แปล อิศร ญาณ ภาษิต บทที่ 35

๔หน่วยการเรียนรู้ที่ อศิ รญาณภาษติ

วรรณคดีประเภทคาสอน คือ วรรณคดีที่เรียบเรยี งแนวคิด ข้อควรปฏิบัติหรอื ข้อคาสอน
วัตถุประสงค์เพื่อสร้างความสงบเรียบร้อยในสังคม รวมถึงสอนหลักธรรมอันควรปฏิบัติ
ท้ังนีผ้ ู้ฟงั หรือผู้อา่ นอาจตีความคาสอนแตกต่างกันตามพนื้ ฐานความร้แู ละประสบการณ์

๑ ความเป็ นมา

อิศรญาณภาษิต เรียกอีกอย่างว่า “เพลงยาวอิศรญาณ” หม่อมเจ้าอิศร
ญาณนิพนธ์เพลงยาวฉบับน้ีข้ึน เพื่อสะท้อนความคิดเห็นที่มีต่อสังคมในยุคนั้น
พร้อมเสนอแนะแนวทางปฏิบัตติ นแต่ไมถ่ งึ ขัน้ สอน

๒ ประวตั ิผู้แต่ง

หม่อมเจ้าอิศรญาณ (ไม่ทราบพระนามเดิม) เป็นพระโอรสในพระเจ้า
บรมวงศ์เธอ กรมหลวงมหศิ วรินทรามเรศ พระองค์ทรงผนวชท่ีวัดบวรนิเวศฯ ได้
พระนามฉายาว่า อิสฺสรญาโณ มีพระชนม์ชีพอยู่ในช่วงรัชสมัยพระบาทสมเด็จ
พระจอมเกลา้ เจา้ อยู่หัว

๓ ลกั ษณะคาประพนั ธ์

อิศรญาณภาษิตแต่งด้วยคาประพันธ์ประเภทกลอนเพลงยาว ซึ่งมี
ลักษณะบังคับเหมือนกลอนสุภาพ แต่จะข้ึนบทแรกด้วยวรรครับและจบด้วยคาว่า
เอย ดงั นี้

๔ เรื่องย่อ

อศิ รญาณภาษิตมีเนื้อหาเชิงสั่งสอนแบบเตือนสติและแนะนาเกี่ยวกับ
การประพฤติปฏิบัติตนให้เป็นท่ีพอใจของผู้อื่น โดยเฉพาะผู้ที่มีอานาจมากกว่า
สอนว่าควรจะปฏิบัติตนอย่างไรจึงจะอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข ทาอย่างไร
จึงจะประสบความสาเร็จสมหวัง บางตอนเน้นเรื่องการเห็นคุณค่าและ
ความสาคัญของผู้อ่ืนโดยไม่สบประมาทหรือดูแคลนคนอื่น โดยท้ังน้ีการสอน
บางครงั้ อาจเป็นการกลา่ วตรงๆ หรอื ใชถ้ ้อยคาเชิงประชดประชัน

๕ เนือ้ เรื่อง

มีผ้สู นั นษิ ฐานว่าอิศรญาณภาษติ อาจไม่ใช่บทนิพนธ์ในหม่อมเจ้าอิศร
ญาณแต่เพียงผู้เดียว หากแต่นิพนธ์ไว้เพียงตอนแรกเท่านั้น กล่าวคือนิพนธ์ถึง
วรรควา่ “ปุถชุ นรักกับชังไม่ยงั่ ยืน” ซึ่งมลี ลี าการประพนั ธด์ ว้ ยน้าเสียงเหน็บแนม
ประชดประชัน ส่วนที่เหลือเป็นของกวีท่านอ่ืนร่วมกันประพันธ์ต่อโดยเป็นการ
สอนเร่ืองท่ัวๆ ไป มีลีลาหรือท่วงทานองแบบเรียบๆ มุ่งสั่งสอนตามปกติของผู้มี
ประสบการณใ์ นเรือ่ งต่างๆ ซ่ึงได้นามาเรยี บเรียงไวท้ ั้งหมด เช่น

ความหมายของช่อื เร่ือง
อศิ ร หมายถึง ความเป็นเจา้ เปน็ ใหญ่ , เปน็ ใหญ่ในตวั เอง
ญาณ หมายถึง ปรีชาหย่ังรู้ หรอื กําหนดรู้ ทเี่ กิดจากอาํ นาจสมาธิ

ความสามารถ หย่ังรเู้ ป็นพเิ ศษ
ภาษติ หมายถึง ถอ้ ยคาํ หรือข้อความท่กี ลา่ วสืบตอ่ กนั มาชา้ นานแล้ว

มคี วามหมายเปน็ คติ
อศิ รญาณภาษิต หมายถึง ความรู้ทเ่ี กดิ จากสมาธิ เปน็ ใหญใ่ นตัวเอง

ถอื ว่าเป็นขอ้ ความทกี่ ลา่ วสบื ทอดตอ่ กนั มา
และมคี วามหมายเป็นคตเิ ตือนใจ

บทนํา

อศิ รญาณชาญกลอนอกั ษรสาร
เทศนาคําไทยให้เปน็ ทาน โดยตาํ นานศภุ อรรถสวสั ดี

หมอ่ มเจา้ อิศรญาณผชู้ ํานาญกานทก์ ลอน ไดส้ ั่งสอนเตอื นใจให้ฉุกคิดก่อนทจ่ี ะทาํ
ส่ิงใด ๆ และสอนเกย่ี วกับการปฏบิ ัติตนต่อผูอ้ น่ื ในสงั คมให้อยู่รว่ มกันไดอ้ ย่างมี
ความสุข ดว้ ยถอ้ ยคาํ โบราณที่มีความหมายในทางท่ดี ี

ตานาน หมายถงึ คาโบราณ
ศุภอรรถ หมายถงึ ถ้อยคาและความหมายทดี่ ี
สวสั ดี หมายถงึ ความดี ความงาม

วิเคราะหเ์ นือ้ หา ดว้ ยมัวเมาโมห์มากในซากผี
สาํ หรบั ขี่เปน็ ม้าอาชาไนย”
๑. “สําหรบั คนเจอื จิตจริตเขลา
ต้องหามา้ มโนมัยใหญย่ าวรี

คนท่ีโงเ่ ขลาเบาปญั ญา ท่ีไปล่มุ หลงในความช่วั ตอ้ งฝกึ ใจใหร้ ู้เท่ากันกเิ ลส

คอื เอาใจเป็นนาย บังคบั ใจของตนใหอ้ ย่เู หนอื กเิ ลสเพ่ือจะได้มีความสุข

คาศพั ท์

๑. โมห์ หมายถึง โมหะ ไดแ้ ก่ ความลุม่ หลง

๒. ม้ามโนมัย หมายถึง ม้าทใี่ ชข้ บั ข่ีไดร้ วดเร็วดังใจ

ในทน่ี ้หี มายถงึ ใจที่รู้เท่ากนั กเิ ลส

๓. มา้ อาชาไนย หมายถึง มา้ ทไี่ ด้รับการฝกึ มาดีแลว้

ในทนี่ ห้ี มายถงึ ใจท่ีอยู่เหนือกเิ ลส

๒. “ชายข้าวเปลือกหญิงขา้ วสารโบราณวา่ นํ้าพึ่งเรอื เสอื พง่ึ ปา่ อัชฌาสัย

เราก็จิตคิดดูเลา่ เขากใ็ จ รกั กันไว้ดีกวา่ ชงั ระวังการ”

