การที่คนๆ หนึ่งจะกลายมาเป็นจิตรกรเอกของโลกไม่ใช่เรื่องง่าย และหากมีพรสวรรค์ติดตัวมาตั้งแต่เกิด อีกทั้งมีองค์ประกอบของชีวิตที่เหมาะสม คือ ได้เกิด ได้อยู่ในครอบครัวและสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการสร้างสรรค์งานศิลปะมาตั้งแต่เด็ก จึงไม่ยากเลยที่คนๆ นั้นจะเกิดแรงบันดาลใจและจินตนาการในการสร้างสรรค์งานศิลปะขึ้นได้อย่างไร้ขอบเขต เรากำลังพูดถึงจิตรกรชาวสเปนคนนี้ ปาโบล รุยซ์ ปิกัสโซ่ (Pablo Ruiz Picasso) ผู้ที่มีผลงานภาพวาด ชื่อ Garcon a la Pipe เป็นภาพวาดเด็กชายถือไปป์และมีมงกุฎดอกไม้ประดับไว้บนศรีษะ ซึ่งมีราคาแพงเป็นอันดับ 3 ของโลก คือ 106,910,000 ดอลล่าร์สหรัฐ ปิกัสโซ่ วาดภาพนี้ ขณะที่อาศัยอยู่ที่ Montmartre ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อ ค.ศ 1950 ขณะที่เขามีอายุเพียง 24 ปี ภาพวาดที่มีราคาแพงที่สุด เป็นอันดับที่ 3 ของโลก “Garcon la Pipe” ปิกัสโซ่ (Picasso) เกิดเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม ค.ศ. 1881 ที่เมืองมาลากา แคว้นอันดาลูเซีย ประเทศสเปน เขาเป็นบุตรชายคนโตของ คอนโคเซ รุยซ์ อี บลัสโก (Don Jose Ruiz สเปน : Don José Ruiz y Blasco) ซึ่งมีอาชีพเป็นครูสอนศิลปะในมหาวิทยาลัย กับมารีอา ปีกัสโซ อี โลเปซ (Maria Picasso Ruiz ; สเปน : María Picasso y López) ปิกัสโซ่ (Picasso) เป็นเด็กที่แปลกกว่าเด็กทั่วไปที่ปกติจะต้องเรียก แม่ เป็นคำพูดแรก แต่คำแรกของปิกัสโซ่ กลับเป็นคำว่า “piz, piz” ซึ่งมาจากคำว่า “lapiz (ลาปิซ) ซึ่งแปลว่า ดินสอ ในภาษาสเปน ปิกัสโซ่ (Picasso) ได้รับของขวัญเป็นจานสีและพู่กันเมื่อเขามีอายุได้เพียง 6 ขวบ ความเป็นศิลปินฉายแววตั้งแต่เด็กและเด่นชัดอีกครั้งจากความบังเอิญ เมื่อบิดาซึ่งกำลังวาดภาพนกพิราบ ลุกออกจากห้องเพื่อไปทำธุระอะไรบางอย่าง และปิกัสโซ่เข้ามาวาดรูปนั้นแทนจนเสร็จ ยังความประหลาดใจให้กับบิดาเมื่อเขากลับเข้ามาในห้องนั้น เพราะภาพวาดนกพิราบที่ปิกัสโซ่วาดไว้ นอกจากจะสวยงามแล้วก็ยังเต็มไปด้วยพลังแห่งการสร้างสรรค์อีกด้วย ปิกัสโซ่ (Picasso) สร้างสรรค์งานศิลปะได้หลายรูปแบบ ไม่ใช่เฉพาะแต่เพียงภาพวาด (drawing) หรือภาพวาดสีด้วยพู่กัน (painting) แต่เขายังสามารถทำ รูปปั้น รูปหล่อ (sculpture) ภาพพิมพ์ (printmaking) เครื่องเคลือบดินเผา (ceramics) รวมทั้งใช้วัสดุอื่นๆ มาประยุกต์ให้เป็นผลงานศิลปะได้อีกด้วย เช่น การใช้ชิ้นส่วนเก่าของรถจักรยานมาทำงานหล่อที่ชื่อว่า Bull’s Head ภาพเขียนของปีกัสโซแบ่งเป็นช่วงต่าง ๆ ได้ ดังนี้ 1. Blue Period ค.ศ. 1901-1904 (ยุคสีน้ำเงิน) 2.Rose Period ค.ศ. 1904-1906 (ยุคสีชมพู) 3.African-Influenced Period ค.ศ. 1906 – 1907 4.Cubism ค.ศ. 1909 – 1912 (บาศกนิยม) 5.Classicism and surrealism ค.ศ. 1913 – 1945 (ยุคคลาสสิกและเหนือจริง) 6.Later works ค.