เผยแพร่เนื้อหาไม่เหมาะสมสู่โลกออนไลน์

จริงอยู่ว่าเราจะแชร์อะไรก็ได้ในพื้นที่ส่วนตัวของเรา แต่อย่าลืมว่าพื้นที่นั้นมันไม่ได้ส่วนตัวอย่างที่คิดเลย การแชร์อะไรบางสิ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาในภายหลังได้ ดังนั้นก่อนจะแชร์อะไรออกไป ควรคิดให้รอบคอบสักหน่อยว่า “มันส่งผลอะไรกับตัวเราหรือไม่” ตั้งสติก่อนแชร์กันนะ

เผยข้อมูลส่วนตัว

เผยแพร่เนื้อหาไม่เหมาะสมสู่โลกออนไลน์

ไม่ควรเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ-นามสกุลจริง , วันเกิด , อายุ , ที่อยู่ , เบอร์โทรศัพท์ หรือ สิ่งที่แสดงรายละเอียดเกี่ยวกับตัวคุณ เพราะนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้ข้อมูลต่างๆ ของเราถูกแฮกได้   เช่น การเปิดเผยที่อยู่จริงของคุณ เป็นเรื่องที่อันตรายมาก ใครที่ประสงค์ร้ายอาจเข้าใกล้คุณได้มากขึ้น , การเปิดเผยเบอร์โทร อายุ วันเกิด ผลสำรวจบอกไว้ว่า ผู้คนมักจะเอาข้อมูลเหล่านั้นไปตั้ง Password กัน หรือ เอาไปตั้งสำหรับคำถามรักษาความปลอดภัยของข้อมูล Security Question

ถ้าคุณอยากจะอัพเดตว่าตอนนี้เปลี่ยนที่อยู่ / เบอร์โทร ควรส่งข้อมูลทาง Inbox จะปลอดภัยกว่าเยอะ สมัยนี้มิจฉาชีพเยอะ เราไม่รู้หรอกว่า ใครจะเอาข้อมูลเราไปทำอะไร งั้นกันไว้ดีกว่าแก้จ้า

ถ่ายส่วนหนึ่งของตัวบ้าน

เผยแพร่เนื้อหาไม่เหมาะสมสู่โลกออนไลน์

เหมือนกับการแชร์ว่า “บ้านเราอยู่ไหน” แต่อันตรายมากกว่าเยอะ อย่าไปคิดว่า “การถ่ายภาพหรือ Live ในบ้านโชว์คนในโซเชียลว่า จัดบ้านใหม่ รีโนเวทบ้าน นั้นจะไม่เป็นอะไร” เพราะ การโชว์ภายในตัวบ้านให้เห็น เหมือนอนุญาตให้โจรเข้ามาแล้ว ทำให้พวกนั้นรู้มุมต่างๆ ของบ้านเรา ยิ่งไปกว่านั้นอาจพบเห็นของมีค่าที่อยู่ภายในบ้าน สร้างสิ่งล่อตาล่อใจให้กับโจรไปอีก

ตั๋วเครื่องบิน

เผยแพร่เนื้อหาไม่เหมาะสมสู่โลกออนไลน์

ทำไมอะ ก็กำลังจะไปเที่ยวต่างประเทศก็ต้องอวดให้โลกรู้หน่อย คิดแบบนั้นไม่ได้เลย อันตรายกว่าที่เราคิดเยอะ เพราะ มิจฉาชีพสามารถใช้โปรแกรมตรวจบาร์โค้ดของตั๋วเครื่องบิน ซึ่งทำให้เข้าถึงข้อมูลส่วนตัวได้อย่างง่ายดาย  บัตรเครดิตชนิดใด เดินทางไปที่ไหน ชื่อ-นามสกุลที่ปรากฏบนตั๋วเครื่องบิน และ สามารถยกเลิกตั๋วเครื่องบินได้

หนังสือเดินทาง

เผยแพร่เนื้อหาไม่เหมาะสมสู่โลกออนไลน์

หนังสือเดินทางก็เหมือนกับบัตรประชาชน เพราะ มีข้อมูลของ ชื่อนามสกุลเรา วันเดือนปีเกิด อายุ สัญชาติ และ เลข Passport เพราะ มีสิทธิที่ผู้ไม่หวังดีจะใช้ช่องทางนี้ในการปลอมแปลง Passport ของเราได้

