แปลกาพย์พระไชยสุริยา ฉบัง16

กาพย์ฉบัง เป็นคำประพันธ์ประเภทกาพย์ บทหนึ่งมีเพียงหนึ่งบาท บาทละ 3 วรรค บังคับจำนวนคำและสัมผัส ไม่มีบังคับเอก-โท หรือครุ-ลหุ กาพย์ฉบังที่กวีนิยมใช้ในวรรณกรรมตั้งแต่โบราณคือ กาพย์ฉบัง 163

ประวัติ
เคยเชื่อกันว่ากาพย์เป็นคำประพันธ์ที่ดัดแปลงมาจากฉันท์ แต่สำหรับ กาพย์ฉบัง นี้ไม่ปรากฏว่ามาจากฉันท์ชนิดใด และไม่เหมือนกาพย์ชนิดใดในตำรากาพย์ ขณะที่สุจิตต์ วงษ์เทศ ระบุว่ากาพย์ฉบังเป็นฉันทลักษณ์เขมร โดย ฉบัง มีรากจากคำเขมรว่า "จฺบำง" หรือ "จํบำง" (ไทยใช้ว่า จำบัง) แปลว่า รบ, สงคราม แต่กวีเขมรบรรยายฉากสงคราม, เคลื่อนทัพ, สู้รบ ด้วยฉันทลักษณ์ที่เขมรเรียกบทพํโนล(ปุมโนล) แล้วไทยเรียกฉบัง
ในจินดามณีมีข้อความว่า

จ ○○○○○○ ○○○○ ○○○○○○ ฯ 16 ฉบัง
โคลสิงฆฉันท์ ฯ มิได้กำหนด ครุ ลหุ แลนิยมแต่กลอนฟัดกันอย่างกาพย

เมื่อพิจารณากาพย์ตัวอย่างแล้วฉันทลักษณ์เป็นกาพย์ฉบัง 18 แต่การจัดวรรคต่างกัน คำว่าดำเนอรกลอน 4 หมายถึงการรับสัมผัสคำที่ 4 ของวรรคที่สอง และดำเนอรกลอน 5 หมายถึงการรับสัมผัสคำที่ 5 ของวรรคที่สองนั่นเอง

บทเรยี นเร่อื งกาพยเ์ ร่อื งพระไชยสุรยิ า
ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี ๑ ผู้สอน ครพู รรณี ใจสาร
พระไชยสรุ ิยา เปน็ วรรณคดีทปี่ ระพันธ์โดย สนุ ทรภํู เปน็ นทิ านสาหรับสอนการเขยี นอาํ น
โดยมบี ทอํานเรียงลาดบั การสะกดคาตง้ั แตํ แมํ ก กา ตามด๎วย แมํกน แมํกง แมกํ ก แมกํ ด แมํกบ
แมํกม จนถึงแมเํ กย ตามลาดับ ลักษณะการประพนั ธแ์ บบกาพยป์ ระเภทตาํ ง ๆ คอื กาพยย์ านี ๑๑
กาพยฉ์ บงั ๑๖ และกาพย์สรุ างคนางค์ ๒๘ เชอื่ วาํ สุนทรภปํู ระพันธ์ข้นึ ในราวปี พ.ศ. ๒๓๘๓ -
๒๓๘๕ สาหรบั ใช๎เป็นบทเรียนเขียนอาํ นเพอื่ ถวายพระอักษรแดพํ ระโอรสในพระบาทสมเด็จ
พระพทุ ธเลศิ หล๎านภาลยั และเจ๎าฟา้ กุณฑลทิพยวดี พระอคั รชายา คือเจ๎าฟ้าชายกลางและ
เจา๎ ฟา้ ปิว๋

กาพย์พระไชยสุริยา ไดบ๎ รรจุอยูํในหนงั สือ มูลบทบรรพกิจ ซึ่งเป็นแบบเรยี นของไทยท่จี ัดทา
โดยพระยาศรสี ุนทรโวหาร (นอ๎ ย อาจารยางกูร) เมือ่ สมัยรชั กาลท่ี ๕

ยานี ๑๑ แม่ ก กา พระศรไี ตรสรนา
สาธสุ ะจะขอไหว๎

พํอแมํแลครบู า เทวดาในราศี
ข๎าเจ๎าเอา ก ข เขา๎ มาตอํ ก กา มี
ดีมิดีอยําตรชี า
แกไ๎ ขในเทําน้ี พอฬอํ ใจกุมารา
จะรา่ คาตอํ ไป เจ๎าพาราสาวะถี

ธรณีมรี าชา

สาธฉุ ันขอไหวค๎ ุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พอํ แมํ ครู อาจารย์ เทวดาท่สี ง่ิ สถิต
ตามที่ตาํ งๆ-ฉันจะเอา ก ข ก กา มาตํอคากนั เทําท่ีจะหาได๎ จะดหี รอื ไมํอยาํ งไรกข็ ออยําไดด๎ ุ
ถกู กนั -จะบรรยายคาตํอไปนี้เพ่อื เปน็ สิ่งลํอใจเดก็ ๆ วาํ ยงั มเี มืองๆ หนึ่ง ช่ือวาํ สาวะถี

ช่อื พระไชยสรุ ิยา มีสดุ ามะเหสี

ชอื่ วาํ สุมาลี อยูํบรู ไี มํมีภัย

ขา๎ เฝ้าเหลําเสนา มีกิริยาอัชฌาศยั

พอํ ค๎ามาแตํไกล ไดอ๎ าศัยในพารา

ไพรฟํ ้าประชาชี ชาวบรู กี ป็ รดี า

ทาไรํเขาไถนา ได๎เข๎าปลาแลสาลี

มพี ระราชาช่อื พระไชยสรุ ิยา มีพระมเหสชี ่ือสมุ าลี พระองคป์ กครองบ๎านเมอื งอยูอํ ยาํ ง

