query_builder 22 กรกฎาคม 2562
remove_red_eye- การส่งออกของไทยในเดือนมิถุนายน 2562 มีมูลค่า 21.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หดตัวที่ร้อยละ 2.15 ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่หดตัวร้อยละ 6.2 การส่งออกของไทยมีทิศทางสอดคล้องกับการค้าโลก อุปสงค์ของคู่ค้าสำคัญและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกชะลอตัวต่อเนื่องนับจากปลายปี 2561 ซึ่งมีสาเหตุสำคัญมาจากการดำเนินนโยบายตอบโต้ทางการค้าของสหรัฐฯ และจีน ประกอบกับความพยายามในการเจรจาแต่ละครั้งเพื่อให้ได้ข้อเสนอดีที่สุดของทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่ประสบความสำเร็จ นอกจากนี้ ความขัดแย้งของประเทศคู้ค่าอื่นๆ ยังเป็นสถานการณ์ซ้ำเติมบรรยากาศการค้าโลก ทำให้ความไม่แน่นอนและความกังวลของผู้บริโภคและนักลงทุนทั่วโลกเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม การส่งออกไทยยังได้รับผลกระทบน้อยกว่าหลายประเทศในภูมิภาค และยังมีโอกาสขยายตัวได้ดีในหลายตลาด อาทิ สหรัฐฯ อินเดีย และเวียดนาม เป็นต้น สำหรับรายสินค้า พบว่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารยังขยายตัว โดยเฉพาะการส่งออกยางพารากลับมาขยายตัวและมีมูลค่าสูงสุดในรอบ 14 เดือน ซึ่งเป็นการขยายตัวทั้งปริมาณและราคา นอกจากนี้เครื่องเทศและสมุนไพร ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลี อาหารสำเร็จรูปอื่นๆ และเครื่องดื่ม ขยายตัวดี ด้านสินค้าไลฟ์สไตล์ โดยเฉพาะสินค้าที่ได้รับประโยชน์จากจำนวนนักเที่ยวท่องเพิ่มขึ้น เช่น เครื่องสำอางขยายตัวได้ดีอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเครื่องใช้บนโต๊ะอาหารและของใช้ในบ้านเรือน เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน เป็นต้น ขณะที่สินค้าอุตสาหกรรมสำคัญที่ขยายตัวและน่าจับตามอง ได้แก่ รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ เครื่องส่งวิทยุ โทรเลข โทรศัพท์ และโทรทัศน์ และนาฬิกาและส่วนประกอบ ที่เริ่มเห็นทิศทางการขยายตัวต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา รวม 6 เดือนแรกของปี 2562 การส่งออกหดตัวร้อยละ 2.9มูลค่าการค้ารวม
การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ที่ร้อยละ 9.0 (YoY) สินค้าเกษตรสำคัญที่ขยายตัวได้ดี มูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมกลับมาขยายตัวที่ร้อยละ 0.04 (YoY) สินค้าสำคัญที่ยังขยายตัวได้ดี ได้แก่ ทองคำ ขยายตัวร้อยละ 317.4 (ขยายตัวในตลาดสวิตเซอร์แลนด์ สิงคโปร์ ฮ่องกง อินโดนีเซีย และอินเดีย) เครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิว ขยายตัวร้อยละ 10.0 (ขยายตัวในตลาดจีน ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และอินโดนีเซีย) เครื่องปรับอากาศ ขยายตัวร้อยละ 9.0 (ขยายตัวในตลาดญี่ปุ่น เวียดนาม ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ และสหรัฐฯ) รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ ขยายตัวร้อยละ 5.7 (ขยายตัวในตลาดญี่ปุ่น จีน สหราชอาณาจักร อินโดนีเซีย และบราซิล) สินค้าอุตสาหกรรมสำคัญที่หดตัว ได้แก่ สินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน หดตัวเกือบทุกตลาดที่ร้อยละ 22.0 (หดตัวในตลาดจีน กัมพูชา เวียดนาม อินเดีย และอินโดนีเซีย แต่ยังขยายตัวในตลาดมาเลเซีย และเกาหลีใต้) แผงวงจรไฟฟ้า หดตัวเกือบทุกตลาดที่ร้อยละ 20.6 (หดตัวในตลาดฮ่องกง สิงคโปร์ จีน ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ แต่ยังขยายตัวได้ในตลาดเม็กซิโก เบลเยียม และเวียดนาม) เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ หดตัวร้อยละ 15.5 (หดตัวในตลาดสหรัฐฯ ฮ่องกง จีน และเยอรมนี แต่ยังขยายตัวได้ดีในตลาดเนเธอร์แลนด์ สิงคโปร์ และญี่ปุ่น) เหล็ก เหล็กกล้า และผลิตภัณฑ์ หดตัวที่ร้อยละ 15.5 (หดตัวในตลาดสหรัฐฯ ญี่ปุ่น อินเดีย มาเลเซีย แต่ยังขยายตัวในตลาดอินโดนีเซีย เวียดนาม และไต้หวัน) รวม 6 เดือนแรกของปี 2562 มูลค่าสินค้าอุตสาหกรรม หดตัวที่ร้อยละ 2.6