Check in สถานที่

เผยแพร่เนื้อหาไม่เหมาะสมสู่โลกออนไลน์

ไปเที่ยวไหน เราก็อยากสร้างความทรงจำด้วยการ Check in หน่อยว่าตอนนี้เราอยู่ที่ไหน ซึ่งบอกเลยว่า อันตรายมาก เพราะ มันแสดงให้รู้ว่าคุณอยู่ที่ไหน คนที่ไม่หวังดีอาจจะง่ายขึ้นในการเข้าถึงตัวคุณ หรือ ที่แย่ไปกว่านั้นคือ โจรไปขึ้นบ้านคุณในขณะที่คุณไปเที่ยวอยู่

โพสต์เรื่องราวตัวเองมากเกินไป

เผยแพร่เนื้อหาไม่เหมาะสมสู่โลกออนไลน์

จริงอยู่ว่าพื้นที่ของเรา เราจะแชร์อะไรออกไปก็ได้ แต่การที่เราโพสต์เรื่องราวของตัวเองบ่อย และ ถี่ เต็มไปเรื่องราวดราม่า ร้ายกว่านั้นคือ หยาบคายด้วย ก็จะเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ลบให้กับตัวคุณเอง สร้างความน่ารำคาญให้กับคนรอบข้างด้วย มีผลต่อการสมัครงาน (ถ้าบริษัทแอบเข้ามาเช็คประวัติเราก่อนนะ) สิ่งที่ควรทำคือ ต้องมีสติ และ ยับยั้งอารมณ์ชั่ววูบที่มักจะเกิดขึ้นบ่อยๆ เวลามีอารมณ์โกรธ โมโห อย่าพิมพ์เมื่อกำลังโกรธ เพราะ จะเสียใจในภายหลัง

วิจารณ์ที่ทำงาน

เผยแพร่เนื้อหาไม่เหมาะสมสู่โลกออนไลน์

เป็นการสร้างภาพลักษณ์แย่ๆ ให้กับตัวคุณเอง การที่คุณเม้าส์ หรือ บ่นเรื่องราวในที่ทำงาน มันต้องมีสักคนในที่ทำงานบ้างแหละ เอาเรื่องราวไปบอก หรือ ที่ร้ายกว่านั้นคือ เจ้านายหรือเพื่อนร่วมงานของคุณมาเห็นเอง มันจะสร้างสถานการณ์ที่น่าอึดอัดของคุณอย่างมากเมื่ออีกฝ่ายรู้เรื่องแล้ว มองหน้ากันไม่ติด ความสัมพันธ์เลวร้ายลงไป จนถึงขั้นลาออกจากงานก็เป็นไปได้ ดังนั้นถ้าจะวิจารณ์ “ตั้งค่าก่อน” ไม่ให้คนที่ทำงานเห็นก็ดีนะ

ทัศนคติที่ลบ ความเชื่อ การเมือง ศาสนา

เผยแพร่เนื้อหาไม่เหมาะสมสู่โลกออนไลน์

เรามีความชอบ ความเชื่อ ความศรัทธาที่ไม่เหมือนกัน เราอาจจะไม่เห็นด้วยกับความเชื่อบางอย่าง แต่เราก็ไม่จำเป็นที่ต้องไปเหยียด หรือ พูดจาในแง่ลบแก่ความเชื่อเหล่านั้น เพราะ เราต่างรักและศรัทธาในความเชื่อของตัวเองทั้งนั้น ถึงจะเชื่อไม่เหมือนกัน เราสามารถอยู่ร่วมกันได้ อย่าให้การแชร์อะไรแบบนั้นสร้างปัญหาให้กับคุณเลย