เป็นสขุ -เหลําขุนนางตํางมีอชั ฌาศัยทดี่ ี เลี้ยงดบู ดิ ามารดา อยดูํ ๎วยกันอยํางมีความสุข-ชาวเมือง

ตาํ งอยูํกนั อยํางเปน็ สุข การเกษตรได๎ผลอุดมสมบรู ณ์ ขา๎ วปลาอาหารได๎ผลดี

อยมูํ าหมํูขา๎ เฝ้า ก็หาเยาวนารี

ทหี่ น๎าตาดดี ี ทามโหรที ่ีเคหา

คา่ เชา๎ เฝ้าสซี อ เข๎าแตํหอลํอกามา

หาไดใ๎ ห๎ภรยิ า โลโภพาใหบ๎ ๎าใจ

ตอํ มาเหลําขุนนางตํางพากนั หาหญงิ สาวทมี่ ีหนา๎ ตาดมี าขับกลํอมเลํนดนตรีที่บ๎าน-ตกตอน

เยน็ มกี ารเลํนดนตรี สีซอขบั กลอํ ม เขา๎ หอ๎ งหอเสพกามกับหญงิ สาวเหลาํ นั้นจนทาให๎เหลําภรรยา

โกรธ

ไมจํ าคาพระเจา๎ เหไปเขา๎ ภาษาไสย
ถอื ดมี ขี ๎าไท ฉอ๎ แตไํ พรใํ สํขอ่ื คา
คอื ไกํหมูเจา๎ สภุ า
คดีทม่ี ีคํู ใหส๎ ุภากว็ ําดี
ใครเอาข๎าวปลามา ไมํถอื พระประเวณี
ไลํดาํ ตมี ีอาญา
ทีแ่ พ๎แก๎ชนะ
ขฉ้ี ๎อกไ็ ดด๎ ี

ไมเํ ชือ่ ถอื คาท่ีพระเจา๎ ส่งั สอน หนั ไปเช่ือเร่ืองไสยศาสตร์ ถอื ตวั ดีวาํ มีข๎าทาสบรวิ าร
คนใดทาไมํถูกใจก็จบั ไปจองจา คดีใดทมี่ กี ารตดิ สนิ บนให๎ผ๎พู ิพากษากม็ ีการเปล่ียนแปลงคดีจากแพ๎
กลายเป็นชนะ - ไมยํ ึดถือเอาตามประเพณี ใครทเ่ี ห็นดเี หน็ งามด๎วยกบั ตนกม็ ีความดคี วามชอบ

ท่ซี อ่ื ถอื พระเจา๎ วําโงํเงําเตาํ ปปู ลา

ผูเ๎ ฒาํ เหลําเมธา วําใบบ๎ ๎าสาระยา

ภกิ ษุสมณะ เลํากล็ ะพระสธรรม

คาถาวาํ ลานา ไปเรํรา่ ทาเฉโก

ไมํจาคาผู๎ใหญํ ศรี ษะไมใ๎ จโยโส

ทด่ี มี ีอะโข ข๎าขอโมทนาไป

ผใ๎ู ดเชื่อถือพระเจา๎ กลบั กลายเปน็ คนโงํ คนแกํ ขุนนางอาวโุ ส กลายเป็นคนโงไํ ปดว๎ ย

ด๎วย พระภกิ ษุ ผ๎ทู รงศลี ตํางพากนั ละทง้ิ พระธรรม บทสวดคาถาตํางๆ ไมํจาคาสงั่ สอนของ

ผใ๎ู หญํ เปน็ คนหวั ดอ้ื ยโสโอหงั ส่งิ ใดดีก็ไมํนบั ถอื

พาราสาวะถี ใครไมํมปี ราณีใคร

ดดุ ื้อถอื แตํใจ ทใ่ี ครไดใ๎ สํเอาพอ

ผทู๎ ี่มฝี ีมอื ทาดุด้อื ไมํซื้อขอ

ไลํคว๎าผ๎าท่คี อ อะไรลํอก็เอาไป

ชาวเมอื งสาวะถีตาํ งไมํมใี ครปราณตี ํอใคร ตาํ งคนเอาแตํใจตนเอง ใครมือยาวสาวได๎สาว

เอา-คนท่มี ีกาลงั มาก กถ็ อื เอาสิง่ ท่ีตนต๎องการโดยไมํมกี ารซ้ือหรอื ขอเหน็ อะไรลํอตาลํอใจ เชนํ ผา๎

ผูกคอก็หยบิ เอาตามที่ตนตอ๎ งการ

ข๎าเฝ้าเหลําเสนา มิได๎วาํ หมํขู ๎าไทย
ถือน้าร่าเข๎าไป แตนํ า้ ใจไมนํ าพา
ไพรฟํ า้ เศร๎าเปลําอรุ า
หาไดใ๎ ครหาเอา ไลตํ ดี ําไมํปราณี
ผูท๎ ่ีมอี าญา

เหลําเสนาอามาตย์ ตํางไมํยึดถอื ตามคาที่ตนเองทาพิธีดืม่ นา้ สาบานตนกอํ นรับราชการ-
ตํางคนหาอะไรไดก๎ ห็ าเอา ประชาชนพากันโศกเศร๎า คนท่ีมีตาแหนงํ สาคญั ตํางพากันไลํตดี ําผท๎ู ่ี
อํอนแอกวํา

