การตกแต่งบ้าน หมายถึง การจัดหรือการออกแบบต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกของบ้านรวมทั้งห้องต่างๆ ที่มีอยู่ภายในบ้าน เช่น ห้องรับแขก ห้องนอน เป็นต้น เพื่อให้เป็นระเบียบเรียบเรียบร้อยสวยงามน่าอยู่ Show โดยทั่วไปแล้วการจัดตกแต่งบ้านจะแบ่งลักษณะของการตกแต่งออกเป็น 2 ลักษณะดังนี้คือ 1. การตกแต่งภายใน คือ การจัดหรือออกแบบบริเวณต่างๆของบ้านที่อยู่อาศัยในตัวบ้านได้แก่ ห้องต่างๆ ซึ่งมีหลักในการตกแต่งดังนี้ 1.1 ห้องนอน ถือว่าเป็นสถานที่ส่วนตัว การออกแบบตกแต่ง จึงสามารถทำให้มีลักษณะเฉพาะตัว ที่เด่นชัด และตามสไตล์ ที่ผู้อยู่ต้องการ เนื่องจากพื้นที่ในห้องนอนนั้น เป็นพื้นที่ส่วนตัว ที่พ้นจากสายตาคนอื่นๆ และยังเป็นห้องที่เหมาะที่สุด ในการสร้างสรรค์ ตามความประสงค์ ของผู้อยู่อย่างมาก ภายในห้องต้องมีหน้าที่สามารถรับแสงแดดยามเช้าได้ดี มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก ในบ้านหนึ่งหลังอาจแบ่งห้องนอนออกเป็น 1.2 ห้องรับแขก เป็นห้องที่เป็นศูนย์รวมของคนในบ้าน และผู้มาเยือน จึงจำเป็นต้องตกแต่งให้สวยงามที่สุด ซึ่งจะสะท้อนรสนิยม ความสนใจ และความเป็นเอกลักษณ์ของเจ้าของบ้าน เป็นที่รวมกิจกรรมที่หลากลหาย เช่น รับรองแขก พักผ่อน อ่านหนังสือ ทำงาน ดูโทรทัศน์ ฟังเพลง และอยู่ร่วมกันของสมาชิกในครอบครัว จึงควรมีเนื้อที่อย่างน้อยสุด 4 ตารางเมตร และมักอยู่ส่วนหน้าของบ้านถัดจากโถงทางเข้า ใกล้บริเวณเข้าออกหน้าบ้านมากที่สุด สีที่ใช้ออกแบบห้องควรเป็นสีที่ดูสบายตา ให้ความรู้สึกไม่ร้อน ใช้สีโทนอ่อน เช่นสีขาว สีครีม จะทำให้มีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น หลักการจัดห้องรับแขกมีดังนี้ 1.3 ห้องรับประทานอาหาร ห้องรับประทานอาหารสามารถยืดหยุ่นได้ดีไม่ว่าจะเป็นขนาดของห้องและรูปร่าง อาจจะใช้มุมใดมุมหนึ่งของห้องครัว ไปจนถึงการจัดห้องอาหารโดยส่วนใหญ่ แล้วห้องรับประทานอาหาร มักจะเป็นที่ที่กำหนดขึ้นมา อย่างเหมาะสมเพื่อใช้ให้ เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่ในการรับประทานอาหาร ห้องรับประทานอาหารไม่ควรจะอยู่ไกลจากห้องครัว เพราะอาหารบางชนิดหากเสียเวลาไปกับการลำเลียงมาสู่ห้องรับประทานอาหารนานเกินไป ก็อาจจะเสียรส ชาติ ภายในห้องไม่ควรมีกลิ่นเหม็นอับ แต่ข้อที่ควรระวังสำหรับครัว ที่อยู่ติดกับห้องรับประทานอาหาร ก็คือเรื่องของกลิ่นอาหาร ขณะที่กำลังปรุงจะเข้ามารบกวนได้ ดังนั้น การระบายอากาศหรือการใช้ เครื่องดูดควัน จึงกลายเป็น เรื่องจำเป็น ที่ขาดเสียไม่ได 1.4 ห้องครัว 1.4.1. เป็นอีกห้องหนึ่งที่มีการกำหนด ลักษณะการใช้งาน ที่แตกต่างไปจากห้องอื่นๆ โดยเป็นส่วนใช้งาน ที่สำคัญภายในบ้าน ซึ่งใช้เป็นที่ประกอบอาหาร เพื่อการยังชีพนอกจากนั้น ครัวยังมีความสัมพันธ์ ในการใช้งานอย่างต่อเนื่อง กับส่วนรับประทานอาหารและส่วนอื่นๆ ในตัวบ้าน ห้องครัวควรมีอากาศถ่ายเทได้ดี ไม่อับชื้น ทางเดินสะดวก การจัดตกแต่งครัวเพื่อให้เกิดความสวยงามนั้น สิ่งแรกที่ควรคำนึงถึงเป็นลำดับแรกคือ การวางแปลนครัวที่ถูกต้อง เพราะจะทำให้เหมาะสมกับการใช้งาน และได้รับประโยชน์ ในการใช้สอยได้อย่างเต็มที่ การวางแปลนครัวนั้นขึ้นอยู่กับความเหมาะสม และประโยชน์ใช้สอย การวางแปลนครัวจึงแบ่งออกได้เป็น 4 ลักษณะ ตามขนาดและรูปร่างห้อง คือ 1.4.2. การจัดแบบตัวยู เหมาะสำหรับบ้านที่มีพื้นที่เหลือเฟือ เพราะยังสามารถขยายพื้นที่ของเคาน์เตอร์และชั้นเก็บของต่างๆได้อีก 1.4.3. การจัดแบบตัวแอล เป็นครัว ที่ใช้การได้ดีเช่นกัน สำหรับการทำงาน ในจุดทั้งสาม(เตา,อ่าง,ตู้เย็น)เหมาะกับห้องที่มีเนื้อที่ปานกลางและเป็นบ้านโล่งๆ 1.4.4. การจัดแบบแถวยาวตามทางเดิน เป็นครัวที่อยู่ในบริเวณ ที่ขนาบทางเดิน แคบๆโดยมีทางเดินอยู่แนวกลางทุกๆอย่างในครัวนี้ จะอยู่ใกล้มือมาก จึงอำนวย ความสะดวกได้มากที่สุด 1.4.5. การจัดแบบแถวยาวตลอด เป็นครัวที่มีการจัดวางเป็นแบบแถวเดียวชิดผนัง หมด 1.5 ห้องน้ำ ห้องน้ำนับว่าเป็นห้องที่ต้องการความเป็นส่วนตัว มากกว่าทุกๆ ห้องในบ้านเลยก็ว่าได้ทั้งนี้เพราะ กิจกรรมที่ทำในห้องน้ำ อันได้แก่ การอาบน้ำ ชำระ ร่างกาย และการขับถ่าย เป็นกิจกรรมเฉพาะบุคคล ที่ต้องทำเป็นประจำทุกวัน ห้องน้ำยังใช้ เป็นสถานที่ ทำกิจกรรมอื่นๆ อีก เช่น การโกนหนวด แต่งหน้า แต่งตัว ซักผ้า หรือแม้กระทั่ง การอ่านหนังสือ เป็นต้น เมื่อกิจกรรม ในห้องน้ำมีเพิ่มมากขึ้น เราจึงจำเป็นต้องเอาใจใส่ และพิถีพิถันกับการสร้าง การจัดตกแต่งห้องน้ำ ให้สวยงาม น่าใช้ และตอบสนอง การใช้สอยให้มากที่สุด โดยต้องเริ่มตั้งแต่ การวางแผนที่ดีการคัดเลือกวัสดุ และการตกแต่ง ให้สวยงามสอดคล้องกับห้องอื่นๆในบ้าน เป็นต้น การวางแผน 2. การตรวจดูงบประมาณ ค่าใช้จ่าย ในการทำว่ามีมากน้อยเพียงไร 3. การเลือกตำแหน่งที่ตั้งห้องน้ำนั้น ต้องพิจารณาว่า สามารถฝังบ่อเกรอะ บ่อซึม และต่อท่อน้ำทิ้ง ลงท่อ ให้สะดวก มากน้อยแค่ไหน พยายามหลีกเลี่ยง การเดินท่อผ่านห้องอื่น และควรจัดห้องน้ำ ให้มีอากาศ หมุนเวียนออกสู่ ภายนอกได้ อาจทำโดย การเปิดหน้าต่าง หรือติด พัดลมดูดอากาศออกภายนอก เพื่อให้อากาศ ถ่ายเทได้สะดวก 1.2 การตกแต่งภายนอก คือการจัดหรือออกแบบบริเวณต่างๆ ที่อยู่รอบบ้าน โดยส่วนมากจะนิยมตกแต่งโดยการจัดสวน หรือสนามหญ้าหน้าบ้านให้ดูร่มรื่น สวยงาม หลักเบื้องต้นของการออกแบบสวน 1. การกำหนดรูปร่างหรือแบบ (style) ในการจัดสวนในส่วนของบริเวณที่เลือกแล้วนั้นขึ้นอยู่กับรสนิยม และความชอบของเจ้าของบ้าน ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ 1.2 แบบธรรมชาติ (Informal) คือการจัดใช้เส้นอิสระ (Free Form) มักเป็นโค้งรูปตัว ‘S’ ดูเป็นธรรมชาติ อ่อนช้อยไม่เป็นเหลี่ยมมุม ต้นไม้ใช้รูปทรงตามธรรมชาติ ไม่ตัดแต่งเป็นรูปทรงเรขาคณิต การจัดสวนแบบธรรมชาตินี้เหมาะกับบ้านทั่ว ๆ ไปหรือสวนสาธารณะ และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ 2.วัสดุอุปกรณ์ในการตกแต่งสวนที่จำเป็น 2.1 การเตรียมพื้นที่ คือจะต้องทำบริเวณพื้นที่ที่จะจัดสวนให้เรียบโล่ง เหลือไว้แต่สิ่งที่เราจะใช้ประโยชน์ได้ในภายหลัง เช่นต้นไม้ใหญ่ ๆ หิน เนินที่มีอยู่เดิม การปรับพื้นดินทำโดยการรดน้ำจนเปียก แล้วจึงใช้ลูกกลิ้งบดให้เรียบ ระดับโดยรวมควรลาดเอียงไปยัง ทางท่อระบายน้ำ และลาดเอียงออกจากตัวบ้าน เก็บเศษวัสดุ ก้อนหิน หญ้า และวัชพืช ที่ไม่ต้องการทิ้งให้หมด 2.2 ต้นไม้ ต้นไม้ที่ใช้ในการตกแต่งสวนนั้นได้แก่ ไม้ยืนต้น, ไม้พุ่ม, พืชคลุมดินและหญ้า 2.3 วัสดุปูพื้น วัสดุปูพื้นของสวนในบ้านหมายถึง ส่วนใช้งานที่ต้องการผิวพื้นที่ไม่ใช่สนามหญ้าเพื่อทนการเหยียบย่ำ 2.4 รั้ว การออกแบบหรือตกแต่งบริเวณภายในบ้านนั้น นอกจากรั้วรอบบ้านที่ใช้แสดงขอบเขตของพื้นที่ และป้องกันอันตรายจากภายนอกแล้วเรายังต้องการเป็นเครื่องประดับสวนให้งดงามอีกด้วย การเลือกแบบของรั้วนั้นขึ้นอยู่กับแบบของบ้านและรูปทรงของบริเวณสวน สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ลักษณะได้แก่ รั้วไม้, รั้วอิฐบล๊อค และ รั้วเหล็ก หรือรั้วอัลลอยด์ 2.5 หิน การใช้หินมาตกแต่งสวนนั้นจะต้องใช้หินชนิดเดียวกัน แต่ให้แตกต่างกันที่ขนาดไม่ควรใช้หินหลากหลายชนิดในพื้นที่เดียวกัน หินที่นิยมใช้ในการจัดสวนคือ หินแม่น้ำ หินทะเล หินกาบ หินชั้น โดยทั่วไปแล้ว มักใช้หินนำมาจัดเป็นสวนหย่อม 2.6 เก้าอี้ชุดสนามและม้านั่งต่าง ๆ จัดเป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นสำคัญในสวน เพราะการมีเก้าอี้สนามไว้ในสวนแสดงให้เห็นถึงการเชื้อเชิญให้หยุดพักผ่อน