ผู้ชายกบั ผหู้ ญงิ นัน้ ต่างกันเหมอื นขา้ วเปลือกกับขา้ วสาร แต่เมื่ออยใู่ น

สงั คมเดียวกนั ต้องพ่งึ พาอาศัยกันเปน็ ธรรมดา เรามมี ิตรจิตเขากม็ ีมติ รใจ ดงั น้นั

ควรรกั กนั ไว้ดกี วา่ เกลยี ดกนั

สอนในการอยู่รว่ มกนั สังคม

สภุ าษิต สานวน คาพังเพย ที่เกี่ยวขอ้ ง

ชายข้าวเปลือกหญิงขา้ วสาร

นา้ พง่ึ เรือเสือพึง่ ป่า

รักกนั ดกี ว่าชังกนั

มติ รจติ รมิตรใจ

๓. “ผใู้ ดดดี ีต่ออย่ากอ่ กิจ ผ้ใู ดผดิ ผ่อนพักอย่าหกั หาญ
สบิ ดีก็ไมถ่ ึงกับกงึ่ พาล เป็นชายชาญอยา่ เพอ่ คาดประมาทชาย”

ผใู้ ดทําดีต่อเรา เราก็ควรทาํ ดีตอบ ผูใ้ ดทที่ าํ ไม่ดีต่อเราหรือทาํ ไมถ่ กู ต้อง
ก็ไมค่ วรโกรธหรือตัดรอนจนแตกหัก ทําดสี ิบครั้งไมเ่ ทา่ ทําชวั่ เพยี งคร่งึ ครงั้
คือความชว่ั จะทาํ ลายความดจี นหมดสน้ิ ลูกผชู้ ายไมค่ วรดูถูกลูกผชู้ ายด้วยกนั
สอนใหร้ ู้จักถนอมน้ําใจกนั ไวใ้ นการอยรู่ ่วมกนั

สุภาษติ สานวน คาพังเพย ทเ่ี กย่ี วข้อง
คนลม้ อย่าขา้ ม หมายถงึ
คนทตี่ กต่าไม่ควรลบหลู่ดถู กู เพราะอาจจะกลับมาเฟ่อื งฟูไดอ้ กี

๑๐

๔. “รกั สนั้ นั้นอยา่ ใหร้ ู้อยเู่ พียงส้นั รกั ยาวนั้นอยา่ ใหเ้ ยน่ิ เกินกฎหมาย

มใิ ช่ตายแต่เขาเรากต็ าย แหงนดฟู ้าอยา่ ใหอ้ ายแกเ่ ทวดา”

ต้องการให้ความรักส้ินสดุ จงทําความไมด่ ี แต่ถา้ รักจะอยูด่ ว้ ยกนั นานๆ
จงทําความดี อย่าไปทําผดิ กฎหมายหรือความชวั่ ทกุ คนตอ้ งตายดว้ ยกนั ทงั้ นั้น
จงทาํ ความดีไว้ เวลาที่แหงนดูฟ้าจะไดไ้ มอ่ ายเทวดา

สอนว่า ให้ทําความดี ละเวน้ ความชัว่

สุภาษติ สานวน คาพงั เพย ทีเ่ ก่ียวข้อง
รักยาวให้บน่ั รกั ส้ันใหต้ ่อ หมายถงึ

รกั ที่จะมมี ิตรไมตรีต่อกันต้องตัดสิ่งทไ่ี ม่ดีออก

๑๑

๕. “อย่าดูถกู บุญกรรมวา่ ทาํ นอ้ ย นาํ้ ตาลยอ้ ยมากเมอ่ื ไรไดห้ นกั หนา
อยา่ นอนเปลา่ เอากระจกยกออกมา ส่องดหู นา้ เสียทหี น่งึ แลว้ จงึ นอน”

อยา่ ดถู ูกความดหี รอื ความชั่วว่าทําเพียงเล็กน้อย เพราะมนั จะสะสมไปเรือ่ ยๆ
และมากข้นึ ทกุ ที และเวลาก่อนจะนอนใหส้ อ่ งกระจกดหู นา้ ตนเองว่ามีสงิ่
ผิดปกติหรอื ไม่ เสมือนสาํ รวจจติ ใจตนเองอยเู่ สมอวา่ คดิ ดอี ยู่หรอื เปล่าเพอื่ จะได้
เตือนตนไวไ้ ดท้ นั

สอนว่า ให้สาํ รวจตนเอง

สุภาษติ สานวน คาพังเพย ทเ่ี กี่ยวข้อง

จงเตอื นตนด้วยตนเอง

๑๒

๖. “เห็นตอหลกั ปกั ขวางหนทางอยู่ พิเคราะห์ดูควรท้ึงแลว้ จงึ ถอน
เห็นเตม็ ตาแลว้ อยา่ อยากทําปากบอน ตรองเสยี กอ่ นจงึ คอ่ ยทํากรรมทั้งมวล”

เหน็ สง่ิ ใดกดี ขวางทางอยู่ จงพิจารณาดใู หร้ อบคอบกอ่ นทจ่ี ะเก็บ
เพราะอาจเป็นอนั ตรายไดแ้ ละเม่อื ไปเห็นการกระทําของใคร อย่าทาํ ปากบอน
ไปบอกแก่คนอื่นอาจนําผลรา้ ยมาสู่ตนเองได้

สอนวา่ ให้รจู้ ักคิดใครค่ รวญ ไตรต่ รองเสยี ก่อนท่ีจะพูดหรอื ทาสิ่งใด

สุภาษติ สานวน คาพังเพย ทเ่ี กีย่ วขอ้ ง

คิดกอ่ นพดู แต่อยา่ พดู กอ่ นคดิ

๗. “ค่อยดาํ เนินตามไต่ผไู้ ปหนา้ ใจความว่าผูม้ คี ุณอย่าหุนหวน ๑๓
เอาหลงั ตากแดดเปน็ นิจคดิ คํานวณ รถู้ ถ่ี ว้ นจงึ สบายเม่อื ปลายมือ”

๑) ผู้ไปหนา้ หมายถงึ ผใู้ หญ่ซงึ่ เปน็ คนท่เี กดิ ก่อนยอ่ มมคี วามรู้
และประสบการณ์(มากกวา่ )

