วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมถูกกำหนดโดยสมาคมภาษาตุรกีเนื่องจากวิทยาศาสตร์ประยุกต์ uygulam ที่ตรวจสอบความสัมพันธ์ของธรรมชาติมนุษย์และปัญหาสิ่งแวดล้อมและรวบรวมไว้ในหลากหลายสาขา” Show พวกเขาเป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดผลกระทบจากการอยู่อาศัยหรือชุมชนที่อยู่อาศัย มันเป็นสถานที่ที่สิ่งมีชีวิตตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐานของพวกเขาเช่นการแพร่กระจายที่พักพิงและโภชนาการ มันรวมองค์ประกอบ 2 ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นจากกระบวนการทางธรรมชาติและสภาพแวดล้อมเทียมที่สร้างขึ้นโดยกำลังคนโดยได้รับประโยชน์จากสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ ทะเล, ทะเลสาบ, ภูเขา, ทุ่งหญ้า, ที่ลุ่ม, ป่าไม้, บึง, สายน้ำ ฯลฯ ธรรมชาติและบ้านย่านเมืองสวนสาธารณะ ฯลฯ สภาพแวดล้อมที่ประดิษฐ์สร้างพื้นที่อยู่อาศัยและอนุญาตให้สิ่งมีชีวิตในการโต้ตอบ / สื่อสาร สภาพแวดล้อมทางเคมี, ชีวภาพ, กายภาพ, เศรษฐกิจ, สังคมและวัฒนธรรม ตามกิจกรรมที่ดำเนินการสภาพแวดล้อมแบ่งออกเป็นสองกลุ่มคือการใช้ชีวิตและไม่มีชีวิต สภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยเป็นเอนทิตีที่แบ่งปันและโต้ตอบกับสภาพแวดล้อมทางกายภาพเดียวกัน ในทางกลับกันสภาพแวดล้อมที่ไม่มีชีวิตชีวาเป็นสภาพแวดล้อมที่ไม่มีกิจกรรมที่สำคัญเกิดขึ้นในแง่ของคุณสมบัติทางเคมีและทางกายภาพเช่นน้ำและดิน มันถูกจัดประเภทตามธรรมชาติของมันเป็นสภาพแวดล้อมทางกายภาพและทางสังคมและเป็นท้องถิ่นระดับภูมิภาคระดับชาติและระดับนานาชาติ ในประเทศของเราให้ความสำคัญกับการศึกษาในมหาวิทยาลัยเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม วันนี้มหาวิทยาลัยต่าง ๆ มีการป้องกันและควบคุมสิ่งแวดล้อม (อนุปริญญา), สุขภาพสิ่งแวดล้อม (อนุปริญญา) และภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม (ปริญญาตรี) การป้องกันและควบคุมสิ่งแวดล้อมการเพิ่มขึ้นของประชากรอุตสาหกรรมการบริโภคที่ไม่ได้สติและปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นเนื่องจากกิจกรรมต่าง ๆ เช่นมลพิษจำเป็นต้องมีการควบคุม การฝึกอบรมเกี่ยวกับการลดและป้องกันมลภาวะการแก้ปัญหาการปกป้องทรัพยากรใต้ดินและทรัพยากรบนพื้นดินและการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนจัดทำโดยฝ่ายป้องกันและควบคุมสิ่งแวดล้อม อนามัยสิ่งแวดล้อมดำเนินการวิจัยและการศึกษาที่จำเป็นเพื่อป้องกันมลพิษทางสิ่งแวดล้อมอาหารอาคารน้ำอากาศและอื่น ๆ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ความรู้กับผู้ที่ดำเนินการตรวจสอบ วิศวกรรมสิ่งแวดล้อมทรัพยากรทางธรรมชาติและใต้ดินทั้งหมดที่มีการใช้ลดและกำจัดปัจจัยที่ก่อให้เกิดมลพิษในแหล่งที่มาใช้อย่างเหมาะสมและเหมาะสมที่สุดมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้ที่จะบรรลุการพัฒนาที่ยั่งยืน การเพิ่มขึ้นของการสังเกตในมลพิษของแหล่งน้ำที่จำเป็นสำหรับความต่อเนื่องของอากาศดินและกิจกรรมที่สำคัญของเราความเป็นไปได้ของการสูญเสียทรัพยากรทรัพยากรที่ใช้งานไม่ได้การเจาะชั้นโอโซน, ภาวะโลกร้อนที่จะเริ่มต้น วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับปัญหาต่าง ๆ เช่นการเพิ่มขึ้นของเซลล์โรคการสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติและการทำลายด้วยเหตุผลต่าง ๆ โดยทั่วไปเกี่ยวข้องกับประเด็นต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ - การจัดหาน้ำดื่มการป้องกันมลพิษการส่งผ่านและการบำบัด - ออกแบบและสร้างเครือข่ายน้ำประปา - การคัดเลือกการออกแบบการก่อสร้างและการดำเนินงานของสิ่งอำนวยความสะดวกขยะในประเทศและอุตสาหกรรม - การปล่อยและผลกระทบของน้ำเสียต่อสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมการจัดทำรายงาน EIA และการติดตามกระบวนการ - การวิเคราะห์และประเมินความเสี่ยง - การรวบรวมการขนส่งการเก็บการกู้คืนหรือการกำจัดขยะมูลฝอย - ควบคุมมลพิษทางอากาศและดิน วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมไม่ใช่นิเวศวิทยา มีความแตกต่างที่ร้ายแรงระหว่างระบบนิเวศ วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมตรวจสอบผลกระทบเชิงลบของกิจกรรมของมนุษย์ในขณะที่นิเวศวิทยาตรวจสอบปฏิสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตกับแต่ละอื่น ๆ และสภาพแวดล้อมของพวกเขา สิ่งแวดล้อมไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมหรือนักนิเวศวิทยา สิ่งแวดล้อมคือการเคลื่อนไหวทางสังคมที่ควรจะเป็น มันไม่ใช่วินัยทางวิชาการที่ต้องศึกษาสาขาวิชาต่าง ๆ เช่นฟิสิกส์เคมีธรณีวิทยาชีววิทยาและวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม ทุกคนที่พยายามทุกวิถีทางเพื่อป้องกันการแก้ไขและป้องกันปัญหาสิ่งแวดล้อมล้วน แต่เป็นนักสิ่งแวดล้อม วันนี้ปัญหาสิ่งแวดล้อมได้กลายเป็นปัญหาของระบบนิเวศและถูก จำกัด ให้กับประชาชน นิเวศวิทยามุ่งเน้นไปที่ปฏิสัมพันธ์ของปัจจัย abiotic และการศึกษาสารอาหารจากบรรยากาศ; กิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมมุ่งเน้นไปที่การมีปฏิสัมพันธ์กับระบบนิเวศที่แตกต่างกันและปฏิกิริยาเหล่านี้มีผลกระทบต่อระบบนิเวศอย่างไร จึงพอเป็นที่ทราบได้แล้วว่า การศึกษาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมนั้น เป็นการศึกษาสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ อาจเป็นสิ่งแวดล้อมที่ดีหรือเลว สามารถเห็นได้หรือเห็นไม่ได้ สวยงามหรือน่าเกลียด เป็นวัสดุเพื่อใช้ผลิตปัจจัยสี่ หรือปัจจัยสี่โดยตรง ทัศนียภาพ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ทั้งนั้น อาจเกี่ยวโดยตรงหรือเกี่ยวข้องโดยทางอ้อมก็ได้ ดังนั้นขอบเขตและสาระในการศึกษาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมจึงเป็นการศึกษากว้างขวางมาก แต่มีหลักการในการกำหนดข้อจำกัดอยู่ที่ต้องศึกษาสิ่งต่างๆที่อยู่รอบๆตัวมนุษย์ประโยชน์ของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สิปปนนท์ เกตุทัต (ม.ป.ป. : 80) กล่าวว่า วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมีความจำเป็นและเพิ่มความสำคัญเป็นลำดับมากขึ้นต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์แม้ว่าการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจะเอื้ออำนวยในด้านชีวิตความเป็นอยู่ที่สะดวกสบายและอายุยืนนานขึ้น หากการการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้ โดยมิได้พิจารณาอย่างสุขุมรอบคอบและกว้างไกลแล้ว ย่อมเกิดผลเสียต่อสภาพแวดล้อมและสมดุลทางธรรมชาติอย่างมหันต์ เมื่อมองไปข้างหน้า วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควรช่วยเตรียมให้มนุษย์มีความพร้อมที่จะเผชิญกับปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิต และปัญหาอันเกี่ยวเนื่องกับมนุษย์และสิ่งแวดล้อม ข้อที่พึงตระหนัก คือ การดำรงชีวิตของมนุษย์มิใช่เพื่อกอบโกยผลประโยชน์จากธรรมชาติ หรือการทำตนอยู่เหนือธรรมชาติ หากแต่มนุษย์ต้องเรียนรู้ธรรมชาติที่จะดำรงชีวิตอย่างสันติร่วมกับผู้อื่น กับสังคมวัฒนธรรม และกับธรรมชาติ ดังนั้นในชีวิตประจำวันของมนุษย์ทุกคน จะต้องเกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอยู่ตลอดเวลา เกี่ยวข้องกับวิวัฒนาการทางด้านความรู้ ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงหลาย ๆ ด้าน จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะทำให้บุคคลในสังคม รู้จักวิธีการคิดอย่างมีเหตุผล มีวิธีการแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่มีระบบ อันจะส่งผลให้เกิดการพัฒนาด้านสติปัญญาซึ่งวิธีการคิดนั้นเป็นวิธีเดียวกันกับที่ใช้อยู่ในกระบวนการแสวงหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ สุเทพ อุสาหะ (2526 : 10-11) กล่าวว่า คงเป็นที่ยอมรับกันว่า ขณะนี้เราอยู่ในยุคที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเจริญสูงสุด ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับตัวเรานั้นเป็นผลมาจากการพัฒนาของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทั้งสิ้น