การ ลงทุน ทาง การเงิน มีอะไรบ้าง

สร้างฐานความรู้การลงทุนทางการเงินผ่านโลกออนไลน์

การ ลงทุน ทาง การเงิน มีอะไรบ้าง

ในยุคที่กระแสการเงินมีความผันผวน ทำให้หลายคนมีความกังวลถึงอนาคต ทั้งการประกอบอาชีพ และปากท้องความเป็นอยู่ แต่คุณรู้หรือไม่ว่า นอกจากงานประจำที่ทำอยู่นั้น คุณยังสามารถสร้างความมั่งคั่งทางการเงินได้ผ่านการลงทุน ซึ่งหนึ่งในการลงทุนที่น่าสนใจ ไม่จำเป็นต้องมีทักษะทางด้านวิชาชีพ เพียงแค่คุณมีเงินทุน และความตั้งใจหมั่นศึกษาหาความรู้อยู่เสมอ ก็สามารถใช้เงินต่อเงินได้ นั่นก็คือ การลงทุนทางการเงินนั่นเอง แต่หากคุณยังไม่แน่ใจว่าการลงทุนทางการเงินคืออะไร หรือกำลังอยากเริ่มลงทุนทางการเงินอยู่พอดี ทรูออนไลน์ขอแนะนำให้คุณลองใช้เครื่องมือใกล้ตัวอย่างอินเทอร์เน็ต มาช่วยเปิดโลกความรู้ เสริมความเข้าใจด้านการลงทุนทางการเงินของคุณดู 

การลงทุนทางการเงินคืออะไร ต้องรู้อะไรก่อนบ้าง

การลงทุนทางการเงิน คือการลงทุนที่ผู้ลงทุนนั้นนำเงินที่มีอยู่ไปซื้อหลักทรัพย์ต่างๆ เพื่อก่อให้เกิดรายได้ในอนาคต ซึ่งรายได้หรือผลตอบแทนที่ได้มา อาจมาในรูปของดอกเบี้ย เงินปันผล กำไรจากการซื้อขายหุ้น กองทุน และสิทธิพิเศษอื่นๆ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาวะการณ์ของหลักทรัพย์ที่เราลงทุนด้วย 

โดยผลิตภัณฑ์ที่เราจะลงทุนนั้นก็มีให้เลือกหลากหลาย ทั้งในรูปของเงินฝากธนาคาร, ประกันชีวิต, กองทุนรวมตลาดเงินหรือตราสารหนี้ระยะสั้น, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, สหกรณ์ออมทรัพย์, กองทุนรวมที่ลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ, และหุ้น แต่หากคุณยังไม่แน่ใจว่าควรจะลงทุนในผลิตภัณฑ์ใดล่ะก็ ลองประเมินความสามารถในการยอมรับความเสี่ยงของตัวคุณเองได้ผ่านแบบประเมินความเสี่ยงออนไลน์ เพื่อจะได้รู้ว่าคุณยอมรับความเสี่ยงที่จะสูญเสียเงินต้นได้มากน้อยแค่ไหน และผลิตภัณฑ์ใดที่เหมาะสมกับการลงทุนในแบบของคุณได้นั่นเอง

มีมืออาชีพคอยบริหารให้ ลงทุนอุ่นใจในกองทุนรวม

เมื่อรู้ว่าคุณเหมาะกับผลิตภัณฑ์การลงทุนใดแล้ว แต่การที่คุณยังเป็นมือใหม่ และอาจต้องการผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝากธนาคาร รวมทั้งยังมีข้อจำกัดบางประการ เช่น มีทุนทรัพย์จำนวนจำกัด ไม่มีประสบการณ์ ความรู้ความชำนาญในการลงทุน หรือไม่ค่อยมีเวลาติดตามข้อมูลเพื่อใช้ในการตัดสินใจลงทุน กองทุนรวมถือเป็นทางเลือกหนึ่งที่นักลงทุนนิยมกัน