๒) เอาหลงั ตากแดดเป็นนจิ หมายถงึ คนท่ีขยันทํางานหนกั อยู่ตลอดเวลา
ให้ประพฤตปิ ฏบิ ตั ิตนตามผู้ใหญซ่ ่งึ เปน็ ผทู้ ี่เกิดก่อน ย่อมมคี วามรู้
และประสบการณม์ ากกวา่ และอย่าเป็นคนอกตญั ญู จงมีความขยนั หมน่ั เพยี ร
ทํางานหนักอยูเ่ สมอแล้วจะมีความสุขสบายในภายหลงั
สอนให้ความสาํ คญั แกผ่ ูอ้ าวุโส

สุภาษติ สานวน คาพังเพย ทเ่ี กยี่ วข้อง

เดินตามผใู้ หญ่หมาไม่กัด ,หลังส้ฟู ้าหนา้ ส้ดู นิ

๑๔

๘. “เพชรอยา่ งดีมีค่าราคายิ่ง สง่ ให้ลิงจะรคู้ า่ ราคาหรือ
ต่อผูด้ มี ีปญั ญาจงึ หารอื ให้เขาลอื เสยี วา่ ชายน้ีขายเพชร”

อย่านาํ สง่ิ ทีม่ ีคา่ ไปใหแ้ กผ่ ไู้ มร่ ูค้ า่ ย่อมไรป้ ระโยชน์ ฉะนัน้ ควรไปปรึกษากบั
นักปราชญห์ รือผรู้ ้เู ท่านน้ั เพ่อื ให้คนเขารํา่ ลือว่าตนเองมีปญั ญาราวกบั มีเพชรมาก
พอทจี่ ะอวดได้ สอนใหร้ จู้ ักประมาณตน

สุภาษติ สานวน คาพงั เพย ทีเ่ กี่ยวขอ้ ง

ย่ืนแก้วใหว้ านร

ลิงได้แก้ว

ไก่ไดพ้ ลอย

ตาบอดได้แวน่ หัวลา้ นได้หวี

๑๕

๙. “ของส่ิงใดเจ้าว่างามต้องตามเจา้ ใครเลยเลา่ จะไมง่ ามตามเสดจ็

จาํ ไว้ทุกสง่ิ จริงหรอื เทจ็ พริกไทยเม็ดนดิ เดียวเค้ยี วยงั รอ้ น”

ของสง่ิ ใดกต็ ามทพ่ี ระเจ้าแผน่ ดนิ ว่าเปน็ สงิ่ ทส่ี วยงาม เรากค็ วรวา่ งามด้วย
ไมว่ า่ จะจรงิ หรือไมจ่ รงิ เราไม่ควรไปคัดคา้ น เพราะท่านเป็นผมู้ ีอํานาจเดด็ ขาด
แต่เพยี งผเู้ ดยี ว

สุภาษติ สานวน คาพังเพย ทเ่ี กยี่ วขอ้ ง

เห็นดเี ห็นงาม

ลกู ขุนพลอยพยกั

นาํ้ ท่วมปาก

๑๕

อย่าเชื่อและไวใ้ จในหา้ สง่ิ แต่อยา่ เกิดไว้ใจในส่ิงห้า
ใครจะไวใ้ จอะไรไว้ใจเถิด สองสตั วเ์ ขยี้ วเล็บงาอย่าไวใ้ จ
หน่ึงอยา่ ไว้ใจทะเลทุกเวลา สี่ผู้หญิงทั้งหลายอยา่ กรายใกล้
สามผถู้ อื อาวธุ สุดจกั รา้ ย ถา้ แม้ใครประมาทอาจตายเอย
ห้าพระมหากษตั ริย์ทรงฉัตรชยั

๑๖

๑๐. “เกิดเปน็ คนเชิงดใู หร้ เู้ ท่า ใจของเราไม่สอนใจใครจะสอน
อยากใชเ้ ขาเราตอ้ งกม้ ประนมกร ใครเลยหอ่ นจะวา่ ตวั เปน็ วัวมอ”

เกิดเป็นคนต้องรเู้ ท่าทนั ใจของตนเอง คือต้องสอนใจตนเองหรือเตือนตนเองได้
และถ้าต้องการจะขอความช่วยเหลือจากผ้ใู ดเราตอ้ งออ่ นนอ้ มถอ่ มตนเพราะไม่มี
ใครทีจ่ ะคิดวา่ ตนเป็นวัวใหค้ นอื่นใช้งาน

สอนให้รู้จักตนเอง

สุภาษิต สานวน คาพงั เพย ท่ีเก่ียวขอ้ ง

จงเตอื นตนดว้ ยตนเอง

๑๖

๑๐. “เกดิ เป็นคนเชงิ ดใู หร้ ู้เทา่ ใจของเราไมส่ อนใจใครจะสอน
อยากใช้เขาเราต้องกม้ ประนมกร ใครเลยหอ่ นจะวา่ ตวั เปน็ ววั มอ”

ตนเตอื นตนดว้ ยตนเอง....

ตนเตอื นตน ของตน ใหพ้ น้ ผิด ตนเตือนจิต ตนได้ ใครจะเหมือน
ตนเตือนตน ไม่ได้ ใครจะเตือน ตนแชเชอื น ใครจะเตือน ให้ปว่ ยการ

๑๗

๑๑. “เปน็ บา้ จนี้ ิยมชมวา่ เอก คนโหยกเหยกรกั ษายากลําบากหมอ
อันยศศักดม์ิ ิใช่เหล้าเมาแตพ่ อ ถา้ เขายอเหมือนอย่างเกาใหเ้ ราคนั ”

คนบ้ายอชอบใหค้ นเขาชมนิยมยกยอ่ ง เปรยี บเหมอื นคนไมอ่ ยกู่ บั รอ่ งกบั รอย
ซง่ึ แก้ไขได้ยาก อนั วา่ ยศหรอื ตําแหน่งน้นั ไมใ่ ช่เหลา้ ใหเ้ มาแตพ่ อสมควร
อย่าหลงยศหลงตําแหน่ง คํายอต่างๆ ถ้าหลงเชอื่ อาจทําใหเ้ ราเดอื ดร้อนได้

สอนรูจ้ กั การวางตนเองในสังคมไมใ่ ห้หลงอยใู่ นอาํ นาจยศศักดิ์

สภุ าษิต สานวน คาพงั เพย ทเี่ กย่ี วขอ้ ง

บ้ายอ

๑๘

๑๒. “บ้างโลดเลน่ เต้นราํ ทาํ เป็นเจ้า เปน็ ไรเขาไมจ่ บั ผดิ คิดดขู นั

ผมี ันหลอกช่างผีตามทีมนั คนเหมอื นกันหลอกกนั เองกลัวเกรงนัก”

พวกทรงเจา้ เขา้ ผี ทําทวี า่ ถูกผเี ขา้ สิง นา่ ขบขนั ทาํ ไมจึงไม่มีคนจบั ผิดกไ็ มร่ ู้
ผีจรงิ ๆ หลอกเด๋ียวก็หายไป แตถ่ า้ คนมาหลอกกันเองน่ากลวั ที่สุด
สอนวา่ อย่าเชื่อในสิง่ ทตี่ าเห็น เพราะทเี่ ห็นนั้นอาจไมใ่ ช่ความจรงิ ทั้งหมด

สุภาษติ สานวน คาพงั เพย ทเ่ี กี่ยวขอ้ ง

ผหี ลอกกย็ ังพอทน

แตค่ นหลอกคนมันชํา้ ใจจนหลายเทา่

๑๙

๑๓. “สูงอย่าใหส้ ูงกว่าฐานนานไปล้ม จะเรยี นคมเรยี นเถิดอยา่ เปดิ ฝกั

คนสามขามปี ญั ญาหาไวท้ กั ทไี่ หนหลกั แหลมคาํ จงจําเอา”

จะสรา้ งสงิ่ ใดให้สงู กอ็ ย่าสงู เกินทีฐ่ านจะรบั นํา้ หนกั ไว้ได้ เพราะจะทาํ ใหล้ ้ม
ไดง้ า่ ย จะเรียนวชิ าอะไรใหไ้ ด้ความร้กู ็เรียนไป แตใ่ ห้เกบ็ ความรไู้ ว้ใชเ้ ม่อื ถงึ เวลา
อันสมควร คนแกม่ ปี ระสบการณม์ ากควรปรกึ ษาท่าน จะเปน็ ประโยชน์ในภายหน้า

สอนวา่ ๑. ให้รจู้ กั ประมาณตน
๒. ใหเ้ ป็นคนใฝ่รูไ้ มใ่ ชเ่ ปน็ คนอวดรู้
๓. ให้เห็นความสําคญั ของผู้อาวโุ ส
คาศัพท์ คนสามขา หมายถงึ คนแก่

สภุ าษิต สานวน คาพังเพย ทีเ่ กี่ยวข้อง คมในฝัก

๒๐

๑๔. “เดินตามรอยผใู้ หญ่หมาไมก่ ดั ไปพูดขดั เขาทาํ ไมขดั ใจเขา
ใครทาํ ตึงแล้วหยอ่ นผอ่ นลงเอา นกั เลงเก่าเขาไมห่ าญราญนกั เลง”

ประพฤตปิ ฏิบตั ติ ามแนวทางท่ผี ใู้ หญ่เคยทาํ มาก่อนแลว้ จะปลอดภยั
ไม่ควรพูดขัดคอคนเพราะทาํ ใหเ้ ขาโกรธหรือไม่พอใจ ใหร้ ูจ้ ักผ่อนหนกั ผอ่ นเบา
นักเลงเขาไม่รังแกนกั เลงดวั ยกนั

สอนการให้ความเคารพผู้อาวุโส
สุภาษติ สานวน คาพังเพย ที่เกยี่ วขอ้ ง

เดินตามผใู้ หญ่หมาไมก่ ัด
รู้ยาวรสู้ น้ั

๒๑

๑๕. “เป็นผหู้ ญงิ แมห่ ม้ายทไ่ี ร้ผวั ชายมักยว่ั ทําเลยี บเทียบขม่ เหง
ไฟไหม้ยังไม่เหมือนคนทีจ่ นเอง ทาํ อวดเกง่ กบั ข่ือคาวา่ กระไร”

ผูห้ ญิงทเ่ี ปน็ หม้ายมกั ถกู ผู้ชายพดู จาแทะโลมหรอื ถูกขม่ เหง คนที่จนเพราะ
ถูกไฟไหม้นา่ สงสารกวา่ คนทจี่ นเอง จนเพราะเล่นการพนนั และอย่าอวดเกง่ กบั
ข่ือคาท่เี ปน็ เครอ่ื งจองจํา คือ อยา่ แสดงอาํ นาจโออ้ วดทําสง่ิ ท่ีท้าทายกบั บทลงโทษ

สอนใหอ้ ยา่ หลงคาพดู ของผชู้ าย การวางตนในสงั คม
สภุ าษติ สานวน คาพังเพย ท่เี ก่ียวขอ้ ง

เล่นกับคุกกับตาราง

๒๒

๑๖. “อนั เสาหนิ แปดศอกตอกเปน็ หลกั ไปมาผลักบอ่ ยเขา้ เสายังไหว

จงฟงั หูไว้หคู อยดูไป เชอ่ื น้ําใจดีกวา่ อย่าเชือ่ ยุ”

แม้จะมน่ั คงดังเสาหนิ ใหญส่ ูงแปดศอก แตเ่ มอื่ ถกู ผลักบ่อย ๆ เขา้ เสาหินน้นั ก็
อาจคลอนแคลนได้ เปรยี บเหมอื นใจคนย่อมอ่อนไหวไปตามคําพดู ของผูอ้ ืน่ ได้
ดังนั้นจึงควรฟงั หไู ว้หู และคดิ ใหร้ อบคอบกอ่ นท่จี ะเชือ่ ใคร

สอนว่า ให้มใี จหนักแน่น ไม่หลงเชอื่ คาพูดยยุ งโดยง่าย ให้รู้จัก
ไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน

สุภาษติ สานวน คาพงั เพย ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง

ฟังหไู วห้ ู

๒๓

๑๗. “หญงิ เรยี กแมช่ ายเรียกพอ่ ยอไวใ้ ช้ มนั ชอบใจข้างปลอบไมช่ อบดุ

ที่ห่างปดิ ทชี่ ดิ ไชใหท้ ะลุ คนจกั ษุเหลห่ ล่ิวไพล่พลว้ิ พลิก”

เม่ือเวลาจะใชใ้ ครให้ร้จู ักพูดใหอ้ อ่ นหวาน ทกุ คนชอบ ไม่ควรใชค้ าํ ดดุ ่า
สงิ่ ใดทีฟ่ ุม่ เฟอื ย ก็ควรเขม้ งวดหรือประหยดั แต่อย่าตระหน่ี จะตอ้ งแก้ไข
ใหส้ ะดวกหรือคลอ่ งตวั ข้นึ และจงประพฤติตนตามที่คนส่วนใหญ่เขาประพฤติกัน
และอย่าเป็นคนพดู ตรงเกินไป สิ่งใดสมควรพูดหรือไมต่ อ้ งพิจารณา

สอนวา่ ใหร้ ะมดั ระวงั การพูด

สภุ าษติ สานวน คาพังเพย ทเี่ กย่ี วขอ้ ง

น้าํ ร้อนปลาเปน็ น้ําเยน็ ปลาตาย

๒๔

๑๘. “เอาปลาหมอเป็นครดู ปู ลาหมอ บนบกหนออตุ สา่ ห์เสือกกระเดือกกระดกิ
เขายอ่ มวา่ ฆ่าควายเสียดายพริก รักหยอกหยิกยับท้งั ตัวอยา่ กลวั เลบ็ ”
จงเอาปลาหมอเปน็ ครูสอนใจเรา ปลาหมอถูกปลอ่ ยไวบ้ นบกมันก็พยายาม
กระเสอื กกระสนเพอ่ื เอาชีวิตรอด คนเราจงึ ไม่ควรยอมแพต้ อ่ อุปสรรค ต้องดิ้นรน
ตอ่ สตู้ ่อไป เราทําการใหญ่ไมค่ วรตระหนี่ คนรักกนั ควรให้อภยั แมแ้ ต่เรื่องเลก็ นอ้ ย

สอนใหร้ ้จู กั ขยันหมั่นเพียร การอยรู่ ว่ มกนั ในสังคม
สุภาษติ สานวน คาพงั เพย ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง

ฆา่ ควายเสยี ดายพริก = ทําการใหญไ่ มค่ วรตระหนี่
ปลาหมอแถกเหงือก = กระเสอื กกระสนดิ้นรน

๒๕

๑๙. “มิใช่เนอ้ื เอาเปน็ เนอ้ื กเ็ หลอื ปลา้ํ แตห่ นามตาํ เขา้ สักนดิ กรีดยังเจบ็

อันโลภลาภบาปหนาตณั หาเยบ็ เมยี รเู้ ก็บผวั รูท้ าํ พาจาํ เรญิ ”

คนเราถา้ ไม่ใชเ่ นอ้ื คกู่ ัน อยู่ไปก็เปลา่ ประโยชนอ์ าจจะมีเร่ืองราวกนั ไม่ผดิ อะไร

กบั ถกู หนามตาํ เข้านิดเดียว กเิ กดิ อาการเจ็บปวด ความโลภเปน็ บาปทาํ ให้เกิดความ

อยาก สามีภรรยาคู่ใดถ้าภรรยารู้จักออมรจู้ ักเกบ็ สามี รู้จักทาํ มาหากนิ กจ็ ะทําใหช้ วี ติ

ทสี่ มบรู ณ์

สอนให้รจู้ ักการอยู่รว่ มกนั ในสงั คม

สภุ าษติ สานวน คาพงั เพย ทเ่ี กีย่ วขอ้ ง

ผวั หาบเมยี คอน ชายหาบหญงิ คอน

๒๖

๒๐. “ถงึ ร้จู ริงน่ิงไว้อยา่ ไขรู้ เต็มท่คี ร่เู ดยี วเทา่ นนั้ เขาสรรเสริญ
ไมค่ วรกล้ําเกนิ หนา้ ก็อยา่ เกิน อยา่ เพลดิ เพลินคนชงั นักคนรักน้อย”

แม้ว่าเราจะรู้จริง ก็ควรนง่ิ ไว้ไม่ตอ้ งอวดวา่ เรารู้ เด๋ยี วเขาจะสรรเสรญิ เองไม่
ควรทําอะไรเกนิ หน้าคนอืน่ เพราะคนเกลียดเรานัน้ มีมาก คนรกั เรานั้นมีน้อย

สอนไม่ใหเ้ ปน็ คนโออ้ วดตนเกินเพราะจะมคี นชังเรามากกว่าคนรกั เรา

สภุ าษติ สานวน คาพังเพย ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง

เกินหนา้ เกนิ ตา

คนรกั เทา่ ผนื หนงั คนชังเทา่ ผนื เส่อื

คนชงั มนี กั คนรกั มนี อ้ ย

๒๗

๒๑. “วาสนาไม่คูเ่ คียงเถียงเขายาก ถงึ มปี ากเสยี เปลา่ เหมอื นเต่าหอย

ผีเรอื นตวั ไมด่ ผี ปี ่าพลอย พดู พล่อยพล่อยไมด่ ปี ากข้รี ิว้ ”

ถา้ ไม่มียศถาบรรดาศกั ด์เิ สมอเขา ไปโตเ้ ถียงกับเขาก็ไมม่ ปี ระโยชน์ เพราะไม่มี

ใครเช่อื คนในบา้ นน่ันเองยงั พยายามทาํ ใหเ้ กิดความเสียหาย กจ็ ะเปน็ การช่วยให้คน

นอกบา้ นเขา้ มาทําความเสียหาย ไดอ้ กี การพูดพล่อยๆ โดยไม่คดิ ก็เปน็ สิ่งท่ี

ไมค่ วรทาํ

สอนให้ระมัดระวังการพูดจา

สภุ าษติ สานวน คาพังเพย ท่เี ก่ียวข้อง

ผีบา้ นไมด่ ี ผีป่าก็พลอย

ปลาหมอตายเพราะปาก

๒๘

๒๒. “แต่ไม้ไผ่อนั หน่ึงตนั อนั หนึ่งแขวะ สแี หยะแหยะตอกตะบนั เปน็ ควนั ฉวิ

ชา้ งถีบอยา่ ว่าเล่นกระเด็นปลิว แรงหรือหิวชั่งใจดจู ะสู้ช้าง”

แม้แต่ไผ่อันหนง่ึ ตนั กบั อกี อนั หน่ึงผา่ ออกหรือเจาะรูไว้ เมือ่ นําสกี ันเบาๆ กอ็ าจ

ทําให้เกดิ ควนั ได้ ฉะนนั้ จงอย่าไดป้ ระมาทกบั การกระทาํ ที่ดูเหมือนจะไม่เปน็ พิษ

เปน็ ภยั เพราะอาจเกดิ พษิ ภยั ขนึ้ ไดแ้ ละชา้ งซงึ่ เป็นสัตว์ที่มพี ลงั เมือ่ มันถีบเราเบา ๆ

รบั รองกระเดน็ แน่นอน ฉะนนั้ หากจะสู้กับชา้ งหรอื สงิ่ ใด ๆ ก็ควรประเมนิ กําลงั

ของเราเสยี ก่อนว่าอยู่ในภาวะ “แรง” คอื มีกําลัง หรือ หิว คอื อ่อนแรง จะ

เตรียมสูห้ รอื หนใี หเ้ หมาะแกส่ ถานการณ์ (แหยะแหยะ = ชา้ ช้า เบาๆ)

สอนใหร้ จู้ กั การประมาณตน

สภุ าษติ สานวน คาพังเพย ทีเ่ กย่ี วข้อง

ไมซ้ กี งดั ไมซ้ ุง

๒๙

๒๓. “ล้องเู หา่ เลน่ ก็ไดใ้ จกล้ากลา้ แตว่ ่าอยา่ ยกั เย้ืองเขา้ เบ้ืองหาง
ตอ้ งว่องไวในทํานองคลอ่ งทา่ ทาง ตบหัวผางเดยี วมว้ นจึงควรลอ้ ”

การล้อเล่นกับงูเหา่ ซ่งึ เปน็ สัตว์ทีอ่ ันตรายมาก อาจทาํ ไดแ้ ตต่ อ้ งเป็นคนใจกล้า
แต่อยา่ ไปเข้าขา้ งหาง เพราะอาจเกดิ อันตรายเพราะถูกฉกกัดได้ และตอ้ งทาํ ดว้ ย
ความว่องไว เด็ดขาด ทันที จึงจะไมต่ กอยูใ่ นฐานะทเ่ี พลี่ยงพลาํ้

