ทั่วไป
29 ต.ค. 2564 เวลา 13:14 น.27.2k
อยากสอบ ‘ก.พ.’ เป็น ‘ข้าราชการ’ ต้องทำอย่างไร ? หลังสำนักงาน ก.พ. ประกาศวันสอบข้อเขียนเพื่อวัดความรู้ความสามารถทั่วไปประจำปี 2564 วันที่ 23 และ 20 ก.พ.2565
สำนักงาน "ก.พ." มีประกาศ เลื่อนกำหนดการสอบเพื่อวัดความรู้ ความสามารถทั่วไป ประจำปี 2564 (ครั้งที่ 3) เนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 โดยกำหนดการสอบข้อเขียนเพื่อวัดความรู้ความสามารถทั่วไปประจำปี 2564 เป็นวันอาทิตย์ที่ 23 ม.ค.2565 และวันอาทิตย์ที่ 20 ก.พ.2565
โดยจะประกาศกำหนดวัน เวลา สถานที่สอบ และระเบียบเกี่ยวกับการสอบเพื่อวัดความรู้ความสามารถทั่วไป ประจำปี 2564 ภายในวันที่ 20 ธ.ค.2564 ทางเว็บไซต์สำนักงาน ก.พ.
ทั้งนี้ กำหนดการสอบอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสมโดยขึ้นอยู่กับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสCOVID-19 และข้อกำหนดของทางราชการ
“ก.พ.” ย่อมาจาก “สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน เป็นองค์การกลางด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลในราชการพลเรือน ภายใต้ระบบคุณธรรมทำหน้าที่ส่งเสริมการพัฒนาข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ของรัฐให้มีคุณภาพชีวิตและการทำงานที่ดี และพัฒนาระบบการบริหารกำลังคนในราชการให้เป็นกลไกการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติอย่างมีประสิทธิภาพ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : สอบ ‘ก.พ.’ เป็น ‘ข้าราชการ’ ได้ ‘สวัสดิการ’ อะไรบ้าง ?
ซึ่งการสอบ ก.พ. เป็นกระบวนการสอบคัดเลือกบุคคลเพื่อเข้าไปทำงานให้กับหน่วยงานราชการ และสามารถทำงานตามนโยบายของรัฐบาลได้
หมายความว่าถ้าหากทำข้อสอบ ก.พ. ผ่านในรอบต่างๆ ตามหลักสูตรที่กำหนด ก็จะสามารถทำงานในหน่วยงานราชการได้ พูดง่ายๆ คือ ก.พ. ถือเป็นด่านแรกที่ผู้ที่ต้องการเข้าทำงานในระบบราชการต้องผ่านไปให้ได้
ผู้สมัครสอบ ก.พ. จะต้องเตรียมตัวสอบทั้งหมด 3 ภาค และต้องสอบให้ผ่านทุกภาค ดังนี้
1) ภาค ก การสอบภาคความรู้ ความสามารถทั่วไป
เป็นการทำแบบทดสอบที่วัดระดับเชาว์ปัญญา ทุกคนที่จะสอบบรรจุข้าราชการต้องสอบภาค ก (เมื่อสอบผ่านแล้วสามารถใช้ได้ตลอดชีพ ไม่ต้องสอบใหม่อีก)
การสอบ ภาค ก. จะแบ่งเป็น 3 วิชา คือ
– ทดสอบวิชาความสามารถทั่วไป : ด้านการคิดคำนวณ และด้านการให้เหตุผล คะแนนเต็ม 100 คะแนน ( ป.ตรี ป.โท ต้องทำให้ 36 ข้อขึ้นไปถึงผ่าน)
– ทดสอบวิชาภาษาไทย : ด้านการเข้าใจภาษา ซึ่งจะทดสอบโดยการการอ่านและการทำความเข้าใจบทความ การเขียนประโยคให้ถูกต้องตามหลักภาษา จำนวน 40 ข้อ คะแนนเต็ม 50 คะแนน
– ทดสอบวิชาภาษาอังกฤษ : ทดสอบความรู้ในการใช้ภาษาอังกฤษเบื้องต้นจากการ ฟัง พูด อ่าน เขียน คะแนนเต็ม 50 คะแนน ข้อสอบแยกเป็นระดับวุฒิการศึกษา
2) ภาค ข การสอบภาคความสามารถเฉพาะตำแหน่ง
เป็นการสอบที่เน้นใช้ความรู้ความสามารถเฉพาะตำแหน่ง เช่น นักวิเคราะห์นโยบายและแผนปฏิบัติการ, นิติกร, เจ้าพนักงานสาธารณสุขปฏิบัติงาน เป็นต้น โดยข้อสอบจะเป็นการสอบแบบข้อเขียน (และผู้สอบต้องนำหนังสือรับรองมายืนยันว่าได้สอบผ่าน ภาค ก. แล้วจึงจะสมัครได้)
3) ภาค ค การสอบสัมภาษณ์
เป็นการสอบสัมภาษณ์ ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายของกระบวนการสอบคัดเลือกบุคคลเข้ารับราชการ เพื่อดูถึงความเหมาะสมกับตำแหน่ง อาจมีการทดสอบอย่างอื่นเพิ่มก็ได้ เช่น ทดสอบร่างกาย หรือ ทดสอบจิตวิทยา เป็นต้น
สำนักงาน ก.พ. จะมีการเปิดรับสมัครสอบเป็นประจำทุกๆ ปี ซึ่งสามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.พ.
