บทบาทของนักเรียนในชั้นเรียน

บทบาทของนักเรียนในชั้นเรียน

       เมื่อครูอยู่บนเวทีของการแสดงในบทครู การจัดการเรียนการสอนในแต่ละบท มีผลต่อบรรยากาศในการเรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นความตื่นเต้น ความสนุกที่อยากจะเรียนรู้  การมีส่วนร่วม และปฎิสัมพันธ์ระหว่างครูกับผู้เรียน และท้ายที่สุดคือ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนนั้นมีความแตกต่างกันตามไปด้วย 

   ต่อไปนี้คือบทบาทของครูในรูปแบบการจัดการเรียนการสอนที่แตกต่างกัน ประเภท ซึ่งแต่ละประเภทล้วนมีจุดเด่นและจุดด้อย รวมถึงความสอดคล้องกับยุคสมัยที่แตกต่างกัน ซึ่งควรที่จะพิจารณาในการนำมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสม

ครูผู้สอนในฐานะผู้มีอำนาจ

   บทบาทของครูผู้สอนในลักษณะนี้ เป็นลักษณะที่พบเจอได้โดยทั่วไป ตั้งแต่ยุคอดีตจวบจนถึงยุคปัจจุบันก็ยังมีพบเห็นกันได้อยู่ ซึ่งครูผู้สอนลักษณะนี้จะเป็นผู้ควบคุมชั้นเรียนแบบเบ็ดเสร็จ โดยนักเรียนเป็นเพียงผู้ถูกควบคุม และไม่มีความเท่าเทียมกับครูผู้สอน ครูผู้สอนจึงไม่ได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือในการเรียนรู้ แต่เป็นเพียงผู้ป้อนความรู้ให้กับนักเรียน ซึ่งข้อดีของการจัดการเรียนการสอนที่ครูผู้สอนมีบทบาทเช่นนี้ คือการที่นักเรียนได้รับความรู้โดยตรงจากครูผู้สอน เน้นให้นักเรียนท่องจำ โดยไม่จำเป็นต้องสนใจความคิดเห็นปลีกย่อยอื่น ๆ ทำให้นักเรียนจดจำสาระความรู้ต่าง ๆ ได้อย่างดี


   แต่อย่างไรก็ตาม บทบาทของครูผู้สอนเช่นนี้ ไม่ใช่บทบาทที่เหมาะสมสำหรับรูปแบบของการศึกษาสมัยใหม่ เพราะไม่ได้สร้างให้นักเรียนเกิดกระบวนการคิด ขาดความคิดสร้างสรรค์ ไม่สามารถเรียนรู้ที่จะแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ นอกจากนี้ ด้วยความห่างเหินของครูผู้สอนกับนักเรียน จึงทำให้นักเรียนขาดความมั่นใจในตัวเอง มีทัศนคติทางลบต่อการเรียน และขาดอิสระในการเรียนรู้อีกด้วย

ครูผู้สอนในฐานะผู้สาธิต

   เป็นบทบาทของครูผู้สอนที่มุ่งให้นักเรียนแสดงออกทางพฤติกรรมในรูปแบบที่กำหนด ผ่านการสาธิต ซึ่งมีทั้งที่ครูผู้สอนสาธิตด้วยตัวเอง หรือใช้สื่อการเรียนการสอน เช่น คลิปวีดีโอในสื่อมัลติมีเดียต่าง ๆ เป็นเครื่องในการสาธิต ซึ่งรูปแบบนี้ยังคงเป็นลักษณะของการที่ครูผู้สอนเป็นผู้ควบคุมอยู่ แต่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนเรียนรู้จากการสังเกตและแสดงออกด้วยตัวเอง