สอนให้รจู้ กั การประเมนิ กาลังของคตู่ ่อสทู้ ีม่ ีอานาจมากกว่า
สุภาษติ สานวน คาพังเพย ทเี่ กี่ยวข้อง

จบั งูขา้ งหาง คอื ทาํ สิง่ ท่ีเส่ียงตอ่ อันตราย

๓๐

๒๔. “ถึงเพ่ือนฝูงท่ชี อบพอขอกนั ได้ ถา้ แม้ใหเ้ สียทุกคนกลวั คนขอ

พ่อแม่เล้ียงปิดปกเปน็ กกกอ จบแล้วหนอเหมือนเปรตเหตุด้วยจน”

การจะขออะไรกบั เพือ่ นฝงู ทช่ี อบพอกนั ก็สามารถขอกันได้ แต่จะให้ทุกคนท่ี

เดือดรอ้ นคงไมไ่ ด้ พอ่ แม่เล้ยี งดลู กู ด้วยความโอบอุ้มทะนถุ นอม เมื่อยากจนอย่าได้

เท่ียวขอคนอ่ืนเหมือนเปรต เพราะจะถกู เขา ดแู คลน

สอนเรอื่ งการคบเพอ่ื น ค่านยิ มการผูกมิตร

สภุ าษิต สานวน คาพงั เพย ที่เก่ยี วขอ้ ง

เปรตขอสว่ นบญุ

ตนเปน็ ท่ีพึ่งของตน

พงึ่ ลาํ แขง้ ตวั เอง

๓๑

๒๕. “ถงึ บญุ มไี ม่ประกอบชอบไมไ่ ด้ ตอ้ งอาศยั คดิ ดจี ึงมผี ล

บญุ หาไม่แลว้ อยา่ หลงทะนงตน ปถุ ุชนรกั กบั ชงั ไม่ยงั่ ยนื ”

ถึงมบี ุญแต่ทาํ ไมด่ ีกไ็ มม่ ีคนชอบ จงึ ควรคดิ ในสิง่ ท่ีดจี ึงจะมีผล เมือ่ หมดบญุ

หมดวาสนาก็อย่าได้หลงตนเอง เพราะคนเรารกั กบั เกลียดน้นั ไม่จรี งั เทา่ กบั การทํา

ดี

สอนในเรอื่ งความเชื่อในบุญกศุ ลและการคดิ ดที าดีและอยา่ ไดท้ ะนงตน

เพราะสง่ิ ตา่ ง ๆ ไมจ่ รี ังยั่งยนื

สุภาษติ สานวน คาพังเพย ทเ่ี ก่ยี วขอ้ ง

ทาํ ดไี ดด้ ี

ตัวยากอยากจะไปอาศยั เขา ถึงเป็นญาตกิ เ็ ปลา่ เหมือนผอู้ น่ื
แม้ม่งั มีเหมอื นกันจึงยั่งยนื การยิงปืนลกู ถงึ แล้วจึงดัง
อันคลื่นใหญใ่ นมหาชลาสนิ ธุ์ ขา้ ฝงั่ สน้ิ สาดเข้าไปทใ่ี นฝัง่
เสยี งกลองดังฟังดเู พียงหพู ัง ปากคนดังอึงจรงิ ยง่ิ กว่ากลอง
ถ้าทําดกี ็จะดเี ป็นศรศี กั ด์ิ ถ้าทาํ ช่วั ชว่ั จักตามสนอง
ความชว่ั เราลี้ลับอยา่ กลับตรอง นอนแล้วมองดูผิดในกจิ การ
เราทําผดิ สงิ่ ใดในราชกจิ อตุ ส่าห์คิดอยา่ แพร่งแถลงสาร
คดิ ถงึ ผดิ จิตไม่เหิมฮกึ ทะยาน คิดถงึ ชอบแล้วก็ปานละเลิงใจ

เปน็ ข้าเฝ้าเหลา่ เสวกามาตย์ ยิ่งกวา่ ทาสทาสาคา่ สนิ ไถ่
อย่าใช้ชดิ อยา่ ให้ห่างเป็นกลางไว้ ฝา่ ยขา้ งในอยา่ นาํ ออกนอกอย่าแจง
มคิ วรทลู ก็อย่าทูลประมลู ข้อ จะเกดิ กอ่ ลกุ ลามความแสลง
อยา่ พดู ปดให้จับได้พูดไพลแ่ พลง ทูลแล้วแบง่ มุสาอยา่ ให้เตม็
อนั ความเรือ่ งเดียวกนั สาํ คัญกล่าว พดู ไมด่ ีแล้วก็เปลา่ ไม่แข็งเขม้
ขา้ มต้มรอ้ นอย่ากระโจมคอ่ ยโลมเลม็ วิสัยเข็มเลม่ นอ้ ยรอ้ ยชา้ ชา้
ถึงโปร่งปรุในอบุ ายเป็นชายชาติ แมห้ ลงมาตุคามขาดศาสนา

อันความหลงแม้ไม่ปลงสงั ขารา แตท่ ว่าร้บู า้ งคอ่ ยบางเบา
อกปยลล่าับาโรฟอ้าอกเคนโ็มขฟพยันรกพกิ อรเกิยทปู่ใศนลเผาโ็ดรลา้ไกฉสสนถันาพนรวิ าส แเทอต้งั อเน่ คอักม็ะไรปรอ้ รดนาเู ถไชมดิ ญ่ถยึงย์งั กเงักรริดร้พู มหเึ่งนปผอน็ ู้เนขธรลรามา
เหพมดู โอื กนหเกรแอื ตช่แว่ ยงบพค่วางยลอาํบุ ใานยปสดําเภา เครนือทให้งั หญม่เดขนา้ ั่งไฟมัง่ไดมใ้่กชังขเ้ ราือเลก็
คเทนป่ีพพ็นูดเันซจห้าือ่ นถนาอื ึ่งยแดผทงึู้ด้แดีมนอื้วี ่เาถจสรือนจมาาานะ ใเเขอนาาทกพฏิว็อ่ า่ ฐตพะาดู ลแปงขขดง็ ้าทจงุกรลบงิา่ ยงทใิง่ไชปกต้ ว่า่างเไหพลร่ ็ก
เหมีเลม็กยี เนผอ้ ายไหฟลมักอแญหลไมทกย็แพถมมา่ใชเจ้ ก๊ ผลูกู้ใหเขญยจเ่ ดนแ็กลกว้ ็ตกอี ็ใส่อค่ นอเเพปร็นาเอะรน็ อ้ นไฟ

อคนุณิจกจับงั โภทาษวสนอางวแ่าบกง่ แุศรลงข้างไหน คพณุ าถกึงันใหบญน่ ่ใวหุน่ ผ้ วล่นุ คบนุญไมท่เห่ีไ็นหน
จโงั ทแษตส่ปกั าเทก่าใหจวั ยเหังไามเลจ่ ็กังเใทจ่าเล็น ตใหอ่ ้ผเลมเอ่ืหไ็นรแสผัง่ซเา่วนชทจว่ั ิตบอา้ นนเิจมจอื งั ง