ข่าวปลอม

เผยแพร่เนื้อหาไม่เหมาะสมสู่โลกออนไลน์

“ตั้งสติก่อนแชร์” ดูก่อนว่าข่าวที่เห็นในโซเชียลนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ น่าเชื่อถือแค่ไหน มีที่มาอย่างไร เพราะ การแชร์ข่าวสารที่ปลอมออกไป อาจเป็นการสร้างการตื่นตระหนก ทำให้คนที่พบเห็นเกิดการเข้าใจผิดได้ ดังนั้น “ไม่ชัวร์ อย่าแชร์”

เผยแพร่เนื้อหาไม่เหมาะสมสู่โลกออนไลน์


เผยแพร่เนื้อหาไม่เหมาะสมสู่โลกออนไลน์



การนำภาพหรือสื่อที่มีลักษณะลามก อนาจาร นำขึ้นสู่ระบบอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นการโพสต์ข้อความพร้อมรูป หรือการส่งผ่านทางเมล์ หรือการส่งต่อเมล์ (forward)

เผยแพร่เนื้อหาไม่เหมาะสมสู่โลกออนไลน์


มาตรา 14 ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
(1) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน
(2) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน
(3) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา
(4) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้
(5) เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ตาม (1)(2) (3) หรือ (4)

เผยแพร่เนื้อหาไม่เหมาะสมสู่โลกออนไลน์


ไม่นำภาพที่มีลักษณะอนาจาร  ทั้งในลักษณะภาพเดี่ยว หรือภาพหมู่ที่มีลักษณะจงใจให้เห็นส่วนสงวนของร่างกาย หรือส่อไปในทางเพศ ไปเผยแพร่บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต

เผยแพร่เนื้อหาไม่เหมาะสมสู่โลกออนไลน์


การนำภาพของคนอื่นเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ต ทำให้เจ้าของภาพเกิดความเสียหาย อับอายผู้เผยแพร่ ต้องโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท

หมายเหตุ
เป็นครั้งแรกที่มีการระบุขอบเขตเรื่องลามกเด็กหรือเยาวชนโดยเฉพาะขึ้น แต่อย่างไรก็ดี ยังมีความคลุมเครือว่า ลักษณะอันลามกที่เกี่ยวข้องกับเด็กและเยาวชนนั้นหมายความอย่างไร นอกจากนี้ มาตราดังกล่าวยังเป็นการเอาผิดที่ผู้บริโภค ซึ่งมีความน่ากังวลว่า การชี้วัดที่ "การครอบครอง" อาจทำให้เกิดการเอาผิดที่ไม่เป็นธรรม เพราะธรรมชาติการเข้าเว็บทั่วไป ผู้ใช้ย่อมไม่อาจรู้ได้ว่าการเข้าชมแต่ละครั้งดาว์นโหลดไฟล์ใดมาโดย อัตโนมัติบ้าง และหากแม้คอมพิวเตอร์ถูกตรวจแล้วพบว่ามีไฟล์โป๊เด็ก ก็ไม่อาจหมายความได้ว่าผู้นั้นเป็นเจ้าของ หรือเป็นผู้ดูผู้ชม

เผยแพร่เนื้อหาไม่เหมาะสมสู่โลกออนไลน์


แม้ว่าการส่งข้อความ ภาพใด จากเครื่องสู่เครื่องจากบุคคลถึงบุคคลสามารถกระทำได้ถือเป็นเรื่องการติดต่อสื่อสารกันธรรมดา ไม่เป็นความผิด แต่หากการกระทำนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของการแพร่กระจายออกไปสู่คน หรือกลุ่มคนอื่นในวงกว้าง นำมาซึ่งความเสียหายทั้งส่วนบุคคล และกลุ่มคน หรือระบบ ผู้เผยแพร่ข้อมูลอาจเข้าข่ายเป็นผู้ร่วมกระทำความผิดด้วย