ผีป่ามากระทา มรณกรรมชาวบูรี
นา้ ปา่ เข๎าธานี กไ็ มมํ ที ีอ่ าศัย
หนีไปหาพาราไกล
ขา๎ เฝ้าเหลําเสนา ไมํมีใครในธานี
ชบี าลาํ ลี้ไป

ผีปา่ มาทาให๎ชาวเมืองถึงแกคํ วามตาย โดยมนี ้าปา่ ไหลทวํ มเขา๎ มาในเมอื งจนชาวเมอื งไมมํ ี
ท่ีจะอาศัย-เหลําเสนาอามาตย์หนไี ปอยเํู มืองอน่ื ไกลออกไป นักบวชผ๎รู อบรต๎ู าํ งพากันหนไี กลจนไมํ
มีคนอยูใํ นเมอื ง

ฉบัง ๑๖ พาพระมเหสี
พระไชยสรุ ิยาภมู ี นารีที่เยาว์
เสนีเสนา
มาทใี่ นลาสาเภา
เข๎าปลาหาไปไมเํ บา

ก็เอาไปในเภตรา
เถ๎าแกชํ าวแมํแซํมา

ก็มาในลาสาเภา

พระไชยสรุ ิยาพาพระมเหสลี งเรือสาเภา-ขา๎ วปลาอาหารพรอ๎ มกบั เดก็ หญิงสาววยั รุนํ ก็ขน
ลงไปในเรอื -คนแกพํ รอ๎ มหญงิ สูงอายุในวัง เหลําเสนาอามาตย์ก็มาพรอ๎ มกับลาเรอื

ตีม๎าฬํอชอํ ใบใสํเสา วายพุ ยุเพลา
สาเภากใ็ ช๎ใบไป

เภตรามาในน้าไหล คา่ เชา๎ เปลําใจ
ท่ีในมหาวารี

พะสธุ าอาศัยไมํมี ราชานารี
อยํูท่ีพระแกลแลดู

เมอ่ื ตเี คาะโลหะใหม๎ ีเสยี งดังแลว๎ กช็ กั ใบเรอื ข้นึ ประจวบเวลาที่พายพุ ัดใบเรอื จงึ ทาให๎เรอื
แลํนออกไป- เรอื ลอยมาตามนา้ ไหล ในตอนค่า ตอนเช๎าทาให๎เปล่ยี วใจเม่อื อยูํท่ีในท๎องทะเล-พน้ื
แผํนดินท่จี ะอาศยั ไมํมี พระราชาและมเหสีเฝ้ามองดทู ีข่ อบหน๎าตํางเรอื

ปลากะโห๎โลมาราหู เหราปลาทู
มีอยูใํ นนา้ คล่าไป

ราชาว๎าเหวํหฤทยั วายพุ าคลาไคล
มาในทะเลเอกา

แลไปไมํปะพะสุธา เปลําใจนยั นา
โพลเ๎ พลเ๎ วลาราตรี

ปลากะโห๎ ปลาโลมา ปลาราหู ปลาเหรา ปลาทู มีอยํูเตม็ ท๎องน้า-พระราชารส๎ู ึกวา๎ เหวํใจ

ลมพายุพาเรือลอยลํองไปตามท๎องทะเลแตเํ พียงลาเดียว พระราชาได๎ตรัสกบั เหลาํ เสนาอามาตย์วาํ
ใครรูข๎ อ๎ เทจ็ จรงิ บ๎างวําทะเลนีม้ ีความเป็นมาใหญโํ ตเพยี งใด

ราชาวําแกํเสนี ใครรูค๎ ดี
วารีน้เี ทําใดนา วําพระมหา
แผํไปใหญํโต
ข๎าเฝา้ เลาํ แกํราชา ข๎าพเจ๎าเขา๎ ใจ
วารนี ีไ้ ซ๎ใหญํโต

ไหลมาแตํในคอโค
มโหฬาร์ลา้ น้าไหล

บาลมี ิได๎แกไ๎ ข
ผใู๎ หญผํ ู๎เฒาํ เลํามา

พระราชาได๎ตรัสกับเหลําเสนาอามาตย์วําใครรู๎ขอ๎ เท็จจรงิ บา๎ งวําทะเลนม้ี คี วามเป็นมา
ใหญํโตเพยี งใด เหลําเสนาอามาตย์ทลู พระราชาวาํ ท๎องทะเลนใ้ี หญํโตย่งิ นกั -นา้ ไหลมาจากดา๎ นปาก
วัวแผไํ หลออกไปลงสูํแมนํ า้ ใหญํ-ความเชอื่ ตามคัมภีร์น้ีไมํมกี ารเปลยี่ นแปลง ข๎าพระพทุ ธเจา๎ ยึดถอื
ตามคาท่ผี ๎ูเฒาํ ผ๎ูแกํเลาํ สบื ตอํ กนั มา-