เนค้ําหใจฐเาอนยหเหยน็ ากบรชรมา้ หไมา่ทสําะชอว่ั าด มูลฝอยใบไมบใ้วชชญ่ตง้ั าตตวั ิอตยั้งใา่ จมบุน่ วหชไมดก้เรื่อง
อบยวช่าหเขลา้ บทราํ สชกํา่ สารมหนนิยกั มบรวกชยักเยื้อง ไฟจะตกลบาวมชไหหาเมฟ้ไือ้ มง่ไหดา้กไพารบวชไม่ตรง
กห่ิงลไามยเ้ตราํ ียบวลหหนลามยแหหนง่ าแศขลิวงาปห่าักช้า เหน็ เสยี บอปศกั ภุ อพยาูท่ เกี่ทดิ าพงนิกิจลพางศิ สวงถาน
หปย่าชบิ ้าทให้งิ เญสค่ ยี ือบเตญุ าหไฟนไักยหมิปนลางอย่าข้ีคร้าน ทาํ ไปนานแสลัง้วเวกช็กลา้ งงวไา่ มเผค่ า้าผงที คุกอวว่ี นั
ถสือตั วตผ์ ําอรมามฤาาษกีพนนี ัก้ีสขอ้ีมงักสกิ่ง รอบ มิเสียชอบขสัดาสมนผจู้หนญจงิ รอูปนดจีไ่อมม่ ีถนั
อถจบกมติงึอับกัรบรดเกคกพอนาํชิดชรกจอื่ เางนงลบสคยี่ แาาางงตภมปเธก่งบปครอย่ี าารรินงงปมาแทนงแงไราฮ่แมลียงอืสส่พ์นว้ ่หทาไ้ีอลมมาาํีกํา้ คผม่พอเวัวพอืันอาลมงใอจ่ยี ง สไมมหู้ ีห่นลาึกกีไมฉเล่ออ้ ี่ยตุสงขสกส่อตา้่ีดาา่เเาลสว้หกมลียยี่า์รภากชดกั มันัว่าษเหเษดบมายูเายีียกปาอดชบา็นชังัเยชไเบฌมข้าียอ่เาาหยนุลส็นังาใยั หงมคาา้กรมม

พระพทุ ธองคก์ ท็ รงชมวา่ สมปราชญ์ บณั ฑติ ชาตเิ มธาปญั ญาหลาย
สคู่ ตเิ บ้อื งหนา้ ถา้ เขาตาย ทางอบายหา่ งไกลไม่ไปเลย
กระแสพุทธฎกี าวา่ กระน้ี เดยี๋ วนน้ี ่ไี ม่กระน้นั นะท่านเอ่ย
ถา้ ยากจนแล้วกค็ นมายม้ิ เย้ย
ว่าชะชะนักปราชญ์ชาติสถุล ภิปรายเปรยเปรียบเทยี บพดู เสียบแทง
สวรรคน์ รกท่ไี หนไมแ่ จง้ แจง
อย่าคบมิตรจิตพาลสนั ดานชว่ั วบิ ากบญุ ให้ผลจนตอ่ งแต่ง
คบนักปราชญ์นั่นแหละดีมีกาํ ไร อยเู่ ขตแขวงธานีบรุ ีใด
จะพาตัวให้เสือ่ มท่ีเลอ่ื มใส

ท่านยอ่ มให้ความสบายหลายประตู

ความเจริญและความฉิบหายน้ัน ที่เกิดมนั ไม่มากเทา่ ปากหู
อา้ ยค้ิวตานั้นกเ็ ปลา่ แตเ่ จา้ ชู้ จมูกรู้กแ็ ต่สดู พดู ไม่เป็น
ชว่ั แต่กายวาจาย่อมปรากฏ คนทั้งหมดแม่นแท้เขาแลเห็น
ช่ัวในใจบังปดิ ไว้มดิ แม้น สิบห้าเลม่ เกวียนเขน็ ไมห่ มดมวล
คดสงิ่ อน่ื หมน่ื แสนแม้นกําหนด โกฏิล้านคดซ้อนซับพอนับถว้ น
คดของคนล้นล้ําคดนาํ้ นวล เหลอื กระบวนท่ีจะจับนับคดค้อม
หินกับเหลก็ ชดุ ดีตเี อาเถดิ ไฟก็เกิดหินรอ่ ยไปเหล็กไมผ่ อม
ถงึ หนิ นดิ กรีดกดตอี ดออม อุตส่าห์ถนอมใช้ไปได้นมนาน

คนมยี ศรปู สวยท้งั รวยทรัพย์ เสนห่ ์บทนป้ี บั ขลังจรงิ เจ้า
สาวสาวเหน็ หมดหน้าถา้ จะเอา ไมต่ อ้ งเปา่ เสกคาถาก็มาเจยี ว
คนแกม่ ีสีป่ ระการโบราณวา่ แก่ธรรมาพิสมยั ใจแหง้ เหี่ยว
แก่ยศแก่วาสนาปัญญาเปรยี ว แตแ่ กแ่ ดดอยา่ งเดียวแกเ่ กเร
ความรทู้ ว่ มหวั ตวั ไม่รอด เปน็ คําสอดของคนเกเรเกเส
เรียนวชิ าไมแ่ มน่ ยําคะนํ้าคะเน ไปเทย่ี วเตร่ประกอบชั่วตวั จึงจน
ทะเลนอ้ ยเท่ารอยโคโผไมไ่ ด้ โดยวา่ ใจยังกาํ หนดั ขดั มรรคผล
หญงิ ขม้นิ ชายปนู ประมูลปน ไหนจะพน้ ทะเลแดงตาํ แหนง่ เน้อื

จ้งิ จกเรยี กจระเข้บกยกขน้ึ ทา้ แมวตัวเล็กเขาก็วา่ เป็นอาเสอื
แมวเปน็ อาของพยคั ฆ์ชกั วา่ นเครอื ไม่น่าเชือ่ หลานอะไรใหญ่กว่าอา
อีกข้อหนง่ึ เมอื งเราชาวมนษุ ย์ ยอ่ มวา่ พทุ ธกับไสยตง้ั ใจว่า
ถ้อยทีถอ้ ยอาศยั กนั ไปมา ทั้งเจรจารําคาญหูดูไมง่ าม
พทุ ธแปลวา่ พระเจา้ ท่านกล่าวแก้ ไสยนน้ั แปลวา่ ผีน้ไี ด้ถาม
ผิดหรอื ถูกไม่ตรกึ ตราเจรจาตาม มเี นอื้ ความในคัมภีรบ์ าลีใด
ว่าพระพุทธองค์ไปอาศัยผี ผไี ปพง่ึ บารมีทีต่ รงไหน
ถ้อยทีถ้อยพง่ึ กนั นั้นอยา่ งไร ครั้นว่าไล่เข้ากซ็ ัดลทั ธิแรง