แพร่ภาพ"บุ๋ม" ปนัดดา วงศ์ผู้ดี ทางอีเมล์
"บุ๋ม" ปนัดดา วงศ์ผู้ดีแจ้งความตำรวจ ปคม. เพื่อให้ติดตามจับมือแพร่ภาพลามกของตัวเองส่งทาง อีเมล และติดตามความคืบหน้าการดำเนินคดีผู้ที่นำเข้าและส่งภาพลามกอนาจารทางอีเมล หลังจากที่เคยเดินทางเข้ามาร้องทุกข์ไว้เมื่อปีที่แล้ว
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 3 มี.ค.53 ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณา หงสกุล เพื่อเด็กและสตรี ได้พา น.ส.ปนัดดา หรือบุ๋ม วงศ์ผู้ดี อายุ 33 ปี อดีตนางสาวไทยและพิธีกรชื่อดัง เข้าพบ พ.ต.อ.ศรายุทธ พูลธัญญะ รอง ผบก.ปคม. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่เอาภาพถ่ายที่ น.ส.ปนัดดา เคยถ่ายแบบไว้กับนิตยสารฉบับหนึ่งไปโพสต์รวมกับภาพลามกอนาจาร แล้วส่งต่อทางอีเมลเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต จนทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง
น.ส.ปนัดดา เปิดเผยว่า ภาพที่มีการส่งต่อเป็นฟอร์เวิร์ดเมลนั้นมีภาพตนที่เคยถ่ายแบบไว้ และนำมาประกอบกับภาพลามกอนาจารอีก 3 ภาพ ซึ่งเชื่อว่ามาจากภาพยนตร์ลามกอนาจาร ในเรื่องนี้ตนทราบมาตั้งแต่ 5 ปีก่อน และเคยเข้าแจ้งความไว้ที่ บก.ปดส.มาแล้วเมื่อประมาณเดือน มิ.ย.52 ซึ่งคิดว่าเรื่องนี้จะยุติไปเอง แต่กลับพบว่ายังมีการส่งต่อกันอยู่ ตนจึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยติดตามจับกุมตัวผู้ที่นำภาพดังกล่าวมาส่งต่อ และขอให้ยุติการเผยแพร่ เพราะทำให้ตนเสียหาย และขอยืนยันว่าไม่คิดอยากดังด้วยเรื่องแบบนี้ เพราะตนก็มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักอยู่แล้ว
น.ส.ปนัดดา กล่าวว่า หลังจากที่พ่อ-แม่ทราบเรื่องท่านก็รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก เพราะใช้นามสกุล "วงศ์ผู้ดี" จึงทำให้เสียหายต่อวงศ์ตระกูลเมื่อมีข่าวแบบนี้ออกไปคนทั่วไปก็ยิ่งอยากรู้อยากเห็น ตนจึงอยากขอให้ผู้ที่มีภาพดังกล่าว ยุติการส่งต่อหรือเผยแพร่ภาพต่อไป สำหรับผู้ที่ลงมือทำนั้น ตนเชื่อว่าเขาทำแค่ต้องการความสนุกมากกว่าที่มีเจตนาอย่างอื่น เรื่องนี้คงต้องให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และอยากขอร้องไปยังผู้ที่กระทำเช่นนี้ ไม่ใช่แค่กรณีของตนเท่านั้นกับดาราคนอื่นๆ ก็เช่นเดียวกัน จึงขอร้องว่าอย่าทำและอย่าส่งต่อภาพ เหล่านี้อีก
ด้าน พ.ต.อ.ศรายุทธ กล่าวว่า กรณีนี้ทางผู้เสียหายเคยเข้ามาร้องทุกข์ไว้แล้วเมื่อครั้งที่เป็นหน่วยงาน บก.ปดส.ที่เดิมมีอำนาจการสืบสวนสอบสวน แต่มาภายหลังหน่วยงานได้มีการเปลี่ยนแปลงตั้ง บก.ปคม.เมื่อวันที่ 7 ก.ย.52 จึงไม่มีอำนาจสอบสวนแล้ว อย่างไรก็ดีเมื่อได้รับเรื่องดังกล่าวมาแต่ต้น ก็จะทำเรื่องไปยังกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เพื่อขออนุมัติสอบสวนคดีนี้ สำหรับกรณีนี้ตนได้สอบถามจากชุดสืบสวนก็ทราบว่าได้ดำเนินการตรวจสอบมาอย่างต่อเนื่อง และรู้ตัวผู้ที่ส่งฟอร์เวิร์ดเมลครั้งแรกแล้ว อยู่ต่างจังหวัดและเชิญตัวมาสอบปากคำในฐานะพยาน โดยยังไม่มีการพิจารณาขออนุมัติหมายจับผู้ใด แต่หากภายหลังพบการกระทำความผิดก็พิจารณาดำเนินคดีได้ ส่วนการสืบสวนให้ถึงต้นต่อของผู้ตัดตอภาพและเป็นผู้เผยแพร่คนแรกนั้นเป็นเรื่องยาก ซึ่งต้องใช้เวลาในการสืบสวนสอบสวนต่อไป
"สำหรับผู้ที่ส่งต่อเมลนี้ถือว่ากระทำผิดกรรมเดียว แต่ผิดกฎหมายหลายบท โดยเข้าข่ายกระทำความผิดข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ และเผยแพร่หรือส่งต่อผู้อื่น ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ยังเข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาอีกด้วย" พ.ต.อ.ศรายุทธ กล่าว
พ.ต.อ.ศรายุทธ กล่าวต่อท้ายว่า จึงอยากฝากเตือนไปยังผู้ที่มีภาพดังกล่าวในอีเมลแอดเดรสของตัวเองว่าขอให้ทำลายทิ้ง เพราะหากส่งต่อไปอีกก็จะมีความผิดเช่นเดียวกับผู้ที่เป็นคนเริ่มต้นส่ง ไม่สามารถอ้างได้ว่าตนไม่ได้เป็นผู้ตัดต่อหรือได้รับเมลมาจากใคร เพราะการส่งต่อไปอีกนั้นเป็นไปไม่ได้ที่ผู้อื่นจะส่ง เพราะตัวเองจะรู้รหัสผ่านหรือพาสเวิร์ดของตัวเองผู้เดียวเท่านั้น และปฏิเสธไม่ได้