   ครูผู้สอนในฐานะผู้สาธิตนั้น เหมาะสมอย่างมากสำหรับการเรียนการสอนที่เน้นให้นักเรียนเกิดทักษะและแสดงออกด้านพฤติกรรมที่ถูกต้อง เพราะบทบาทนี้จะช่วยให้นักเรียนเรียนรู้และปฏิบัติตามขั้นตอนต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม เป็นขั้นเป็นตอน และลดข้อผิดพลาด แต่อย่างไรก็ดี บทบาทนี้มีข้อจำกัดในเรื่องของปฏิสัมพันธ์ระหว่างครูกับนักเรียนที่มีการปฏิสัมพันธ์กันค่อนข้างน้อย

ครูผู้สอนในฐานะผู้อำนวยความสะดวก

   บทบาทของครูผู้สอนในฐานะผู้อำนวยความสะดวก จะทำหน้าที่อำนวยความสะดวกในการเรียนการสอน และในขณะเดียวกันก็ดำเนินการกระตุ้นกระบวนการเรียนรู้ โดยการสร้างสภาพแวดล้อมและสนับสนุนทางจิตวิทยาให้เอื้อต่อการเรียนรู้ของนักเรียน ซึ่งเป็นรูปแบบที่อยู่บนพื้นฐานความเชื่อที่ว่า นักเรียนมีความสามารถในการในการค้นหาคำตอบผ่านการสำรวจด้วยตัวเอง โดยครูผู้สอนช่วยในการกำหนดเป้าหมายและวัตถุประสงค์รวมไปถึงสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและเป็นอิสระ เพื่อกระตุ้นให้นักเรียนเรียนรู้และรู้จักแก้ปัญหา

   บทบาทของครูผู้สอนในฐานะผู้อำนวยความสะดวกนี้ เป็นรูปแบบที่กำลังได้รับความนิยม และถูกยกย่องว่าเป็นรูปแบบที่เป็นผลดีต่อการศึกษายุคใหม่ เพราะเป็นบทบาทที่กระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดองค์ความรู้ด้วยตัวเอง และเพื่อให้การสอนมีประสิทธิภาพสูงสุด ควรใช้เทคนิคนี้ในกลุ่มย่อย เพราะการที่ครูผู้สอนปฏิสัมพันธ์กับนักเรียนเป็นรายบุคคลจะทำให้เขาเรียนรู้และมีความมั่นใจมากขึ้น

ครูผู้สอนในฐานะตัวแทน

   เป็นบทบาทที่ครูผู้สอนจะเป็นส่วนหนึ่งในทีมที่เกี่ยวข้องกับนักเรียนในกิจกรรมต่าง ๆ และคอยสังเกตการณ์ ซึ่งเหมาะสมอย่างมากกับการทำงานกลุ่ม โดยข้อดีของกลยุทธ์การสอนนี้ คือนักเรียนจะรู้สึกว่าเป็นอิสระ มีอิสระในการเลือกด้วยตัวเอง โดยไม่โดนบังคับ

   แต่อย่างไรก็ดี การที่บทบาทนี้ นักเรียนจะไม่ถูกบังคับจากระบบการเรียนรู้หรือตัวครูผู้สอน แต่ในทางกลับกัน การที่นักเรียนไม่ได้ถูกบังคับนี้กลับถูกวิพากษ์วิจารณ์พอสมควร เพราะเป็นการแสดงให้เห็นว่าอิทธิผลและอำนาจของครูผู้สอนนั้นไม่สำคัญและถูกตัดทอนลง

ครูผู้สอนในฐานะผู้ควบคุมสื่อ

   บทบาทของครูผู้สอนในฐานะผู้ควบคุมสื่อนั้น จะเน้นรูปแบบการเรียนรู้แบบผสมผสาน โดยใช้สื่อเทคโนโลยีดิจิตอลที่ทันสมัยเข้ามาผสมผสานกับเทคนิคการเรียนการสอนแบบดั้งเดิม ซึ่งทำให้การเรียนการสอนตามปกติมีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นรูปแบบที่เหมาะสมกับการเรียนเป็นกลุ่มใหญ่ เพราะสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีในการเข้าถึงนักเรียนจำนวนมากได้อย่างดี และช่วยให้นักเรียนสามารถเข้าถึงเนื้อหาหลักสูตรต่าง ๆ ในเวลาและสถานที่ที่สะดวกได้อีกด้วย

