แนวโน้มการใช้สื่อเครือข่ายสังคมออนไลน์มีแนวโน้มอย่างไร

อีกทั้งกลุ่มผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์นั้น เป็นกลุ่มที่มีกำลังการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคสูง โดยตัวอย่างผู้ใช้ Facebook ในไทยนั้นแม้จะครอบคลุมประชากรเพียง 15% ของประชากรทั้งประเทศ แต่ผู้ใช้จะกระจุกอยู่ตามจังหวัดที่มีการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคค่อนข้างสูง โดย 12 จังหวัดที่มีผู้ใช้ Facebook เกินหนึ่งหมื่นคนจากทั้งหมด 77 จังหวัดของไทยนั้นมีรายจ่ายเพื่อการบริโภคคิดเป็นสัดส่วน 41% ของทั้งประเทศ โดยรายจ่ายแต่ละจังหวัดใน 12 จังหวัดดังกล่าวสูงกว่าค่าเฉลี่ยโดยรวมประมาณ 2 เท่า

นอกจากนี้ สื่อสังคมออนไลน์มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากโครงสร้างพื้นฐานที่จะมีความก้าวหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับพฤติกรรมการบริโภคสื่อออนไลน์มากขึ้นแทนที่สื่อดั้งเดิม โดยปัจจุบันนั้นคนอายุน้อยใช้เวลาดูโทรทัศน์ลดลง โดยอยู่กับคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือมากขึ้น และด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีโดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานที่เอื้ออำนวยให้การสื่อสารออนไลน์มีความรวดเร็วและรองรับปริมาณข้อมูลได้มากขึ้นไปอีก ส่งผลให้คาดการณ์ได้ว่าในอนาคตข้างหน้าคนส่วนใหญ่จะยิ่งใช้เวลาอยู่กับคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือมากขึ้นไปอีก ซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องให้โลกของสื่อสังคมออนไลน์ขยายตัวเพิ่มขึ้น

ธุรกิจขนาดเล็ก ธุรกิจที่มีผู้บริโภคเป็นกลุ่มย่อยๆ เฉพาะเจาะจง รวมถึงธุรกิจบริการ มีโอกาสและช่องทางทางการตลาดมากขึ้นจากการมีสื่อสังคมออนไลน์ แม้สื่อสังคมออนไลน์จะเป็นโอกาสที่ทุกธุรกิจสามารถใช้ประโยชน์ได้ แต่นับเป็นช่องทางที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับธุรกิจบางประเภท เช่น ช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กที่ไม่มีกำลังทรัพย์เพียงพอสำหรับการโฆษณาสินค้าทางโทรทัศน์มีช่องทางทางการตลาด ช่วยให้ธุรกิจที่มีสินค้าและบริการหลากหลายแบ่งทำการตลาดกับผู้บริโภคแต่ละกลุ่มได้ด้วยต้นทุนต่ำ และช่วยให้ธุรกิจบริการที่วัดคุณภาพสินค้าได้ยากมีช่องทางสำหรับบอกต่อประสบการณ์ได้ถึงผู้บริโภคอย่างกว้างขวาง อย่างไรก็ตาม จากตัวอย่างธุรกิจโรงแรมในไทยจะพบว่ายังมีการใช้สื่อสังคมออนไลน์ไม่มากนัก