กองทุนรวมเป็นรูปแบบการระดมเงินลงทุนจากนักลงทุนรายย่อย เพื่อนำเงินที่ได้ไปบริหารจัดการให้เกิดรายได้และผลกำไร โดยมีผู้บริหารกองทุนมาช่วยดำเนินการแทนเรา ผู้ให้บริการด้านกองทุนรวม ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ และธนาคารพาณิชย์ ซึ่งถ้าใครสนใจหรืออยากลงทุนในกองทุนรวมใด ก็สามารถหาแหล่งข้อมูลจากเว็บไซต์ของบริษัทหลักทรัพย์ หรือธนาคารเหล่านั้นได้โดยตรง หรือหาได้จากเว็บไซต์อย่าง https://www.wealthmagik.com/home.aspx ที่รวบรวมแหล่งข้อมูลกองทุนรวมไว้ พร้อมแยกเป็นประเภทต่างๆ ไว้ด้วย

ก้าวสู่ความมั่งคั่งทางการเงินด้วยการลงทุนในหุ้น

เมื่อคุณลงทุนมาสักระยะ และมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุนทางเงินระดับหนึ่งแล้ว เป็นไปได้ว่าคุณอาจอยากกระโจนเข้าสู่สนามความเสี่ยงที่มากขึ้น เพื่อให้ได้ผลตอบแทนสูง การลงทุนในหุ้นอาจเป็นคำตอบที่คุณมองหา

หุ้น คือสิทธิในความเป็นเจ้าของกิจการ โดยทั่วไปเมื่อเราลงทุน และถือหุ้นในกิจการใดกิจการหนึ่ง ก็ถือว่าเรามีสิทธิในความเป็นเจ้าของกิจการนั้นแล้ว ซึ่งเราสามารถลงทุนในกิจการนั้นเพียงคนเดียว หรือร่วมหุ้นกับคนใกล้ชิดก็ได้ แต่ในกรณีของการเล่นหุ้น ซึ่งเป็นคำที่เรารู้จักมักคุ้นกันอยู่นั้น เกิดมาจากการที่ธุรกิจขนาดใหญ่ในตลาดต้องการระดมทุนจากคนทั่วไป ประกอบกับที่มีคนอยากเป็นเจ้าของกิจการแต่ติดที่เม็ดเงินทุนไม่ได้มีมากพอ และไม่มีความรู้ในการทำธุรกิจ เราก็สามารถลงทุนในลักษณะนี้ได้เช่นกัน 

สำหรับมือใหม่ การจะเล่นหุ้นให้ประสบความสำเร็จ คือการต้องมีเป้าหมายในการลงทุน ต้องรู้จักตัวเอง รู้จักธุรกิจที่คุณไปลงทุน และมีความรู้ในเรื่องการลงทุนหุ้น ซึ่งแหล่งความรู้เกี่ยวกับการเล่นหุ้นมีอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นในเว็บไซต์ต่างๆ เช่น www.set.or.th หรือ www.finnomena.com หรือผ่านช่อง youtube เช่น nanake555#คุยต้องรวย ซึ่งมาในรูปแบบของการพูดคุยให้ความรู้แนวสนุกสนาน

สุดท้ายนี้ คำพูดที่ว่า “การลงทุนคือความเสี่ยง” ยังคงเป็นความจริงเสมอ การลงทุนสามารถทำให้เรารวยและล้มได้ในชั่วข้ามคืน ความเสี่ยงที่สุดคือความไม่รู้และไม่เข้าใจในสิ่งที่เราลงทุนจริงๆ ดังนั้น หากคิดที่จะลงทุนแล้ว ต้องหมั่นศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมด้านการเงินการลงทุนอยู่เสมอ จะได้มีข้อมูลเพียงพอในการตัดสินใจเลือกการลงทุนได้อย่างเหมาะสม