และนั่งเล่น ดังนั้น เก้าอี้ชุดสนามควรมีอายุการใช้งานที่นาน ทนแดดทนฝนได้ดี ส่วนมากจะทำมาจากวัสดุ ประเภท ไม้ หินขัด หินธรรมชาติ เหล็กหล่อ อัลลอยด์ 2.7 รูปปั้น การนำรูปปั้นมาตกแต่งสวนนั้น เป็นวิธีการเรียกร้องความสนใจอีกอย่างหนึ่งซึ่งเป็นองค์ประกอบที่บังคับให้คนมอง โดยเฉพาะรูปปั้นที่เป็นรูปคนมักจะเป็นจุดสนใจสร้างจินตนาการให้ระลึกถึงอดีตเป็นงานศิลปะ ที่มีค่ามากในการนำมาตกแต่งสวน เช่นรูปปั้นดินเผา 2.8 กระถาง หรือ ภาชนะบรรจุต้นไม้ต่าง ๆ เป็นองค์ประกอบที่ช่วยเสริมบริเวณสวนให้ดูสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น กระถางที่ดีควรมีรูระบายน้ำด้วย 2.9 น้ำและไฟในสวน น้ำเป็นสิ่งที่เสริมสร้างความรื่นรมย์แก่ผู้ใช้เป็นอย่างมาก เสียงหรือแสงระยิบระยับของน้ำยามต้องแสงแดด หรือเงาที่สะท้อนตามพื้นน้ำจะช่วยให้สวนมีชีวิตชีวามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสระน้ำ น้ำพุ หรือน้ำตก หลักการตกแต่งมีอะไรบ้าง10 เทคนิคการตกแต่งบ้านให้น่าอยู่. แบ่งสัดส่วนให้ชัดเจน ... . ผนังห้องต้องใส่ใจ ... . ทางเข้าออกต้องสะดวก ... . อย่าวางของจุกจิกมาก ... . สายไฟต้องมีระเบียบ ... . จัดวางสวนย่อมหน้าบ้านให้น่าอยู่ ... . จัดตู้ให้เรียบร้อย ... . เปิดห้องรับแสง. การจัดวางเครื่องเรือนมีหลักการอย่างไร1. การจัดและตกแต่งด้วยเครื่องเรือน สามารถจัดวางได้ 3 รูปแบบ ดังนี้ 1) จัดวางแบบมีประธาน 2) จัดวางแบบเกาะกลุ่ม 3) จัดวางแบบธรรมดา 2. การจัดและตกแต่งโดยใช้สี ใช้สีทาผนังเพื่อปกปิดสิ่งที่ไม่น่าดูและทำให้ห้องดูสวยงาม 3. การจัดและตกแต่งโดยใช้ต้นไม้ นำมาวางที่มุมห้องหรือบนโต๊ะอาหาร เพื่อเพิ่มความสดชื่น
หลักการจัดตกแต่งห้องนอน มีอะไรบ้างการจัดตกแต่งห้องควรคำนึงถึงความสะดวกต่อการใช้งาน สะดวกต่อการเดิน เข้า – ออก และสามารถปรับเปลี่ยนโยกย้ายได้ง่าย เลือกใช้เครื่องเรือนและวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ตกแต่งให้มีขนาดเหมาะสมกับขนาดของห้อง จัดวางเครื่องเรือนและวัสดุอุปกรณ์ให้เป็นระเบียบ
การตกแต่งบ้านที่ดีควรคำนึงถึงหลักการใดเป็นลำดับแรก๑. ความปลอดภัย การจัดบ้านควรคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรก ทั้งการจัดวางให้เป็นระเบียบ ไม่เกะกะขวางทาง เครื่องเรือนหรือของตกแต่งผนังหรือฝ้าเพดาน ต้องมีความมั่นคงและแข็งแรง รวมถึงจัดวาง ให้มีอากาศถ่ายเทเพื่อไม่ให้ห้องอับชื้น เป็นแหล่งเพาะเชื้อโรค
|