เปน็ วาจากรรมเปล่าไมเ่ ขา้ ขอ้ รู้แล้วกน็ ิง่ ไว้อยา่ ได้แถลง
แม้พลง้ั ปากเสียศีลพลาดตนี แพลง มกั ระแวงขา้ งเปน็ โทษประโยชนน์ ้อย
หน่งึ นักปราชญผ์ ้เู ขลากล่าวกาํ เนิด ว่ากระต่ายไปเกิดเป็นหง่ิ หอ้ ย
เพราะอย่างนั้นรศั มสี จี ึงยอ้ ย แล้วอยา่ พลอยพูดไถลเหมือนไม้ลดิ
จะคบมิตรสนิทนักมักเปน็ โทษ เกดิ ขึง้ โกรธตา่ งต่างเพราะวางจติ
ทันระวังตัวท่ไี หนไม่ทันคดิ เหตุสกั นดิ แล้วกไ็ ดข้ ัดใจกนั
ประพฤตดิ ีฝีปากขา้ งถากถาง คือเห็นทางห้ามรกั ใหช้ ักส้นั
ฉุกละหกุ คลกุ คลีถึงตีรนั อ้ายรูม้ ากน่ีแลมันเป็นต้นเดิม

เจา้ ท่านเกลยี ดอย่าเกลียดแทนองคเ์ จ้า เอ็นดเู หล่าผู้ผิดอย่าคิดเสริม
กรว้ิ สง่ิ ไรช่วยแซมค่อยแต้มเติม ผผู้ ิดเพ่มิ พูดผิดใชก่ จิ เอง
ผมยาวยุ่งท้ิงไว้ไม่สางหวี สนิ้ ที่พึ่งแลว้ จึงมีคนข่มเหง
อาวธุ ปากกลา่ วดีมีคนเกรง ยิงใหเ้ ป้งเดยี วถูกทกุ ทกุ คํา
ของเขา้ ท่อี อกทที่ างพิเศษ ถา้ รู้เหตุก็คงเหน็ เป็นยังคํ่า
ควาํ่ หงายตาํ ตอกบอกแล้วจาํ กลางคนื กลางวันรํา่ อยู่อัตรา
ดตู ระกลู กิรยิ าดอู ากัป ดูทิศจับเอาท่ีผลตน้ พฤกษา
ดูฉลาดเลา่ ก็เหน็ ท่ีเจรจา ดคู งคากพ็ ึงหมายสายอบุ ล

นกกระจาบเดิมหนกั หนามากกวา่ แสน ไม่เดือดแค้นสามคั คยี ่อมมีผล
คร้ันภายหลงั อวดกําลังตา่ งถอื ตน พรานกข็ นกระหนาํ่ มาพากันตาย
ดูโรงเรอื นเปรยี บเหมอื นกับสังขาร ปลูกไว้นานเก่าคราํ่ ฉล่ําฉลาย
แกล่ งแลว้ โคร่งคร่างหนอร่างกาย
ตากม็ วั หัวกข็ าวเปน็ คราวครํา่ ไม่เฉดิ ฉายเหมอื นหนุ่มกระชมุ่ กระชวย
แรงกถ็ อยน้อยกําลงั นัง่ กง็ วย
หูก็ซา้ํ ไมไ่ ดย้ นิ เอาส้ินสวย
ฟนั กห็ ักไปเสยี ด้วยไม่ทนั ตาย

๖ คาศัพท์ ความหมาย
เครอ่ื งจองจานกั โทษ
คาศัพท์ คนทีท่ าตัวเองใหย้ ากจน
ขื่อคา คนไมไ่ ด้เร่ืองไมไ่ ด้ราว
คนท่จี นเอง ความประพฤตหิ รือกริ ิยาอาการท่ีไม่ฉลาด
คนโหยกเหยก ตาเข มองไม่ตรง
จริตเลขา แตก ทาลาย พัง ทลาย สลาย
จักษเุ หล่ ถงุ ผา้ สาหรบั ใส่เงินหรือสงิ่ ของ
ฉลา่ ฉลาย
ไถ้

คาศัพท์ ความหมาย
ปากขี้ริว้ พดู ไม่ดี
ปิดปกเป็นกกกอ โอบอมุ้ ทะนถุ นอมไว้
มาตุคาม บา้ นเกิด
เมอื่ ปลายมือ ในภายหลัง
โมห์ โมหะ ความลมุ่ หลง
เยน่ิ มีระยะยาวหรอื นานยืดออกไป
อปุ เทห์ วธิ ดี าเนนิ การ

๗ บทวเิ คราะห์

๗.๑ คุณค่าด้านเนือ้ หา

อิศรญาณภาษิต มุ่งให้ข้อคิดคติสอนใจผู้คนในสมัยก่อน โดยคาสอน
น้ีแสดงให้เห็นความจัดเจนโลกของกวี การถ่ายทอดความคิด ความเช่ือและวิถี
การปฏบิ ตั ติ นใหด้ งี าม เพื่อให้อย่รู ว่ มกับผูอ้ ืน่ ในสังคมไดอ้ ยา่ งปกตสิ ขุ

เนื้อหาอิศรญาณภาษิตมีคุณค่าในเชิงคาสอน ว่าควรทาอย่างไรจึงจะ
อยูใ่ นสงั คมได้ ไมเ่ ป็นภัยแตต่ นเองและผอู้ ื่น โดยการสอนทง้ั แบบประชดประชนั
เหน็บแนมและบอกกล่าวโดยตรง ใชภ้ าษาที่เขา้ ใจง่าย

อิศรญาณภาษิตมีวัตถุประสงค์เพื่อส่ังสอนและให้แนวทาง ข้อคิด
ตา่ งๆ ในการอยรู่ ว่ มกบั ผอู้ ืน่ ในสังคม

๗.๒ คุณค่าด้านวรรณศิลป์

๑) การใช้โวหาร
อศิ รญาณภาษติ มีความโดดเดน่ ในการใช้โวหารเพื่อการเปรียบเทียบ

๒) การเล่นเสียง
อศิ รญาณภาษิตเป็นวรรณกรรมที่มีความถึงพรอ้ มในด้านวรรณศิลป์

ดีเด่นในโวหารเปรียบเทียบ รวมท้ังกวีเลือกใช้ถ้อยคาให้เกิดสัมผัสคล้องจอง
ภายในวรรคจึงทาให้มีความไพเราะและจดจาไดง้ ่าย
๓) การใช้สานวน

มกี ารใช้สานวนไทยหลายสานวนมารอ้ ยเรยี ง ทาให้ภาษามีความคม
คายและมีความหมายลึกซ้ึงกินใจ ทาใหผ้ ู้อ่านเข้าใจได้โดยไม่ต้องอธิบายความ
มาก โดยเฉพาะการใช้สานวนไทยท่ีมีความเก่ียวข้องกับการดาเนินชีวิตของคน
ในสังคมสมยั น้นั