มาถึงจุดนี้จึงน่าจะเห็นได้แล้วว่า นิทานซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของผลผลิตของความเป็นมนุษย์ไม่ใช่เรื่องไร้สาระอีกต่อไป หากมองให้สัมพันธ์กับธรรมชาติในเชิงสร้างสรรค์ของมนุษย์และศาสตร์แห่งความเป็นมนุษย์. สวัสดีวันศุกร์แรกของปีใหม่ครับ ผมเอานิทานดีๆ มาให้อ่านกันอีกเช่นเคยนะครับ เรื่องนี้น่าจะเหมาะกับสภาวะในปัจจุบันที่เรารับรูข้อมูลกันมากมาย แล้วต่างความเชื่อที่มอง ก็เลยทำให้เกิดความขัดแย้งกัน อาจจะเป็นแค่เพียงเรามองกันคนละมุมของเรื่องเดียวกัน แต่ถ้าเราลองเปลี่ยนมุมมองซึ่งกันและกัน ก็อาจจะช่วยลดความขัดแย้งระหว่างกันลงได้ กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว มีอากง แก่ ๆ อยู่คนนึ่งอยากจะสอนข้อคิดอะไรบางอย่างให้หลาน ๆ ตามประสาคนแก่ อากงจึงเรียกหลาน ๆ ทั้งสี่มานั่งล้อมโต๊ะสี่มุม แล้วบอกหลานทั้งสี่ว่า “เอาล่ะหลาน ๆ ตอนนี้หลับตานะ หลับตา” พอหลาน ๆ หลับตา อากงก็เดินเข้าไปห้องเก็บของ แล้วหยิบโคมไฟเก่า ๆ มาอันหนึ่ง อากงเปิดฝาครอบ จุดไฟ แล้วปิดฝาครอบ จากนั้นก็บอกกับหลานทั้งสี่ว่า “ลืมตาขึ้นแล้วบอกอากงซิว่าโคมไฟสีอะไร? เด็กทั้งสี่ลืมตาขึ้นตอบไล่ ๆ กัน แต่ตอบไม่เหมือนกัน และเริ่มทะเลาะกัน คนที่นั่งด้านหนึ่งบอกว่า สีแดง อีกด้านนึ่งบอกว่าสีเขียว อีกด้านบอกไม่ใช่ สีเหลืองต่างหากล่ะ อีกด้านย้ำว่ามันคือสีน้ำเงิน ทั้งสี่ทะเลาะกันพักหนึ่งก็มีเด็กคนนึ่งถามอากงว่า อากง ทำไมของอย่างเดียวกันมีตั้งหลายสี อากงก็เลยบอกว่าเดี๋ยวอากงจะทำอะไรให้ดู อากงเดินมาที่โต๊ะ หยิบฝาครอบแล้วหมุนให้ดู ปรากฏว่า ฝาครอบสี่ด้าน สี่สี แดง เหลือง เขียว น้ำเงิน หลังจากที่เอาฝาครอบออกนั้น อากงก็ถามเด็กๆ ว่า เอ๊า ตอนนี้บอกอากงซิว่า ตอนนี้เห็นไฟสีอะไร หลาน ๆ ตอบเหมือนกันคือสีของเปลวไฟ อากง เลยบอกว่า เอาล่ะหลาน อากงถามอะไรชักสองข้อนะ ข้อที่ 1 เมื่อสักครู่นี้ ครั้งแรก ใครผิด หลานตอบว่า ไม่รู้ อากงบอกว่า รึว่า อากงผิด อากงเลยบอกอีกว่า ฟังนะ เจ้าทั้งสี่นั่งอยู่ในที่เดียวกัน มองของอย่างเดียวกัน ในเวลาเดียวกัน ยังเห็นไม่เหมือนกันเลยแล้วทำไมถึงไม่มีใครผิดล่ะ อากง .. เลยบอกว่า ก็เพราะคนทุกคนมองจากมุมมองของตัวเอง เห็นในสี่งที่ตัวเองเห็น แต่ถ้าเจ้าอยากเข้าใจว่าทำไมคนอื่นเห็นอย่างที่เขาเห็น เจ้าก็เดินไปมองที่มุมของเขา แล้วเราก็จะเห็นอย่างที่เขาเห็น แต่ถ้าลองนึกภาพนะ เจ้าทั้งสี่นั่งอยู่ที่เดียวกันมองของอย่างเดียวกันในเวลาเดียวกันยังเห็นไม่เหมือนกันเลย ในอนาคตเวลาที่อยู่ในสังคม เป็นไปได้หรือไม่ ที่คนเราก็มองสี่งต่าง ๆไม่เหมือนกัน เพระฉะนั้น เวลาที่คนคิดไม่เหมือนเราผิดหรือใครผิด เวลาที่เจ้าคิดไม่เหมือนคนอื่น อย่าไปโกรธว่าเขาผิดอย่าไปกลัวว่าตัวเองผิด เพราะคนแต่ละคน ก็เห็นสี่งต่าง ๆ จากขอบข่ายประสบการณ์และสี่งแวดล้อมของตนเอง แต่ถ้าเจ้าอยากเข้าใจว่า ทำไมคนอื่นถึงคิดแบบนั้น เจ้าก็เดินไปมุมของเขา และเมื่อเจ้ายอมเข้าใจคนอื่น อาจเป็นไปได้ว่าคนอื่นก็อาจจะยอมที่จะเดินมา และเข้าใจเจ้าเช่นกัน คำถามที่ 2 อากงถามว่า ที่เห็นครั้งแรกกับครั้งหลัง เป็นของอย่างเดียวกันมั้ย? หลานตอบว่า อย่างเดียวกัน แล้วเห็นเหมือนกันมั๊ย ครั้งแรกเห็นอะไรหลานตอบว่า เห็นฝาครอบ และครั้งหลังเห็นเปลวไฟ อากงเลยบอกว่า หลาน ๆ เอ๋ย ในอนาคตถ้าทำได้ จงอย่ามองสิ่งต่าง ๆ เพียงแค่ที่เห็น แต่ จงเข้าใจสิ่งต่าง ๆ อย่างที่มันเป็น เมื่อสังคมไทยเอาใจอ่านนิทานเรื่องนกกระจาบนี้แล้ว บวกกับนักการเมืองยึดหลักมรรคมีองค์ 8 โดยเริ่มจากความเห็นที่ถูกต้อง ตามข้อเสนอของนายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธาน ป.ป.ช.แล้ว ก็เชื่อแน่ว่าความแข้งแย้งจะลดลงอย่างแน่นอน
|