ศ. 1946- 1973 (ยุคสุดท้าย) หลังจากฝากผลงานศิลปะอันทรงคุณค่าไว้มากมายบนโลกใบนี้ ปีกัสโซ่ ก็จากโลกนี้ไปในปี ค.ศ. 1973 ขณะที่เขามีอายุได้ 91 ปี ปิกัสโซ่ (Picasso) มีชีวิตที่แตกต่างจากศิลปินคนอื่นๆ ตรงที่เขาได้รับการยกย่องให้เป็นจิตรกรเอกตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ เขามีโอกาสได้ชื่นชมความสำเร็จของตัวเอง และร่ำรวย ต่างจากจิตรกรคนอื่นๆ ที่มักจะมีชื่อเสียงหลังจากเสียชีวิตไปแล้วและในขณะอยู่ก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร เมื่อวัน อังคารที่ผ่านมา ภาพวาด “Nude, Green Leaves, and Bust” ของจิตรกรเอก “ปาโบล ปีกัสโซ” ถูกเศรษฐีนักสะสมประมูลไปในราคาสูงถึง $106.5 ล้าน หรือกว่า 3.44 พันล้านบาท ทุบสถิติผลงานศิลปะที่มีราคาประมูลสูงสุดในโลก แซงหน้า ประติมากรรมรูปคนเดิน ของศิลปิน “อัลเบอร์โต เกียโคเม็ตติ” ที่ทำราคาประมูลสูงสุด $104.3 ล้าน หรือประมาณ 3.4 พันล้านบาทเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้ผู้เชี่ยวชาญด้านผลงานศิลปะได้ ประเมินเอาไว้ว่า ภาพวาดดังกล่าวของศิลปินปิกัสโซน่าจะทำราคาประมูลได้สูงสุดราว $90 ล้าน หรือประมาณ 2. 9 พันล้านบาท แต่แล้วภาพดังกล่าวกลับกลายเป็นผลงานศิลปะที่มีราคาประมูลสูงสุดในประวัติ ศาสตร์ ภายในงานประมูลศิลปะแนวอิมเพรสชั่นนิสต์และโมเดิร์นอาร์ต (Evening Sale of Impressionist and Modern Art) ของสถาบันการประมูลคริสตี้’ส ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงนิวยอร์กเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา “ปาโบล ปีกัสโซ” จิตรกรเอกผู้ล่วงลับ (25 ตุลาคม 2424 – 8 เมษายน 2516) ภาพดังกล่าวมีชื่อว่า “Nude, Green Leaves, and Bust” วาดโดยจิตรกรเอกชาวสเปน “ปาโบล ปีกัสโซ” เมื่อปี ค.ศ. 1932 (พ.ศ. 2475) โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากสาวน้อยที่มีชื่อว่า “มารี-เตเรส วอลเทอร์” ทั้งคู่พบรักกันในกรุงปารีสเมื่อปี ค.ศ. 1927 (พ.ศ. 2470) ขณะที่ฝ่ายหญิงมีอายุเพียง 17 ปี ส่วนปีกัสโซ มีอายุ 45 ปีในขณะนั้น หลังลักลอบมีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวโดยไม่ให้ภรรยา (นักเต้นบัลเล่ต์ชาวรัสเซีย) ล่วงรู้มานานหลายปี ในที่สุดเรื่องก็แดงออกมาเมื่อชู้รักของเขาเกิดพลาดท่าตั้งครรภ์ในปี ค.ศ. 1935 (พ.ศ. 2478) หลังจากมารี-เตเรส วอลเทอร์ คลอดลูกสาวชื่อ “มายา” ได้เพียง 1 ปี ปีกัสโซก็มีชู้รักใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกคน ทำให้มารี-เตเรสเกิดความหึงหวงถึงขนาดตามไปตบตีชู้รักอีกคนในสตูดิโอวาดภาพ ของปีกัสโซเลยทีเดียว (มารี-เตเรสฆ่าตัวตายหลังจากปีกัสโซเสียชีวิตในวัย 91 ได้เพียง 4 ปี) สาเหตุที่ทำให้ “Nude, Green Leaves, and Bust” มีค่ามหาศาล ไม่ได้เป็นเพราะภาพนี้คือหนึ่งในสุดยอดผลงานของจิตรกรเอกชื่อดังก้องโลก อย่าง “ปีกัสโซ” เท่านั้น หากยังถือเป็นภาพที่หาดูยากและมีน้อยคนนักจะที่ได้เห็น เนื่องจากถูกเก็บรักษาไว้อย่างมิดชิดในฐานะสมบัติส่วนตัวของตระกูลโบรดี้มา นานกว่าครึ่งศตวรรษ ที่ผ่านมาภาพดังกล่าวเคยถูกนำออกแสดงที่สหรัฐอเมริกาครั้งแรกครั้งเดียว เมื่อปี ค.