๔หน่วยการเรียนรู้ที่ อศิ รญาณภาษติ วรรณคดีประเภทคาสอน คือ วรรณคดีที่เรียบเรยี งแนวคิด ข้อควรปฏิบัติหรอื ข้อคาสอน ๑ ความเป็ นมา อิศรญาณภาษิต เรียกอีกอย่างว่า “เพลงยาวอิศรญาณ” หม่อมเจ้าอิศร ๒ ประวตั ิผู้แต่ง หม่อมเจ้าอิศรญาณ (ไม่ทราบพระนามเดิม) เป็นพระโอรสในพระเจ้า ๓ ลกั ษณะคาประพนั ธ์ อิศรญาณภาษิตแต่งด้วยคาประพันธ์ประเภทกลอนเพลงยาว ซึ่งมี ๔ เรื่องย่อ อศิ รญาณภาษิตมีเนื้อหาเชิงสั่งสอนแบบเตือนสติและแนะนาเกี่ยวกับ ๕ เนือ้ เรื่อง มีผ้สู นั นษิ ฐานว่าอิศรญาณภาษติ อาจไม่ใช่บทนิพนธ์ในหม่อมเจ้าอิศร ๖ ความหมายของช่อื เร่ือง ความสามารถ หย่ังรเู้ ป็นพเิ ศษ มคี วามหมายเปน็ คติ ถอื ว่าเป็นขอ้ ความทกี่ ลา่ วสบื ทอดตอ่ กนั มา ๘ บทนํา อศิ รญาณชาญกลอนอกั ษรสาร หมอ่ มเจา้ อิศรญาณผชู้ ํานาญกานทก์ ลอน ไดส้ ั่งสอนเตอื นใจให้ฉุกคิดก่อนทจ่ี ะทาํ ตานาน หมายถงึ คาโบราณ ๗ วิเคราะหเ์ นือ้ หา ดว้ ยมัวเมาโมห์มากในซากผี คนท่ีโงเ่ ขลาเบาปญั ญา ท่ีไปล่มุ หลงในความช่วั ตอ้ งฝกึ ใจใหร้ ู้เท่ากันกเิ ลส คอื เอาใจเป็นนาย บังคบั ใจของตนใหอ้ ย่เู หนอื กเิ ลสเพ่ือจะได้มีความสุข คาศพั ท์ ๑. โมห์ หมายถึง โมหะ ไดแ้ ก่ ความลุม่ หลง ๒. ม้ามโนมัย หมายถึง ม้าทใี่ ชข้ บั ข่ีไดร้ วดเร็วดังใจ ในทน่ี ้หี มายถงึ ใจที่รู้เท่ากนั กเิ ลส ๓. มา้ อาชาไนย หมายถึง มา้ ทไี่ ด้รับการฝกึ มาดีแลว้ ในทนี่ ห้ี มายถงึ ใจท่ีอยู่เหนือกเิ ลส ๘ ๒. “ชายข้าวเปลือกหญิงขา้ วสารโบราณวา่ นํ้าพึ่งเรอื เสอื พง่ึ ปา่ อัชฌาสัย เราก็จิตคิดดูเลา่ เขากใ็ จ รกั กันไว้ดีกวา่ ชงั ระวังการ” ผู้ชายกบั ผหู้ ญงิ นัน้ ต่างกันเหมอื นขา้ วเปลือกกับขา้ วสาร แต่เมื่ออยใู่ น สงั คมเดียวกนั ต้องพ่งึ พาอาศัยกันเปน็ ธรรมดา เรามมี ิตรจิตเขากม็ ีมติ รใจ ดงั น้นั ควรรกั กนั ไว้ดกี วา่ เกลยี ดกนั สอนในการอยู่รว่ มกนั สังคม สภุ าษิต สานวน คาพังเพย ที่เกี่ยวขอ้ ง ชายข้าวเปลือกหญิงขา้ วสาร นา้ พง่ึ เรือเสือพึง่ ป่า รักกนั ดกี ว่าชังกนั มติ รจติ รมิตรใจ ๙ ๓. “ผใู้ ดดดี ีต่ออย่ากอ่ กิจ ผ้ใู ดผดิ ผ่อนพักอย่าหกั หาญ ผใู้ ดทําดีต่อเรา เราก็ควรทาํ ดีตอบ ผูใ้ ดทที่ าํ ไม่ดีต่อเราหรือทาํ ไมถ่ กู ต้อง สุภาษติ สานวน คาพังเพย ทเ่ี กย่ี วข้อง ๑๐ ๔. “รกั สนั้ นั้นอยา่ ใหร้ ู้อยเู่ พียงส้นั รกั ยาวนั้นอยา่ ใหเ้ ยน่ิ เกินกฎหมาย มใิ ช่ตายแต่เขาเรากต็ าย แหงนดฟู ้าอยา่ ใหอ้ ายแกเ่ ทวดา” ต้องการให้ความรักส้ินสดุ จงทําความไมด่ ี แต่ถา้ รักจะอยูด่ ว้ ยกนั นานๆ สอนว่า ให้ทําความดี ละเวน้ ความชัว่ สุภาษติ สานวน คาพงั เพย ทีเ่ ก่ียวข้อง รกั ที่จะมมี ิตรไมตรีต่อกันต้องตัดสิ่งทไ่ี ม่ดีออก ๑๑ ๕. “อย่าดูถกู บุญกรรมวา่ ทาํ นอ้ ย นาํ้ ตาลยอ้ ยมากเมอ่ื ไรไดห้ นกั หนา อยา่ ดถู ูกความดหี รอื ความชั่วว่าทําเพียงเล็กน้อย เพราะมนั จะสะสมไปเรือ่ ยๆ สอนว่า ให้สาํ รวจตนเอง สุภาษติ สานวน คาพังเพย ทเ่ี กี่ยวข้อง จงเตอื นตนด้วยตนเอง ๑๒ ๖. “เห็นตอหลกั ปกั ขวางหนทางอยู่ พิเคราะห์ดูควรท้ึงแลว้ จงึ ถอน เหน็ สง่ิ ใดกดี ขวางทางอยู่ จงพิจารณาดใู หร้ อบคอบกอ่ นทจ่ี ะเก็บ สอนวา่ ให้รจู้ ักคิดใครค่ รวญ ไตรต่ รองเสยี ก่อนท่ีจะพูดหรอื ทาสิ่งใด สุภาษติ สานวน คาพังเพย ทเ่ี กีย่ วขอ้ ง คิดกอ่ นพดู แต่อยา่ พดู กอ่ นคดิ ๗. “ค่อยดาํ เนินตามไต่ผไู้ ปหนา้ ใจความว่าผูม้ คี ุณอย่าหุนหวน ๑๓ ๑) ผู้ไปหนา้ หมายถงึ ผใู้ หญ่ซงึ่ เปน็ คนท่เี กดิ ก่อนยอ่ มมคี วามรู้ ๒) เอาหลงั ตากแดดเป็นนจิ หมายถงึ คนท่ีขยันทํางานหนกั อยู่ตลอดเวลา สุภาษติ สานวน คาพังเพย ทเ่ี กยี่ วข้อง เดินตามผใู้ หญ่หมาไม่กัด ,หลังส้ฟู ้าหนา้ ส้ดู นิ ๑๔ ๘. “เพชรอยา่ งดีมีค่าราคายิ่ง สง่ ให้ลิงจะรคู้ า่ ราคาหรือ อย่านาํ สง่ิ ทีม่ ีคา่ ไปใหแ้ กผ่ ไู้ มร่ ูค้ า่ ย่อมไรป้ ระโยชน์ ฉะนัน้ ควรไปปรึกษากบั สุภาษติ สานวน คาพงั เพย ทีเ่ กี่ยวขอ้ ง ย่ืนแก้วใหว้ านร ลิงได้แก้ว ไก่ไดพ้ ลอย ตาบอดได้แวน่ หัวลา้ นได้หวี ๑๕ ๙. “ของส่ิงใดเจ้าว่างามต้องตามเจา้ ใครเลยเลา่ จะไมง่ ามตามเสดจ็ จาํ ไว้ทุกสง่ิ จริงหรอื เทจ็ พริกไทยเม็ดนดิ เดียวเค้ยี วยงั รอ้ น” ของสง่ิ ใดกต็ ามทพ่ี ระเจ้าแผน่ ดนิ ว่าเปน็ สงิ่ ทส่ี วยงาม เรากค็ วรวา่ งามด้วย สุภาษติ สานวน คาพังเพย ทเ่ี กยี่ วขอ้ ง เห็นดเี ห็นงาม ลกู ขุนพลอยพยกั นาํ้ ท่วมปาก ๑๕ อย่าเชื่อและไวใ้ จในหา้ สง่ิ แต่อยา่ เกิดไว้ใจในส่ิงห้า ๑๖ ๑๐. “เกิดเปน็ คนเชิงดใู หร้ เู้ ท่า ใจของเราไม่สอนใจใครจะสอน เกิดเป็นคนต้องรเู้ ท่าทนั ใจของตนเอง คือต้องสอนใจตนเองหรือเตือนตนเองได้ สอนให้รู้จักตนเอง สุภาษิต สานวน คาพงั เพย ท่ีเก่ียวขอ้ ง จงเตอื นตนดว้ ยตนเอง ๑๖ ๑๐. “เกดิ เป็นคนเชงิ ดใู หร้ ู้เทา่ ใจของเราไมส่ อนใจใครจะสอน ตนเตอื นตนดว้ ยตนเอง.... ตนเตอื นตน ของตน ใหพ้ น้ ผิด ตนเตือนจิต ตนได้ ใครจะเหมือน ๑๗ ๑๑. “เปน็ บา้ จนี้ ิยมชมวา่ เอก คนโหยกเหยกรกั ษายากลําบากหมอ คนบ้ายอชอบใหค้ นเขาชมนิยมยกยอ่ ง เปรยี บเหมอื นคนไมอ่ ยกู่ บั รอ่ งกบั รอย สอนรูจ้ กั การวางตนเองในสังคมไมใ่ ห้หลงอยใู่ นอาํ นาจยศศักดิ์ สภุ าษิต สานวน คาพงั เพย ทเี่ กย่ี วขอ้ ง บ้ายอ ๑๘ ๑๒. “บ้างโลดเลน่ เต้นราํ ทาํ เป็นเจ้า เปน็ ไรเขาไมจ่ บั ผดิ คิดดขู นั ผมี ันหลอกช่างผีตามทีมนั คนเหมอื นกันหลอกกนั เองกลัวเกรงนัก” พวกทรงเจา้ เขา้ ผี ทําทวี า่ ถูกผเี ขา้ สิง นา่ ขบขนั ทาํ ไมจึงไม่มีคนจบั ผิดกไ็ มร่ ู้ สุภาษติ สานวน คาพงั เพย ทเ่ี กี่ยวขอ้ ง ผหี ลอกกย็ ังพอทน แตค่ นหลอกคนมันชํา้ ใจจนหลายเทา่ ๑๙ ๑๓. “สูงอย่าใหส้ ูงกว่าฐานนานไปล้ม จะเรยี นคมเรยี นเถิดอยา่ เปดิ ฝกั คนสามขามปี ญั ญาหาไวท้ กั ทไี่ หนหลกั แหลมคาํ จงจําเอา” จะสรา้ งสงิ่ ใดให้สงู กอ็ ย่าสงู เกินทีฐ่ านจะรบั นํา้ หนกั ไว้ได้ เพราะจะทาํ ใหล้ ้ม สอนวา่ ๑. ให้รจู้ กั ประมาณตน สภุ าษิต สานวน คาพังเพย ทีเ่ กี่ยวข้อง คมในฝัก ๒๐ ๑๔. “เดินตามรอยผใู้ หญ่หมาไมก่ ดั ไปพูดขดั เขาทาํ ไมขดั ใจเขา ประพฤตปิ ฏิบตั ติ ามแนวทางท่ผี ใู้ หญ่เคยทาํ มาก่อนแลว้ จะปลอดภยั สอนการให้ความเคารพผู้อาวุโส เดินตามผใู้ หญ่หมาไมก่ ัด ๒๑ ๑๕. “เป็นผหู้ ญงิ แมห่ ม้ายทไ่ี ร้ผวั ชายมักยว่ั ทําเลยี บเทียบขม่ เหง ผูห้ ญิงทเ่ี ปน็ หม้ายมกั ถกู ผู้ชายพดู จาแทะโลมหรอื ถูกขม่ เหง คนที่จนเพราะ สอนใหอ้ ยา่ หลงคาพดู ของผชู้ าย การวางตนในสงั คม เล่นกับคุกกับตาราง ๒๒ ๑๖. “อนั เสาหนิ แปดศอกตอกเปน็ หลกั ไปมาผลักบอ่ ยเขา้ เสายังไหว จงฟงั หูไว้หคู อยดูไป เชอ่ื น้ําใจดีกวา่ อย่าเชือ่ ยุ” แม้จะมน่ั คงดังเสาหนิ ใหญส่ ูงแปดศอก แตเ่ มอื่ ถกู ผลักบ่อย ๆ เขา้ เสาหินน้นั ก็ สอนว่า ให้มใี จหนักแน่น ไม่หลงเชอื่ คาพูดยยุ งโดยง่าย ให้รู้จัก สุภาษติ สานวน คาพงั เพย ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง ฟังหไู วห้ ู ๒๓ ๑๗. “หญงิ เรยี กแมช่ ายเรียกพอ่ ยอไวใ้ ช้ มนั ชอบใจข้างปลอบไมช่ อบดุ ที่ห่างปดิ ทชี่ ดิ ไชใหท้ ะลุ คนจกั ษุเหลห่ ล่ิวไพล่พลว้ิ พลิก” เม่ือเวลาจะใชใ้ ครให้ร้จู ักพูดใหอ้ อ่ นหวาน ทกุ คนชอบ ไม่ควรใชค้ าํ ดดุ ่า สอนวา่ ใหร้ ะมดั ระวงั การพูด สภุ าษติ สานวน คาพังเพย ทเี่ กย่ี วขอ้ ง น้าํ ร้อนปลาเปน็ น้ําเยน็ ปลาตาย ๒๔ ๑๘. “เอาปลาหมอเป็นครดู ปู ลาหมอ บนบกหนออตุ สา่ ห์เสือกกระเดือกกระดกิ สอนใหร้ ้จู กั ขยันหมั่นเพียร การอยรู่ ว่ มกนั ในสังคม ฆา่ ควายเสยี ดายพริก = ทําการใหญไ่ มค่ วรตระหนี่ ๒๕ ๑๙. “มิใช่เนอ้ื เอาเปน็ เนอ้ื กเ็ หลอื ปลา้ํ แตห่ นามตาํ เขา้ สักนดิ กรีดยังเจบ็ อันโลภลาภบาปหนาตณั หาเยบ็ เมยี รเู้ ก็บผวั รูท้ าํ พาจาํ เรญิ ” คนเราถา้ ไม่ใชเ่ นอ้ื คกู่ ัน อยู่ไปก็เปลา่ ประโยชนอ์ าจจะมีเร่ืองราวกนั ไม่ผดิ อะไร กบั ถกู หนามตาํ เข้านิดเดียว กเิ กดิ อาการเจ็บปวด ความโลภเปน็ บาปทาํ ให้เกิดความ อยาก สามีภรรยาคู่ใดถ้าภรรยารู้จักออมรจู้ ักเกบ็ สามี รู้จักทาํ มาหากนิ กจ็ ะทําใหช้ วี ติ ทสี่ มบรู ณ์ สอนให้รจู้ ักการอยู่รว่ มกนั ในสงั คม สภุ าษติ สานวน คาพงั เพย ทเ่ี กีย่ วขอ้ ง ผวั หาบเมยี คอน ชายหาบหญงิ คอน ๒๖ ๒๐. “ถงึ ร้จู ริงน่ิงไว้อยา่ ไขรู้ เต็มท่คี ร่เู ดยี วเทา่ นนั้ เขาสรรเสริญ แม้ว่าเราจะรู้จริง ก็ควรนง่ิ ไว้ไม่ตอ้ งอวดวา่ เรารู้ เด๋ยี วเขาจะสรรเสรญิ เองไม่ สอนไม่ใหเ้ ปน็ คนโออ้ วดตนเกินเพราะจะมคี นชังเรามากกว่าคนรกั เรา สภุ าษติ สานวน คาพังเพย ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง เกินหนา้ เกนิ ตา คนรกั เทา่ ผนื หนงั คนชังเทา่ ผนื เส่อื คนชงั มนี กั คนรกั มนี อ้ ย ๒๗ ๒๑. “วาสนาไม่คูเ่ คียงเถียงเขายาก ถงึ มปี ากเสยี เปลา่ เหมอื นเต่าหอย ผีเรอื นตวั ไมด่ ผี ปี ่าพลอย พดู พล่อยพล่อยไมด่ ปี