กาพย์ฉบัง เป็นคำประพันธ์ประเภทกาพย์ บทหนึ่งมีเพียงหนึ่งบาท บาทละ 3 วรรค บังคับจำนวนคำและสัมผัส ไม่มีบังคับเอก-โท หรือครุ-ลหุ กาพย์ฉบังที่กวีนิยมใช้ในวรรณกรรมตั้งแต่โบราณคือ กาพย์ฉบัง 163 ประวัติ จ ○○○○○○ ○○○○ ○○○○○○ ฯ 16 ฉบัง เมื่อพิจารณากาพย์ตัวอย่างแล้วฉันทลักษณ์เป็นกาพย์ฉบัง 18 แต่การจัดวรรคต่างกัน คำว่าดำเนอรกลอน 4 หมายถึงการรับสัมผัสคำที่ 4 ของวรรคที่สอง และดำเนอรกลอน 5 หมายถึงการรับสัมผัสคำที่ 5 ของวรรคที่สองนั่นเอง บทเรยี นเร่อื งกาพยเ์ ร่อื งพระไชยสุรยิ า กาพย์พระไชยสุริยา ไดบ๎ รรจุอยูํในหนงั สือ มูลบทบรรพกิจ ซึ่งเป็นแบบเรยี นของไทยท่จี ัดทา ยานี ๑๑ แม่ ก กา พระศรไี ตรสรนา พํอแมํแลครบู า เทวดาในราศี ธรณีมรี าชา สาธฉุ ันขอไหวค๎ ุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พอํ แมํ ครู อาจารย์ เทวดาท่สี ง่ิ สถิต ช่อื พระไชยสรุ ิยา มีสดุ ามะเหสี ชอื่ วาํ สุมาลี อยูํบรู ไี มํมีภัย ขา๎ เฝ้าเหลําเสนา มีกิริยาอัชฌาศยั พอํ ค๎ามาแตํไกล ไดอ๎ าศัยในพารา ไพรฟํ ้าประชาชี ชาวบรู กี ป็ รดี า ทาไรํเขาไถนา ได๎เข๎าปลาแลสาลี มพี ระราชาช่อื พระไชยสรุ ิยา มีพระมเหสชี ่ือสมุ าลี พระองคป์ กครองบ๎านเมอื งอยูอํ ยาํ ง เป็นสขุ -เหลําขุนนางตํางมีอชั ฌาศัยทดี่ ี เลี้ยงดบู ดิ ามารดา อยดูํ ๎วยกันอยํางมีความสุข-ชาวเมือง ตาํ งอยูํกนั อยํางเปน็ สุข การเกษตรได๎ผลอุดมสมบรู ณ์ ขา๎ วปลาอาหารได๎ผลดี อยมูํ าหมํูขา๎ เฝ้า ก็หาเยาวนารี ทหี่ น๎าตาดดี ี ทามโหรที ่ีเคหา คา่ เชา๎ เฝ้าสซี อ เข๎าแตํหอลํอกามา หาไดใ๎ ห๎ภรยิ า โลโภพาใหบ๎ ๎าใจ ตอํ มาเหลําขุนนางตํางพากนั หาหญงิ สาวทมี่ ีหนา๎ ตาดมี าขับกลํอมเลํนดนตรีที่บ๎าน-ตกตอน เยน็ มกี ารเลํนดนตรี สีซอขบั กลอํ ม เขา๎ หอ๎ งหอเสพกามกับหญงิ สาวเหลาํ นั้นจนทาให๎เหลําภรรยา โกรธ ไมจํ าคาพระเจา๎ เหไปเขา๎ ภาษาไสย ไมเํ ชือ่ ถอื คาท่ีพระเจา๎ ส่งั สอน หนั