   บทบาทนี้แม้จะเป็นรูปแบบที่มุ่งสู่อนาคต แต่ในทางตรงกันข้ามกลับมีข้อโต้แย้งมากมายเกี่ยวกับวิธีการเรียนรู้เพราะมองว่าวิธีนี้ส่งผลกระทบทางลบต่อนักเรียนและครู ซึ่งนักเรียนบางคนอาจไม่สามารถเข้าถึงสื่อได้ทัดเทียมกับเพื่อน ทำให้วิธีนี้เป็นอุปสรรคในการเรียนรู้ของเขา ในขณะที่ครูผู้สอนอาจจำเป็นต้องทำงานหนักขึ้น เพื่อที่จะพัฒนาเนื้อหลักสูตรให้เข้ากับความต้องการของนักเรียน

   ทั้งหมดนี้คือบทบาทของครูผู้สอนในการจัดการเรียนการสอนทั้ง ประเภท ที่มีการนำมาประยุกต์ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งแต่ละประเภทนั้นล้วนมีจุดเด่นจุดด้อยที่แตกต่างกัน จึงควรเลือกบทบาทให้เหมาะสมกับบริบทของนักเรียน สภาพแวดล้อม รวมถึงยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างเหมาะสม

ขอบคุณข้อมูลจาก www.aksorn.com

บทบาทหน้าที่ของนักเรียนในห้องเรียนมีอะไรบ้าง

3.1 ให้ความเคารพและเชื่อฟังครู/ อาจารย์ทุกท่าน 3.2 ปฏิบัติตนให้อยู่ในระเบียบวินัยของโรงเรียน 3.3 รักและภาคภูมิใจ ในสถาบันการศึกษาของตน 3.4 ให้ความร่วมมือ กับครู/อาจารย์ และโรงเรียน ในการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ของ โรงเรียน

ข้อใดเป็นบทบาทของนักเรียน

บทบาทหน้าที่ของนักเรียน.
1.ต้องแต่งกายด้วยเครื่องแบบที่ถูกต้องตามระเบียบของโรงเรียน 2.ต้องเป็นผู้มีระเบียบ วินัย คุณธรรม จริยธรรมที่ดี 3.ต้องให้ความเคารพเชื่อฟัง บิดามารดา ผู้ปกครอง ครูอาจารย์ ... .
6.ต้องมาโรงเรียนให้ทันเวลา และเข้าเรียนให้ตรงเวลา ไม่หนีเรียน 7.ต้องตั้งใจเล่าเรียน ... .
14.ต้องรู้จักประหยัดและสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี.

ใครมีบทบาทหน้าที่สำคัญที่สุดในโรงเรียน

ผู้บริหารในโรงเรียนที่มีอำนาจและหน้าที่รับผิดชอบตั่งแต่สูงสุดและลดระดับกันมามีดังนี้ 1.ผู้บริหารสูงสุดในโรงเรียน <ม่วง>ได้แก่ ครูใหญ่ อาจารย์ใหญ่ หรือผู้อำนวยการ ซึ่งเรียกกันตามขนาดของโรงเรียนและระดับขั้นของเงินเดือน มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบงานทุกอย่างของโรงเรียน

โรงเรียน มีหน้าที่อะไรบ้าง

2. บทบาทหน้าที่ของสถานศึกษาตามเจตนารมณ์ของ พรบ. การศึกษาแห่งชาติ 1) จัดทำนโยบายแผนพัฒนาการศึกษาด้านวิชาการ บุคคล งบประมาณ บริหารทั่วไป 2) จัดตั้ง/รับผิดชอบการใช้จ่ายงบประมาณ 3) พัฒนาหลักสูตร /จัดการเรียนการสอน 4) ออกระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ แนวปฏิบัติ 5) กำกับ ติดตามประเมินผลตามแผนงานโครงการ 6) ระดมทรัพยากร ปกครอง ดูแล ...