อ้างอิงจาก หนังสือพิมพ์บ้านเมือง พฤหัสบดีที่ 4 มีนาคม 2553 10:46:29 น
อ้างอิงจาก : http://www.ryt9.com/s/bmnd/806468
อ้างอิงจาก หนังสือพิมพ์มติชน : http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1267607200




นศ.โร่เข้าแจ้งความ รองผอ.โรงเรียน จ.นครพนม ฐานปล่อยภาพโป๊ปลือยทางอินเตอร์เน็ต หลังเลิกคบหาเป็นแฟนกัน
9 ก.ค.53 : นางสาวน้อย นามสมมุติ อายุ 20 ปี นักศึกษาระดับปริญญาตรี สถาบันการศึกษาแห่งหนึ่งในจังหวัดงอุดรธานีได้เดินทางแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองอุดรธานี เพื่อร้องทุกข์ดำเนินคดี กับรองผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งที่ จ.นครพนม ซึ่งเป็นอดีตแฟนเก่า กรณีนำภาพโป๊เปลือยของตนที่เคยถ่ายเอาไว้ ลงเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ตไปทั่วประเทศ ทำให้ได้รับความอับอาย และได้รับความเสียหายด้านชื่อเสียง

น.ส.น้อย เปิดเผยว่าคบหากับ รองผู้อำนวยการโรงเรียนที่ก่อเหตุ ตั้งแต่ปี 2549 ขณะที่ตัวเองมีอายุ 18 ปี จนกระทั่งมีความสัมพันธุ์ฉันท์สามีภรรยา และมีสัญญากันว่า จะแต่งงานหลังเรียนจบ และระหว่างอยู่ด้วยกันแฟนหนุ่มได้ถ่ายภาพของตนเก็บเอาไว้ ซึ่งไม่คิดว่าจะเสียหาเพราะใกล้ที่จะแต่งงานกันแล้ว