ไปเช่ือเร่ืองไสยศาสตร์ ถอื ตวั ดีวาํ มีข๎าทาสบรวิ าร ท่ซี อ่ื ถอื พระเจา๎ วําโงํเงําเตาํ ปปู ลา ผูเ๎ ฒาํ เหลําเมธา วําใบบ๎ ๎าสาระยา ภกิ ษุสมณะ เลํากล็ ะพระสธรรม คาถาวาํ ลานา ไปเรํรา่ ทาเฉโก ไมํจาคาผู๎ใหญํ ศรี ษะไมใ๎ จโยโส ทด่ี มี ีอะโข ข๎าขอโมทนาไป ผใ๎ู ดเชื่อถือพระเจา๎ กลบั กลายเปน็ คนโงํ คนแกํ ขุนนางอาวโุ ส กลายเป็นคนโงไํ ปดว๎ ย ด๎วย พระภกิ ษุ ผ๎ทู รงศลี ตํางพากนั ละทง้ิ พระธรรม บทสวดคาถาตํางๆ ไมํจาคาสงั่ สอนของ ผใ๎ู หญํ เปน็ คนหวั ดอ้ื ยโสโอหงั ส่งิ ใดดีก็ไมํนบั ถอื พาราสาวะถี ใครไมํมปี ราณีใคร ดดุ ื้อถอื แตํใจ ทใ่ี ครไดใ๎ สํเอาพอ ผทู๎ ี่มฝี ีมอื ทาดุด้อื ไมํซื้อขอ ไลํคว๎าผ๎าท่คี อ อะไรลํอก็เอาไป ชาวเมอื งสาวะถีตาํ งไมํมใี ครปราณตี ํอใคร ตาํ งคนเอาแตํใจตนเอง ใครมือยาวสาวได๎สาว เอา-คนท่มี ีกาลงั มาก กถ็ อื เอาสิง่ ท่ีตนต๎องการโดยไมํมกี ารซ้ือหรอื ขอเหน็ อะไรลํอตาลํอใจ เชนํ ผา๎ ผูกคอก็หยบิ เอาตามที่ตนตอ๎ งการ ข๎าเฝ้าเหลําเสนา มิได๎วาํ หมํขู ๎าไทย เหลําเสนาอามาตย์ ตํางไมํยึดถอื ตามคาที่ตนเองทาพิธีดืม่ นา้ สาบานตนกอํ นรับราชการ- ผีป่ามากระทา มรณกรรมชาวบูรี ผีปา่ มาทาให๎ชาวเมืองถึงแกคํ วามตาย โดยมนี ้าปา่ ไหลทวํ มเขา๎ มาในเมอื งจนชาวเมอื งไมมํ ี ฉบัง ๑๖ พาพระมเหสี ก็เอาไปในเภตรา ก็มาในลาสาเภา พระไชยสรุ ิยาพาพระมเหสลี งเรือสาเภา-ขา๎ วปลาอาหารพรอ๎ มกบั เดก็ หญิงสาววยั รุนํ ก็ขน ตีม๎าฬํอชอํ ใบใสํเสา วายพุ ยุเพลา เภตรามาในน้าไหล คา่ เชา๎ เปลําใจ พะสธุ าอาศัยไมํมี ราชานารี เมอ่ื ตเี คาะโลหะใหม๎ ีเสยี งดังแลว๎ กช็ กั ใบเรอื ข้นึ ประจวบเวลาที่พายพุ ัดใบเรอื จงึ ทาให๎เรอื ปลากะโห๎โลมาราหู เหราปลาทู ราชาว๎าเหวํหฤทยั วายพุ าคลาไคล แลไปไมํปะพะสุธา เปลําใจนยั นา ปลากะโห๎ ปลาโลมา ปลาราหู ปลาเหรา ปลาทู มีอยํูเตม็ ท๎องน้า-พระราชารส๎ู ึกวา๎ เหวํใจ ลมพายุพาเรือลอยลํองไปตามท๎องทะเลแตเํ พียงลาเดียว พระราชาได๎ตรัสกบั เหลาํ เสนาอามาตย์วาํ ราชาวําแกํเสนี ใครรูค๎ ดี ไหลมาแตํในคอโค บาลมี ิได๎แกไ๎ ข พระราชาได๎ตรัสกับเหลําเสนาอามาตย์วําใครรู๎ขอ๎ เท็จจรงิ บา๎ งวําทะเลนม้ี คี วามเป็นมา วํามีพระยาสกุณา ใหญโํ ตมโหฬาร์ ช่ือวําพระยาสาภาที ใครรู๎คดี โยโสโผผาถาไป พอพระสรุ ิไสย แลไปไมํปะพสธุ า ยอํ ทอ๎ รอรา -แตํกอํ นมีพญานกรํางกายใหญํโตเทาํ ภูเขาเป็นผด๎ู แู ล- ชื่อวําพญาสัมพาท(ี เป็นลูกพญา พอปลามาในน้าไหล สกุณาถาไป ชะแงแ๎ ลไปไกลตา จาของ๎อปลา วารีท่ีเราจะไป ใกล๎หรือวําไกล ปลาวาํ ข๎าเจ๎าเยาวะภา มิได๎ไปมา พอดีมปี ลาวาํ ยมาตามนา้ พญานกก็โผไปเกาะที่หวั ปลา-มองออกไปจนสุดสายตา จงึ ขอ สกณุ าอาไลยชีวี ลาปลาจรลี จาไปในทะเลเวรา จวบจนกระท่ังมาอยูํรมิ ฝั่งไมไํ กลจากแผํนดิน-พญานกรู๎สึกอาลยั ในชีวติ จงึ กลําวลาปลาบิน นัก- จาใจลํองเรือไปในท๎องทะเลตามเวรตามกรรม จนพายใุ หญพํ ัดเรือหนั เหออกไป- สมอเรือครดู สมอก็เกาํ เสาใบ ทะลปุ รุไป ราชาคว๎ามอื อรไทย สมอเรือครูดไปตามพน้ื ทอ๎ งนา้ ใบเรอื ขาด น้าไหลเขา๎ มาในเรือ-ผซี ้าดา๎ มพลอยใบเรอื ขาด เถ๎าแกชํ าวแมํเสนา น้าเขา๎ หตู า มีไม๎ไทรใหญํใบหนา คนแกพํ ร๎อมหญิงสงู อายใุ นวัง ถกู น้าพดั เขา๎ หเู ข๎าตา จระเข๎ เหรา(สตั ว์ครึ่งนาคครงึ่ สุรางคนางค์ ๒๘ (แม่กน) ขึ้นใหมใํ น กน ก กา วําปน ระคนกันไป เอ็นดูภธู ร มานอนในไพร มณฑลต๎นไทร แทนไพชยนตส์ ถาน ข้ึนบทใหมใํ นแมํกน คละระคนปนกนั กับแมํ ก กา นําสงสารพระราชา ทต่ี ๎องมานอน ในป่า ใตต๎ ๎นไทร แทนท่ีจะได๎นอนทีป่ ราสาท สวํ นสุมาลี วนั ทาสามี เทวอี ยงํู าน เฝ้าอยูดํ ูแล เหมอื นแตํกอํ นกาล ให๎พระภูบาล สาราญวิญญาณ์ พระชวนนวลนอน เขน็ ใจไม๎ขอน เหมือนหมอนแมํมา ภูธรสอนมนต์ ให๎บนํ ภาวนา เย็นคา่ รา่ วํา กันปา่ ภยั พาล วันนั้นจันทร มีดารากร เปน็ บริวาร เห็นส้ินดนิ ฟ้า ในป่าทําธาร มาลีคลีบ่ าน ใบก๎านอรชร พระองคช์ วนพระมเหสนี อน โดยใชข๎ อนไมแ๎ ทนหมอน- วนั นน้ั ดวงจันทร์ มดี วงดาวห๎อม ลอ๎ มเป็นบริวาร มองเหน็ พน้ื ดนิ ดอกไม๎ แผํกิ่งกา๎ นสวยงาม ภายใต๎แสงจันทร์ เยน็ ฉ่าน้าฟ้า ชน่ื ชะผกา วายพุ าขจร สารพนั จนั ทน์อนิ รืน่ กลน่ิ เกสร แตนตํอคลอรํอน ว๎าวํอนเวียนระวนั เยน็ ชื่นฉา่ ละอองหมอก ความสดช่ืนของดอกไม๎ ลมพดั พากลน่ิ หอมหลากหลายกลน่ิ ตัวแตน ตอํ บนิ ตอมกันวํอนไปทว่ั จันทราคลาเคลื่อน กระเวนไพรไกเํ ถ่ือน เตือนเพอื่ นขานขนั ปเู่ จ๎าเขาเขนิ กูํเกริ่นหากัน สินธพุ ุล่ัน ครน้ื คร่นั หว่นั ไหว พระจนั ทร์เคลื่อนขยับ ไกํปา่ ขนั เตือน พร๎อมกบั เสียงขานรับจากตวั อ่ืนๆ ทวั่ ทั้งขุนเขา พระฟื้นตืน่ นอน ไกลพระนคร สะท๎อนถอนทยั เชา๎ ตรูสํ รุ ิยน ขน้ึ พ๎นเมรไุ กร มกี รรมจาไป ในปา่ อารญั พระราชาตื่นนอน เม่ือยามหาํ งไกลพระนครกท็ อดถอนใจ บรรยากาศตอนเช๎าเมอื่ พระ อาทิตยโ์ ผลพํ ๎นขอบเขา จาเปน็ ต๎องเดนิ ทางในป่าตามเวรกรรมอีกครัง้ ฉบัง ๑๖ ขน้ึ กงจงจาสาคญั ทั้งกนปนกนั มะม่วงพลวงพลองช้องนาง ขึ้นแมกํ ง และแมกํ น จงจาไว๎ให๎ดี จะพรรณนาเรื่องในป่าดง- ตน๎ ไกร เหน็ กวางยา่ งเยื้องชาเลอื งเดิน เหมือนอยํางนางเชญิ กลางไพรไกข่ นั บรรเลง - มองเห็นกวางกาลังเยื้องยํางเดิน พรอ๎ มกับชาเลอื งมองดูเหมือนกบั เชิญชวนให๎ ยูงทองร้องกะโตง้ โหง่ ดงั เพียงฆอ๎ งกลองระฆัง กะลิงกระลางนางนวลนอนเรียง นกยูงทองร๎องเสียงดังเหมอื นเสียงฆ๎อง กลอง ระฆัง แตร สงั ข์ ดงั ควบคขํู าน ค้อนทองเสียงร้องป๋องเปง๋ เพลนิ ฟังวงั เวง ป่าสงู ยูงยางช้างโขลง นกค๎อนทองรอ๎ งเสียงดังป๋องเป๋ง ฟงั เสียงเพลนิ วังเวง อเี ก๎งเริงรอ๎ งลองเชิงกัน-ฝงู ละมั่งพากนั ยานี ๑๑(แม่กก) ขน้ึ กกตกทกุ ขย์ าก แสนลาบากจากเวียงไชย มนั เผือกเลือกเผาไฟ กินผลไม๎ได๎เป็นแรง รอนรอนอํอนอสั ดง พระสรุ ยิ งเยน็ ยอแสง ชวํ งดังน้าครัง่ แดง แฝงเมฆเขาเงาเมรุธร ขน้ึ แมํกก ตกทกุ ขไ์ ดย๎ าก มีความลาบากเม่ือพลดั