ศ. 1961 (พ.ศ. 2504) ที่สำคัญ ภาพนี้ยังมีที่มาและความหมายอันลึกซึ้งแอบแฝงอยู่ ซึ่งนางเกลนี่ย์ส โรเบิร์ตส ผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าวเดลิเมล์ได้อธิบายเอาไว้ ดังนี้… 1. แอบมองหลังม่าน ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่าบริเวณหมายเลข 1 มีภาพใบหน้าของปีกัสโซซ่อนอยู่ตรงแบ็คกราวน์สีน้ำเงิน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความสัมพันธ์อันผิดทำนองคลองธรรมหรือเป็นรัก ต้องห้ามระหว่างเขากับมารี-เตเรส 2. ภาพดับเบิ้ล หรือภาพส่วนศีรษะ เหนือร่างอันเปลือยเปล่าของมารี-เตเรส ปรากฏภาพส่วนศีรษะของเธอตั้งอยู่บนแท่นหรือเสารูปทรงคลาสสิก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าปีกัสโซชื่นชมและยกย่องในตัวเธอเป็นอย่างมาก 3. ใบไม้รูปหัวใจ ต้นไม้ในภาพให้ความรู้สึกพลิ้วไหว มีชีวิตชีวา เหมือนกำลังเจริญงอกงาม และมีใบไม้สีเขียวใบหนึ่งที่เป็นรูปหัวใจ ซึ่งหมายถึงความรักที่เขามีต่อเธอ 4. เงาดำ ภาพเงาดำที่พาดผ่านร่างอันเปลือยเปล่าของมา รี-เตเรสยังคงสร้างความพิศวงให้กับผู้เชี่ยวชาญด้านงานศิลปะ จึงมีการตีความที่หลากหลายแตกต่างกัน โดยเฉพาะเงาดำที่อยู่บริเวณลำคอ บางคนกล่าวว่าเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความเป็นเจ้าของและแอบครอบครอง (เป็นชู้รัก) ขณะที่บางคนบอกว่าเงาดำบริเวณลำคอถือเป็นการยกย่องภาพวาดของศิลปิน “อองรี มาติสส์” ที่อยู่ในความครอบครองของปีกัสโซ (มาติสส์ เคยวาดภาพลูกสาวคนโตสวมโช้คเกอร์หรือสร้อยแบบติดคอสีดำ) 5. ผลไม้ต้องห้าม ปีกัสโซ วาดภาพผลแอปเปิ้ลที่ได้ชื่อว่าเป็น “ผลไม้ต้องห้าม” อันเป็นสัญลักษณ์ของแรงดึงดูดทางเพศตามพระคัมภีร์เดิม ซึ่งในที่นี้หมายถึงมารี-เตเรสนั่นเอง หลายคนเชื่อว่า เศรษฐีนิรนามที่เข้าร่วมการประมูลทางโทรศัพท์และเป็นผู้ชนะการประมูลในครั้ง นี้น่าจะเป็นเศรษฐีใหม่จากประเทศรัสเซีย แต่ผู้ที่อยู่ในแวดวงศิลปะสงสัยว่าอาจจะเป็นนายสตีฟ เอ. โคเฮน ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟัน ในแคลิฟอร์เนีย ที่เป็นเจ้าของผลงานศิลปะมูลค่าเกือบ 2 หมื่นล้านบาท และอยากได้ภาพวาดมารี-เตเรสของปีกัสโซมานานแล้ว สำหรับผลงานศิลปะที่เคยขึ้นแท่น “ราคาประมูลสูงที่สุดในโลก” ก่อนหน้านี้ คือประติมากรรมรูปคนเดินที่มีชื่อว่า “Walking Man I” ของอัลเบอร์โต เกียโคเม็ตติ ซึ่งถูกเศรษฐีนีคนหนึ่งประมูลไปในราคา $104.3 ล้าน หรือประมาณ 3.4 