การ ขาด เสถียรภาพ ทาง การเมือง ของ ทวีป แอฟริกา

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

การ ขาด เสถียรภาพ ทาง การเมือง ของ ทวีป แอฟริกา

อาณานิคมในแอฟริกา (อังกฤษ: Scramble for Africa) หรือ การอาณานิคมในแอฟริกา เกิดขึ้นใน ค.ศ. 1885 จากประเทศเยอรมนีโดยการนำของ อ็อทโท ฟ็อน บิสมาร์ค ได้จัดให้มีการประชุมในกรุงเบอร์ลินว่าด้วยข้อตกลงเกี่ยวกับการเข้าครอบครองดินแดนในทวีปแอฟริกา[1]

จักรวรรดินิยมในทวีปแอฟริกา[แก้]

ทวีปแอฟริกาเป็นทวีปที่มีขนาดใหญ่ มีทรัพยากรจำนวนมหาศาล อันเป็นที่ต้องการของชาวยุโรป นอกจากนี้ยังเป็นเส้นทางการค้าที่สำคัญเชื่อมต่อกับโลกใหม่และทวีปเอเชีย จนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 19 มีเพียงไม่กี่อาณาจักรในแอฟริกาที่มีระบบการปกครองที่มั่นคง อาณาจักรเหล่านี้ได้แก่ กานา มาลี แต่ก็มีความเจริญเทียบได้กับยุโรปในยุคกลางเท่านั้น เมื่อพวกอาหรับรุกรานมาจากทางตอนเหนือ อาณาจักรเหล่านี้ก็ถูกทำลายไปสิ้น ในเวลานั้นชาวยุโรปยังไม่เคยเข้าไปสำรวจถึงใจกลางทวีป จนกระทั่งในช่วง 30 ปีสุดท้ายของคริสต์ศตวรรษที่ 19 เมื่อมีความพยายามจะเผยแผ่ศาสนาไปในหมู่ชาวแอฟริกา โดยพวกมิชชันนารี ทำให้มีการสำรวจดินแดนใจกลางทวีปขึ้น พร้อมกันนั้นก็มีนักวิทยาศาสตร์และนักสำรวจติดตามไปด้วย พวกนี้ได้นำเอาเรื่องราวการค้นพบแหล่งทรัพยากรที่สมบูรณ์มาเผยแพร่ ทำให้นักลงทุนโดยการสนับสนุนของรัฐบาลเริ่มเข้าไปแสวงหาผลประโยชน์มากยิ่งขึ้น ในไม่ช้าก็เกิดการแย่งชิงกรรมสิทธิ์หรือการเข้าครอบครอง

ใน ค.ศ. 1885 เยอรมนีโดยการนำของออตโต ฟอน บิสมาร์ค ได้จัดให้มีการประชุมในกรุงเบอร์ลินว่าด้วยข้อตกลงเกี่ยวกับการเข้าครอบครองดินแดนในทวีปแอฟริกา ที่ประชุมตกลงกันว่าชาติใดที่มีดินแดนอยู่ตามชายฝั่งสามารถยึดครองพื้นที่ที่ลึกเข้าไปได้ โดยการส่งคนไปปกครองดูแลและประกาศการเข้ายึดครองอย่างเป็นทางการ

นับตั้งแต่นั้นมาดินแดนในทวีปแอฟริกาก็ถูกแบ่งแยกออกเป็นส่วน ๆ โดยการเข้าครอบครองของอังกฤษ ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม และเยอรมนี ส่วนโปรตุเกสนั้นยังคงรักษาสถานีการค้าของตนไว้ได้ที่อังโกลาและโมซัมบิก

สาเหตุการเข้ายึดครอง[แก้]

การเข้ายึดครองแอฟริกาของชาวยุโรปในครั้งนั้นมีข้ออ้าง 3 ประการ คือ

  1. เพื่อเปิดประตูการค้าให้กว้างขวางตลอดทั่วภาคพื้นทวีป
  2. เพื่อปลดปล่อยชนเผ่าต่าง ๆ ให้เป็นอิสระจากพวกนักค้าทาสชาวอาหรับ
  3. เพื่อเผยแผ่คริสต์ศาสนาไปยังดินแดนที่ชาวยุโรปเรียกว่ากาฬทวีป (Dark Continent)

หลังจากนั้นเพียง 30 ปี ของการเข้าแย่งชิงผลประโยชน์แอฟริกาทั้งทวีป ยกเว้นไลบีเรียกับเอธิโอเปีย ก็ตกเป็นอาณานิคมของชาวยุโรปจนหมดสิ้น