พรากจากวัง ไดอ๎ าศยั กิน เผือก มัน และผลไม๎ เพื่อให๎ไดแ๎ รง-เมือ่ พระอาทิตยใ์ กลจ๎ ะหมดแสง เปน็ ชํวงทมี่ องดแู ล๎ว เหมือนกบั น้าครัง่ ทก่ี าลังแดง แฝงเข๎าไปในเมฆระหวาํ งขนุ เขา ลิงคาํ งครางโครกครอก ฝงู จิง้ จอกออกเหาํ หอน ชะนีวเิ วกวอน นกหกรํอนนอนรังเรียง ลกู นกยกปกี ป้อง อา๎ ปากรอ๎ งซ๎องแซํเสียง แมนํ กปกปกี เคยี ง เลยี้ งลูกออํ นปอ้ นอาหาร ฝูงลงิ คาํ ง ตํางพากันครางโครกครอก ฝงู สุนขั จงิ้ จอกออกมาเหาํ หอน ชะนสี ํงเสียงดงั วเิ วก นกตาํ งโผเขา๎ สูํรงั นอน เรยี งกนั เป็นแถว ลกู นกยกปกี อ๎าปากรอรบั อาหารจากแมเํ สยี งดงั เซง็ แซํ แมํนกยกปีกป้องเอาไว๎พรอ๎ มกับปอ้ นอาหารใหล๎ ูก ยานี ๑๑ (แมก่ ด) เสยี งครื้นครน่ั ชนั้ เขาหลวง นกหกตกรังรวง แดนดินถน่ิ มนษุ ย์ เสียงดงั ดจุ พระเพลงิ โพลง ขึ้นแมกํ ด บทนี้เป็นที่นาํ อัศจรรย์ เสยี งครนื้ ครน่ั ชน้ั เขาหลวง นกหกออกจากรัง ฝูงสตั ว์ บา๎ นชอํ งคลองเลก็ ใหญํ บา๎ งตน่ื ไฟตกใจโจน บ๎านชํองใหญํนอ๎ ย ตาํ งตืน่ ตกใจ รอ๎ งเรียกเพือ่ นบ๎าน ลกุ วง่ิ หนีชนกันชลุ มุนวํุนวายเคร่อื ง ยานี ๑๑ (แมก่ บ) พระดาบสบชู ากูณฑ์ สวรรค์ชน้ั วมิ าน จาศลี กนิ วาตา ข้นึ แมํกบ และจบที่แมกํ ด มฤี ๅษบี ชู าไฟอยูตํ นหน่ึง บาเพ็ญตนอยาํ งสขุ สงบอยํูในป่ามา วนั นนั้ ครัน้ ดินไหว เกดิ เหตใุ หญํในปฐพี บรรดาสามญั สัตย์ -ในวันนั้นเกดิ แผํนดนิ ไหว มีเหตุการณใ์ นป่า จงึ ไดเ๎ ลง็ ดแู ละรูว๎ าํ มเี หตุกาลกณิ ีอยํู สอ่ี ยําง ฉบงั ๑๖(แม่กม) เอน็ ดูภบู าล บรู จี งึ ลมํ จมไป เลอ่ื มใสสาเร็จเมตตา คงมาวนั หนึ่งถงึ ตน ฉบงั ๑๖- ขนึ้ แมกํ ม พระฤๅษี รู๎สึกเอน็ ดูพระราชาผ๎ูครองเมอื งสาวะถี-ซ่ึงซอ่ื ตรงแตํหลง เบยี นเบียดเสียดสํอฉอ๎ ฉล บาปกรรมนาตน ไปทนทุกข์นบั กัปกลั ป์ เมตตากรุณาสามัญ จะไดไ๎ ปสวรรค์ เป็นสุขทุกวนั หรรษา การเบียดเบยี นกนั มแี ตํจะนาทุกขม์ าให๎ทาให๎มีบาปติดตวั