเคราะห์ในกลุ่มของโพรเจสตินที่มีประสิทธิภาพในการยับยั้งการตกไข่ โดยยาคุมฉุกเฉินแบบฮอร์โมนเดียวนั้น สามารถรับประทานทีเดียว 1 โดส (Dose) โดสละ 1.5 mg หรือจะรับประทานแยกแบ่งเป็น 2 โดส โดสละ 0.75 mg ห่างกัน 12 ชั่วโมง และจะต้องรับประทานโดสแรกภายใน 72 ชั่วโมง ก็มีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดเช่นเดียวกัน รวมถึงผลข้างเคียงที่ได้รับก็ไม่ต่างกัน

ยาคุมฉุกเฉินประเภทนี้ได้รับการยืนยันจาก US FDA และ WHO ว่าใช้ได้ผลดีถึงแม้จะรับประทานหลังมีเพศสัมพันธ์ไปแล้ว 3-5 วัน โดยไม่มีผลกระทบที่เป็นอันตรายถึงชีวิต จะมีเพียงอาการคลื่นไส้ อาเจียน เพียงแค่ 24% น้อยกว่ายาคุมฉุกเฉินแบบฮอร์โมนรวมอย่างเห็นได้ชัด


3. ยาคุมฉุกเฉินชนิด Selective Progesterone Modulator

ยาคุมฉุกเฉินประเภทนี้ จะมีหลักการโดยการใช้สารต้าน progesterone ไปแย่งจับกับตัวรับปฏิกิริยา ทำให้ progesterone ไม่สามารถออกฤทธิ์ได้ ทำให้มดลุกไม่สามารถที่จะมีสภาพในการฝังตัวอ่อนได้ ซึ่งการที่ยาในกลุ่มนี้ ได้แก่ ulipristal และ mifeprisone (RU486) โดยกลุ่มยานี้จะมีผลข้างเคียงน้อยกว่ากลุ่มยาสองชนิดแรก มักพบอาการคลื่นไส้ อาเจียน

โดยการใช้ ulipristal รับประทานครั้งเดียว 30 มก. ภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ และในส่วนของ mifepristone การรับประทานครั้งเดียว 600 มก. ภายใน 72 ชั่วโมงหลังจากมีเพศสัมพันธ์



ข้อควรรู้ในการใช้ยาคุมฉุกเฉิน


  1. ยาคุมฉุกเฉินไม่สามารถใช้ในการทำแท้งได้ เนื่องจากยาคุมฉุกเฉินมีกลไกในการยับยั้งการตกไข่ และป้องกันการฝังตัวของไข่ที่เยื่อบุโพรงมดลูก เพราะฉะนั้นหากมีไข่ที่ผสมกับอสุจิและฝังตัวอยู่ที่ผนังมดลูกเรียบร้อยแล้ว ยาคุมฉุกเฉินจะไม่สามารถเข้าไปทำลาย หรือยุติการตั้งครรภ์ดังกล่าวได้
  2. ยาคุมฉุกเฉินมีผลข้างเคียงสูงมาก ไม่ว่าจะเป็นอาการหลังกินยาคุมฉุกเฉิน ไปจนถึงผลข้างเคียงระยะยาว ซึ่งระยะแรกอาจจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน แต่ในระยะยาวหากมีการกินยาคุมฉุกเฉินอยู่บ่อยครั้ง อาจส่งผลต่อการท้องนอกมดลูกได้ในอนาคต
  3. การกินยาคุมฉุกเฉินควรกินให้เร็วที่สุดหลังการมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน และต้องกินยาเม็ดแรกภายใน 72 ชั่วโมงและตามด้วยยาเม็ดที่สอง จะสามารถช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ถึง 75% แต่อย่างไรก็ตามหากทานภายใน 24 ชั่วโมงหลังการมีเพศสัมพันธ์ จะช่วยเพิ่มการป้องกันการตั้งครรภ์ได้มากถึง 85%
  4. ยาคุมฉุกเฉิน ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้
  5. ยาคุมฉุกเฉินไม่เป็นอันตรายต่อการตั้งครรภ์ครั้งใหม่ และไม่ส่งผลให้การตั้งครรภ์ครั้งต่อไปช้าลง หรือมีโอกาสในการตั้งครรภ์น้อยลง

วิธีกินยาคุมฉุกเฉิน

ยาคุมฉุกเฉินส่วนใหญ่ที่มีขายในประเทศไทยจะมี 2 เม็ดในหนึ่งกล่อง ซึ่งตัวยามีขนาดเม็ดละ 0.75 mg โดยสามารถกินยาคุมฉุกเฉินให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด ดังนี้


  • กินยาคุมฉุกเฉินเม็ดแรกให้เร็วที่สุดหลังการมีเพศสัมพันธ์ หรือภายใน 72 ชั่วโมงแรก
  • กินยาคุมฉุกเฉินเม็ดที่สองหลังจากเม็ดแรกภายใน 12 ชั่วโมง