โดยการสอบข้อเขียนเพื่อวัดความรู้ความสามารถทั่วไปประจำปี 2564 ได้ปิดรับสมัครไปแล้ว ตั้งแต่เดือน ก.พ. 64 หากสนใจสอบ ก.พ. จะต้องรอสมัครสอบในปีถัดไป
ที่มา: Thai PBS, สำนักงาน ก.พ.
การศึกษา
21 มิ.ย. 2565 เวลา 20:25 น.25.0k
เริ่มแล้ว! "สอบ ก.พ. 65" (ภาค ก) แบบชุดสอบกระดาษ (Paper & Pencil) ที่เปิดรับสมัครวันนี้ 21 มิ.ย.65 เป็นวันแรก ด่านแรกสำหรับผู้ที่อยากทำอาชีพ "ข้าราชการ" ที่ต้องสอบให้ผ่าน แล้วสามารถนำผลสอบไปยื่น "สมัครงาน" อะไรได้บ้าง?
ฤดูกาลแห่งการสมัคร "สอบ ก.พ. 65" ได้เริ่มขึ้นแล้ววันนี้ 21 มิ.ย.65 เป็นวันแรก แต่นับเฉพาะการสมัครสอบ ก.พ. แบบใช้ชุดสอบกระดาษ (Paper & Pencil) เท่านั้น ส่วนการสอบแบบ e-Exam หมดเขตการสมัครสอบไปแล้วตั้งแต่ 1 มิ.ย. 65 ที่ผ่านมา
สำหรับใครที่ยังสงสัยว่าทำไมการสอบ ก.พ. ของแต่ละปี จึงเป็นฤดูกาลแห่งการสอบที่คึกคักและมีผู้คนให้ความสนใจล้นหลาม แล้วถ้าสอบผ่านจะสามารถเอาผลสอบไปยื่นสมัครงานอะไรได้บ้าง? กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ ชวนหาคำตอบที่นี่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
1. สอบ ก.พ. คืออะไร? สอบไปทำไม?
การสอบ ก.พ. อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงาน ก.พ. (OCSC) หรือสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ซึ่งเป็นองค์การที่ดูแลด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลในราชการพลเรือน มีหน้าที่ในการส่งเสริมการพัฒนาข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ของรัฐให้มีคุณภาพชีวิตและการทำงานที่ดี รวมถึงร่วมพัฒนาระบบการบริหารกำลังคนในราชการให้เป็นกลไกในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของชาติอย่างมีประสิทธิภาพ
การสอบ ก.พ. จึงเป็นการสอบแข่งขัน เพื่อคัดเลือกบุคคลในระดับวุฒิการศึกษา และสาขาวิชาชีพที่แตกต่างกัน ที่มีความสนใจอาชีพราชการให้เข้ามาทำงานให้กับหน่วยงานราชการ การสอบ ก.พ. จึงเปรียบเสมือนตัวกลางระหว่าง "ผู้ที่ต้องการทำงานราชการ" กับ "หน่วยงานราชการที่อาจขาดแคลนกำลังคน" นั่นเอง
ในแต่ละปี มีผู้สนใจเข้าสมัครสอบ ก.พ. จำนวน 5 - 6 แสนคนต่อปีโดยเปิดรับสมัครที่นั่งสอบประมาณ 800,000 ที่นั่ง โดยคนไทยหลายคนอยากทำอาชีพข้าราชการ เพราะเห็นว่าสวัสดิการข้าราชการต่างๆ ตอบโจทย์ตนเองได้ แต่ทั้งนี้มีผู้สอบผ่าน ภาค ก เพียงปีละ 2-3% เท่านั้น
2. สอบ ก.พ. ผ่านแล้ว "สมัครงาน" อะไรได้บ้าง?
