รามเกียรติ์ ตอน กําเนิดหนุมาน กลอน

                หนุมานทหารเอกพระราม เป็นลูกพระพายกับนางสวาหะ...สีกายเผือก คทาเพชรเป็นสันหลังตลอดหาง ตรีเพชรเป็นตัวติดอยู่หน้าอก หัวเป็นจักรแก้ว เหาะเหินเดินอากาศ อยู่ในท้องแม่ 30 เดือน ตอนคลอดก็เผ่นออกจากปากแม่ อายุได้ 16 ปี ก็ยิ่งมีฤทธิ์ แผลงฤทธิ์ให้มีสี่หน้าแปดมือ หาวเป็นดาวเดือน มีกุณฑลขนเพชรเขี้ยวแก้ว นางสวาหะ ผู้แม่สั่งความไว้ ถ้าผู้ใดรู้จักทักของวิเศษประจำตัวนั่นคือ...พระนารายณ์ ให้เข้าไปสวามิภักดิ์ตอนยังเป็นหนุ่มคะนอง หนุมานเผลอไปกินลูกไม้ในสวนพระอุมา ไม่กินธรรมดา แต่กินแบบลิงมีฤทธิ์หักกิ่งไม้ไว้เกลื่อนกลาด จึงถูกพระอุมาสาปให้ฤทธิ์ลดน้อยครึ่งหนึ่งหนุมานตกใจกลัวก้มลงกราบขอประทานโทษ ว่าเป็นเพราะไม่รู้ พระอุมาเกิดความสงสารจึงตรัสว่าประกาศิตของพระองค์นั้นเสมือนกับเหล็กเพชรที่จารึกลงบนแผ่นหิน จะคืนวาจาไม่ได้ยกเว้นพระนารายณ์อวตาร เอามือลูบหัวไปถึงหาง จึงจะมีฤทธิ์มากเหมือนเดิม พระอิศวรทรงมีเทวบัญชาให้พระยากากาศ(พาลี)และสุครีพขึ้นเฝ้า แล้วรับสั่งให้หนุมานไปอยู่เมืองขีดขิน เนื่องจากทรงเห็นว่าพระยากากาศและสุครีพผู้เป็นน้องนางสวาหะไม่มีบุตร (ตอนนี้องคตยังไม่เกิด) ต่อมาหนุมานไปบำเพ็ญตบะเพื่อให้เรืองฤทธิ์ที่ป่ากัทลีวัน อาศัยผลไม้ในป่านั้นเป็นอาหารเมื่อพระรามพระลักษณ์ เสด็จออกตามหานางสีดาที่ถูกทศกัณฐ์ลักพาตัวไป เมื่อเสด็จมาถึงป่ากัทลีวัน จึงประทับพักผ่อนยังโคนต้นหว้า หนุมานออกจากการบำเพ็ญตบะเที่ยวหาผลไม้กิน มาเห็นทั้งสองพระองค์อยากรู้ว่าเป็นใคร จึงแปลงกายเป็นลิงน้อยปีนป่ายต้นหว้า พลางรูดใบไม้โปรยลงมาที่สองกษัตริย์ พระลักษณ์โบกพระหัตถ์ไล่เป็นหลายครั้งก็ไม่สำเร็จ จึงหยิบคันธนูหมายจะยิงวานร ลิงน้อยกระโจนลงไปชิงเอาคันธนูมาได้ แล้วหนีขึ้นต้นไม้ น้าวธนูเล่น