โรงแรม ผี เชียงใหม่ ชั้น 5

 
เรื่องนี้มีผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ “คุณปราย” เล่าไว้ในรายการวิทยุรายการหนึ่งครับ ตอนเล่าเธอไม่ได้บอกว่าอายุเท่าไหร่ แต่ก็ยังเป็นนักศึกษาอยู่ครับ เป็นประสบการณ์ไม่คิดไม่ฝันที่เธอเจอมากับตัวเองและเพื่อนสาวอีก 2 คน ตอนไปพักที่โรงแรม 5 ดาวแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ช่วงเคาท์ดาวน์ปีใหม่ในปีหนึ่ง

  ก่อนเดินทาง คุณปรายได้บุ๊คกิ้งห้องพักของโรงแรมแห่งนี้ไว้ โดยไม่ได้ระบุหมายเลขห้องพักเพราะไม่ได้ซีเรียสอะไรมาก และช่วงนั้นก็มีแขกมาพักค่อนข้างเต็ม จึงให้ทางโรงแรมจึงเป็นผู้เลือกห้องให้ตามเหมาะสม

  เมื่อคุณปรายและเพื่อนเดินทางมาถึงโรงแรม ตอนนั้นยังเป็นช่วงเช้ามืดอยู่ ห้องที่ทางโรงแรมบุ๊คกิ้งไว้ให้คุณปรายยังมีแขกพักอยู่ ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ แต่ด้วยความที่คุณปรายไม่อยากรอจนแขกเช็คเอ้าท์ จึงลองสอบถามทางโรงแรมว่ามีห้องพักอื่นว่างหรือไม่ ปรากฏว่ามี คุณปรายและเพื่อนๆ จึงตกลงไปพักห้องนั้น จะได้ไม่เสียเวลา

  โรงแรมนี้มีลักษณะผังเป็นรูปตัว L ห้องพักที่คุณปรายได้เข้าพัก เป็นห้องริมฝั่งปีกขวาชั้น 11 เมื่อเปิดเข้าไป ทางขวามือจะเป็นเคาท์เตอร์บาร์ ทางซ้ายมือจะเป็นห้องน้ำ มีเตียง 2 เตียง และมีหน้าต่างทั้งฝั่งข้างเตียงและฝั่งหัวเตียงรวมทั้งหมด 6 บาน ซึ่งเธอก็ได้ยกมือไหว้ และทำการเลื่อนตู้ เลื่อนเตียง เพื่อไม่ให้เป็นการทับที่ใครตามความเชื่อที่ผู้ใหญ่สอน

  และเมื่อรูดผ้าม่านหน้าต่างเปิดออก เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งที่ค่อนข้างปากไว ก็พูดขึ้นว่า...

  “อัปมงคลจริงๆ ห้องพักอยู่ตรงข้ามดาดฟ้าโรงพยาบาล...”

  ใช่แล้วครับ ข้างๆ โรงแรมแห่งนี้มีโรงพยาบาลอยู่ใกล้ๆ ซึ่งเมื่อมองจากหน้าต่างห้องพักของคุณปราย จะมองเห็นสัญลักษณ์กากบาทเครื่องหมายของโรงพยาบาลที่อยู่บนดาดฟ้าพอดี

  จากนั้นคุณปรายกับเพื่อนๆ ก็ไปเที่ยวกันตามปกติ หลังจากเคาท์ดาวน์ปีใหม่ก็กลับมาห้องพักประมาณตี 3 อากาศในคืนนั้นทำให้พวกเธอรู้สึกหนาวแอร์ เพื่อนผู้หญิงคนที่ปากไว จึงลุกขึ้นไปจะเปิดหน้าต่าง ซึ่งตอนนั้นเธอมีอาการเมาเพราะดื่มแอลกอฮอล์เมื่อช่วงหัวค่ำที่ผ่านมา และเมื่อเธอเปิดผ้าม่านออก!