โดยทั่วไปการสอบ ก.พ. จะต้องสอบทั้งหมด 3 รอบคือ ภาค ก , ภาค ข, ภาค ค เมื่อสามารถสอบผ่านแล้ว ก็สามารถนำผลสอบไปใช้ในการสมัครงานในหน่วยงานราชการต่างๆ ได้หลากหลายตำแหน่ง ตัวอย่างเช่น
ทั้งนี้ คุณสมบัติและอายุของผู้เข้าสอบ ก.พ. ที่ผู้อยากเข้าร่วมสอบต้องผ่านเกณฑ์เหล่านี้ ได้แก่
3. "สอบ ก.พ. 65" ภาค ก สอบวิชาอะไรบ้าง?
การสอบ ก.พ. ภาค ก คือ การสอบวัดความรู้ ความสามารถทั่วไป ที่มีการจัดสอบเป็นประจำในทุกปี โดยก่อนจะไปสมัครงานราชการได้นั้น ต้องสอบด่านแรกนี้ให้ผ่านก่อน จึงจะไปสอบขั้นต่อไปได้ โดย ภาค ก จะแบ่งออกเป็น 3 วิชา ได้แก่
4. "สอบ ก.พ. 65" ภาค ข สอบอะไรบ้าง?
สำหรับการสอบภาค ข เป็นการสอบวัดความรู้ ความสามารถเฉพาะตำแหน่ง โดยผู้สมัครสอบจะต้องนำหนังสือรับรองการสอบผ่านภาค ก มายืนยันก่อน จึงจะสามารถสมัครสอบในภาค ข ได้
ส่วนเนื้อหาที่ใช้ในการสอบ คือ เน้นใช้ความรู้และความสามารถเฉพาะตำแหน่ง ผู้จัดสอบ ก.พ. ในภาคนี้จะเป็นหน่วยงานราชการต่างๆ ที่เปิดรับสมัครเป็นหน่วยๆ ไป ซึ่งการสอบภาค ข จะมีการเปิดสอบสำหรับหลายตำแหน่ง โดยตำแหน่งที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ได้แก่
5. "สอบ ก.พ. 65" ภาค ค สอบอะไรบ้าง?
เมื่อผู้เข้าสอบได้สอบผ่านทั้งภาค ก. และภาค ข. แล้ว ขั้นตอนสุดท้ายของกระบวนการสอบคัดเลือก "ข้าราชการ" คือ "การสอบสัมภาษณ์" โดยจะมีผู้สัมภาษณ์จากหน่วยงานต้นสังกัดนั้นๆ มาร่วมทำการทดสอบ นอกจากนี้อาจมีการทดสอบเพิ่มเติมตามความเหมาะสม เช่น ทดสอบร่างกาย หรือทดสอบจิตวิทยา เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม การจะทำข้อสอบให้ผ่านฉลุยตั้งแต่ครั้งแรกนั้น (โดยเฉพาะภาค ก) มีคำแนะนำว่าผู้สมัครสอบควรศึกษาข้อรายละเอียดข้อสอบ เพื่อให้ทราบเนื้อหาของข้อสอบ และจำนวนข้ออย่างชัดเจน ทำให้อ่านเนื้อหาสำคัญได้อย่างตรงจุด ซึ่งจะช่วยลดเวลาในการทำข้อสอบแต่ละข้อได้
อีกทั้งควรฝึกทำข้อสอบเก่า พร้อมจับเวลาเหมือนสอบจริง เพื่อช่วยสร้างความคุ้นเคยกับข้อสอบ เมื่อลงสนามจริงจะได้ไม่ตื่นเต้น และช่วยลดความกังวลได้
----------------------------------------
อ้างอิง : gurupoliceacademy, สำนักงาน ก.พ.