หลังจากที่ก่อนหน้านี้แนะนำวิธีการนำภาพถ่ายจาก iPhone เข้ามาที่ Apple Watch กันไปแล้ว มาดูวิธีการทำ Wallaper หน้าปัดนาฬิกา Apple Watch ด้วยภาพที่เรานำเข้ามากันครับ 1. ซิงค์ภาพถ่ายเข้า Apple Watch ให้เรียบร้อย ถ้ายังไม่ได้ซิงค์ให้ดูวิธีการซิงค์ที่นี่ 2. เปิดแอพ Photo บน Apple Watch 3. หลังจากที่เลือกภาพได้แล้ว ให้แตะหนักไปที่ภาพที่ต้องการ จากนั้นจะขึ้นว่า Create Watch Face (สร้างหน้าปัดนาฬิกา) ให้แตะไปอีก 1 ครั้งเพื่อตั้งเป็นหน้าปัดครับ รูปภาพที่เอามาตั้งเป็นหน้าปัด สามารถใช้ภาพถ่ายธรรมดา หรือจะเป็นภาพ live photos นำมาตั้งก็สามารถทำได้เช่นกัน ถ้าเป็นภาพ live photo ก็จะเคลื่อนไหวได้หลังจากที่หน้าปัดติดขึ้นมาครับ สำหรับใครที่อยากได้ live photos สามารถถ่ายเองบน iPhone 6s, iPhone 6s Plus หรือจะให้เพื่อนส่งให้ ซึ่งสามารถดูวิธีการส่งภาพ live photos ได้จากที่นี่ และสำหรับภาพ live photos สวยๆ ที่แอปเปิลโปรโมท iPhone 6s, iPhones 6s Plus ไม่มีมากับเครื่องที่ขายจริง ใครจะไปส่งจากช็อปก็ได้นะครับ ผมก็ไปส่งมาเหมือนกัน ^^ ที่มา – osxdaily หลังจากที่ผู้ใช้ Apple Watch ได้อัปเดตเป็น watchOS 5 กันแล้ว ก็อาจจะพบปัญหาการทำงานผิดปกติและแบตเตอรี่หมดไว ทีมงานจึงมีวิธีตั้งค่า Apple Watch ให้ประหยัดแบตเตอรี่บน watchOS 5 มาฝากกันค่ะ ใครที่อัปเดตเป็น watchOS 5 แล้วพบปัญหาว่าแบตเตอรี่หมดไวผิดปกติ เครื่องหน่วง เครื่องช้า หรือมีการแสดงผลที่ไม่ปกติ ก็แนะนำให้ทำการลบเนื้อหาและการตั้งค่าทั้งหมด (Erase All Content and Settings) ก่อน หลังจากรีเซ็ตเรียบร้อยแล้ว ต้องการให้ Apple Watch ใช้งานได้ประหยัดแบตเตอรี่มากขึ้นก็ชมวิธีต่อไปนี้ได้เลย แต่ต้องบอกก่อนว่าไม่จำเป็นต้องทำตามทุกๆ ข้อนะคะ แนะนำให้ตั้งค่าตามความสะดวกในการใช้งานและเวลาที่จำเป็นต้องประหยัดแบตเตอรี่ค่ะ วิธีตั้งค่า Apple Watch ให้ประหยัดแบตเตอรี่บน watchOS 51. ปิด Wake Screen on Wrist Raise Wake Screen on Wrist Raise คือการแสดงผลหน้าจอเมื่อเรายกข้อมือขึ้นมาดู ซึ่งแน่นอนว่าหากเรายกขึ้นบ่อยๆ ทั้งอาจจะตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจก็ทำให้เปลืองแบตเตอรี่ได้ ให้เราตั้งค่าปิดการการแสดงหน้าจอเมื่อยกข้อมือขึ้นและใช้วิธีกดหรือหมุนปุ่ม Digital Crown แทน ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > ทั่วไป (General) > ปลุกหน้าจอ (Wake Screen) > แตะปิด ปลุกหน้าจอเมื่อยกข้อมือขึ้น (Wake Screen on Wrist Raise) 2. ลดเวลาแสดงหน้าจอ หลังจากแตะหน้าจอ เราสามารถตั้งเวลาการแสดงหน้าจอหลังจากที่แตะหน้าจอได้เอง โดยกำหนดให้ระยะเวลาการแสดงผลสั้นลง หากไม่ได้ใช้งานหน้าจอนานๆ เช่น เวลาที่ทำงาน เวลาที่ไม่ได้ออกกำลังกาย ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > ทั่วไป (General) > ปลุกหน้าจอ (Wake Screen) > ปลุกหน้าจอ 15 วินาที 3. ปรับความสว่างให้ต่ำลง การปรับหน้าจอให้มืดลงก็ช่วยประหยัดแบตเตอรี่ได้ ถึงแม้จะปรับความสว่างต่ำสุด เราก็ยังสามารถใช้งานได้ปกติ สีก็ยังคงคมชัดเหมือนเดิม และช่วยลดการสะท้อนดวงตาเวลาอยู่ในที่มืดด้วย ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > ความสว่างและขนาดข้อความ (Brightness & Text Size) > ปรับความสว่างต่ำสุด 4. เปิดโหมด Theater สำหรับบางคนอาจจะไม่สะดวกที่จะปิดหน้าการปลุกหน้าจอตลอดทั้งวัน แนะนำว่าให้เปิดโหมด Theater เพื่อปิดการปลุกหน้าจอเฉพาะเวลาที่เราต้องการเท่านั้น เช่น ตอนที่เราดูหนัง ประชุมงาน เป็นต้น โหมด Theater จะช่วยปิดการปลุกหน้าจอ รวมถึงเสียงการแจ้งเตือนต่างๆ อีกด้วย ปัดหน้าจอ Apple Watch ขึ้น เพื่อเปิด Control Center > เลื่อนลงมาและแตะไอคอน Theater Mode หากเปิดแล้วไอคอนจะกลายเป็นสีส้ม 5. ปิด Background App Refresh เช่นเดียวกับ iPhone ที่การปิด Background App Refresh จะช่วยลดการใช้ทรัพยาการและแบตเตอรี่ได้ค่อนข้างเยอะ แนะนำให้เลือกเฉพาะแอปที่ไม่จำเป็นต้องการอัปเดตการแจ้งเตือนแบบ Real Time ไปที่แอป Watch บน iPhone > ทั่วไป (General) > ดึงข้อมูลใหม่ให้แอปอยู่เบื้องหลัง (Background App Refresh) แตะปิดแอปที่ไม่จำเป็นต้องอัปเดตข้อมูลตลอดเวลา หรือจะเลือกปิดทั้งหมดก็ได้ถ้าไม่ต้องการให้อัปเดตทุกแอป 6. เปิดลดการเคลื่อนไหว Reduce Motion หรือลดการเคลื่อนไหว จะช่วยลดเอฟเฟ็กต์และลูกเล่นต่างๆ ที่เคลื่อนไหวบนหน้าจอได้ ไปที่ การตั้งค่า (Settings)> ทั่วไป (General) > การช่วยการเข้าถึง (Accessibility) > ลดการเคลื่อนไหว (Reduce Motion) > ปิด ลดการเคลื่อนไหว (Reduce Motion) 8. เปิดระดับสีเทา ด้วยหน้าจอของ Apple Watch เป็นหน้าจอ OLED การเปิดระดับสีเทา (Greyscale) บนหน้าจอ Apple Watch จะช่วยให้ประหยัดไฟได้ เนื่องจากหน้าจอจะปรับจุดที่มีสีเข้มให้เป็นโทนสีดำ จึงทำให้การจ่ายไฟบนหน้าจอทั้งหมดน้อยลง ไปที่แอป Watch บน iPhone > ทั่วไป (General) > ตัวช่วยการเข้าถึง (Accessibility) > เปิด ระดับสีเทา (Grayscale) 9. เลิกติดตั้งแอปที่ไม่ได้ใช้ สำหรับแอปที่ดาวน์โหลดมาบน iPhone แต่เราไม่ได้ใช้บน Apple Watch เราก็ไม่จำเป็นต้องติดตั้งบน Apple Watch นอกจากจะเก็บไฟล์แคชต่างๆ แล้ว การแจ้งเตือนจากแอปที่ไม่ได้ใช้ยังทำให้เปลืองแบตอีกด้วย ไปที่แอป Watch บน iPhone > เลื่อนลงมาด้านล่างในส่วนติดตั้งอยู่บน Apple Watch > เลือกถอนการติดตั้งแอปที่ไม่ได้ใช้บน Apple Watch 10. เปิดการแจ้งเตือนแอปที่จำเป็น บางแอปที่เราไม่ต้องการรับการแจ้งเตือน เราก็สามารถตั้งค่าปิดการแจ้งเตือนได้ ไปที่แอป Watch บน iPhone > การแจ้งเตือน (Notifications) > ปิดการแจ้งเตือนแอปที่ไม่ต้องการให้แจ้งเตือน 11. เปิดโหมดประหยัดพลังงาน เวลาที่เราไม่ได้ออกกำลังกายหรือใช้ชีวิตประจำวันโดยไม่ต้องการให้มีการวัดอัตราการเต้นของหัวใจตลอดเวลา ก็สามารถปิดได้ แต่ถ้าใครต้องการติดตามการเต้นของหัวใจช้าหรือเร็วก็ไม่ต้องปิดนะคะ ปิดแค่ตอนที่เราคิดว่าไม่ได้ใช้เท่านั้น ไปที่การตั้งค่า (Settings) > ทั่วไป (General) > การออกกำลังกาย (Workout) > โหมดประหยัดพลังงาน (Power Save Mode) 12. ปิดการเรียก Hey Siri หากเราเปิด หวัดดี Siri และยกขึ้นเพื่อพูดไว้ อุปกรณ์จะต้องรอตอบสนองการทำงานอยู่ตลอดเวลา ซึ่งก็ทำให้ใช้พลังงานแบตเตอรี่เยอะอยู่พอสมควร ดังนั้นหากเราไม่จำเป็นต้องใช้ Hey Siri บ่อย ก็สามารถปิดและใช้การกดปุ่ม Crown ด้านข้างแทน การปิด Hey Siri และยกขึ้นเพื่อพูด สามารถทำได้ดังนี้ ไปที่การตั้งค่า (Settings) > ทั่วไป (General) > Siri > ปิดหวัดดี Siri (Hey Siri) และปิด ยกขึ้นเพื่อพูด (Raise to Speak) 13. ใช้หน้าปัดสีดำ การใช้หน้าปัดที่มีภาพเคลื่อนไหวหรือจำนวนการแสดงของสีเยอะๆ ก็ทำให้เปลืองแบตเตอรี่ได้ แนะนำว่าหากต้องการประหยัดแบต ก็สามารถปรับใช้พื้นหลังหน้าปัดให้เป็นสีดำหรือมีส่วนการแสดงสีอื่นน้อยๆ เนื่องจากหน้าจอ OLED จะไม่แสดงไฟตรงจุดการแสดงผลที่เป็นสีดำ ทั้งหมดนี้ก็เป็นวิธีที่จะช่วยประหยัดแบตการใช้งาน Apple Watch ใน watchOS 5 อย่างที่บอกแนะนำว่าไม่ต้องทำทั้งหมดนะคะ แนะนำให้เลือกทำตามความเหมาะสมของสถานการณ์ เช่น ลืมเอาที่ชาร์จมาทำงานด้วย แล้วแบตเตอรี่เหลือน้อย เราก็ปรับตั้งค่าตามนี้ได้เลย |