แต่ต่อมาเมื่อปี 2550 รองผู้อำนวยการโรงเรียนดังกล่าวได้แอบไปแต่งงานกับครูสาว ที่ จังหวัดสกลนคร โดยไม่ยอมเลิกกับตนเอง พร้อมกับขู่ว่าหากไม่มาคบกันอีก จะนำเอาภาพโป๊เปลือยไปประจานให้คนอื่นดู  กระทั่งเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2553 มีผู้พบภาพโป๊เปลือยของตนในอินเตอร์เน็ต แม้จะขอให้นำภาพออกจากระบบ ก็ไม่เป็นผล ซึ่งเห็นว่าถูกคุกคามทำให้เสียหายหลายครั้ง จึงตัดสินใจเข้าร้องเรียนและแจ้งความดำเนินคดี
อ้างอิง : http://www.tnnthailand.com/news/details.php?id=15270




ตำรวจ ปดส. โชว์ผลงานจำกุม 2 ผู้ต้องหาโพสต์ภาพโป๊ ครูสาว จ.นครสวรรค์ เผย แพร่ลงเว็บไซต์
พ.ต.อ.สุวิชญ์พล อิ่มใจรัชต์ รองผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดต่อเด็กเยาวชนและสตรี หรือ ปดส.แถลงผลการจับกุม นายชูศักดิ์ เสียงระฆัง อายุ 24 ปี และ นายจักรพงษ์ เกาะศิริ อายุ 33 ปี ชาว จ.กาญจนบุรี ผู้ต้องหาในคดีร่วมกันโพสต์ภาพโป๊ ลงในอินเทอร์เน็ต หลังมีผู้เสียหายหญิง ซึ่งเป็นข้าราชการครู ในจ.นครสวรรค์ เข้าแจ้งความกับ ปดส. ว่า มีบุคคลใช้รหัสว่า แจ็ค 696 นำภาพโป๊เปลือยโพสต์ลงในเว็บไซต์ดังกล่าว และแพร่หลายในเว็บไซต์ อื่น ๆ โดย นายชูศักดิ์ ซึ่งเป็นเจ้าของเว็บไซต์ ให้การปฏิเสธไม่ได้เป็นคนโพสต์ภาพ แต่ยอมรับว่า ก่อนหน้าที่จะมี พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เคยมีภาพโป๊ในเว็บไซต์ แต่เมื่อมี พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาบังคับใช้ ก็ปิดรับภาพโป๊ไปนานแล้ว ขณะที่ นายจักรพงษ์ ซึ่งเป็นผู้โพสต์ภาพดังกล่าว จะตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ไม่ได้ให้การใด ๆ อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ได้ยื่นหลักทรัพย์ขอประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน ซึ่งเจ้าหน้าที่ ตีราคาประกันตัวไว้ที่ 7 หมื่นบาท/คน ก่อนจะพิจารณาปล่อยตัวต่อไป
(ที่มา ไอเอ็นเอ็น)
ที่ห้องพิจารณาคดี 908 ศาลอาญา เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 23 ธ.ค. ศาลอ่านคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ อ.2097/2551 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายพุทธพงศ์ ฉลาดธัญกิจ อายุ 34 ปี เป็นจำเลย ในความผิดฐาน หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา เพื่อการแจกจ่ายทำให้แพร่หลายซึ่งภาพอันลามกนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งเข้าถึงได้

โจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 5 มิ.ย. 51 ระบุความผิดว่า ระหว่างวันที่ 6-29 ต.ค.50 ต่อเนื่องกัน จำเลยได้บังอาจใส่ความ น.ส.หน่อย (นามสมมติ) ผู้เสียหาย โดยการโฆษณาด้วยภาพจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หรืออีเมล์ ผ่านเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ เป็นภาพการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างจำเลยกับผู้เสียหาย จำนวน 2 ภาพ โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้เสียหายเสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง

ต่อมาเมื่อวันที่ 18 ก.ย.-11 ธ.ค. 50 ต่อเนื่องกัน จำเลยนำภาพการมีเพศสัมพันธ์เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และเป็นการทำให้แพร่หลายโดยประการใดๆ ซึ่งรูปภาพอันลามกส่งเป็นจดหมายอีเมล์ ผ่านเข้าระบบคอมพิวเตอร์ ไปยังผู้ใช้บริการอินเตอร์เน็ตหลายครั้งหลายคราวต่างกัน ภายหลังผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดต่อเด็ก เยาวชน และสตรี (ปดส.) และสามารถจับกุมจำเลยเมื่อวันที่ 18 เม.ย. 51 ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ พร้อมของกลางเครื่องคอมพิวเตอร์ 1 ชุด จำเลยให้การปฏิเสธ เหตุเกิด ต.ในเมือง อ.เมืองเพชรบูรณ์ และ อ.เมืองนครสวรรค์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ผู้เสียหายกับจำเลยเคยคบหาเป็นคนรักกันมาก่อน เคยบันทึกภาพระหว่างการมีเพศสัมพันธ์กันไว้หลายครั้ง แต่เมื่อทั้งสองคนเลิกกัน ฝ่ายชายเกิดความหึงหวง จึงนำภาพที่เคยถ่ายไว้ เผยแพร่ ทางคอมพิวเตอร์ ทั้งที่ในระหว่างจำเลยกับผู้เสียหายคบกันไม่เคยมีภาพดังกล่าวปรากฏมาก่อน รับฟังประกอบกับการถ่ายโอนข้อมูลภาพทั้งหมดที่กระทำภายในคราวเดียวจากเครื่องคอมพิวเตอร์ของกลาง นอกจากนี้ พยานโจทก์ทุกปากไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อน ไม่มีเหตุให้ระแวงสงสัยว่าจะแกล้งเบิกความปรักปรำจำเลย เชื่อว่าภาพในเว็บไซต์เป็นภาพเดียวกับที่อยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของจำเลย และถูกส่งมาจากเครื่องคอมพิวเตอร์ ดังกล่าว ส่วนในคดีแพ่งนั้นศาลเห็นสมควรกำหนดค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เสียหายด้วย

พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 387 (1) วรรคสอง พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (4) (5) ฐานหมิ่นประมาทให้ลงโทษจำคุก 3 เดือน และฐานเพื่อการจ่ายแจก หรือเพื่อการแสดงอวดแก่ประชาชนทำให้ แพร่หลายโดยประการใดๆ ซึ่งภาพอันลามก นำสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งเข้าถึงได้ เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (4) (5) ลงโทษจำคุกเป็นเวลา 6 เดือน รวมจำคุกจำเลยเป็นเวลา 9 เดือน และให้จำเลยชำระเงินค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เสียหาย จำนวน 200,000 บาท
อ้างอิงจาก : http://news.sanook.com/crime/crime_332086.php






รวบหนุ่มใหญ่ โพสต์ภาพโป๊อดีตแฟนสาว ลง hi5 (คมชัดลึก)
ศดส.แถลงข่าวจับกุมหนุ่มใหญ่ เจ้าของกิจการโรงหล่อรูปปั้นทองเหลืองย่านคลองหลวง โพสต์ภาพโป๊อดีตแฟนสาวลง hi5 ตามที่มีการแจ้งความ เจ้าตัวรับสารภาพทำไปเพราะแค้นส่วนตัวที่ตีตัวออกห่างไปมีแฟนใหม่

เมื่อเวลา 16.30 น.วันที่ 13 พฤษภาคม พ.ต.อ.ชาติชาย วรกุล ผกก.ศดส. พร้อมด้วย พ.ต.ท.สุทิน สวนดอกไม้ สว.ศดส. และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ศดส. ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมนายรังสรรค์ จันทนพิศาล อายุ 54 ปี เจ้าของกิจการโรงหล่อรูปปั้นทองเหลือง อยู่บ้านเลขที่ 70/340 หมุ่ 3 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ตามหมายจับศาลอาญาที่ 1306/2552 ลงวันที่ 13 พฤษภาคม 2552 ในความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏเป็นภาพของผู้อื่น และนำภาพนั้นเป็นภาพที่เกิดจากการสร้างขึ้น ตัดต่อเดิม หรือดัดแปลงด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิค หรือวิธีการอื่นใด ทั้งนี้ประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย ,หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาด้วยภาพหรือตัวอักษร ที่ทำให้ปรากฏไม่ว่าด้วยวิธีใดๆ

สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ที่บริษัทนิวไลท์ ห้องเลขที่ 91/50 ถ.พหลโยธิน ต.เชียงรากแก้ว อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นบริษัทประกอบกิจการโรงหล่อรูปปั้นทองเหลือง พร้อมของกลาง อาวุธปืนลูกโม่ขนาด .38 มม. 1 กระบอก เครื่องกระสุน 22 นัด กล้องวีดีโอ ยี่ห้อโซนี่ 1 เครื่อง แผ่นซีดี 24 แผ่น และเครื่องคอมพิวเตอร์จำนวน 2 เครื่อง

พ.ต.อ.ชาติชาย เปิดเผยว่า การจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องจาก น.ส.น้ำ (นามสมมุติ) ผู้เสียหาย อายุประมาณ 30 ปี เข้ามาแจ้งความกับพนักงานสอบสวน ศดส. เนื่องจากถูกนายรังสรรค์ซึ่งเคยมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน แต่ได้เลิกรากันไปแล้ว นำภาพแอบถ่ายขณะ น.ส.น้ำ หลับนอนกับนายรังสรรค์ รวมถึงภาพโป๊เปลือย ไปเผยแพร่ในอินเทอร์เน็ต ด้วยวิธีการส่งจดหมายอิเล็กทรอนิค หรืออีเมล์ ไปให้ผู้เสียหาย รวมถึงเพื่อนฝูงที่รู้จักผู้เสียหาย กับตัวนายรังสรรค์เอง ตลอดจนพนักงานในบริษัทฯ

พ.ต.อ.ชาติชาย กล่าวอีกว่า นอกจากนี้นายรังสรรค์ยังนำประวัติของผู้เสียหาย ไปลงทะเบียนในเว็บไซต์ไฮไฟว์(hi5) ก่อนจะนำรูปดังกล่าวลงไปเผยแพร่ ทำให้ทางบริษัทที่ดูแลเวบไฮไฟว์แจ้งเตือนไปยังผู้เสียหายให้ลบรูปลามกอนาจารดังกล่าวออกไป แต่ฝ่ายผู้เสียหายไม่สามารถเข้าไปลบภาพและข้อมูลดังกล่าวได้ เนื่องจากไม่ได้เป็นคนลงทะเบียนและนำรูปลงไปโพสต์ จึงไม่มีรหัสผ่านเข้าไปแก้ไข ซึ่งการกระทำดังกล่าวส่งผลให้ น.ส.น้ำเพชร ได้รับความอับอายขายหน้า ถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม จึงได้เดินทางเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน ศดส.

"หลังจากรับแจ้งเราได้รวบรวมพยานหลักฐาน จนสามารถออกหมายจับนายรังสรรค์ได้ โดยศาลได้อนุมัติหมายจับในช่วงสายวันนี้(13 พ.ค) เมื่อได้หมายจับแล้วเราก็ส่งเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้เดินทางไปควบคุมตัวรนายรังสรรค์ ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา มาดำเนินคดีตามกฏหมาย" ผกก.สดส. กล่าว

จากการสอบสวนนายรังสรรค์ ให้การรับสารภาพว่า เป็นคนเผยแพร่ภาพขณะร่วมเพศรวมถึงภาพโป๊เปลือยของ น.ส.น้ำจริง ลงทางอินเทอร์เน็ตจริง ที่ทำลงไปเพราะความแค้นส่วนตัว เนื่องจากก่อนหน้านี้ น.ส.น้ำมาติดต่อซื้อขายสินค้ากับตนบ่อยครั้ง จึงเกิดความสนิทสนม และได้คบหาจนมีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง หลังจากคบกันได้ประมาณ 1 ปี น.ส.น้ำ เริ่มตีตัวออกห่าง ไปคบผู้ชายคนใหม่ และบอกเลิกกับตน ตนพยายามง้อขอคืนดีก็ไม่เป็นผล ตนจึงนำภาพที่แอบถ่ายไว้ไปเผยแพร่ในอินเทอร์เน็ต ส่งเมล์ให้ น.ส.น้ำ รวมทั้งเพื่อนฝูงที่รู้จักทั้งหมด

อ้างอิงจาก : http://hilight.kapook.com/view/36852