พระลักษณ์จึงปลุกพระรามและเล่าเรื่องลิงชิงคันศรถวายพระราม พระรามทอดพระเนตรเห็นลิงน้อยจึงมีพระทัยเมตตา เมื่อเจอพระนารายณ์ได้ฤทธิ์เดชคืนแล้ว ก็อาสาปฏิบัติการเหนื่อยหนักครั้งหนึ่ง ก็คือรับธำมรงค์กับสไบจากพระรามไปถวายนางสีดา ซึ่งถูกทศกัณฐ์ชิงตัวไปกรุงลงกาเมืองของทศกัณฑ์ ฤทธิ์เดชขนาดหนุมานยังหาไม่เจอง่ายๆ ต้องรอนแรมถามใครต่อใครไปเรื่อย ๆ หนุมานถึงเมืองบายัน เกี้ยวเอานางบุษมาลีเป็นเมียแล้วก็ถามทาง ไปได้นางสุวรรณมาลี เป็นเมียที่สอง ข้ามแม่น้ำใหญ่ ไปเจอพระชฎิลฤาษี ชี้ทางไปเขาเหมติรัน ท่าข้ามไปลงกา เจอพญาสัมพาที พี่ชายพญานกสดายุ ก็ชี้ทางให้สังเกตเขานิลกาลา กลางทวีปลงกา ถึงที่มั่นสุดท้าย...ที่จะบุกเข้าลงกาได้ หนุมานก็เหาะบุกเดี่ยวเข้าไป ฆ่ายักษิณีผีเสื้อสมุทรผู้รักษาด่านหลังทะเลหลวง...ได้แล้ว ออกแรงหนักไปนิด ก็เลยเสียศูนย์เหาะเลยลงกาไปถึงยอดเขาโอฬัส เจอพระฤาษีนารอท ลองฤทธิ์เดชแล้วแพ้ ฤาษีเมตตาชี้มือบอกทาง รบกับพระเสื้อเมือง ฆ่าพระเสื้อเมืองได้แล้วก็บุกถึงลงกาเวลาค่ำร่ายเวทมนต์สะกดยักษ์ทั้งลงกาหลับ หนุมานเหาะตระเวนหา...เจอนางสีดากำลังจะผูกคอตายอยู่ในสวน ช่วยไว้ทันแล้วก็ถวายแหวนและสไบของพระรามให้ เสร็จภารกิจหลักแล้ว หนุมานย่ามใจ อยากทดสอบฤทธิ์เดชยักษ์ คลายมนต์สะกดแล้วก็รบกับสหัสสกุมารฆ่าสหัสสกุมาร (พันกุมาร) ตายไม่มีเหลือ ถึงคิวรบอินทรชิต ลูกทศกัณฐ์คนนี้ ฤทธิ์มากขนาดพระอินทร์ยังแพ้ หนุมานได้พรพระอิศวร ให้มีชีวิตชั่วกัลป์แกล้งแพ้ ยอมให้อินทรชิตจับไปฆ่า แต่ฆ่าเท่าไหร่ก็ไม่ตาย ทศกัณฐ์เห็นหนุมานหน่วยก้านดี หว่านล้อมให้เป็นทหาร หนุมานได้โอกาสบอกว่า ถูกทุบตีบอบช้ำมากจนอยากตายแล้ว แนะยักษ์ให้ไปหาเชื้อเพลิง มาผูกตัวแล้วจุดไฟเผา แล้วจะตายให้สมใจ พอยักษ์จุดไฟ เกิดดวงไฟดวงใหญ่ หนุมานก็ได้ที วิ่งโจนทะยานเข้าไปในปราสาทราชมณเฑียรเผาทั้งกรุงลงกาวอดวาย