แม้กระนั้น สื่อสังคมออนไลน์ไม่ใช่แค่สีสันทางการตลาด แต่ทุกธุรกิจควรให้ความสำคัญกับสื่อสังคมออนไลน์อย่างจริงจังมากขึ้น ทั้งการใช้เพื่อเป็นช่องทางทางการตลาดและเป็นข้อมูลตรงในการวางกลยุทธ์และนโยบายของธุรกิจ ทั้งในเรื่องการจัดสรรงบประมาณทางการตลาดรวมถึงการมีบุคลากรโดยเฉพาะ เพราะแม้แต่ธุรกิจที่อาจจะเลือกไม่ใช้สื่อสังคมออนไลน์เป็นช่องทางทางการตลาด ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงผลกระทบจากสื่อสังคมออนไลน์ได้ เนื่องจากผู้บริโภคยังคงสามารถใช้สื่อสังคมออนไลน์สร้างกระแสที่อาจจะส่งผลกระทบทางลบมาถึงธุรกิจได้อยู่ดี นอกจากนี้ โลกดิจิตอลมีการเปลี่ยนแปลงก้าวหน้าอยู่ตลอดเวลา และครอบคลุมผู้บริโภคมากขึ้นเรื่อยๆ ธุรกิจจึงควรเริ่มต้นสร้างความคุ้นเคยกับโลกออนไลน์โดยเร็ว เพื่อสามารถสร้างสรรค์รูปแบบการตลาดใหม่ๆ และเพื่อสามารถปรับตัวให้ทันกับธุรกิจคู่แข่ง ยิ่งไปกว่านั้น ข้อดีอีกประการหนึ่ง คือ สามารถใช้เนื้อหาที่ผู้บริโภคเป็นผู้เขียนหรือสร้างขึ้นเป็นข้อมูลสำคัญในการวางกลยุทธ์และนโยบายของธุรกิจ

ทั้งนี้ ธุรกิจควรจับตามองและก้าวทันตามกระแสต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในโลกออนไลน์ ได้แก่ แนวโน้มการใช้ช่องทางโทรศัพท์มือถือมากขึ้น รวมถึงเนื้อหาในรูปแบบวีดีโอที่จะได้รับความนิยมมากขึ้น ในขณะเดียวกันด้วยค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่ถูกลงพร้อมๆ กับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีจะส่งผลให้ธุรกิจตอบสนองผู้บริโภคที่เป็นกลุ่มย่อยๆ ได้มากขึ้น (mass production to customization)

เมื่อเป็นเช่นนี้ลองมาดูข้อมูลที่จะทำให้เรารู้จักอนาคตของ Social Network เพิ่มมากขึ้น และอาจช่วยให้เราสามารถปรับตัวให้เข้ากับโลกอนาคตที่แม้ว่าจะเป็นเรื่องใกล้ตัวแต่ก็สามารถทำให้เรามีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องราวของโซเชียลเพื่อให้ได้รู้เท่าทันสิ่งต่างๆ ได้

เครือข่ายอินเทอร์เน็ตจะเข้าถึงคนได้มากขึ้นและกว้างขึ้น
เมื่อเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมีเพิ่มมากขึ้น สามารถเข้าถึงคนได้มากขึ้น ผู้คนก็จะกระตือรือร้นที่จะหาเทคโนโลยีใส่ตัวเอง หรือเรียกว่าการปรับตัวให้เข้ากับสภาพสังคมนั่นเอง นอกจากนั้นทำให้เกิดประโยชน์ได้อย่างมากมาย เช่นการทำธุรกิจได้มากขึ้น การทำการค้าต่างประเทศ รู้เท่าทันเหตุการณ์โลกได้มากขึ้น มีความรู้เกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ได้รอบตัวมากขึ้น เกิดการสื่อสารข้ามเชื้อชาติได้ง่ายมากขึ้น ซึ่งเหตุการณ์นี้จะเรียกอีกอย่างหนึ่งได้ว่า "การข้ามของการสังคมผ่าน Social Network หรือ Cross Culture Social Network"

ช่องทางในการเข้าถึงมีมากขึ้น (Channels)
หลายสิ่งในสังคมได้มีการพัฒนาและปรับปรุงให้เทคโนโลยีต่างๆ ในปัจจุบันได้มีความสอดคล้องกับการใช้งานกับสิ่งต่างๆ ในชีวิตประจำวันมากขึ้น เช่น การขับรถ เราสามรถขับไปที่ใดก็ได้ โดยมี GPS คอยนำทางและสามารถแจ้งตำแหน่งที่เราอยู่ได้ด้วยเช่นกัน หรือผู้ผลิตอุปกรณ์ต่างๆ ก็เริ่มนำ Social Network เข้ารวมกับมือถือต่างๆ เพิ่มขึ้น เช่น Facebook, Twitter หรือการอัพโหลดรูปภาพ วิดีโอ หรือสามารถถ่ายทอดสดให้คนในสังคมโซเชียลได้รู้ว่าขณะนี้กำลังทำอะไร หรือเราต้องการเผยแพร่สิ่งใดให้ผู้อื่นได้รู้ นอกจากนั้นความสะดวกเหล่านี้จึงทำให้มีผู้หันมาใช้อุปกรณ์สมาร์ทโฟนเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากสะดวก และมีความสามารถเทียบเท่ากับคอมพิวเตอร์

