เซลล์ ขาย คอน โด บริษัท ไหน ดี

ผมขอเสนอข้อคิดเห็นในแง่มุมต่างๆ จากประสบการณ์กว่า 30 ปี เพื่อช่วยให้หลายท่าน ที่ต้องการเป็นนายหน้าอสังหาริมทรัพย์มืออาชีพแบบจริงจัง ได้ลองศึกษาเพื่อเป็นแนวทางก่อน...

 

เกี่ยวกับผู้สมัครงานเป็นนายหน้าอสังหาริมทรัพย์

ผู้ที่เข้ามาสมัครงานเป็นตัวแทนขายบ้านมือสอง หรือเป็นนายหน้าขายอสังหาริมทรัพย์ จะแบ่งตามประสบการณ์ได้เป็น 3 กลุ่มคือ

  • กลุ่มแรก – ซึ่งมีค่อนข้างมากคือ มือใหม่ ไม่เคยทำงานเกี่ยวกับบ้านที่ดินมาก่อนเลย แต่อาจจะเคยทำงานเกี่ยวข้องบ้าง เช่นขายวัสดุก่อสร้าง ทำงานธนาคารปล่อยสินเชื่อ ฯลฯ กลุ่มนี้ยังแยกย่อยได้อีกเป็น มีประสบการณ์งานขาย กับไม่เคยเป็นพนักงานขายเลย ทำสาขาอื่นมาก่อน เช่น บัญชี งานโรงงาน
  • กลุ่มที่สอง - เป็นมือเก่าจากการเคยขายบ้านมือหนึ่งทั้งโครงการดังติดแบรนด์ดี และโครงการท้องถิ่นทั่วไป
  • กลุ่มที่สาม - เป็นมือเก่าของจริง รู้กระบวนการทำงานทุกอย่าง จากที่อื่นมาแล้ว จะต่างก็แค่วิธีคิด วิธีทำ ปรัชญาการทำงานของแต่ละที่เท่านั้น

 

เซลล์ ขาย คอน โด บริษัท ไหน ดี

 

ความเข้าใจของผู้สมัครงานนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ - กลุ่มมือใหม่

ผมจะพูดถึงกลุ่มแรกซึ่งมีค่อนข้างมาก ระหว่างการสัมภาษณ์ ก็พอจะสรุปความเข้าใจและความต้องการของเขาได้ว่า อยากทำอาชีพนี้เพราะคิดว่า เงินดี เห็นใครก็ทำได้ง่าย ไม่น่าจะยาก และน่าจะทำเป็นไซด์ไลน์ได้ ทำงานประจำอยู่ และจะทำหลังเลิกงาน หรือมากกว่านั้น คือจะทำในเวลาที่ทำงานประจำด้วยซ้ำไป ส่วนเรื่องรายได้ ก็มักจะขอเริ่มต้นกันที่อย่างต่ำเดือนละ 12,000บาท ด้วยคุณสมบัติที่ไม่มีประสบการณ์งานขายด้านนี้มาก่อน บางคนไม่เคยขายอะไรมาก่อนเลย หรือไม่ได้มีประสบการณ์ตรงกับการขายบ้านมา  และไม่ยอมรับกับการทำงานแบบไม่มีเงินเดือนที่บริษัทจะจ่ายเป็นส่วนแบ่งเมื่อบริษัทได้รับค่านายหน้ามาแล้ว

 สรุปแล้ว

เป็นความต้องการที่ไม่ตรงกันนัก บริษัทนายหน้าจะมีรายได้ชัดเจน ที่ 3% ของราคาบ้านที่ขายได้ ไม่มีรายได้อื่นอีกเลย ซึ่งไม่ได้มากอะไร เพราะบริษัทฯ ต้องลงทุนจะรับฝากขายบ้านโดยไม่ได้เก็บค่าใช้จ่ายใด ๆกับผู้ฝากขายบ้านมาก่อน ต้องลงทุนทำการตลาดให้ลูกค้าก่อนทั้ง ป้าย ค่าโฆษณา ค่าใช้จ่ายในสำนักงานทั้ง น้ำ ไฟฟ้า โทรศัพท์ บริษัทจะได้ค่านายหน้าจากบ้านหลังที่ขายได้เท่านั้น

 

ความเป็นจริง ของวงการนายหน้าขายอสังหาริมทรัพย์

ความเป็นจริง ของวงการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ที่นายหน้าทุกคนที่ผ่านประสบการณ์ทำอาชีพมาระยะหนึ่งคือ บ้านไม่ได้ขายได้ทุกหลัง เนื่องจากบ้านทุกหลังมีข้อจำกัดในหลายแง่มุม ยกตัวอย่างเช่น

  • ทำเลที่ตั้ง
  • สภาพบ้าน
  • ราคาที่เจ้าของยอมรับได้
  • คู่แข่งในตลาด
  • บ้านใหม่ที่มีออกมาเรื่อย ๆในตลาด 