วํามีพระยาสกุณา ใหญโํ ตมโหฬาร์
กายาเทําเขาครี ี

ช่ือวําพระยาสาภาที ใครรู๎คดี
วารีน้โี ตเทําใด

โยโสโผผาถาไป พอพระสรุ ิไสย
จะใกลโ๎ พลเ๎ พลเ๎ วลา

แลไปไมํปะพสธุ า ยอํ ทอ๎ รอรา
ชีวากจ็ ะประลยั

-แตํกอํ นมีพญานกรํางกายใหญํโตเทาํ ภูเขาเป็นผด๎ู แู ล- ชื่อวําพญาสัมพาท(ี เป็นลูกพญา
ครฑุ ) ตอ๎ งการรูข๎ ๎อเท็จจริงวําท๎องทะเลน้ีกว๎างเทําใด-มคี วามยโสบินออกไปจนดวงอาทติ ย์ใกล๎คา่ -
มองไปทางใดไมํพบพื้นดนิ จนรสู๎ กึ ยํอทอ๎ ใกลจ๎ ะส้นิ ใจ

พอปลามาในน้าไหล สกุณาถาไป
อาศัยทีศ่ ีรษะปลา

ชะแงแ๎ ลไปไกลตา จาของ๎อปลา
วําขอษมาอภยั

วารีท่ีเราจะไป ใกล๎หรือวําไกล
ขา๎ ไหว๎จะขอมรคา

ปลาวาํ ข๎าเจ๎าเยาวะภา มิได๎ไปมา
อาศัยอยูํตํอธรณี

พอดีมปี ลาวาํ ยมาตามนา้ พญานกก็โผไปเกาะที่หวั ปลา-มองออกไปจนสุดสายตา จงึ ขอ
ง๎อปลา วําข๎าขออภยั ทํานด๎วย-แมํน้าทเ่ี ราอยูํใกล๎หรือไกลเพยี งใดข๎าขอถามทางทาํ นด๎วยเถดิ -
ปลาตอบวําข๎ายังอายนุ ๎อยอยํู ไมํไดไ๎ ปมาท่ีอืน่ เลยไมํร๎ู

สกณุ าอาไลยชีวี ลาปลาจรลี
สูทํ ีภ่ ผู าอาศัย พระเจา๎ เข๎าใจ
พายใุ หญมํ า
ขา๎ เฝา้ เลาํ แกภํ ูวไนย
ฤทยั วา๎ เหวเํ อกา

จาไปในทะเลเวรา
เภตราก็เหเซไป

จวบจนกระท่ังมาอยูํรมิ ฝั่งไมไํ กลจากแผํนดิน-พญานกรู๎สึกอาลยั ในชีวติ จงึ กลําวลาปลาบิน
ไปสภูํ ูเขาที่ตนเองอาศัยอยํู-เหลําเสนาอามาตย์ทลู พระราชาจนพระองค์เขา๎ ใจและร๎ูสึกหวา๎ เหวใํ จย่งิ

นัก- จาใจลํองเรือไปในท๎องทะเลตามเวรตามกรรม จนพายใุ หญพํ ัดเรือหนั เหออกไป- สมอเรือครดู
ไปตามพ้นื ทอ๎ งนา้

สมอก็เกาํ เสาใบ ทะลปุ รุไป
น้าไหลเข๎าลาสาเภา เจา๎ กรรมซ้าเอา
เอาผ๎าสไบ
ผนี ้าซ้าไตใํ บเสา
สาเภาระยาคว่าไป

ราชาคว๎ามอื อรไทย
ตอํ ไว๎ไมไํ กลกายา

สมอเรือครูดไปตามพน้ื ทอ๎ งนา้ ใบเรอื ขาด น้าไหลเขา๎ มาในเรือ-ผซี ้าดา๎ มพลอยใบเรอื ขาด
และเสาหัก จนทาให๎เรือลํม-พระราชาควา๎ เอาข๎อมือพระมเหสีแล๎วเอาผา๎ สไบผูกมดั ไวไ๎ มใํ หไ๎ กลตวั -

เถ๎าแกชํ าวแมํเสนา น้าเขา๎ หตู า
จระเขเ๎ หราครําไป มกี รรมจาใจ
เขา๎ ไปไสยา
ราชานารรี ่าไร
จาไปพอปะพสุธา

มีไม๎ไทรใหญํใบหนา
เวลาพอค่าราไร

คนแกพํ ร๎อมหญิงสงู อายใุ นวัง ถกู น้าพดั เขา๎ หเู ข๎าตา จระเข๎ เหรา(สตั ว์ครึ่งนาคครงึ่
มังกร) คาบไป พระราชาและพระมเหสีร่าให๎กบั เวรกรรมที่ได๎รบั จาใจเดนิ ทางตอํ ไปจนพบพ้นื
แผํนดนิ มตี ๎นไทรใบหนา จึงเข๎าไปนอน พอดกี ับเวลาพลบค่า

สุรางคนางค์ ๒๘ (แม่กน)

ขึ้นใหมใํ น กน ก กา วําปน ระคนกันไป

เอ็นดูภธู ร มานอนในไพร มณฑลต๎นไทร แทนไพชยนตส์ ถาน

ข้ึนบทใหมใํ นแมํกน คละระคนปนกนั กับแมํ ก กา นําสงสารพระราชา ทต่ี ๎องมานอน

ในป่า ใตต๎ ๎นไทร แทนท่ีจะได๎นอนทีป่ ราสาท

สวํ นสุมาลี วนั ทาสามี เทวอี ยงํู าน

เฝ้าอยูดํ ูแล เหมอื นแตํกอํ นกาล ให๎พระภูบาล สาราญวิญญาณ์

พระชวนนวลนอน เขน็ ใจไม๎ขอน เหมือนหมอนแมํมา

ภูธรสอนมนต์ ให๎บนํ ภาวนา เย็นคา่ รา่ วํา กันปา่ ภยั พาล

วันนั้นจันทร มีดารากร เปน็ บริวาร

เห็นส้ินดนิ ฟ้า ในป่าทําธาร มาลีคลีบ่ าน ใบก๎านอรชร

พระองคช์ วนพระมเหสนี อน โดยใชข๎ อนไมแ๎ ทนหมอน- วนั นน้ั ดวงจันทร์ มดี วงดาวห๎อม

ลอ๎ มเป็นบริวาร มองเหน็ พน้ื ดนิ ดอกไม๎ แผํกิ่งกา๎ นสวยงาม ภายใต๎แสงจันทร์

เยน็ ฉ่าน้าฟ้า ชน่ื ชะผกา วายพุ าขจร

สารพนั จนั ทน์อนิ รืน่ กลน่ิ เกสร แตนตํอคลอรํอน ว๎าวํอนเวียนระวนั

เยน็ ชื่นฉา่ ละอองหมอก ความสดช่ืนของดอกไม๎ ลมพดั พากลน่ิ หอมหลากหลายกลน่ิ

ตัวแตน ตอํ บนิ ตอมกันวํอนไปทว่ั

จันทราคลาเคลื่อน กระเวนไพรไกเํ ถ่ือน เตือนเพอื่ นขานขนั

ปเู่ จ๎าเขาเขนิ กูํเกริ่นหากัน สินธพุ ุล่ัน ครน้ื คร่นั หว่นั ไหว

พระจนั ทร์เคลื่อนขยับ ไกํปา่ ขนั เตือน พร๎อมกบั เสียงขานรับจากตวั อ่ืนๆ ทวั่ ทั้งขุนเขา

พระฟื้นตืน่ นอน ไกลพระนคร สะท๎อนถอนทยั

เชา๎ ตรูสํ รุ ิยน ขน้ึ พ๎นเมรไุ กร มกี รรมจาไป ในปา่ อารญั

พระราชาตื่นนอน เม่ือยามหาํ งไกลพระนครกท็ อดถอนใจ บรรยากาศตอนเช๎าเมอื่ พระ

อาทิตยโ์ ผลพํ ๎นขอบเขา จาเปน็ ต๎องเดนิ ทางในป่าตามเวรกรรมอีกครัง้

ฉบัง ๑๖

ขน้ึ กงจงจาสาคญั ทั้งกนปนกนั
ราพันมิ่งไมใ้ นดง ตลงิ ปลงิ ปริงประยงค์
หลนํ เกล่ือนเถื่อนทาง
ไกรกร่างยางยงู สูงระหง
คันทรงส่งกล่ินฝน่ิ ฝาง

มะม่วงพลวงพลองช้องนาง
กนิ พลางเดนิ พลางหวา่ งเนิน

ขึ้นแมกํ ง และแมกํ น จงจาไว๎ให๎ดี จะพรรณนาเรื่องในป่าดง- ตน๎ ไกร
กราํ ง ยาง ยงู มีลาต๎นสูงเรยี วระหง ต๎นตลิงปริง ประยงค์ คันทรง ตํางสํงกลิ่นทั่ว-
ต๎นมะมํวง พลวง พลอง ช๎องนาง ใบหลํนเกลอ่ื นเต็มตามทาง กนิ ผลไม๎พลางเดนิ ไป
พลางระหวํางเนินเขา

เหน็ กวางยา่ งเยื้องชาเลอื งเดิน เหมือนอยํางนางเชญิ
พระแสงสาอางข้างเคียง เรงิ รอ๎ งกอ๎ งเสียง
ฟังเสียงเพยี งเพลง
เขาสูงฝูงหงสล์ งเรียง
สาเนียงนา่ ฟงั วงั เวง

กลางไพรไกข่ นั บรรเลง
ซอเจง้ จาเรียงเวยี งวงั

- มองเห็นกวางกาลังเยื้องยํางเดิน พรอ๎ มกับชาเลอื งมองดูเหมือนกบั เชิญชวนให๎
มองดูความสวยงามและระวังอนั ตรายรอบขา๎ งไปในตัว-มองไปที่เขาสงู เหน็ ฝูง
หงสก์ าลงั โฉบลงเรียงกัน ตํางพากันร๎องอยํางรน่ื เริงสาเนยี งเสนาะไพเราะวังเวง
ยงิ่ นกั -กลางป่ามไี กขํ ันแขงํ กนั ฟงั เหมอื นเสยี งซอท่ีบรรเลงมาจากในวัง

ยูงทองร้องกะโตง้ โหง่ ดงั เพียงฆอ๎ งกลองระฆัง
แตรสงั ขก์ ังสดาลขานเสียง พญาลอคลอเคียง

กะลิงกระลางนางนวลนอนเรียง
แอน่ เอยี้ งอีโก้งโทงเทง

นกยูงทองร๎องเสียงดังเหมอื นเสียงฆ๎อง กลอง ระฆัง แตร สงั ข์ ดงั ควบคขํู าน
เสยี ง นกกะลงิ นกกะลาง นกนางนวล นอนเคียงกัน นกไกํฟ้าพญาลอ คลอเคียงคํู
กัน พรอ๎ มนกนางแอนํ นกเอย้ี ง นกอโี ก๎งและนกโทงเทง

ค้อนทองเสียงร้องป๋องเปง๋ เพลนิ ฟังวงั เวง
อีเกง้ เรงิ ร้องลองเชิง คางแข็งแรงเริง
อึงคะนึงผึงโผง
ฝงู ละม่งั ฝงั ดนิ กินเพลงิ
ยนื เบงิ่ บง้ึ หน้าตาโพลง