  “เฮ้ย! ผู้หญิงบ้าอะไรวะ ไปนั่งตรงนั้น”

  คุณปรายและเพื่อนอีกคนก็รีบมามองดูว่าคืออะไร ภาพที่เห็นคือผู้หญิงผมยาว สวมชุดคนไข้ นั่งห้อยขาอยู่บนดาดฟ้าของโรงพยาบาล แต่มองเห็นหน้าไม่ชัดนัก

  “ช่างแม่-เหอะ ไม่ใช่ญาติเรา” เพื่อนคนเดิมพูดขึ้นด้วยความเมา

  แต่ก็ด้วยความรู้สึกหวาดกลัว พวกเธอจึงตัดสินใจว่าจะไม่เปิดหน้าต่าง หลังจากนอนไปได้สัก 10 นาทียังไม่ทันจะหลับ สิ่งที่ทุกคนไม่คิดไม่ฝันก็เกิดขึ้น... พวกเธอทั้งหมดได้ยินเสียงคล้ายเล็บมากรีดกระจกหน้าต่าง ลากจากฝั่งหนึ่งไปอีกฝั่งหนึ่ง ตลอดทั้ง 6 บาน!

  ทุกคนขนลุกซู่ด้วยความกลัว แต่ก็รู้สึกคาใจว่ามันคือเสียงอะไร จึงตัดสินใจว่าจะต้องเปิดม่านออกดูให้รู้ว่ามันคืออะไรกันแน่ เพื่อนปากไวยืนอยู่ตรงกลางบานหน้าต่าง คุณปรายและเพื่อนอีกคนรูดม่านเปิดออกพร้อมๆ กันทั้งสองฝั่ง

  ผู้หญิงผมยาวที่เคยเห็นตรงดาดฟ้าของโรงพยาบาล ตอนนี้เธอมาเกาะอยู่ที่กระจกหน้าต่างห้องพักชั้น 11 มือกำลังกรีดเกากระจก ปากกำลังหัวเราะ!

  ทุกคนตกใจ รีบปิดม่าน โผกอดกันแน่น แล้วรีบวิ่งออกมาจากห้อง โดยที่ได้ยินเสียงหัวเราะอันเย็นยะเยือกก้องอยู่!

  ทุกคนลงลิฟต์มาที่ฟร้อนท์ของโรงแรม และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้พนักงานที่ฟร้อนท์ฟัง แต่พนักงานถามว่าพวกคุณเมารึปล่าว? คุณปรายบอกว่าเธอไม่ได้เมาเพราะเธอไม่ได้ดื่ม แต่พนักงานก็บอกว่าไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้

  เป็นอันว่าไม่มีใครอยากกลับขึ้นไปบนห้อง จึงนั่งอยู่กันที่ล็อบบี้จนเช้า จะย้ายที่พักก็ไม่มีที่พักไหนว่าง จะกลับกรุงเทพฯ เลยก็ไม่ได้ เพราะบุ๊คกิ้งตั๋วรถทุกอย่างไว้หมดแล้ว สุดท้ายทางโรงแรมบอกว่าจะย้ายห้องให้ เป็นห้องพักบนชั้น 11 เหมือนกัน แต่อยู่ถัดมา 4 ห้อง ซึ่งคุณปรายและเพื่อนก็จำเป็นต้องพักต่อ

  ช่วงกลางวัน คุณปรายและเพื่อนๆ จึงพากันไปทำบุญ และเที่ยวต่อกันตามปกติ และกลับมาห้องพักประมาณ 2 ทุ่ม พอ 3 ทุ่มก็เริ่มหลับไป กระทั่งเวลาเดิมตอนตี 3...

  เสียงร้องกรี๊ดดดด เสียงกรีดกระจก เสียงเคาะหน้าต่าง ดังขึ้นที่ห้องพักใหม่นี้!  