การแบ่งสรรทวีปแอฟริกาโดยชาวยุโรป[แก้]

เบลเยียม[แก้]

การ ขาด เสถียรภาพ ทาง การเมือง ของ ทวีป แอฟริกา

  • เขตการปกครองตนเองคองโก และคองโกภายใต้การปกครองของเบลเยี่ยม (ปัจจุบันคือสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก)
  • รวันดาและบุรุนดีภายใต้การปกครองของเบลเยียม (ภายหลังแยกเป็น รวันดา และ บุรุนดี, 1922–62)

ฝรั่งเศส[แก้]

การ ขาด เสถียรภาพ ทาง การเมือง ของ ทวีป แอฟริกา

  • แอฟริกาตะวันตกภายใต้การปกครองของฝรั่งเศส :
    • มอริเตเนีย
    • เซเนกัล
    • อัลเบลดา (1681–1857, ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของ แกมเบีย)
    • เฟรนช์ซูดาน (ปัจจุบันคือมาลี)
    • เฟรนช์กินี (ปัจจุบันคือกินี)
    • ไอวอรีโคสต์
    • อาณานิคมไนเจอร์ของฝรั่งเศส
    • อัปเปอร์วอลตาภายใต้การปกครองของฝรั่งเศส (ปัจจุบันคือบูร์กินาฟาโซ)
    • ฟรานซ์ดาโฮมี่ (ปัจจุบันคือเบนิน)
    • โตโกแลนด์ของฝรั่งเศส (1916–60, ปัจจุบันคือโตโก)
  • แอฟริกากลางภายใต้การปกครองของฝรั่งเศส :
    • กาบอง
    • แคเมอรูนของฝรั่งเศส (1922–60)
    • คองโกของฝรั่งเศส (ปัจจุบันคือสาธารณรัฐคองโก)
    • อุบังกุย-ชารี (ปัจจุบันคือสาธารณรัฐแอฟริกากลาง)
    • อาณานิคมชาดของฝรั่งเศส
  • แอฟริกาเหนือภายใต้การปกครองของฝรั่งเศส :
    • แอลจีเรียของฝรั่งเศส
    • ดินแดนอารักขาตูนิเซียของฝรั่งเศส
    • โมร็อกโกของฝรั่งเศส
  • แอฟริกาตะวันออกภายใต้การปกครองของฝรั่งเศส  :
    • มาดากัสการ์ของฝรั่งเศส
    • คอโมโรส
    • อาณานิคมหมู่เกาะในมหาสมุทรอินเดีย
    • โซมาลีแลนด์ของฝรั่งเศส (ปัจจุบันคือจิบูตี)

เยอรมนี[แก้]

  • แคเมอรูนของเยอรมนี (ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของ แคเมอรูน และ ไนจีเรีย, 1884–1916)
  • แอฟริกาตะวันออกแห่งเยอรมนี (ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของรวันดา, บุรุนดี และส่วนใหญ่ของ แทนซาเนีย, 1885–1919)
  • แอฟริกาตะวันตกเฉียงใต้แห่งเยอรมนี (ปัจจุบันคือ ประเทศนามิเบีย, 1884–1915)
  • โตโกแลนด์แห่งเยอรมนี (ปัจจุบันเป็น ประเทศโตโก และฝั่งตะวันออกกลายเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของประเทศกานา, 1884–1914)

การ ขาด เสถียรภาพ ทาง การเมือง ของ ทวีป แอฟริกา

แผนที่แอฟริกาของฝรั่งเศส ค.ศ. 1911 ด้วยการอ้างสิทธิ์ สีเหลืองคืออาณานิคมอังกฤษ; สีชมพูคืออาณานิคมฝรั่งเศส; สีส้มให้เบลเยี่ยม; สีเขียวในเยอรมนี; สีม่วงในโปรตุเกส; สีชมพูเข้มในอิตาลี; สีส้มเข้มในสเปน; สีน้ำตาลในเอธิโอเปีย

อิตาลี[แก้]

  • แอฟริกาเหนือของอิตาลี
    • อิตาเลียนลิเบีย
  • แอฟริกาตะวันออกของอิตาลี
    • อิตาเลียนเอริเทเรีย
    • อิตาเลียนโซมาลีแลนด์ (ต่อมาโอนดินแดนไปขึ้นกับส่วนที่เป็นอาณานิคมของอังกฤษ ที่กลายเป็นเอกราชในชื่อ รัฐโซมาลีแลนด์ และกลายเป็นส่วนหนึ่งของ ประเทศโซมาเลีย)
    • อิตาเลียนเอธิโอเปีย