ป่าสงู ยูงยางช้างโขลง
โยงกันเลน่ น้าคลา่ ไป

นกค๎อนทองรอ๎ งเสียงดังป๋องเป๋ง ฟงั เสียงเพลนิ วังเวง อเี ก๎งเริงรอ๎ งลองเชิงกัน-ฝงู ละมั่งพากนั
มากนิ ดนิ นอนผ่ึงแดด ดบู ึกบนึ แขง็ แรงและร่ืนเริง ยนื มองทาหน๎าตาโพลงบริเวณปา่ ต๎นยูง
ต๎นยางที่สงู มีชา๎ งอยํโู ขลงใหญํกาลงั สงํ เสียงและลงเลํนน้า

ยานี ๑๑(แม่กก)

ขน้ึ กกตกทกุ ขย์ าก แสนลาบากจากเวียงไชย

มนั เผือกเลือกเผาไฟ กินผลไม๎ได๎เป็นแรง

รอนรอนอํอนอสั ดง พระสรุ ยิ งเยน็ ยอแสง

ชวํ งดังน้าครัง่ แดง แฝงเมฆเขาเงาเมรุธร

ขน้ึ แมํกก ตกทกุ ขไ์ ดย๎ าก มีความลาบากเม่ือพลดั พรากจากวัง ไดอ๎ าศยั กิน

เผือก มัน และผลไม๎ เพื่อให๎ไดแ๎ รง-เมือ่ พระอาทิตยใ์ กลจ๎ ะหมดแสง เปน็ ชํวงทมี่ องดแู ล๎ว

เหมือนกบั น้าครัง่ ทก่ี าลังแดง แฝงเข๎าไปในเมฆระหวาํ งขนุ เขา

ลิงคาํ งครางโครกครอก ฝงู จิง้ จอกออกเหาํ หอน

ชะนีวเิ วกวอน นกหกรํอนนอนรังเรียง

ลกู นกยกปกี ป้อง อา๎ ปากรอ๎ งซ๎องแซํเสียง

แมนํ กปกปกี เคยี ง เลยี้ งลูกออํ นปอ้ นอาหาร

ฝูงลงิ คาํ ง ตํางพากันครางโครกครอก ฝงู สุนขั จงิ้ จอกออกมาเหาํ หอน ชะนสี ํงเสียงดงั

วเิ วก นกตาํ งโผเขา๎ สูํรงั นอน เรยี งกนั เป็นแถว ลกู นกยกปกี อ๎าปากรอรบั อาหารจากแมเํ สยี งดงั

เซง็ แซํ แมํนกยกปีกป้องเอาไว๎พรอ๎ มกับปอ้ นอาหารใหล๎ ูก

ยานี ๑๑ (แมก่ ด) เสยี งครื้นครน่ั ชนั้ เขาหลวง
ข้ึนกดบทอัศจรรย์ สัตวท์ ง้ั ปวงงํวงงนุ โงง

นกหกตกรังรวง

แดนดินถน่ิ มนษุ ย์ เสียงดงั ดจุ พระเพลงิ โพลง
ตึกกวา๎ นบา๎ นเรือนโรง โคลงคลอนเคล่ือนเขย้ือนโยน

ขึ้นแมกํ ด บทนี้เป็นที่นาํ อัศจรรย์ เสยี งครนื้ ครน่ั ชน้ั เขาหลวง นกหกออกจากรัง ฝูงสตั ว์
ท้ังปวงตํางงํวงงัน-ในดินแดนของมนษุ ย์ เสยี งดงั เหมอื นไฟไหม๎ ตกึ บ๎านเรอื นตํางไหวเคลื่อน

บา๎ นชอํ งคลองเลก็ ใหญํ บา๎ งตน่ื ไฟตกใจโจน
ปลกุ เพ่ือนเตอื นตะโกน ลกุ โลดโผนโดนกนั เอง
ตะโพนกลองร๎องเปน็ เพลง
พณิ พาทยร์ ะนาดฆอ๎ ง โหงํงหงาํ งเหงงํ เกํงกํางดงั
ระฆังดังวังเวง

บ๎านชํองใหญํนอ๎ ย ตาํ งตืน่ ตกใจ รอ๎ งเรียกเพือ่ นบ๎าน ลกุ วง่ิ หนีชนกันชลุ มุนวํุนวายเคร่อื ง
ดนตรี ระนาด ฆอ๎ ง ตะโพน กลอง ร๎องเปน็ เพลง เสียงระฆงั ดังโหงงํ หงาํ งเหงํง ฟงั นําวังเวง
ยงิ่ นกั

ยานี ๑๑ (แมก่ บ) พระดาบสบชู ากูณฑ์
ขน้ึ กบจบแมํกด พนู สวสั ดิ์สตั ถาวร
เององคอ์ ิงพงิ สิงขร
ผาสุกรกุ ขมลู สังวรศีลอภิญญาณ
ระงบั หลบั เนตรนง่ิ พนื้ พิภพจบจกั รวาล
ทํานเห็นแจ๎งแหลงํ โลกา
เหมือนกับหลบั สนิทนอน ไมํเขยอ้ื นเคลื่อนกายา
บาเพง็ เลง็ เหน็ จบ เป็นผาสกุ ทกุ เดือนปี

