ในยุคที่ทุกอย่างอยู่บนโลกออนไลน์ การสมัครงานไม่ต้องถึงขั้นเดินเข้า – ออกทีละบริษัท แต่ทุกคนสามารถเขียนอีเมลสมัครงานเพื่อส่งไปยังฝ่ายบุคคลหรือ HR ของบริษัทต่าง ๆ เพื่อพิจารณาและเรียกตัวไปสัมภาษณ์งานในลำดับต่อไป ซึ่งการเขียนอีเมลเพื่อสมัครงานก็มีสิ่งที่ควรรู้เพื่อนำไปใช้แล้วมีโอกาสเข้าทำงานได้ตามที่ตนเองคาดหวังไว้ มาพร้อมกับตัวอย่างที่ปรับตามความเหมาะสมกันเลย 3 วิธีเขียนอีเมลสมัครงาน ให้ออกมาโดนใจ HR1. ข้อมูลของอีเมลต้องครบถ้วน ชัดเจนเริ่มต้นด้วยข้อมูลต่าง ๆ ของอีเมลต้องมีความชัดเจน ไล่ตั้งแต่ชื่อของอีเมลปลายทาง (ฝ่าย HR), หัวข้อเรื่องที่ส่งถึง ซึ่งควรระบุจุดประสงค์คือ การสมัครงาน พร้อมตำแหน่งที่ต้องการ ในส่วนของอีเมลผู้สมัครมีเทคนิคเพิ่มเติมเล็กน้อยที่จะช่วยให้คุณมีภาพลักษณ์ที่ดีคือ ควรใช้อีเมลทางการที่เป็นชื่อ – สกุลหรือเนื้อหาที่เหมาะสม 2. เขียนเนื้อหาในการสมัครงานให้โดนใจในการเขียนอีเมลสมัครงานจุดนี้ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะถ้าเนื้อหาออกมาไม่ดี HR อ่านแล้วก็ไม่อยากทำความรู้จัก ไม่อยากพูดคุยต่อ ดังนั้นจึงมีตัวอย่างที่จะแนะนำให้ลองทำตาม ดังนี้ 2.1 คำทักทาย – เขียนให้เป็นทางการมากที่สุด ต้องขึ้นด้วยคำว่า “เรียน” แล้วต่อด้วยชื่อของผู้รับสมัคร (กรณีมีระบุไว้ในเอกสารรับสมัครงาน) หรือถ้าไม่มีชื่ออาจระบุเป็น “ฝ่ายทรัพยากรบุคคล” แล้วตามด้วยชื่อบริษัทก็ได้ 2.2 จุดประสงค์สมัครงาน – ให้แนะนำตนเองเบื้องต้น ชื่อ นาย, นางสาว สนใจที่จะสมัครงานในตำแหน่งใด อธิบายถึงประสบการณ์การเรียน, การทำงานคร่าว ๆ ที่คิดว่าดึงดูดให้ HR อยากทำความรู้จักคุณต่อ 2.3 ระบุถึงการแนบ Resume ไว้ด้วย – อีกสิ่งของการเขียนอีเมลสมัครงานที่ควรรู้คือ ต้องระบุให้ HR ทราบว่าคุณมีการแนบ Resume ของตนเองมาไว้กับไฟล์แนบของอีเมลนี้ด้วย รวมถึงกรณีมี Portfolio หรือเอกสารอื่น ๆ ต้องระบุให้ครบถ้วน 2.4 คำลงท้าย – ไม่แนะนำให้ใช้คำว่า “ขอบคุณ” แต่ควรเป็น “ขอแสดงความนับถือ” จากนั้นลงท้ายชื่อ – สกุล ช่องทางการติดต่อ เช่น เบอร์โทร, อีเมล 3. ตรวจสอบตัวสะกดให้ถูกต้อง และเนื้อหาโดยรวมอีกครั้งข้อสุดท้ายในการเขียนอีเมลสมัครงานต้องไม่ลืมตรวจทานในเรื่องตัวสะกด เพราะถือเป็นความรับผิดชอบที่แสดงถึงการใส่ใจในรายละเอียดต่าง ๆ และดูเนื้อหาโดยรวมอีกครั้งว่าเขียนออกมาได้ดีแล้ว จึงค่อยกดส่งไปให้กับทาง HR พิจารณา ตัวอย่างการเขียนอีเมลสมัครงานข้อควรระวัง
นี่คือวิธีเขียนอีเมลสมัครงานที่ทุกคนสามารถนำไปใช้ได้จริง ปรับให้เหมาะกับตำแหน่งงานของตนเองก็เรียบร้อย การเขียนอีเมล์ที่ดีก็แสดงออกถึงความตั้งใจ และอยากเข้าทำงานกับบริษัทนั้นจริง โอกาสที่ฝ่าย HR จะเรียกมาสัมภาษณ์งานก็ไม่ไกลเกินเอื้อม อ่านทริคการหางาน ที่จะช่วยให้การหางานง่ายมากยิ่งขึ้น