เชื่อว่าหลายคนคงจะเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า ‘รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง’ มากันบ้าง ซึ่งผู้ที่กล่าวคำกล่าวนี้ ก็คือซุนวู ซึ่งเป็นนักการทหารและนักปกครองชั้นเลิศสมัยชุนชิว ประเทศจีน ซึ่งหมายความว่า ‘ไม่ว่าการจะทำการใดก็ตาม เราต้องเรียนรู้ที่จะรู้จักทั้งตนเองและฝ่ายตรงข้ามให้เป็นอย่างดี นั่นย่อมจะทำให้ ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์ใด เราก็จะไม่มีทางเสียท่าต่ออีกฝ่าย’


ซึ่งเราสามารถประยุกต์ใช้คำกล่าวนี้ในการลงทุนได้ด้วย โดย ‘รู้เรา’ คือ การรู้จักตัวเอง รู้ว่าเป้าหมายการลงทุนของเราคืออะไร เรามีระยะเวลาการลงทุนนานแค่ไหน และเรามีความสามารถในการยอมรับความเสี่ยงได้มากน้อยเพียงใด ส่วน ‘รู้เขา’ คือ การรู้จักสินทรัพย์การลงทุนประเภทต่างๆ ว่ามีความเสี่ยงและผลตอบแทนเป็นเช่นไร ตอบโจทย์เป้าหมายการลงทุนของเราหรือไม่ รวมไปถึงมีความรู้ ความเข้าใจในภาวะเศรษฐกิจต่างๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการลงทุนของเราได้ นั่นหมายความว่า ก่อนที่เราจะตัดสินใจลงทุน เราต้องมีความรู้ในเรื่องต่างๆ ดังนี้
 

  • เป้าหมายการลงทุน เราต้องรู้ว่า เป้าหมายในการลงทุนของเราคืออะไร เช่น รักษาเงินต้นให้ปลอดภัย เพิ่มมูลค่าของเงินอย่างน้อยให้ชนะเงินเฟ้อ เพื่อรักษาอำนาจซื้อ หรือเพื่อให้เงินงอกเงยเติบโต เพื่อนำไปใช้ในวัตถุประสงค์ต่างๆ เช่น เพื่อการศึกษาของบุตร เพื่อการเกษียณอายุ เป็นต้น
  • อัตราผลตอบแทนคาดหวังที่ต้องการ ในการบรรลุเป้าหมายการลงทุนนั้นๆ เป็นเท่าไร ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่า เรามีเงินลงทุนเบื้องต้นอยู่เท่าใด มีระยะเวลาการลงทุนนานหรือไม่ และเรามีเงินที่จะสามารถออมเพิ่มเพื่อนำมาลงทุนเพิ่มได้หรือไม่
  • ความสามารถในการยอมรับความเสี่ยง (ability to take risk) และความยินดีในการรับความเสี่ยง (willingness to take risk) ซึ่งสองสิ่งนี้มีความแตกต่างกัน โดยปัจจัยที่กำหนดความสามารถในการรับความเสี่ยง เช่น อายุ  รายได้ และระยะเวลาการลงทุน ในขณะที่ความเต็มใจในการรับความเสี่ยง คือ ทัศนคติ ความชอบหรือความสนใจในสินทรัพย์ลงทุนแต่ละประเภท


โดยความสามารถในการยอมรับความเสี่ยงจะบอกว่า เราสามารถลงทุนในสินทรัพย์ประเภทใดได้บ้าง ขณะที่ความเต็มใจในการรับความเสี่ยงจะบอกว่า เราเหมาะกับสินทรัพย์ประเภทนั้นๆ หรือไม่ เช่น คนวัยหนุ่มสาวเป็นวัยที่สามารถรับความเสี่ยงได้สูง สามารถลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง อย่างหุ้น กองทุนรวมหุ้น อย่างไรก็ตาม หากไม่ยินดีที่จะรับความเสี่ยงที่มากไปนัก ก็จะเหมาะกับการเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำกว่า เช่น พันธบัตร หุ้นกู้ กองทุนรวมตราสารหนี้ ดังนั้น ทำความรู้จักตัวเองก่อนลงทุนสักหน่อย ยอมรับและเต็มใจรับความเสี่ยงหรือการขาดทุนได้แค่ไหน จะได้เลือกสินทรัพย์ลงทุนได้เหมาะสมกับตัวเราให้ได้มากที่สุดนั่นเอง