สวรรค์ชน้ั วมิ าน
เข๎าฌานนานนบั เดือน

จาศลี กนิ วาตา

ข้นึ แมํกบ และจบที่แมกํ ด มฤี ๅษบี ชู าไฟอยูตํ นหน่ึง บาเพ็ญตนอยาํ งสขุ สงบอยํูในป่ามา
ชา๎ นาน-ได๎หลบั ตาเอนตัวพงิ กับตน๎ ไม๎เหมือนกบั กาลังนอนหลบั โดยบาเพ็ญศีลเข๎าญาณอยูํ-
บาเพญ็ พรตจนร๎ูเห็นท่ัวพื้นดนิ ทอ๎ งฟา้ และจกั รวาล สรวงสวรรคท์ ํานรู๎เห็นหมดท้งั ส้ินท่ัวโลก-
เขา๎ ฌานเป็นเวลาแรมเดือน ไมํขยับเขย้ือนกาย จาศลี ไมํกินอาหาร อยอํู ยาํ งมีความสขุ นับเดอื น
นบั ปี

วนั นนั้ ครัน้ ดินไหว เกดิ เหตใุ หญํในปฐพี
เล็งดูร๎ูคดี กาลกณิ ีสปี่ ระการ
กลบั จรติ ผิดโบราณ
ประกอบชอบเปน็ ผดิ ผลาญคนซือ่ ถือสัตยธ์ รรม
สามัญอนั ธพาล ลกู ไมรํ คู๎ ุณพอํ มนั
ลอบฆาํ ฟนั คอื ตัณหา
ลูกศิษยค์ ดิ ลา๎ งครู โจทยผ์ ิดรษิ ยา
สํอเสียดเบียดเบยี นกัน ป่วนเปน็ บ๎าฟา้ บดบงั
เกิดวิบัติปัตติปาปงั
โลภลาภบาปบคํ ิด สงั วจั ฉระอวสาน
อรุ ะพสุธา

บรรดาสามญั สัตย์
ไตรยคุ ทุกขตะรัง

-ในวันนั้นเกดิ แผํนดนิ ไหว มีเหตุการณใ์ นป่า จงึ ไดเ๎ ลง็ ดแู ละรูว๎ าํ มเี หตุกาลกณิ ีอยํู สอ่ี ยําง
คือ-เห็นผดิ เปน็ ชอบ คนอันธพาล ทาร๎ายคนซอื่ สัตย์ - ศิษย์คิดล๎างครู ลกู ไมํรค๎ู ุณพํอแมํ พูดจา
สํอเสียดกนั เบียดเบยี นฆําฟันกนั - มคี วามโลภ ไมํคดิ เร่อื งบาป ชอบจับผิดกนั จนพ้นื ดินเกดิ
ปัน่ ปว่ น ท๎องฟ้ามืดมดิ บรรดาสตั วต์ ํางๆ เกดิ มีบาปขน้ึ มีทุกข์มากขึ้น ถึงเวลาแหํงการอวสาน

ฉบงั ๑๖(แม่กม) เอน็ ดูภบู าล
ขนึ้ กมสมเด็จจอมอารย์ กลอกกลับอปั รีย์
นิง่ นั่งตัง้ ใจ
ผูผ๎ าํ นพาราสาวะถี บอกข๎อมรณา
ซอ่ื ตรงหลงเลหํ เ์ สนี

บรู จี งึ ลมํ จมไป
ประโยชน์จะโปรดภูวไนย

เลอ่ื มใสสาเร็จเมตตา
เปลงํ เสยี งเพียงพิณอินทรา

คงมาวนั หนึ่งถงึ ตน

ฉบงั ๑๖- ขนึ้ แมกํ ม พระฤๅษี รู๎สึกเอน็ ดูพระราชาผ๎ูครองเมอื งสาวะถี-ซ่ึงซอ่ื ตรงแตํหลง
เลํหเ์ หล่ียมเสนาอามาตย์ท่ีช่วั ร๎ายจึงทาใหบ๎ า๎ นเมืองลํมจม-จงึ คิดที่จะโปรดพระราชา ให๎เลอ่ื มใส
ศรัทธาในการบาเพญ็ ตนใหส๎ าเรจ็ -จงึ บอกเลําด๎วยเสียงอนั ไพเราะเหมอื นเสยี งพิณของพระอนิ ทรว์ ํา
วันหน่ึงเราตอ๎ งตาย

เบยี นเบียดเสียดสํอฉอ๎ ฉล บาปกรรมนาตน

ไปทนทุกข์นบั กัปกลั ป์

เมตตากรุณาสามัญ จะไดไ๎ ปสวรรค์

เป็นสุขทุกวนั หรรษา

การเบียดเบยี นกนั มแี ตํจะนาทุกขม์ าให๎ทาให๎มีบาปติดตวั ไปนาน-ความเมตตากรุณาจะ

นาไปสูสํ รวงสวรรค์ ทาให๎มีแตคํ วามสุขทุกวนั

สมบัตสิ ัตว์มนษุ ยค์ รุฑา กลอกกลบั อปั รา
เทวาสมบตั ชิ ัชวาล อม่ิ หนาสาราญ
ขบั ราจาเรยี ง
สขุ เกษมเปรมปรีดิ์วิมาน
ศฤงคารหอ๎ มลอ๎ มพรอ๎ มเพรยี ง

กระจับป่ีสซี อคลอเสยี ง
สาเนียงนางฟา้ นําฟัง

-สมบัตขิ องสัตว์ มนุษย์ ครุฑ มกี ารกลับเปลี่ยนไปมา ไมเํ หมือนสมบตั ิของเทวดา
มคี วามสขุ ในวมิ าน อม่ิ หนาสาราญพรอ๎ มดว๎ ยทรพั ยส์ มบตั ิ-กระจบั ปี่ ซอ ประสานสาเนยี ง
กนั ดังเหมอื นกับมีนางฟา้ มาขับกลํอม