ไหนใครไม่เคยส่งอีเมลสมัครงานเป็นภาษาอังกฤษบ้าง ยกมือขึ้น! ...โอ้โห เยอะเหมือนกันนะครับเนี่ย แต่ขอบอกเลยครับว่าเรื่องนี้ “จำเป็นต้องรู้” เพราะเดี๋ยวนี้ไม่ว่าบริษัทต่างชาติหรือบริษัทไทย ก็มักจะให้คุณส่งอีเมลเป็นภาษาอังกฤษทั้งนั้นแหละ ...งั้นเราไปดูกันเลยดีกว่า ว่า 8 ขั้นตอนมีอะไรบ้าง ขั้นตอนที่ 1 : ระบุชื่อเรื่องอีเมลให้ชัดเจน ชัดเจน ชัดเจน! หัวข้ออีเมลเป็นจุดแรกที่ HR เริ่มพิจารณาว่าจะ “เปิดอ่าน” หรือ “คัดออก” เพราะถ้าคุณเขียนแบบ “ไม่มืออาชีพ” หรือ “เขียนผิด” ตั้งแต่หัวข้อ HR คงกดลบอีเมลคุณทิ้งอย่างไม่ใยดี ตัวอย่างประโยคที่ควรใช้ : - Apply for (ชื่อตำแหน่ง) Position - (ชื่อ-นามสกุล) - หรือแค่ (ชื่อตำแหน่ง) Position - (ชื่อ-นามสกุล) สั้นๆ ง่ายๆ ได้ใจความแบบนี้แหละครับ ขั้นตอนที่ 2 : เขียนวันที่ให้ถูกต้อง ข้อที่สองนี้ บางคนอาจจะสงสัยว่า “จำเป็นต้องเขียนวันที่ด้วยเหรอ” ดูที่ตัวอีเมลเอาก็ได้มั้ง ก็จริงอยู่ว่า HR สามารถดูวันที่จากอีเมลที่คุณส่งไปได้ แต่คงจะดีกว่าถ้าเปิดมาแล้วพบคุณเริ่มต้นด้วยการเขียนวันที่เพื่อย้ำเตือนว่าอีเมลของคุณถูกส่งมาตั้งแต่วันไหน เพื่อ HR จะได้เห็นชัดๆ และพอจะทราบได้ทันทีว่าอีเมลสมัครงานของคุณ เป็นอีเมลที่เพิ่งถูกส่งมาใหม่ๆ ไม่ใช่อีเมลที่ค้างคาอยู่ในแอ็กเคานต์ที่ HR ลืมเปิดเอง ตัวอย่างการเขียนวันที่ : - 11 March 2018 - March 11, 2018 ขั้นตอนที่ 3 : ชื่อผู้รับ ตำแหน่ง ชื่อบริษัท คุณจะสมัครงานที่บริษัทไหนก็ควรจะระบุชื่อบริษัทลงไปด้วย ไม่ควรเขียนเหมือนกันทุกอีเมลแล้วฟอร์เวิร์ดไปทีเดียว 10 บริษัท เพราะมันดูไม่เป็นมืออาชีพและดูเหมือนไม่ได้ใส่ใจ หรือไม่อยากได้งานนี้จริงๆนะครับ ฉะนั้นจุดที่สามนี้คุณควรระบุชื่อผู้รับ (ในกรณีที่คุณทราบว่าส่งให้ใคร) ระบุตำแหน่ง และชื่อบริษัทให้ถูกต้อง ตัวอย่างการเขียนชื่อผู้รับ : - Mr./Mrs./Ms. (ชื่อ-นามสกุล) - Human Resources Manager - XYZ Company ขั้นตอนที่ 4 : เปิดประโยคอย่างสุภาพชน คนไทยเรามักจะนึกไม่ค่อยออกว่าควรจะขึ้นต้นจดหมายว่าอะไร เพราะในภาษาพูดเราก็ใช้ “Good morning / Hello / Hi” ซึ่งคำเหล่านี้มักจะไม่ใช้ในการเขียนอีเมล คำที่ควรใช้นั้นจริงๆแล้ว คือคำว่า “Dear” นั่นเอง ตัวอย่างประโยคที่ควรใช้ : - Dear Mr. / Mrs. / Ms. (ชื่อผู้รับ) - ถ้าไม่ทราบชื่อผู้รับก็ Dear Mr. / Mrs. / Ms. เฉยๆก็ได้ครับ - หรือจะใช้ Dear Contact Person แบบนี้ก็ได้ครับ ขั้นตอนที่ 5 : บอกเขาว่าคุณส่งมาสมัครงาน แน่นอนว่าเมื่อเริ่มเข้าสู่เนื้อหาจดหมายแล้ว คุณควรพิมพ์แจ้งว่าคุณส่งอีเมลนี้มาเพื่อวัตถุประสงค์อะไร คุณสนใจสมัครตำแหน่งอะไร และอาจบอกเพิ่มว่าคุณไปเห็นตำแหน่งนี้มาจากที่ไหน ตัวอย่างประโยคที่ใช้ได้ : - I am writing to apply for the (ชื่อตำแหน่ง) position advertised in the JobsDB. - I'm writing to express my interest in the (ชื่อตำหน่ง) position listed on Goodjobs.com. ขั้นตอนที่ 6 : เล่าเกี่ยวกับตัวเองคร่าวๆ ก่อนที่ HR จะกดดูเรซูเม่ของเรา เราควรจะสร้างความน่าสนใจตั้งแต่ในอีเมล์เสียก่อน โดยคุณอาจทบทวนดูว่างานที่คุณกำลังสมัครนี้ต้องการทักษะหรือประสบการณ์แบบใดเป็นพิเศษหรือไม่ โดยคุณควรกล่าวถึงทักษะหรือประสบการณ์นั้นๆ เพื่อทำให้โปรไฟล์ของคุณดูน่าสนใจ และยังเป็นการสร้างความสนิทสนมกับผู้รับอีเมลในขั้นแรกอีกด้วย ตัวอย่างการแนะนำตัว : The opportunity presented in this job description is very interesting, and I believe that my experience and my educational background will make me a very competitive candidate for this position. With a MBA degree in Finance and Investment, I have a full understanding of the Business Finance and I also have experience in Accounting. นอกจากการพูดข้อดีของเราที่เหมาะสมกับตำแหน่งแล้ว ถ้าคุณเคยมีประสบการณ์การทำงานมาก่อน ก็ควรบอกด้วยว่ามี Experiance อะไรบ้างโดยลิสต์เป็นข้อๆ ว่าทำงานอะไรมา รับผิดชอบโปรเจ็คท์อะไร เป็นต้น และถ้าหากคุณมีเอกสารแนบ เช่น เรซูเม่ พรีเซนเทชั่น ใบรับรอง หรือตัวอย่างพอร์ทผลงานของคุณ สามารถแจ้งเพิ่มเติมได้ว่า “I am enclosing a completed job application, my certification, my resume, and my portfolio.” คุณได้แนบใบสมัครที่กรอกแล้ว ใบรับรอง/ใบประกาศ เรซูเม่ และพอร์ทฟอลิโอมาด้วย ขั้นตอนที่ 7 : จบอีเมลด้วยการขอบคุณและบอกช่องทางการติดต่อกลับ หลังจากที่เราบอกเล่าเรื่องราวของตัวเองคร่าวๆ เราควรจบอีเมลด้วยประโยคเช่น “Please see my resume for additional information on my experience.” กรุณาดูเรซูเม่เพื่อข้อมูลเพิ่มเติมนะครับ และขอบคุณผู้รับที่สละเวลาอ่านอีเมลของคุณว่า “Thank you for your time and consideration.” ซึ่งตรงนี้เป็นมารยาทสากลที่คุณควรขอบคุณผู้พิจารณาอีเมลของคุณ หลังจากนั้นคุณควรทิ้งช่องทางการติดต่อให้กับทางบริษัท ไม่ว่าจะเป็นเบอร์โทร อีเมลนี้ หรือสะดวกให้นัดพบ ก็ควรแจ้งไปในอีเมล์ด้วยเลย ตัวอย่างการแจ้งช่องทางติดต่อกลับ : - I can be reached anytime via email at or my cell phone, 099-123-4567. - I can come and visit your office at anytime. - I can be reach at 099-123-4567. - I look forward to speaking with you about this employment opportunity. ขั้นตอนที่ 8 : ลงชื่อจบสวยๆ สิ่งหนึ่งที่เราไม่ควรทำ (แต่มักทำพลาดบ่อยๆ) คือการจบอีเมลด้วยคำว่า Thank you ซึ่งเป็นคำที่ดูไม่เป็นทางการ ไม่เหมาะสมสำหรับการติดต่อเรื่องงาน ซึ่งคำที่ควรใช้ก็มีให้เลือกอยู่หลายคำ ตัวอย่างคำที่ควรใช้ : - Best regards, - Yours sincerely, - Yours faithfully, - Sincerely, และลงท้ายด้วยชื่อ-นามสกุลของคุณ เท่านี้ก็ดูเป็นทางการแล้วครับ! ครบแล้ววว 8 ขั้นตอน อ่านจบปุ๊บ เขียนอีเมล์สมัครงานเป็นปั๊บ! แต่หากคุณต้องการที่จะเรียนรู้การเขียนอีเมลให้ครบทุกประเภทของอีเมล ไม่ว่าจะเป็นอีเมลติดต่อลูกค้า อีเมลสอบถาม การตอบรับอีเมลผู้อื่น รวมทั้งการเลือกใช้ภาษาที่เป็นทางการในการเขียนอีเมล Globish มีคอร์ส Business Email Writing ที่จะช่วยให้คุณเขียนอีเมลได้อย่างมืออาชีพ สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/35qNiT3
|