พันล้านบาทเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ส่วนผลงานของปีกัสโซที่เคยทำสถิติราคา ประมูลสูงสุดก่อนหน้านี้ คือภาพวาด “Boy With a Pipe (The Young Apprentice)” ซึ่งขายได้ราคาสูงสุด $104.2 ล้าน หรือประมาณ 3.37 พันล้านบาท เมื่อปี ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547) การที่คนๆ หนึ่งจะกลายมาเป็นจิตรกรเอกของโลกไม่ใช่เรื่องง่าย และหากมีพรสวรรค์ติดตัวมาตั้งแต่เกิด อีกทั้งมีองค์ประกอบของชีวิตที่เหมาะสม คือ ได้เกิด ได้อยู่ในครอบครัวและสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการสร้างสรรค์งานศิลปะมาตั้งแต่เด็ก จึงไม่ยากเลยที่คนๆ นั้นจะเกิดแรงบันดาลใจและจินตนาการในการสร้างสรรค์งานศิลปะขึ้นได้อย่างไร้ขอบเขต ประวัติ ปาโบล รุยซ์ ปิกัสโซ่ (Pablo Ruiz Picasso) ปิกัสโซ่ (Picasso) เกิดเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม ค.ศ. 1881 ที่เมืองมาลากา แคว้นอันดาลูเซีย ประเทศสเปน
เขาเป็นบุตรชายคนโตของ คอนโคเซ รุยซ์ อี บลัสโก (Don Jose Ruiz สเปน : Don José Ruiz y Blasco) ซึ่งมีอาชีพเป็นครูสอนศิลปะในมหาวิทยาลัย กับมารีอา ปีกัสโซ อี โลเปซ (Maria Picasso Ruiz ; สเปน : María Picasso y López) ปิกัสโซ่ (Picasso) เป็นเด็กที่แปลกกว่าเด็กทั่วไปที่ปกติจะต้องเรียก แม่ เป็นคำพูดแรก แต่คำแรกของปิกัสโซ่ กลับเป็นคำว่า “piz, piz” ซึ่งมาจากคำว่า “lapiz (ลาปิซ) ซึ่งแปลว่า ดินสอ ในภาษาสเปน ปิกัสโซ่ (Picasso) ได้รับของขวัญเป็นจานสีและพู่กันเมื่อเขามีอายุได้เพียง 6 ขวบ ความเป็นศิลปินฉายแววตั้งแต่เด็กและเด่นชัดอีกครั้งจากความบังเอิญ เมื่อบิดาซึ่งกำลังวาดภาพนกพิราบ ลุกออกจากห้องเพื่อไปทำธุระอะไรบางอย่าง และปิกัสโซ่เข้ามาวาดรูปนั้นแทนจนเสร็จ ยังความประหลาดใจให้กับบิดาเมื่อเขากลับเข้ามาในห้องนั้น เพราะภาพวาดนกพิราบที่ปิกัสโซ่วาดไว้ นอกจากจะสวยงามแล้วก็ยังเต็มไปด้วยพลังแห่งการสร้างสรรค์อีกด้วย ปิกัสโซ่ (Picasso) สร้างสรรค์งานศิลปะได้หลายรูปแบบ ไม่ใช่เฉพาะแต่เพียงภาพวาด (drawing) หรือภาพวาดสีด้วยพู่กัน (painting) แต่เขายังสามารถทำ รูปปั้น รูปหล่อ (sculpture) ภาพพิมพ์ (printmaking) เครื่องเคลือบดินเผา (ceramics) รวมทั้งใช้วัสดุอื่นๆ มาประยุกต์ให้เป็นผลงานศิลปะได้อีกด้วย เช่น การใช้ชิ้นส่วนเก่าของรถจักรยานมาทำงานหล่อที่ชื่อว่า Bull’s Head ผลงาน ภาพวาดที่มีราคาแพงที่สุด เป็นอันดับที่ 3 ของโลก "Garcon la Pipe" ภาพเขียนของปีกัสโซแบ่งเป็นช่วงต่าง ๆ ได้ ดังนี้ 1. Blue Period ค.ศ. 1901-1904 (ยุคสีน้ำเงิน) 2.Rose Period ค.ศ. 1904-1906 (ยุคสีชมพู) 3.African-Influenced Period ค.ศ. 1906 - 1907 4.Cubism ค.ศ. 1909 - 1912 (บาศกนิยม) 5.Classicism and surrealism ค.ศ. 1913 - 1945 (ยุคคลาสสิกและเหนือจริง) 6.Later works ค.ศ. 1946- 1973 (ยุคสุดท้าย) |