Show
ลาออกจากงาน ถูกเลิกจ้าง แต่ยังอยากได้สิทธิประโยชน์ต่างๆ ของประกันสังคมอยู่ สามารถส่งเงินสมทบเองได้! เพียงแค่ขึ้นทะเบียนประกันสังคมมาตรา 39 ช่วงนี้จ่ายราคาลด 235 บาท ถึงสิ้นเดือน พ.ย.อย่าลืมรักษาสิทธิ แม้จะลาออกจากงานมาแล้ว เพราะตอนที่เป็นลูกจ้างบริษัท เงินเดือนส่วนหนึ่งถูกหักเข้ากองทุนประกันสังคมมาตรา 33 ทำให้ได้รับการคุ้มครองจากสำนักงานประกันสังคมใน 7 กรณี คือ ได้รับอันตรายหรือเจ็บป่วย ทุพพลภาพ เสียชีวิต คลอดบุตร สงเคราะห์บุตร ชราภาพ และว่างงาน เมื่อตัดสินใจลาออก ไปประกอบกิจการของตัวเอง หรือถูกเลิกจ้าง ว่างงาน ใช่ว่าสิทธิประกันสังคมนั้นจะสิ้นสุดลงทันที แต่ยังสามารถใช้สิทธิ์ได้ครบทั้ง 7 กรณี ภายใน 6 เดือนหลังจากออกจากงาน และจากนั้น สามารถรักษาสิทธิต่อได้ ด้วยการสมัครมาตรา 39 มาตรา 39 คุ้มครองอะไรบ้าง ได้รับสิทธิประโยชน์การคุ้มครองใน 6 กรณี ได้แก่
มาตรา39 สมัครอย่างไร
สามารถส่งเงินสมทบได้ 4 วิธี คือ
หากไม่ส่งเงินสมทบตามกำหนดอย่างสม่ำเสมอ จะสิ้นสภาพการเป็นผู้ประกันตนมาตรา 39 ได้ ถ้าเราไม่อยากเสียสิทธิดังกล่าว อย่าขาดส่งเงินสมทบ 3 เดือนติดต่อกัน เพราะจะสิ้นสุดการเป็น ผู้ประกันตนตั้งแต่เดือนแรกที่ไม่ส่งเงินสมทบ และหากส่งเงินสมทบไม่ครบ 9 เดือนภายในระยะเวลา 12 เดือน จะสิ้นสุดการเป็นผู้ประกันตนตั้งแต่เดือนที่ส่งเงินสมทบไม่ครบเก้าเดือน นอกจากการไม่ส่งเงินสมทบตามกำหนดแล้ว การเป็นผู้ประกันตนมาตรา 39 ยังสามารถสิ้นสุดลงได้เนื่องจากสาเหตุอื่นด้วย คือ ผู้ประกันตนเสียชีวิต หรือกลับไปเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 หรือลาออก จากมาตรา 39 ต้องการสมัครใช้สิทธิดังกล่าวสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่ม เติมได้ที่ สายด่วนประกันสังคม 1506 สำหรับลูกจ้างประจำของบริษัทเอกชนส่วนใหญ่ย่อมได้รับสวัสดิการคุ้มครองในการทำงานด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านการทำงาน สุขภาพ ความปลอดภัย รวมถึงเงินชดเชยกรณีต่างๆ ทั้งที่ออกจากงาน ถูกไล่ออก ชราภาพ และเสียชีวิต โดยทั้งหมดนี้จะรวมอยู่ในสิทธิ์ของผู้ประกันตนมาตรา 33 ซึ่งวันนี้เราจะพาไปทำความเข้าใจและรู้ลึกถึงสิทธิ์ที่ควรได้เมื่อผู้ประกันตนมาตรา 33 ลาออกจากงาน จะมีสิทธิ์อะไรที่ไม่ควรพลาดบ้าง ติดตามไปดูกัน ผู้ประกันตนมาตรา ลาออกจากงาน จะได้สิทธิ์อะไรบ้างประกันตนตามมาตรา 33 คือ ลูกจ้างที่ทำงานให้กับนายจ้างที่อยู่ในสถานประกอบการซึ่งมีลูกจ้างตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป โดยจะได้รับความคุ้มครอง 7 กรณี คือ เจ็บป่วยหรือประสบอุบัติเหตุ คลอดบุตร สงเคราะห์บุตร ทุพพลภาพ ชราภาพ เสียชีวิต และว่างงาน สำหรับผู้ประกันตนที่ลาออกจากงาน โดยอายุยังไม่ถึงวาระเกษียณนั้นสามารถยื่นขอสิทธิ์ต่างๆ ได้ดังนี้ 