ไปนาน-ความเมตตากรุณาจะ นาไปสูสํ รวงสวรรค์ ทาให๎มีแตคํ วามสุขทุกวนั สมบัตสิ ัตว์มนษุ ยค์ รุฑา กลอกกลบั อปั รา กระจับป่ีสซี อคลอเสยี ง -สมบัตขิ องสัตว์ มนุษย์ ครุฑ มกี ารกลับเปลี่ยนไปมา ไมเํ หมือนสมบตั ิของเทวดา เดชะพระกศุ ลหนหลงั สิง่ ใดใจหวงั ไดด๎ ังมงํุ มาตรปรารถนา จริงนะประสกสีกา สวดมนตภ์ าวนา เบื้องนําจะไดไ๎ ปสวรรค์ จบเทศน์เสร็จคาราพัน พระองคท์ รงธรรม ดนั ดั้นเมฆาคลาไคล ด๎วยเดชแหงํ บุญกุศลแตํปางหลงั ทาใหไ๎ ด๎สมหวงั ในสง่ิ ท่ีตอ๎ งการ- เปน็ ความจรงิ ญาติ โยม ถ๎าสวดมนตภ์ าวนา ตํอไปจะได๎เกดิ บนสวรรค์-เม่ือเทศนาจบ พระราชาก็หลุดพ๎นจาก ความคดิ ทป่ี กคลมุ ด๎วยเงาเมฆ ฉบัง ๑๖ (แม่เกย) ขึน้ เกยเลยกลําวท๎าวไทย ฟงั ธรรมน้าใจ เลือ่ มใสศรัทธากลา๎ หาญ เหน็ ภัยในขนั ธ์สนั ดาน ตวั หํวงบํวงมาร สาราญสาเร็จเมตตา สององคท์ รงหนังพยคั ฆา จดั จีบกลบี ชะตา รกั ษาศลี ถอื ฤๅษี ข้นึ แมํเกย กลําวถึงพระราชาเม่อื ได๎รับฟงั ธรรมคาสั่งสอนแล๎วเกิดเลอื่ มใสศรัทธา-เห็นเหตุ ทเ่ี กิดในนิสยั ของมนุษย์ จึงตัดขาดจากบวํ งความทกุ ข์ พบกบั ความสาเร็จ-ท้ังสองพระองคจ์ ึงสวม ใสชํ ุดและหมวกจากหนงั เสือ รกั ษาศีลเปน็ ฤๅษี เชา๎ ค่าทากจิ พธิ ี กองกูณฑ์อัคคี ค่าเช๎าเอากราดกวาดเตียน สาเรจ็ เสรจ็ ได๎ไปสวรรค์ ทกุ เชา๎ ค่า ทาพธิ ีบชู าไฟเปน็ กิจประจา-มีพ้ืนแผํนดินเป็นทีน่ อน มีขอนเปน็ หมอนหนนุ กุมราการญุ สนุ ทร ไว๎หวังสั่งสอน ก ข ก กา วําเวยี น -สนุ ทรภํู ไดใ๎ ห๎ความการุญแตํงบทกลอนขึ้นเพ่อื สงั่ สอนเดก็ ๆ ในวัยเรียน- ก ข ก กา มี ระวังตวั กลวั ครหู นูเอย๋ ไมเ๎ รียวเจียวเหวย หนั หวดปวดแสบแปลบเสียว ขอใหร๎ ะวังตัวกลัวคณุ ครนู ะหนู ไมเ๎ รียวเลยนะ ฉนั เคยเข็ดหลาบมาแล๎ว-ฉนั ถกู ไมเ๎ รยี ว บอกไว๎ให๎ทราบบาปกรรม เรียงเรียบเทียบทา เดชะพระมหาการญุ -ขอบอกให๎พวกเธอทราบถึงบาปกรรม ใหเ๎ รียบเรยี งคาน้ใี ห๎ดฉี ันขอแนะนาใหเ๎ อาบุญ-ดว๎ ย |