นอกจากนั้นยังมีเรื่องความต้องการขายในตลาด ที่มีมากว่าความต้องการซื้อถึงประมาณ 7 เท่า ดังนั้น แค่บริษัทสามารถบริหารการตลาดให้มีอัตราการรับฝากขาย กับการขายได้ 7 ต่อ 1 ก็ถือว่าเก่งแล้ว แต่ส่วนใหญ่ จะ 10 ต่อ 1 ซึ่งทำให้ค่านายหน้าของบ้านที่ขายได้ หลังจากจ่ายค่าคอมมิชชั่นให้กับพนักงานขายแล้ว ต้องนำไปเฉลี่ยเป็นค่าใช้จ่ายด้านการตลาดให้กับบ้านอีกประมาณ 9 หลังที่ไม่สามารถขายได้ด้วย จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่บริษัท ไม่สามารถจะลงทุนจ้างเงินเดือนสูง ๆ กับพนักงานที่เข้ามาตัวเปล่าได้เลย

 

มุมมองของบริษัทนายหน้าขายอสังหาริมทรัพย์

ในมุมของบริษัท คิดว่าไม่กลัวเรื่องการลงทุน โดยเฉพาะการลงทุนในตัวพนักงาน ซึ่งถือว่าเป็นทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดแล้วในธุรกิจตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์ เพียงแต่ว่าต้องมีอะไรที่พอจะให้บริษัทคาดหวัง หรือตัดสินใจได้บ้างว่าควรลงทุน หลายคนมาแล้วทำงาน 3 เดือนทำไม่ได้คิดเป็นเงินเดือนก็เท่ากับค่านายหน้าของบ้าน 1 หลัง 2 ล้านบาทแล้ว บางคนมาเพื่อฝังตัวฟักไข่ มาเพื่อเรียนรู้จริงๆ พอเป็นแล้วก็ไป ยังไม่ทันทำผลงานให้บริษัทได้เลย
 

มุมมองของพนักงาน/ตัวแทน ที่สมัครงานนายหน้า

ในมุมของพนักงาน ก็ต้องการความแน่นอน แม้จะไม่มีอะไรติดตัวมาเพื่อให้บริษัทคาดหวังได้เลยก็ตาม แต่ด้วยมีค่าใช้จ่ายรออยู่ทุกเดือน ก็ไม่สามารถเสี่ยงได้เช่นกัน  ทางออกที่ดีคือ ผู้ที่จะเข้ามาในอาชีพนี้ต้องมองไปข้างหน้า ถามตัวเองก่อนว่าทำไมถึงอยากทำอาชีพนายหน้าอสังหา ถ้าคำตอบคือ "รายได้ดี" ทำง่าย ก็คงต้องทบทวนใหม่ว่า มีอาชีพอย่างนี้จริง ๆในโลกนี้ด้วยหรือ

 

สรุป

การจะเริ่มต้นงานอะไรซักอย่าง เราน่าจะมีภาพในใจไว้ว่า เรามีเป้าหมายว่าเราต้องการทำอะไร เห็นภาพตัวเองเป็นอย่างไร ในอีก 5 ปี 10 ปีข้างหน้า มีหลายคนที่มาสมัครงาน ทำงานมาแล้ว 20 ปี เปลี่ยนงานมาไม่ซ้ำธุรกิจเลย ยังหาตัวเองไม่พบว่าตัวเองทำอะไรได้ดี อะไรคิดว่าดีก็ทำ พอพบว่ามีปัญหาไม่ดีอย่างที่คิด ก็เปลี่ยนใหม่ น่าเสียดายที่เวลาที่ผ่านไป ประสบการณ์ในการทำงานไม่สามารถนำมาต่อยอดได้เลย ต้องเริ่มใหม่เรื่อย ๆ อย่างนี้แล้วเมื่อไรจะสบายซักที

ถ้าคุณคิดจะเป็นนายหน้า หรือตัวแทนขายบ้านมือสอง คุณต้องบอกตัวเองว่าตั้งใจจะยึดอาชีพนายหน้าอสังหาไว้เป็นอาชีพสุดท้าย เพราะธุรกิจนี้อายุยิ่งมาก ยิ่งน่าเชื่อถือ ประสบการณ์ยิ่งมาก ยิ่งเข้าใจชีวิตมาก คนรุ่นหลังก็จะวางใจในการใช้บริการ คนรุ่นเดียวกันก็ยอมรับได้ เศรษฐกิจดี หรือไม่ดี ก็ทำได้ เศรษฐกิจไม่ดี คนก็ย้ายบ้าน เศรษฐกิจดี คนก็ย้ายบ้าน นายหน้าที่ยึดหลักการ เอาผลประโยชน์ลูกค้าเป็นที่ตั้ง ซื่อสัตย์ ยิ่งทำนานไปลูกค้าเก่ายิ่งมาก เป็นความมั่นคงอย่างหนึ่งในอาชีพ
 