1. ใช้สิทธิประกันสังคมต่อได้อีก 6 เดือนโดยผู้ประกันตนที่ลาออกจากงาน หากไม่ได้ต่อประกันสังคมกับที่ทำงานใหม่ จะยังสามารถใช้สิทธิ์ประกันสังคมต่อได้อีก 6 เดือน สำหรับกรณีเจ็บป่วยหรือประสบอุบัติเหตุ กรณีคลอดบุตร กรณีทุพพลภาพ และกรณีเสียชีวิต โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย 2. เปลี่ยนเป็นผู้ประกันตนมาตราโดยสามารถรับสิทธิประโยชน์จากประกันสังคมต่อเนื่องโดยการสมัครเป็นผู้ประกันตนมาตรา 39 โดยมีเงื่อนไขคือ • นำส่งเงินสมทบมาไม่น้อยกว่า 12 เดือน • ออกจากงานมาแล้วไม่เกิน 6 เดือน นับแต่วันที่ระบุไว้ในการลาออก • ไม่เป็นผู้รับประโยชน์ทดแทนกรณีทุพพลภาพจากกองทุนประกันสังคม การเป็นผู้ประกันตนมาตรา 39 นั้นเป็นการประกันตนโดยสมัครใจ ซึ่งผู้ประกันตนจะเป็นผู้ส่งเงินสมทบเอง และจะได้รับความคุ้มครอง 6 กรณี คือ กรณีเจ็บป่วยหรือประสบอุบัติเหตุ กรณีคลอดบุตร กรณีสงเคราะห์บุตร กรณีทุพพลภาพ กรณีชราภาพ และกรณีเสียชีวิต การเปลี่ยนเป็นผู้ประกันตนมาตรา 39 สามารถยื่นใบสมัครตามแบบคำขอเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 39 (แบบ สปส.1-20) และแนบบัตรประชาชนพร้อมสำเนา ยื่นเรื่องภายใน 6 เดือน นับแต่วันที่ลาออกจากงาน ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครทุกเขตพื้นที่ หรือยื่นที่จังหวัด หรือสาขา ที่ใกล้ที่พักอาศัย 3. สิทธิ์ได้รับเงินชดเชยกรณีว่างงานโดยในที่นี้จะโฟกัสไปที่ประเด็นผู้ประกันตนลาออกจากงานตามขั้นตอนปกติ (ไม่ใช่ผู้ถูกไล่ออก หรือบริษัทปิดกิจการ) ซึ่งจะมีขั้นตอนและรายละเอียดการขอรับเงินชดเชยดังนี้ • มีระยะเวลาการว่างงานตั้งแต่ 8 วันขึ้นไป • หลังลาออกจากงานแล้วต้องขึ้นทะเบียนผู้ว่างงานผ่านระบบอินเทอร์เน็ต โดยเข้าไปที่เว็บไซต์ https://empui.doe.go.th ของสำนักงานจัดหางานของรัฐภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ลาออก • จากนั้นต้องรายงานตัวตามกำหนดนัดผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ในเว็บไซต์ https://empui.doe.go.th ของสำนักงานจัดหางานไม่น้อยกว่าเดือนละ 1 ครั้ง • ผู้ลงทะเบียนว่างงานไว้แล้วจะมีสิทธิ์ได้รับเงินทดแทนระหว่างการว่างงานปีละไม่เกิน 90 วัน ในอัตราร้อยละ 45 ของค่าจ้างเฉลี่ย โดยมีฐานเงินสมทบสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท ตัวอย่างเช่น ผู้ประกันตนมีเงินเดือนเฉลี่ย 15,000 บาท จะได้รับเดือนละ 4,500 บาท การลาออกจากงานไม่ว่าจะเป็นการลาออกโดยมีที่ทำงานที่ใหม่รองรับ หรือไม่มีก็ตาม แต่หากมีช่วงระยะเวลาระหว่างการรอเริ่มต้นทำงานใหม่ ผู้ประกันตนเองควรรู้เรื่องสิทธิ์ที่พึงได้ เพื่อรักษาสิทธิประโยชน์สำหรับตนเองให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการรักษาพยาบาลหรือการรับเงินชดเชยก็ตาม อ้างอิงข้อมูล สำนักงานประกันสังคม |