กลอนรามเกียรติ์
  • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน

ลอยอยู่๹ร๫พั๥๹ร์พระ​๮นนี
รัศมี​โ๮๹ิ๮่ว๫​ใน​เวหา
มี๥ุ๷๵ล๦น​เพ๮รอล๫๥าร์
​เ๦ี้ยว​แ๥้ว​แววฟ้ามาลัย
หาว​เป็น๸าว​เ๸ือนรวิวร
​แป๸๥รสี่หน้าสู๫​ให๱่
สำ​​แ๸๫​แผล๫ฤทธิ​เ๥รีย๫​ไ๥ร
​แล้วล๫มา​ไหว้พระ​มาร๸า
ทั้๫อ๫๨์พระ​พาย​เรือ๫​เ๸๮
สำ​๨ั๱ว่าบิ๹ุ​เรศนาถา
๥็​เ๦้าอิ๫​แอบ​แนบ๥ายา
วานร๮ื่น๮มยิน๸ีฯ​

             นางกาลอัจนาคิดแค้นสวาหะลูกสาวของตนที่ไม่รู้จักบุญคุณแม่จึงสาปให้ยืนตีนเดียวมือเหนี่ยวต้นไม้ อ้าปากกินลมอยู่ที่เชิงเขาจักรวาล จนกว่าจะออกลูกเป็นลิงจึงพ้นคำสาป ฝ่ายพระอินทร์และพระอาทิตย์ซึ่งเฝ้าดูเหตุการณ์ก็นึกสงสารในชะตากรรมของลูกชายจึงเนรมิตเมืองขีดขินให้โอรสทั้งสองได้อยู่ โดยโอรสพระอินทร์เป็นพญากากาศ (ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นพาลี) ตัวสีเขียว ส่วนโอรสพระอาทิตย์นั้นได้แต่งตั้งเป็นอุปราชมีชื่อว่า สุครีพ ตัวสีแดง

เมื่อพระอิศวรทราบว่านางกาลอัคคีได้สาป “นางสวาหะ” (ลูกฤาษีโคดมกับนางกาลอัคคี) ให้ไปยืนตีนเดียวเหนี่ยวกิ่งไม้กินลมอยู่ที่เนินเขาจักรวาล ก่อนตนเองจะกลายเป็นแผ่นหินไปตามคำสาปของฤาษีโคดมสามี พระอิศวรจึงมีความคิดให้นางมีบุตรเพื่อแบ่งกำลังกายของตนไปเกิด  เพื่อรอคอยรับใช้พระนารายณ์อวตารในกาลภายภาคหน้ายามที่นารายณ์อวตารลงไปปราบยักษ์ทศกัณฐ์ จึงสั่งให้พระพาย (เจ้าแห่งลมและพายุ) พัดหอบเอาพลังกำลังกายแห่งพระอิศวรบรมนาถ รวมทั้งเทพศัตราวุธทั้งสามอย่างได้แก่ คฑาเพชร ตรีเพชร และจักรแก้ว ของพระองค์ไปเข้าปากนางสวาหะ ผู้ยืนกินลมที่เนินเขาจักรวาล  ให้เกิดออกมาเป็นกระบี่ (ลิง) ที่มีพละกำลังอันเกรียงไกรด้วยอำนาจกำลังของพระพายจึงหอบเอากำลังและอาวุธเหล่านั้นเข้าปากนางสวาหะ เกิดบุตรเป็นลิงในครรภ์ของนาง  โดยที่ คฑาเพชร กลายเป็นกระดูกสันหลังตลอดหางขอวานารน้อย ทำให้เหาะเหินเดินอากาศได้ราวกับลมพัด ส่วนตรีเพชรสุรกานต์ เป็นร่างกาย มือเท้า เวลาจะสู้รบกับผู้ใดให้สามารถดึงเอาตรีเพชรสุรกานต์นี้ออกมาจากอกของตนเองได้ ส่วนจักรแก้วนั้นกลายเป็นส่วนหัวของวานร อาวุธทั้งสามนั้นก็ผสานกลายเป็นบุตรของพระพาย ในครรภ์นางสวาหะ

รามเกียรติ์ ตอน กําเนิดหนุมาน กลอน

ครั้นนางสวาหะมีครรภ์มาได้สิบเดือนแล้วกลับยังไม่คลอด ทารกน้อยยังคงอยู่ในครรภ์ของนางต่อไปจนครบสามสิบเดือน จึงได้ฤกษ์คลอด ตรงกับวันอังคาร ปีขาล เดือนสาม เวลาพลบค่ำพระอาทิตย์อับแสงฉาน พญาวานรก็คลอดจากครรภ์โดยเหาะออกมาจากปากนางสวาหะ ขึ้นสู่เวหา มีสี่หน้าแปดมือรูปร่างสูงใหญ่ กายขาวผ่องรัศมีโชติช่วงลอยอยู่ตรงหน้าพระมารดา อ้าปากหาวออกมาเป็นดวงดาวและดวงเดือน (หนุมาน ผู้ได้ชื่อว่า หาวเป็นดาวเป็นเดือน) มีเขี้ยวแก้ว  ขนเพชร กุณฑล (ต่างหู)  แสดงฤทธาอยู่บนฟ้าเสร็จแล้วจึงลงมากราบมารดาและพระพายผู้ที่หมายว่าเป็นบิดา พระพายจึงให้พรพร้อมตั้งชื่อให้ว่า “หนุมาน”