โปรตุเกส[แก้]

  • แอฟริกาตะวันตกแห่งโปรตุเกส
    (ปัจจุบันเป็น ประเทศแองโกลา)
    • แองโกลาแห่งโปรตุเกส
    • คองโกแห่งโปรตุเกส
      (ปัจจุบันเป็น จังหวัดคาบินดา ใน ประเทศแองโกลา)
  • แอฟริกาตะวันออกแห่งโปรตุเกส
    (ปัจจุบันเป็น ประเทศโมซัมบิก)
  • กีนีของโปรตุเกส
    (ปัจจุบันเป็น กินี-บิสเซา)
  • หมู่เกาะเคปเวิร์ด
  • São Tomé e Príncipe
    • เกาะเซาโตเม
    • เกาะปรินซิเป
    • ท่าเรือเซา เจา แบบทิสตา เดอ อาจุด
      (now Ouidah, in Benin)

รัสเซีย[แก้]

  • ซากัลโลแห่งรัสเซีย (ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งคือ จิบูตี ในปี 1889)

สเปน[แก้]

  • แอฟริกาเหนือของสเปน
    • เหนือ โมรอกโกของสเปน
      • เชฟเชิน (Chauen)
      • เยบาลา (Yebala)
      • เคิร์ต
      • ลุกโกส (Lucus)
      • ริฟ
  • แอฟริกาตะวันตกแห่งสเปน
    • โมร็อกโกใต้แห่งสเปน
      • เคปจูบี้
      • อิฟนิ
    • ซาฮาราของสเปน
      (ปัจจุบันเป็นพื้นที่ ซาฮาราตะวันตก)
      • รีโอเดอโอโล
      • ซากูยเอลฮัมรา
  • กีเนียแห่งสเปน
    (ปัจจุบันคือ อิเควทอเรียลกินี)
    • เปอร์นานโด โป
    • รีโอมูนี
    • อันโนบอน

สหราชอาณาจักร[แก้]

การ ขาด เสถียรภาพ ทาง การเมือง ของ ทวีป แอฟริกา

Opening of the railway in Rhodesia, 1899

  • อียิปต์ของอังกฤษ
  • แองโกลอียิปต์และซูดาน (1899–1956)(ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของ ประเทศซูดาน แต่ดินแดนตอนใต้ แยกไปเป็น ประเทศเซาท์ซูดาน)
  • บริติชโซมาลีแลนด์ (ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของ ประเทศโซมาเลีย)
  • แอฟริกาตะวันออกแห่งอังกฤษ:
    • อาณานิคมเคนยาแห่งอังกฤษ
    • ดินแดนอารักขายูกันดาแห่งอังกฤษ
    • แทนซาเนีย :
      • อาณานิคมแห่งแทนกันยีกา (1919–61)
      • แซนซิบาร์
  • เบชวานาแลนด์ (ปัจจุบันเป็น ประเทศบอตสวานา)
  • โรดีเซียใต้ (ปัจจุบันเป็น ประเทศซิมบับเว)
  • โรดีเซียเหนือ (ปัจจุบันเป็น ประเทศแซมเบีย)
  • แอฟริกาใต้ภายใต้การปกครองของอังกฤษ
    • แอฟริกาใต้ :
      • อาณานิคมทรานสวัล
      • อาณานิคมเคป
      • อาณานิคมนาทาล
      • อาณานิคมแม่น้ำออเร้นจ์
    • แอฟริกาตะวันตกเฉียงใต้แห่งอังกฤษ (ตั้งแต่ปี 1915, ปัจจุบันเป็น ประเทศนามิเบีย)
  • แกมเบียของอังกฤษ
  • เซียร์ราลีโอน
  • อาณานิคมไนจีเรีย
  • บริติชโตโกแลนด์ (1916–56, ปัจจุบันเป็น ประเทศกานา)
  • แคมเมอรูน (1922–61, ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของ ประเทศแคมเมอรูน และส่วนหนึ่งของ ประเทศไนจีเรีย)
  • บริติชโกลด์โคสต์ (ปัจจุบันคือกานา)
  • นยาซาแลนด์ (ปัจจุบันคือมาลาวี)
  • บาซูโตแลนด์ของอังกฤษ (ปัจจุบันคือเลโซโท)
  • สวาซิแลนด์