การเข้าถึง Social Network หรือการส่งข้อมูล มีความ Automatic มากขึ้น
ในอนาคตอาจมีการส่งข้อความ ข้อมูลต่างๆ เข้า Social Network โดยที่เราไม่ต้องพิมพ์ แต่อุปกรณ์หรือสิ่งอื่นจะเข้าหาเราเอง ดึงข้อมูลจากเราไปสู่ Social Network ได้เอง เป็นระบบ Autometic และอุปกรณ์ต่างๆ นั้นก็จะตรวจสอบ (Detect) เราได้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่

ฉลาด (Intelligent) มากขึ้น 
เริ่มเข้าใจและวิเคราะห์ (Analyze) พฤติกรรมของคนใน Social Network ได้ ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่อาจประหลาดใจที่เทคโนโลยีสามารถพัฒนาได้มากขนาดนี้ เพราะในความต้องการของมนุษย์ก็ได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีให้ฉลาดมากขึ้น เทียบเท่ากับมนุษย์ด้วยกัน ดังนั้นเมื่อเทคโนโลยีสามารถเข้าใจถึงพฤติกรรมของมนุษย์แต่ละคนได้มากขึ้น จึงเกิด กลุ่ม หรือ Segment ใหม่ที่ลึกขึ้นและมีความเฉพาะมากขึ้น สิ่งเหล่านี้เกิดจากความก้าวหน้าของวิทยาการด้านเทคโนโลยีและการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างรวดเร็ว โดยอาจมี Computer, Internet, Social Network เป็นส่วนสำคัญในการทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง

จะเกิด Social Network เฉพาะ (Niche & Vertical)
โดยจะเป็นการเข้าถึงกลุ่มคนเฉพาะกลุ่ม และอาจเกิดเป็น Social on Social หรือที่เรียกว่าเกิดเป็นสังคมเล็กๆ ซ้อนทับในสังคมใหญ่อีกที คือจะเกิดการสร้างสังคมย่อยลงไปอีก ที่อาจรวมกลุ่มคนที่มีความสนใจ หรือความชอบเดียวกันไว้ด้วยกัน เพื่อติดต่อ สื่อสาร แลกเปลี่ยนความรู้ ตัวอย่างที่เราสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนนั่นก็คือ กลุ่มที่มีอยู่ใน Facebook ก็จะแยกเป็นหัวเรื่องที่มีคนสนใจแตกต่างกันไป บางกลุ่มอาจเป็นกลุ่มที่เปิดขึ้นเฉพาะ รับแต่คนรู้จัก และบางกลุ่มอาจเป็นการรวมรวมของคนที่มีความชอบเหมือนกัน เป็นต้น นอกจากนั้นยังมี Application หรือ Service อื่นๆ เข้ามาช่วยทำให้เกิดได้ง่ายขึ้น

ถึงแม้ว่าเทคโนโลยีใหม่ๆ จะช่วยให้เราสามารถเข้าถึงสิ่งที่ทันสมัยได้มากขึ้น แน่นอนว่าสิ่งเหล่านั้นย่อมเป็นผลดีกับตัวเรา แต่อย่าลืมว่าทุกสิ่งนั้นก็มีโทษภัยแอบแฝง การรู้เท่าทันเพื่อให้เราสามารถระมัดระวัง และปรับตัวให้เข้ากับสังคมในรูปแบบของตัวเองให้มากที่สุด เพื่อไม่ให้เทคโนโลยีที่ก้าวล้ำกลับมาทำร้ายผู้ที่ใช้งานเอง ดังนั้นเราควรเลือกใช้เทคโนโลยีเพิ่มความสำเร็จให้กับตัวเองและอนาคตกันดีกว่า

ที่มา : manager