เดชะพระกศุ ลหนหลงั สิง่ ใดใจหวงั

ไดด๎ ังมงํุ มาตรปรารถนา

จริงนะประสกสีกา สวดมนตภ์ าวนา

เบื้องนําจะไดไ๎ ปสวรรค์

จบเทศน์เสร็จคาราพัน พระองคท์ รงธรรม

ดนั ดั้นเมฆาคลาไคล

ด๎วยเดชแหงํ บุญกุศลแตํปางหลงั ทาใหไ๎ ด๎สมหวงั ในสง่ิ ท่ีตอ๎ งการ- เปน็ ความจรงิ ญาติ

โยม ถ๎าสวดมนตภ์ าวนา ตํอไปจะได๎เกดิ บนสวรรค์-เม่ือเทศนาจบ พระราชาก็หลุดพ๎นจาก

ความคดิ ทป่ี กคลมุ ด๎วยเงาเมฆ

ฉบัง ๑๖ (แม่เกย)

ขึน้ เกยเลยกลําวท๎าวไทย ฟงั ธรรมน้าใจ

เลือ่ มใสศรัทธากลา๎ หาญ

เหน็ ภัยในขนั ธ์สนั ดาน ตวั หํวงบํวงมาร

สาราญสาเร็จเมตตา

สององคท์ รงหนังพยคั ฆา จดั จีบกลบี ชะตา

รกั ษาศลี ถอื ฤๅษี

ข้นึ แมํเกย กลําวถึงพระราชาเม่อื ได๎รับฟงั ธรรมคาสั่งสอนแล๎วเกิดเลอื่ มใสศรัทธา-เห็นเหตุ

ทเ่ี กิดในนิสยั ของมนุษย์ จึงตัดขาดจากบวํ งความทกุ ข์ พบกบั ความสาเร็จ-ท้ังสองพระองคจ์ ึงสวม

ใสชํ ุดและหมวกจากหนงั เสือ รกั ษาศีลเปน็ ฤๅษี

เชา๎ ค่าทากจิ พธิ ี กองกูณฑ์อัคคี
เปน็ ท่ีบชู าถาวร เอนองค์ลงนอน
เหนอื่ ยยากพากเพียร
ปะถะพีเปน็ ทบี่ รรจถรณ์ เสวยสขุ ทุกวนั
เหนือขอนเขนยเกยเศยี ร

ค่าเช๎าเอากราดกวาดเตียน
เรยี นธรรมบาเพ็ญเครํงครัน

สาเรจ็ เสรจ็ ได๎ไปสวรรค์
นานนบั กัปกัลปพ์ ุทธันดร

ทกุ เชา๎ ค่า ทาพธิ ีบชู าไฟเปน็ กิจประจา-มีพ้ืนแผํนดินเป็นทีน่ อน มีขอนเปน็ หมอนหนนุ
หวั -เช๎า ค่า เอาไม๎กวาดกวาดพ้ืนจนสะอาด ถึงแมจ๎ ะเหน็ดเหนื่อยกบั การบาเพญ็ เพียร จนสาเร็จ
ได๎เสด็จสสูํ วรรค์ เสวยแตคํ วามสขุ ทกุ วัน เป็นเวลานานชว่ั กปั กัลป์-

กุมราการญุ สนุ ทร ไว๎หวังสั่งสอน
เดก็ อํอนอนั เยาว์เลําเรียน หนูนอ๎ ยคอํ ยเพยี ร

ก ข ก กา วําเวยี น
อาํ นเขียนผสมกมเกย

-สนุ ทรภํู ไดใ๎ ห๎ความการุญแตํงบทกลอนขึ้นเพ่อื สงั่ สอนเดก็ ๆ ในวัยเรียน- ก ข ก กา มี
การกลับไปกลบั มา พวกเดก็ ๆ จงคํอยๆ เรียนรู๎ อาํ น เขยี นปนกันไปทงั้ แมํ กม แมํเกย

ระวังตวั กลวั ครหู นูเอย๋ ไมเ๎ รียวเจียวเหวย
กเู คยเข็ดหลาบขวาบเขวียว หยกิ ซ้าซา้ เขยี ว

หนั หวดปวดแสบแปลบเสียว
อยาํ เทีย่ วเลนํ หลงจงจา

ขอใหร๎ ะวังตัวกลัวคณุ ครนู ะหนู ไมเ๎ รียวเลยนะ ฉนั เคยเข็ดหลาบมาแล๎ว-ฉนั ถกู ไมเ๎ รยี ว
หวดจนปวดแสบเลย มิหนาซ้ายงั ถกู หยิกจนเขยี ว อยําไปเท่ียวเลนํ จนหลงจาเสียละ-

บอกไว๎ให๎ทราบบาปกรรม เรียงเรียบเทียบทา
แนะนาใหเ๎ จา๎ เอาบญุ ใครเห็นเปน็ คณุ

เดชะพระมหาการญุ
แบํงบญุ ใหเ๎ ราเจา๎ เอยฯ

-ขอบอกให๎พวกเธอทราบถึงบาปกรรม ใหเ๎ รียบเรยี งคาน้ใี ห๎ดฉี ันขอแนะนาใหเ๎ อาบุญ-ดว๎ ย
เดชะในความกรุณานี้ ถ๎าใครเห็นเปน็ ประโยชน์ ฉันขอแบงํ เอาบุญกศุ ลเหลําน้ีดว๎ ยนะเธอ