รัฐเอกราช[แก้]

  • ไลบีเรีย, จัดตั้งรัฐบาลโดย สมาคมสังคมชาวเมืองขึ้นแห่งอเมริกา ในปี 1821 และประกาศเอกราชและเป็นที่ยอมรับจากประเทศสหรัฐอเมริกา ในปี 1847
  • จักรวรรดิเอธิโอเปีย (อะบิสซิเนีย) แม้จะเป็นประเทศเอกราชก็จริง แต่เมื่อเข้าสู่ยุค 1930 แล้ว ก็ต้องยอมยกดินแเดนที่เป็นเอริเทรีย ไปเป็นของประเทศอิตาลี จึงกลายมาเป็น อิตาเลียนเอริเทรีย ในเวลาต่อมา ก่อนที่จะถูกประเทศอิตาลี เข้ายึดครองจนสูญเสียเอกราชในระยะสั้น อันเนื่องมาจากวิกฤตการณ์อะบิสซีเนีย และ สงครามอิตาลี-อะบิสซิเนียครั้งที่สอง ในปี 1936 กลายมาเป็นดินแดนอิตาเลียนเอธิโอเปีย และอิตาลีได้ให้เอกราชในปี 1941

ผลของจักรวรรดินิยมในแอฟริกา[แก้]

การกำหนดเขตแดนของแอฟริกาโดยชาวยุโรป กระทำไปโดยไม่คำนึงถึงภาษาและเผ่าพันธุ์ของประชากรในพื้นที่นั้น ๆ จะเห็นได้จากอาณาเขตของหลายประเทศที่ปรากฏในแผนที่จะมีการลากเป็นเส้นตรง ด้วยเหตุนี้ภายหลังที่ชาติเหล่านี้ได้เอกราชจึงเกิดปัญหาความเป็นเอกภาพภายในชาติมาจนถึงทุกวันนี้

การเข้าครอบครองของชาติตะวันตกได้ทำให้เกิดความทุกข์ยากแก่ชาวแอฟริกาทั้งมวล เดิมทีชาวพื้นเมืองดำรงชีพด้วยการทำไร่ เลี้ยงสัตว์ตามแบบดั้งเดิมที่เคยทำกันมา ชาวแอฟริกามีภาษาเขียนไม่มากนัก แต่มีงานทางด้านศิลปะ คือ รูปปั้นสำริด การแกะสลักไม้และงาช้าง มีภาพวาดตามแบบพื้นเมืองจำนวนมาก ชาวพื้นเมืองไม่เคยรู้เรื่องของวิทยาการสมัยใหม่ ไม่รู้จักระบบการแข่งขันทางเศรษฐกิจ ไม่รู้จักระบบการปกครอง กฎหมายและกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน ชาวยุโรปได้เข้าเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของชาวพื้นเมือง ด้วยการบังคับแรงงานชาวพื้นเมืองให้สร้างถนน ขุดเหมืองแร่ ขุดดิน ด้วยเวลาการทำงานที่ยาวนานกว่าปกติมีการนำเอาพืชใหม่ ๆ มาปลูก เช่น ยางพารา โกโก้ แทนที่พื้นดินที่เคยใช้เป็นที่เลี้ยงสัตว์ ล่าสัตว์ และที่อยู่อาศัยของชาวพื้นเมือง มีการกวาดต้อนเผ่าชนทั้งเผ่าไปอยู่ในบริเวณที่กำหนดไว้ แยกผู้ชายออกจากครอบครัวแล้วส่งไปทำงานยังที่ห่างไกล ถ้าใครขัดขืนก็จะถูกลงโทษอย่างรุนแรง เช่น ตัดมือ ยิงเป้า เป็นต้น

หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ประเทศส่วนใหญ่ในแอฟริกาได้เอกราชกลับคืนมาแต่ประเทศที่เกิดใหม่เหล่านี้เกิดขึ้นตามแบบฉบับของชาวตะวันตก คือ มีเมืองเป็นศูนย์กลางของความทันสมัย อิทธิพลทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการศึกษาแผนใหม่ ทำให้วิถีชีวิตของชนเผ่าต่าง ๆ เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล

ดูเพิ่ม[แก้]

  • การทำให้เป็นอาณานิคมในทวีปแอฟริกา (Colonization of Africa)

อ้างอิง[แก้]

  1. http://history-ofthailand.blogspot.com/2012/07/blog-post.html