ากข้รี ิว้ ” ถา้ ไม่มียศถาบรรดาศกั ด์เิ สมอเขา ไปโตเ้ ถียงกับเขาก็ไมม่ ปี ระโยชน์ เพราะไม่มี ใครเช่อื คนในบา้ นน่ันเองยงั พยายามทาํ ใหเ้ กิดความเสียหาย กจ็ ะเปน็ การช่วยให้คน นอกบา้ นเขา้ มาทําความเสียหาย ไดอ้ กี การพูดพล่อยๆ โดยไม่คดิ ก็เปน็ สิ่งท่ี ไมค่ วรทาํ สอนให้ระมัดระวังการพูดจา สภุ าษติ สานวน คาพังเพย ท่เี ก่ียวข้อง ผีบา้ นไมด่ ี ผีป่าก็พลอย ปลาหมอตายเพราะปาก ๒๘ ๒๒. “แต่ไม้ไผ่อนั หน่ึงตนั อนั หนึ่งแขวะ สแี หยะแหยะตอกตะบนั เปน็ ควนั ฉวิ ชา้ งถีบอยา่ ว่าเล่นกระเด็นปลิว แรงหรือหิวชั่งใจดจู ะสู้ช้าง” แม้แต่ไผ่อันหนง่ึ ตนั กบั อกี อนั หน่ึงผา่ ออกหรือเจาะรูไว้ เมือ่ นําสกี ันเบาๆ กอ็ าจ ทําให้เกดิ ควนั ได้ ฉะนนั้ จงอย่าไดป้ ระมาทกบั การกระทาํ ที่ดูเหมือนจะไม่เปน็ พิษ เปน็ ภยั เพราะอาจเกดิ พษิ ภยั ขนึ้ ไดแ้ ละชา้ งซงึ่ เป็นสัตว์ที่มพี ลงั เมือ่ มันถีบเราเบา ๆ รบั รองกระเดน็ แน่นอน ฉะนนั้ หากจะสู้กับชา้ งหรอื สงิ่ ใด ๆ ก็ควรประเมนิ กําลงั ของเราเสยี ก่อนว่าอยู่ในภาวะ “แรง” คอื มีกําลัง หรือ หิว คอื อ่อนแรง จะ เตรียมสูห้ รอื หนใี หเ้ หมาะแกส่ ถานการณ์ (แหยะแหยะ = ชา้ ช้า เบาๆ) สอนใหร้ จู้ กั การประมาณตน สภุ าษติ สานวน คาพังเพย ทีเ่ กย่ี วข้อง ไมซ้ กี งดั ไมซ้ ุง ๒๙ ๒๓. “ล้องเู หา่ เลน่ ก็ไดใ้ จกล้ากลา้ แตว่ ่าอยา่ ยกั เย้ืองเขา้ เบ้ืองหาง การล้อเล่นกับงูเหา่ ซ่งึ เปน็ สัตว์ทีอ่ ันตรายมาก อาจทาํ ไดแ้ ตต่ อ้ งเป็นคนใจกล้า สอนให้รจู้ กั การประเมนิ กาลังของคตู่ ่อสทู้ ีม่ ีอานาจมากกว่า จบั งูขา้ งหาง คอื ทาํ สิง่ ท่ีเส่ียงตอ่ อันตราย ๓๐ ๒๔. “ถึงเพ่ือนฝูงท่ชี อบพอขอกนั ได้ ถา้ แม้ใหเ้ สียทุกคนกลวั คนขอ พ่อแม่เล้ียงปิดปกเปน็ กกกอ จบแล้วหนอเหมือนเปรตเหตุด้วยจน” การจะขออะไรกบั เพือ่ นฝงู ทช่ี อบพอกนั ก็สามารถขอกันได้ แต่จะให้ทุกคนท่ี เดือดรอ้ นคงไมไ่ ด้ พอ่ แม่เล้ยี งดลู กู ด้วยความโอบอุ้มทะนถุ นอม เมื่อยากจนอย่าได้ เท่ียวขอคนอ่ืนเหมือนเปรต เพราะจะถกู เขา ดแู คลน สอนเรอื่ งการคบเพอ่ื น ค่านยิ มการผูกมิตร สภุ าษิต สานวน คาพงั เพย ที่เก่ยี วขอ้ ง เปรตขอสว่ นบญุ ตนเปน็ ท่ีพึ่งของตน พงึ่ ลาํ แขง้ ตวั เอง ๓๑ ๒๕. “ถงึ บญุ มไี ม่ประกอบชอบไมไ่ ด้ ตอ้ งอาศยั คดิ ดจี ึงมผี ล บญุ หาไม่แลว้ อยา่ หลงทะนงตน ปถุ ุชนรกั กบั ชงั ไม่ยงั่ ยนื ” ถึงมบี ุญแต่ทาํ ไมด่ ีกไ็ มม่ ีคนชอบ จงึ ควรคดิ ในสิง่ ท่ีดจี ึงจะมีผล เมือ่ หมดบญุ หมดวาสนาก็อย่าได้หลงตนเอง เพราะคนเรารกั กบั เกลียดน้นั ไม่จรี งั เทา่ กบั การทํา ดี สอนในเรอื่ งความเชื่อในบุญกศุ ลและการคดิ ดที าดีและอยา่ ไดท้ ะนงตน เพราะสง่ิ ตา่ ง ๆ ไมจ่ รี ังยั่งยนื สุภาษติ สานวน คาพังเพย ทเ่ี ก่ยี วขอ้ ง ทาํ ดไี ดด้ ี ตัวยากอยากจะไปอาศยั เขา ถึงเป็นญาตกิ เ็ ปลา่ เหมือนผอู้ น่ื เปน็ ข้าเฝ้าเหลา่ เสวกามาตย์ ยิ่งกวา่ ทาสทาสาคา่ สนิ ไถ่ อันความหลงแม้ไม่ปลงสงั ขารา แตท่ ว่าร้บู า้ งคอ่ ยบางเบา อคนุณิจกจับงั โภทาษวสนอางวแ่าบกง่ แุศรลงข้างไหน คพณุ าถกึงันใหบญน่ ่ใวหุน่ ผ้ วล่นุ คบนุญไมท่เห่ีไ็นหน เนค้ําหใจฐเาอนยหเหยน็ ากบรชรมา้ หไมา่ทสําะชอว่ั าด มูลฝอยใบไมบใ้วชชญ่ตง้ั าตตวั ิอตยั้งใา่ จมบุน่ วหชไมดก้เรื่อง พระพทุ ธองคก์ ท็ รงชมวา่ สมปราชญ์ บณั ฑติ ชาตเิ มธาปญั ญาหลาย ท่านยอ่ มให้ความสบายหลายประตู ความเจริญและความฉิบหายน้ัน ที่เกิดมนั ไม่มากเทา่ ปากหู คนมยี ศรปู สวยท้งั รวยทรัพย์ เสนห่ ์บทนป้ี บั ขลังจรงิ เจ้า จ้งิ จกเรยี กจระเข้บกยกขน้ึ ทา้ แมวตัวเล็กเขาก็วา่ เป็นอาเสอื เปน็ วาจากรรมเปล่าไมเ่ ขา้ ขอ้ รู้แล้วกน็ ิง่ ไว้อยา่ ได้แถลง เจา้ ท่านเกลยี ดอย่าเกลียดแทนองคเ์ จ้า เอ็นดเู หล่าผู้ผิดอย่าคิดเสริม นกกระจาบเดิมหนกั หนามากกวา่ แสน ไม่เดือดแค้นสามคั คยี ่อมมีผล ๖ คาศัพท์ ความหมาย คาศัพท์ ความหมาย ๗ บทวเิ คราะห์ ๗.๑ คุณค่าด้านเนือ้ หา อิศรญาณภาษิต มุ่งให้ข้อคิดคติสอนใจผู้คนในสมัยก่อน โดยคาสอน เนื้อหาอิศรญาณภาษิตมีคุณค่าในเชิงคาสอน ว่าควรทาอย่างไรจึงจะ อิศรญาณภาษิตมีวัตถุประสงค์เพื่อส่ังสอนและให้แนวทาง ข้อคิด ๗.๒ คุณค่าด้านวรรณศิลป์ ๑) การใช้โวหาร ๒) การเล่นเสียง ดีเด่นในโวหารเปรียบเทียบ รวมท้ังกวีเลือกใช้ถ้อยคาให้เกิดสัมผัสคล้องจอง มกี ารใช้สานวนไทยหลายสานวนมารอ้ ยเรยี ง ทาให้ภาษามีความคม |