  • รู้จักและเข้าใจในสินทรัพย์ที่จะลงทุน เมื่อรู้แล้วว่าตัวเองสนใจในสินทรัพย์ลงทุนประเภทใด ควรถามตัวเองก่อนลงทุนว่า มีความเข้าใจในสินทรัพย์นั้นมากน้อยเพียงใด ทั้งผลตอบแทน ความเสี่ยง วิธีการซื้อขาย หากยังไม่รู้หรือไม่แน่ใจ ควรศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับสินทรัพย์ลงทุนประเภทนั้นๆ ให้ดีเสียก่อน เช่น หากสนใจลงทุนในกองทุนรวม ก็ควรอ่านหนังสือชี้ชวนเพื่อศึกษาว่า กองทุนรวมที่เราสนใจนั้นมีนโยบายการลงทุนอย่างไร ลงทุนในสินทรัพย์อะไรบ้าง มีนโยบายจ่ายเงินปันผลหรือไม่ มีความเสี่ยงมากน้อยเพียงใด ตรงกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของเราหรือไม่การศึกษาทำความเข้าใจในสินทรัพย์ที่ลงทุนเป็นเรื่องสำคัญ เพราะแม้ว่าตัวเราจะลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง แต่หากลงทุนด้วยความรู้ความเข้าใจในสินทรัพย์มากเท่าใด ยิ่งมีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้มากขึ้นเท่านั้น ที่สำคัญ ห้ามลงทุนในสิ่งที่เราไม่มีความรู้หรือความเข้าใจโดยเด็ดขาด
  • การลงทุนประเภทใดบ้างที่ต้องเสียภาษี & ไม่ต้องเสียภาษี
    • การลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงินทุกประเภทที่ให้ผลตอบแทนที่อยู่ในรูปของดอกเบี้ย เช่น เงินฝากประจำ พันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกู้ โดยดอกเบี้ยที่ได้รับจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 15%
    • การลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงินทุกประเภทที่ให้ผลตอบแทนที่อยู่ในรูปของเงินปันผล เช่น หุ้นสามัญ และกองทุนรวมที่จ่ายเงินปันผล โดยเงินปันผลที่ได้รับจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10%
    • Capital Gain หรือ ผลกำไรจากส่วนต่างของราคาหลักทรัพย์ คือ รูปแบบของกำไรที่ได้มาจากการเพิ่มขึ้นของมูลค่า เกิดเป็นกำไรส่วนเกินของทุน กำไรที่ได้จาก Capital Gain ถูกเรียกเก็บภาษีในบางประเทศ (Capital Gains Tax) ส่วนในประเทศไทยนั้น เงินได้จากการขาย หรือโอนหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังไม่มีการเรียกเก็บภาษี ส่วนในกรณีที่เป็นการขายหรือโอนหลักทรัพย์นอกตลาด ผู้ลงทุนประเภทบุคคลธรรมดาที่อยู่ในประเทศไทยถึง 180 วันในปีภาษีจะต้องเสียภาษีโดยถูกหัก ณ ที่จ่ายตามอัตราภาษีก้าวหน้า และต้องนำเงินได้ไปรวมคำนวณตอนสิ้นปีด้วย ส่วน Capital Gain จากการลงทุนในกองทุนรวม ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษี

 
นอกจากนี้ สิ่งสำคัญที่ผู้ลงทุนควรมี คือ ความมุ่งมั่นตั้งใจ การที่เราจะประสบความสำเร็จในเรื่องใดๆ ก็ตาม ตัวเราเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด แม้ว่าแผนการลงทุนที่ได้วางไว้จะดีเพียงใดก็ตาม แต่หากขาดความมุ่งมั่นตั้งใจ ขาดวินัย และขาดความอดทนในการออมการลงทุนแล้ว การไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้คงเป็นไปได้ยาก ดังนั้นเมื่อตั้งเป้าหมายการเงินของตัวเองได้แล้ว ขอให้รีบลงมือทำตามแผน อย่าผัดวันประกันพรุ่ง เพราะจะทำให้เราอาจไปไม่ถึงเป้าหมายที่ตั้งใจไว้


เมื่อเริ่มลงทุนแล้ว ควรมีการประเมินและทบทวนแผนการลงทุนอย่างสม่ำเสมอด้วย เช่น ทุก 6 เดือน หรือ 12 เดือน หรือเมื่อมีเหตุการณ์สำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อผลตอบแทนของการลงทุน เช่น ภาวะตลาดหุ้นผันผวน หรือการปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ย เพื่อปรับปรุงแผนการลงทุนของเราให้สอดคล้องกับภาวการณ์ปัจจุบัน กล่าวโดยสรุปหากเรามีการวางแผนการลงทุน มีวินัยในการลงมือทำตามแผน และมีการทบทวนแผนอย่างสม่ำเสมอ โอกาสที่จะประสบความสำเร็จทางการเงินตามที่ตั้งใจไว้ ก็คงไม่ไกลเกินเอื้อม


บทความโดย   นิภาพันธ์ พูนเสถียรทรัพย์ CFP®   นักวางแผนการเงินอิสระ นักเขียนและวิทยากร

การลงทุนทางการเงินมีลักษณะอย่างไรบ้าง

การลงทุนทางการเงิน หมายถึง การที่ผู้ลงทุนนำเงินที่มีอยู่ไปซื้อหลักทรัพย์ต่าง ๆ ซึ่งหลักทรัพย์ดังกล่าวก่อให้เกิดรายได้กับผู้ลงทุนนั้น ซึ่งการลงทุนทางการเงินโดยทั่วไปมักจะทำผ่านกลไกของตลาดการเงิน วัตถุประสงค์ของการลงทุนทางการเงิน เพื่อจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในรูปแบบของดอกเบี้ย เงินปันผล (Dividend) กำไรจากการซื้อขาย ...

การลงทุนทางการเงินหมายถึงอะไร

การลงทุนทางการเงิน คือการลงทุนที่ผู้ลงทุนนั้นนำเงินที่มีอยู่ไปซื้อหลักทรัพย์ต่างๆ เพื่อก่อให้เกิดรายได้ในอนาคต ซึ่งรายได้หรือผลตอบแทนที่ได้มา อาจมาในรูปของดอกเบี้ย เงินปันผล กำไรจากการซื้อขายหุ้น กองทุน และสิทธิพิเศษอื่นๆ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาวะการณ์ของหลักทรัพย์ที่เราลงทุนด้วย

การลงทุนต้องมีอะไรบ้าง

5 สิ่งที่ควรทำ หากจะเริ่มต้นลงทุน.
ศึกษาผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ... .
เริ่มต้นลงทุนด้วยจำนวนเงินที่ไม่สูง ... .
ไม่ใช้อารมณ์ในการตัดสินใจลงทุน ... .
กระจายเงินลงทุนไว้หลายๆ ช่องทาง ... .
มีการจัดการเงินที่ดี.

การลงทุนมีกี่ประเภท

การลงทุนแบ่งได้เป็น 2 ลักษณะ คือ การลงทุนในสินทรัพย์ทีมีตัวตนเห็นประโยชน์จากการใช้ได้อย่างชัดเจน กับการลงทุนในสินทรัพย์ที่ไม่เห็นประโยชน์การใช้ได้ โดยชัดเจน (Tangible and intangible investment) การลงทุนซื้อบ้าน ซื้อรถยนต์ ซื้อเพชรพลอยของมีค่า