นางสวาหะเมื่อคลอดลูกออกมาเป็นลิงก็พ้นจากคำสาปของแม่ แล้วจึงเอาอุ้มลูกน้อยมาแนบอกให้กินนม ร่ำร้องคร่ำครวญว่า  น่าอนาถนักลูกเกิดมาแม่กลับไม่มีอะไรจะให้ ไร้ญาติขาดมิตร มิอาจเลี้ยงดูได้ จำต้องฝากลูกไว้กับพระพายผู้บิดา แล้วจึงสั่งเสียว่าผู้ใดที่เจอเจ้าแล้วกล่าวทักถึง เขี้ยวแก้ว กุณฑล (ต่างหู) ขนเพชร ที่มีอยู่ในกายหนุมาน ผู้นั้นคือนารายณ์อวตาร จงถวายตัวเป็นข้าบาทรับใช้ เมื่อได้รับพรจากบิดา จดจำคำสั่งเสียของแม่แล้ว หนุมานก็เหาะออกไป สำแดงฤทธิ์อยู่กลางเวหาโดยไม่เกรงกลัวผู้ใด

เมื่อเหาะมาถึงสวนของพระอุมาเทวี (ชายาพระอิศวร) เห็นผลหมากรากไม้มากมายก็ดีใจตามประสาลิง รีบเหาะเข้าไปหักเก็บกินอย่างสุขใจ ฝ่ายพระอุมาประทับอยู่ท่ามกลางนางสนมสาวสวรรค์เห็นวานรน้อยเข้าหักเก็บผลไม้ทำลายอุทยานสวรรค์ก็ไม่พอใจ โกรธจึงด่าว่าสาปแช่งออกไป

“เจ้ามันแค่เดียรัจฉาน ตัวน้อยอวดหาญไม่เกรงกลัวใคร แม่แต่ข้าผู้เป็นชายาพระอิศวร กูขอสาปให้เมืองมีฤทธิ์เหลือน้อยถอยลงกึ่งหนึ่ง ให้สมกับเที่ยวอวดอ้างฤทธากล้าหาญ มิได้เกรงกลัวผู้ใด เดรัจฉานเอ๋ย”

เมื่อหนุมานได้ยินเสียงตวาดดังมาก็ตกใจ จึงตอบไปว่า

“ตัวข้านั้นเขลา (โง่) นัก หาทราบไม่ว่านี่เป็นสวนของชายาผู้เจ้าโลกา คิดว่าเป็นป่าจึงเข้าเก็บกินผลไม้เอาตามแต่ใจ โทษจากความประมาทครานี้ถึงตาย ด้วยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ขอได้โปรดเมตตา”

พระอุมาเทวีมีจิตสงสารจึงตอบกลับไป

“อันวาจาของข้านั้นเป็นประกาศิต ดุจเหล็กเพชรสลักหินผา จะให้คืนวาจาคงไม่ได้ แต่จะให้พรเพื่อผ่อนปรน เมื่อใดที่พระนารายณ์เสด็จจากเกษียรสมุทรอวตารไปเป็นพระราม ได้ลูบหัวเจ้าไปตลอดถึงปลายหาง พละกำลังฤทธาจักกลับมาดังเดิม”

แล้วหนุมานก็เหาะกลับไปใช้ชีวิตในถ้ำที่ป่าหิมพานต์ ฝ่ายพระพายผู้บิดา มีจิตคิดถึงลูกก็เหาะไปหิมพานต์พาหนุมานต์มาเข้าเฝ้าพระศุลี (พระอิศวร-ศิวะ) ที่เขาไกรลาส  เมื่อพระอิศวรเห็นท่าทางกล้าหาญคล่องแคล่วของหนุมาญจึงคิดว่าลิงเผือกน้อยนี้เหมาะสมแก่การเป็นขุนศึกคู่ใจพระนารายณ์อวตาร จงสอนมนต์พิธีต่างๆ ให้แก่หนุมาน ทั้งแปลงกาย หายตัว อยู่ยงคงกระพันต่างๆ จนครบถ้วนกระบวนความ  จึงมอบพรศักดิ์สิทธิ์ว่า “จงมีอายุยืนยาวตราบกัลปาวสาน แม้นตายหากลมพัดต้องกายก็จักฟื้นคืน” จากนั้นหนุมานก็คอยเฝ้ารับใช้ติดตามแทบเบื้องบาทพระอิศวรเรื่อยมา