ทั้งนี้การกินยาคุมให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดไม่ควรเกิน 3-5 วัน เพราะจะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของยาคุมฉุกเฉินไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้อย่างเต็มที่


ผลข้างเคียงจากการรับประทานยาคุมฉุกเฉิน


มีอะไรกันหลายครั้งแล้วกินยาคุมฉุกเฉิน

การกินยาคุมฉุกเฉินเป็นการเพิ่มฮอร์โมนจำนวนมากเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งอาจจะส่งผลข้างเคียงต่อร่างกายแต่ละคนไม่เหมือนกัน ซึ่งผลข้างเคียงหลังจากการกินยาคุมฉุกเฉินจะมีอาการดังต่อไปนี้


  • อาการวิงเวียนศีรษะ
  • คลื่นไส้ อาเจียน
  • ปวดหัวอย่างรุนแรง
  • ปวดท้อง
  • ประจำเดือนมาไม่ปกติ
  • มีเลือดออกทางช่องคลอด
  • เสี่ยงตั้งครรภ์นอกมดลูก

หากมีอาการดังกล่าวอย่างรุนแรงควรพบแพทย์ทันที ทั้งนี้หากมีอาการอย่างอื่นนอกจากที่กล่าวข้างต้น แนะนำให้พบแพทย์ เพื่อปรึกษาหาสาเหตุต่อไป


ข้อห้ามในการใช้ยาคุมฉุกเฉิน

เนื่องจากยาคุมฉุกเฉินเป็นยาที่ค่อนข้างส่งผลกระทบต่อร่างกาย ดังนั้นผู้ที่มีโรคประจำตัวดังต่อไปนี้ ไม่ควรใช้ยาคุมฉุกเฉินโดยเด็ดขาด


  • ผู้ป่วยโรคมะเร็งปากมดลูก และมะเร็งเต้านม
  • ผู้ป่วยโรคที่เกี่ยวข้องกับตับ เช่น ตับแข็ง โรคตับเฉียบพลัน ไปจนถึงมะเร็งตับ
  • ผู้ป่วยโรคที่เกี่ยวข้องกับโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น โรคลิ่มเลือดอุดตัน
  • ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ที่มีการทำงานของไตและหลอดเลือดผิดปกติ
  • ผู้ที่อายุมากกว่า 35 ปี และสูบบุหรี่จัด เป็นโรคไขมันในเลือดสูงและมีภาวะอ้วน
  • ผู้ที่เป็นไมเกรนชนิดที่มีอาการเตือน

หากผู้ที่มีอาการดังกล่าวกินยาคุมฉุกเฉินเข้าไป อาจจะส่งผลกระทบต่อร่างกายอย่างรุนแรง ดังนั้นหากมีความจำเป็นจะต้องป้องกันการตั้งครรภ์แบบฉุกเฉิน ควรปรึกษาแพทย์หรือใช้ยาภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ไม่ควรกินยาคุมฉุกเฉินบ่อยๆ ติดต่อกันเพราะจะทำให้ร่างกายดื้อยา และลดโอกาสป้องกันการตั้งครรภ์ รวมถึงเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งเต้านมอีกด้วย


คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการกินยาคุมฉุกเฉิน


1. ยาคุมฉุกเฉินราคาเท่าไหร่?

ยาคุมฉุกเฉินในปัจจุบันมีหลายยี่ห้อที่วางขายในท้องตลาด โดยมีราคาตั้งแต่ 40 บาทขึ้นไป จนถึง 80 บาท ตามแต่ยี่ห้อที่เลือกใช้


2. ยาคุมฉุกเฉินรับประทาน 2 เม็ดพร้อมกันได้ไหม?

ยาคุมฉุกเฉินสามารถกินพร้อมกันสองเม็ด โดยมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ไม่ต่างกับการกินทีละเม็ด แต่การกินสองเม็ดพร้อมกันอาจจะก่อให้เกิดการคลื่นไส้ อาเจียนมากกว่าการกินทีละเม็ด


3. กินยาคุมฉุกเฉินบ่อยอันตรายหรือไม่?

การกินยาคุมฉุกเฉินบ่อยๆ ทำให้เสี่ยงต่อการตั้งครรภ์นอกมดลูก และนอกจากนั้น การกินยาคุมฉุกเฉินบ่อย ๆ จะทำให้ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์น้อยลง และประจำเดือนมาไม่ปกติ


4. กินยาคุมฉุกเฉินเม็ดที่ 2 ช้า มีผลอะไรหรือไม่?

ไม่มีผลหากกินช้าไม่เกิน 24 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ แต่หากกินหลังจากนั้นแล้ว ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ของยาคุมฉุกเฉินจะน้อยลง หากเกิน 24 ชั่วโมง แต่ยังไม่เกิน 120 ชั่วโมง ให้ซื้อยาคุมฉุกเฉินมาใหม่อีกแผงหนึ่ง แล้วกิน 2 เม็ดภายในครั้งเดียว




✅ ตรวจสอบข้อมูลโดย


มีอะไรกันหลายครั้งแล้วกินยาคุมฉุกเฉิน




แหล่งข้อมูล