การส่งออกไปตลาดสำคัญๆ ส่วนมากยังได้รับผลกระทบจากนโยบายภาษีการนำเข้าของสหรัฐฯ และจีน ซึ่งส่งผลกระทบทั้งทางตรงต่อสินค้าที่ถูกปรับขึ้นภาษี และผลกระทบทางอ้อมผ่านเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่อ่อนแอลง และบรรยากาศการค้าที่มีความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้น ทำให้การส่งออกของโลกและไทยได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน โดยการส่งออกไปยังตลาดหลักหดตัวร้อยละ 3.7 เป็นผลจากการส่งออกไปญี่ปุ่น สหรัฐฯ และสหภาพยุโรปหดตัว ร้อยละ 1.9 2.1 และ 7.7 ตามลำดับ ด้านการส่งออกไปตลาดศักยภาพหดตัวร้อยละ 7.9 เป็นผลมาจากการส่งออกไป จีน CLMV และอาเซียน-5 หดตัว ร้อยละ 14.9 9.3 และ 3.5 ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม การส่งออกไปตลาดอินเดียยังขยายตัวในเกณฑ์ดีที่ร้อยละ 8.0 สำหรับตลาดศักยภาพระดับรองหดตัวที่ร้อยละ 9.1ตลาดญี่ปุ่น หดตัวร้อยละ 1.9 สินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ เม็ดพลาสติก และทองแดงฯ ด้านสินค้าที่ขยายตัวสูง ได้แก่ โทรศัพท์และอุปกรณ์ฯ โทรทัศน์และส่วนประกอบ และเครื่องปรับอากาศฯ ขณะที่ 6 เดือนแรกของปี 2562 หดตัวร้อยละ 2.0
แนวโน้มการส่งออกในครึ่งหลังของปี 2562 ยังมีความท้าทาย อย่างไรก็ตาม การส่งออกไทยยังมีปัจจัยเชิงบวกที่สำคัญ คือ (1) ภาพลักษณ์ของสินค้าไทยที่ดีในสายตาของต่างชาติ ขณะที่ปัจจัยเชิงลบที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด (1) ความยืดเยื้อของข้อพิพาททางการค้า
ซึ่งยังมีความไม่แน่นอนในการเจรจาหาข้อยุติ กระทรวงพาณิชย์มีแผนผลักดันการส่งออกปี 2562 โดยในระยะเร่งด่วน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์) สั่งการให้จัดตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนกระทรวงพาณิชย์ (กรอ.พาณิชย์) ซึ่งประกอบด้วย หน่วยงานของกระทรวงพาณิชย์ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหาและอุปสรรคด้านการส่งออก เพื่อผลักดันให้การส่งออกของไทยในปีนี้ขยายตัวได้มากขึ้น นอกจากนี้ จะใช้นโยบายการค้าควบคู่กับการลงทุนและการบริการ ผลักดันให้ผู้ประกอบการไทยที่ไปลงทุนในต่างประเทศนำสินค้าไทยเข้าไปด้วย และกลยุทธ์เจาะตลาดรายพื้นที่ โดยขยายโอกาสการส่งออกในตลาดที่แข็งแกร่ง อาทิ สหรัฐฯ และอินเดีย และเปิดตลาดใหม่ที่เริ่มเห็นสัญญาณการขยายตัวต่อเนื่อง เช่น แคนาดา รวมทั้งเร่งขยายความร่วมมือและเจรจาความตกลงทางการค้า การรักษามาตรฐานสินค้า ขยายช่องทางการขายสู่ออนไลน์ ตลอดจนให้ความสำคัญกับสินค้าที่ขยายตัวสูง และมีศักยภาพในการส่งออกทดแทน อาทิ สินค้าเกษตร ประมงและอาหาร (สดและแปรรูป) ไก่ รวมถึงการผลักดันสินค้าดาวรุ่งใหม่ๆ ที่มีศักยภาพ เพื่อชดเชยการชะลอตัวของสินค้าหลักกลุ่มเดิม อาทิ รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ นาฬิกาและส่วนประกอบ เครื่องดื่ม เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เป็นต้น ทั้งนี้ ในช่วงที่อัตราแลกเปลี่ยนมีความผันผวน ผู้ส่งออกควรเร่งทำประกันความเสี่ยง และจูงใจให้ผู้นำเข้าทำสัญญาระยะยาวเพื่อเป็นหลักประกันการซื้อขายและลดผลกระทบจากความไม่แน่นอนของข้อพิพาททางการค้า โดย สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) |