อย่างไรก็ตามอิทธิพลของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีส่วนใหญ่ที่มีต่อเศรษฐกิจ และการเสาะแสวงหาความรู้นั้นยังไม่เป็นที่เด่นชัดสำหรับประชาชนส่วนใหญ่ เฮอร์ด (Hurd. 1970 : 13-15) ได้ชี้ให้เห็นว่า ประชาชนส่วนใหญ่ได้รับข้อมูลผิดพลาดเกี่ยวกับความหมาย และอิทธิพลของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่มีต่อ วัตถุ สังคม และชีวิตความเป็นอยู่ ดังนั้นการให้ความรู้หรือการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ จะเป็นการเตรียมคนเพื่อแก้ปัญหา ต่าง ๆ ในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในอนาคต และความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ จะยิ่งเกิดขึ้นมากเรื่อย ๆ ขณะเดียวกันวิทยาศาสตร์ก็จะเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับสังคมมากขึ้น จึงเป็นสิ่งที่แน่นอนว่าความสำคัญของวิชาวิทยาศาสตร์ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของการให้การศึกษาพื้นฐานทั่วไป (general education) จะมีมากขึ้น จะเห็นได้ว่าทุกคนจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งระดับของการศึกษาของแต่ละคนนั้นย่อมขึ้นอยู่กับเป้าหมายและความสนใจของแต่ละบุคคล ดังที่ เอกิน (Agin. 1974 : 404) ได้ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นของบุคคลกลุ่มต่าง ๆ ที่ต้องเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีตามภาพที่ 3 ภาพที่ 3 แสดงการแยกสาขาของวิทยาศาสตร์ 1. เตรียมนักวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในสาขาต่าง ๆ ภาพที่ 3 ระดับของกลุ่มบุคคลที่เรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จากภาพที่ 3 จะเห็นได้ว่าพลเมืองกลุ่มที่ 3 ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่สุดมีความจำเป็นต้องศึกษาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อจะเป็นพลเมืองที่มีประสิทธิภาพ พร้อมกับนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปใช้ในการแก้ปัญหาในชีวิตประจำวันของพวกเขา ซึ่งประโยชน์ของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สรุปได้พอสังเขป ดังนี้คือ วิทยาศาสตร์มีความสำคัญต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อมอย่างไรวิทยาศาสตร์ช่วยในการเพิ่มคุณค่าทางสารอาหาร รักษาความสดใหม่และไม่ให้อาหารบูดเสีย สามารถเก็บได้นาน สร้างสารอาหารทดแทน พร้อมทั้งคิดประดิษฐ์และแสวงหาอาหารต่างๆทั้งในพื้นโลก ท้องทะเล อากาศ และอื่นอีกๆมากมาย เรียกได้ว่าวัตถุดิบและอาหารในปัจจุบันนี้มาจากการทดลอง วิจัยและประดิษฐ์ขึ้นมาโดยใช้กระบวนการวิทยาศาสตร์เป็นพื้นฐาน ยิ่ง ...
วิทยาศาสตร์กับสิ่งแวดล้อมมีอะไรบ้างวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมเป็นสาขาวิชาที่กว้างที่ครอบคลุมในสาขาวิชาฟิสิกส์ เคมี และชีววิทยาและนำมาประยุกต์ใช้เพื่อความเข้าใจในปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม โดยมีเป้าหมายสูงสุดอยู่ที่การส่งเสริมความเข้าใจในสิ่งแวดล้อมที่มีความซับซ้อนที่อยู่รอบตัวเราและการปฏิบัติเพื่อแก้ไขปัญหาที่จะส่งผลต่อความยั่งยืน
วิทยาศาสตร์กับสิ่งแวดล้อมคืออะไรวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม หมายถึง "การศึกษาทางวิทยาศาสตร์ เกี่ยวกับพฤติกรรมของสิ่งแวดล้อมต่อมนุษย์ และมนุษย์ต่อสิ่งแวดล้อม ในเรื่องของชนิด ปริมาณ และสัดส่วนของการอยู่ร่วมกันภายในระบบสิ่งแวดล้อมนั้นๆ"
วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมอย่างไรเทคโนโลยีการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีทั้งวิธีทางฟิสิกส์ เคมีและชีวภาพ นับว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันและการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาต่อเนื่องถึงอนาคต การเลือกใช้เทคโนโลยีการฟื้นฟูที่เหมาะสมกับสภาพภูมิประเทศและสภาพพื้นที่ย่อมส่งผลให้ปัญหาสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ได้รับการแก้ไขที่ถูกต้อง
|