ในระหว่างนั้นพระอิศวรได้ใช้เหงื่อไคลมาปั้นและเสกให้เป็นลิงอีกตัวให้เป็นเพื่อนหนุมานชื่อ “ชมพูพาน” มีความสามารถเรื่องการปรุงยาเป็นอย่างดี เมื่อหนุมาน ร่ำเรียนวิชาจากพระอิศวรจนเก่งกาจ พระอิศวรจึงเรียกให้กากาศ (พาลี)และสุครีพ ซึ่งเป็นน้องต่างพ่อของนางสวาหะให้มารู้จักกับหนุมานผู้เป็นหลาน เนื่องจากกากาศและสุครีพครองเมืองขีดขินยังไม่มีลูก พระอิศวรจึงยกให้ชมพูพานเป็นลูกบุญธรรม พร้อมกับสั่งไว้ว่าให้ชมพุพานเป้นผู้คอยช่วยเหลือทัพพระรามในเรื่องของการปรุงยาต่างๆ ในคราวเพลี่ยงพล้ำให้กับฝ่ายยักษ์  แล้วสี่วานรก็พำนักอยู่ที่เมืองขีดขินสืบมา

รามเกียรติ์ ตอน กําเนิดหนุมาน กลอน
นิลพัท

ในขณะนั้น “ท้าวมหาชมพู” พญาวานร(ลิง) ผู้ครองนครชมพู มีมเหสีชื่อนาง “แก้วอุดร” อยู่กินด้วยกันมานานปีก็ยังไม่มีวี่แววจะมีลูกสืบสกุล พระอิศวรจึงประทานวานร “นิลพัท” (กายสีดำดั่งสีนิล) ซึ่งเป็นลูกของพระกาฬมาเป็นหลานให้เลี้ยงดูผ่อนคลายความเหงาได้บ้าง ต่อไปภายภาคหน้า “นิลพัท” ผู้มีกายสีดำสนิทผู้นี้จะเป็นอริกับ “หนุมาน” ลิงเผือกผู้มีกายขาวผ่อง

ท้าวมหาชมพูเป็นพญาลิงผู้มีฤทธิมาก จนได้ชื่อว่าไม่เคยก้มหัวให้กับผู้ใดทั่วทั้งสิบทิศ ที่จะยกมือบังคมไหว้ก็มีแต่เพียงพระอิศวรนาถาและพระนารายณ์เพียงเท่านั้น สนิทสนมกับพญากากาศ (พาลี- ลูกพระอินทร์ที่เกิดกับนางกาลอัคคีที่ถูกสาปเป็นลิง) เจ้าเมืองขีดขิน รักใคร่ไปมาหาสู่กันเป็นประจำ และจะเป็นแรงสนับสนุนกองทัพพระรามด้วยเช่นกัน

เพิ่มเติม  อย่าจำสลับกันนะ ชื่อมันคล้ายๆ กัน

ท้าวมหาชมพู/ท้าวชมพู/ชมพูวราช เป็นพญาลิงเจ้าเมืองชมพู

ชมพูพาน ลิงที่เกิดขึ้นจาก เหงื่อไคลพระอิศวร เพื่อเล่นของหนุมาน และเป็นลูกบุญธรรมของกากาศ (พาลี) อยู่เมืองขีดขิน

ตอนนี้ทุกคนรู้จักบุตรพระอินทร์กับนางกาลอัคคีในชื่อ พญากากาศ ส่วนที่มาที่ไปของชื่อ พาลี นั้นให้รอติดตามในตอนต่อไป