ทางออกที่ดีที่อยากแนะนำ คือระหว่างที่ยังทำงานมีเงินเดือนประจำอยู่ หรือทำงานอื่นอยู่ก็ตาม ก่อนตัดสินใจที่จะมาทำ ท่านควรใช้เวลาศึกษา เรียนรู้กระบวนการ วิธีการ เข้ารับการอบรมจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัทตัวแทนที่เปิดอบรมนายหน้าอสังหา หรือแม้แต่การทำตัวเป็นผู้ซื้อ ออกตระเวณไปตามสำนักงานขายบ้านต่าง ๆ ศึกษาวิธีการที่ดี เก็บข้อมูล คิดว่าถ้าท่านไปได้ครบซัก 50 โครงการ ท่านน่าจะได้ความรู้ วิธีการ ในการเป็นพนักงานขายบ้านที่ดีพอสมควรแล้ว จากนั้น ท่านเดินไปที่บริษัทฯ นายหน้าใด เขาก็พร้อมที่จะรับท่านเป็นพนักงานขายแน่นอน หรือต่อให้คุณต้องการเป็นนายหน้าอสังหาแบบ part time หลักการทั้งหลายนี้ คุณสามารถนำไปปรับใช้ได้เช่นเดียวกัน

 

การเริ่มต้น เหมือนการกลัดกระดุมเม็ดแรก ถ้ากลัดได้ถูกต้อง เม็ดต่อไปย่อมเป็นเรื่องง่าย และไม่เป็นการเสียเวลาเดินหลงทาง ผมอยากแนะนำสำหรับท่านที่ตัดสินใจว่าจะยึดอาชีพนายหน้าอสังหา เป็นอาชีพสุดท้ายอย่างจริงจัง แต่ยังไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร ได้ลองพิจารณาหลักสูตรการอบรมนายหน้ายอสังหา 3 วัน สำหรับผู้ที่ไม่มีพื้นฐานความรู้ด้านการเป็นนายหน้าอสังหาฯมาก่อน หรือผู้ที่ต้องการก้าวสู่อาชีพนายหน้าอสังหาฯ แบบมืออาชีพอย่างแท้จริง พร้อมทั้งเรียนรู้เครื่องมือการทำงานที่จะพาคุณก้าวสู่เป้าหมายเป็นมืออาชีพในเวลาอันรวดเร็ว และง่ายยิ่งขึ้น KICK START FOR SUCCESS แล้วพบกันครับ

เป็นเซลล์ขายบ้านรายได้ดีไหม

อาชีพพนักงานขายบ้าน เป็นอีกหนึ่งอาชีพที่ได้รับค่าตอบแทนสูงมาก เพราะอาชีพพนักงานขายบ้าน หรือนายหน้าขายบ้านและที่ดินสามารถทำเงินได้ 2 ช่องทาง คือ ค่าคอมมิชชั่นจากผู้ซื้อและค่าคอมมิชชั่นจากผู้ขาย เช่น เงินเดือนประจำจากบริษัท ค่าคอมมิชชั่นจากบริษัทโดยตรง คิดเป็นเปอร์เซ็นต์แต่ละบริษัทจะได้ค่าตอบแทนแตกต่างกัน

ขายคอนโดได้ค่าคอมกี่บาท

ตามมาตรฐานโดยทั่วไป ค่าคอมมิชชั่นนายหน้าขายอสังหาริมทรัพย์จะคิดในอัตรา 3% จากราคาขาย และอาจสูงหรือต่ำกว่านั้น ขึ้นอยู่กับพื้นที่ตั้งของอสังหาริมทรัพย์ ความยากง่ายในการซื้อขาย มูลค่าของอสังหาริมทรัพย์ ระยะจนเวลากว่าจะขายได้ และเงื่อนไขอื่น ๆ ที่ได้ตกลงกันไว้

เป็นเซลล์ขายบ้านต้องทำยังไง

1.มีหน้าที่ในการนำเสนอขายบ้านให้กับลูกค้า ติดต่อกับลูกค้าที่ประกาศขายอสังหาริมทรัพย์ 2.พาลูกค้าเยี่ยมชมบ้าน และดูแลเรื่องการขายจนโอนกรรมสิทธิ์ ที่กรมที่ดิน 3.ปิดการนำเสนอขายเพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายและยอดขายที่กำหนด

พนักงานขายโครงการคืออะไร

หน้าที่และความรับผิดชอบ ติดตามและโน้มน้าวใจลูกค้า จนกระทั่งปิดการขาย ดำเนินการเรื่องเอกสารการซื้อขายทั้งหมด ดูแลลูกค้าตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการขาย รวมถึงให้บริการหลังการขาย ร่วมกิจกรรมส่งเสริมการขายและการตลาด ตามที่บริษัทได้วางแผนไว้ คิดวิธีที่จะแสวงหาลูกค้าใหม่ๆ อยู่เสมอ