  เพื่อนผู้หญิงคนปากไวร้อง โอ๊ย! และบอกว่าเหมือนมีคนมาหยิกข่วนที่แขน ทันใดนั้นไฟในห้องดับพรึ่บ! ทุกคนพากันวิ่งมาที่ลิฟต์ ลงมาแจ้งที่ฟร้อนท์อีกครั้ง คราวนี้ได้เรียกพนักงานที่ฟร้อนท์กับรปภ.ขึ้นมาบนห้องด้วย รวมเป็น 5 คน เพื่อให้มาอยู่เป็นเพื่อนระหว่างเก็บกระเป๋า เพราะอยู่ไม่ได้แล้วจริงๆ

  พอเก็บของเสร็จ ในขณะที่คุณปรายกำลังจะบิดลูกบิดประตูเพื่อเปิดออก ทุกคนก็ได้ยินเสียงกรีดร้องพร้อมกัน ทั้ง 5 คนจึงรีบวิ่งออกจากห้อง แล้วมาเกาะกลุ่มกันที่หน้าลิฟต์ พอลงมาถึงข้างล่าง พนักงานหน้าฟร้อนท์บอกว่าไม่รู้เรื่องจริงๆ นะว่ามันเคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน รปภ.เองก็บอกว่าไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้

  เวลาประมาณตี 5 แม่บ้านเก่าแก่คนหนึ่งของโรงแรมแห่งนี้เดินมาได้ยินเรื่องที่พวกเธอคุยกัน จึงถามว่ามีไร พอเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้แม่บ้านฟัง แม่บ้านก็ถามกลับมาว่า

  อยากฟังมั้ยล่ะ ถ้าอยากฟังก็จะเล่า ถ้ากลัวก็จะไม่เล่า...

  ถึงจุดนี้แล้ว จะกลัวยังไง ก็อยากรู้ความจริง ป้าแม่บ้านเลยเล่าว่า...

  เมื่อ 5 ปีก่อน มีแขกกลุ่มหนึ่งมาพักยาวเกือบ 2 อาทิตย์ ผู้ชายคนหนึ่งเขาพาแฟนมาด้วย กำลังตั้งท้องได้ 4 เดือน พักห้องเดียวกับที่คุณปรายพักทีแรกนั่นแหละ ห้องปีกขวา ชั้น 11 ตรงข้ามดาดฟ้าของโรงพยาบาล ผู้ชายคนนั้นเขาชอบไปเที่ยวกลางคืนกับเพื่อนๆ และไปติดนักร้อง จนแฟนน้อยใจและกรีดข้อมือตัวเอง แต่มีคนพาส่งโรงพยาบาลได้ทัน ซึ่งก็คือโรงพยาบาลที่อยู่ติดกับโรงแรมนี่เอง

  หลังจากโทร.แจ้งไปทางผู้ชายแล้ว เขาก็ได้ไปเยี่ยมแฟนที่โรงพยาบาล แต่เมื่อเห็นว่าแฟนต้องนอนพักที่โรงพยาบาล เขาจึงกลับมาที่ห้องพัก โดยพาผู้หญิงอื่นมาที่ห้อง......

  สักพัก ก็มีโทรศัพท์โทร.เข้ามาที่มือถือของผู้ชายคนนั้น แล้วพูดว่า

  “ลองมองมาที่หน้าต่างสิ”

  เมื่อผู้ชายคนนั้นหันไปมองที่หน้าต่างห้อง ก็เห็นแฟนตัวเองอยู่ที่ดาดฟ้าของโรงพยาบาล แล้วโดดลงมาต่อหน้าต่อตา!...

  หลังจากนั้น แม่บ้านได้พบกำไลข้อมือของเธอตกอยู่ที่ห้องจึงเก็บไว้ กระทั่งคืนหนึ่งได้ฝันว่าเธอมาบอกให้เอากำไลไปไว้ที่วัด--(แห่งหนึ่ง) ย่านบางโพที่กรุงเทพฯ เพราะบ้านเธออยู่บางโพ ซึ่งในที่สุดแม่บ้านก็ได้เดินทางจากเชียงใหม่มากรุงเทพฯ และนำเอากำไลนั้นไปมอบให้กับพระที่วัดตามที่เธอบอกไว้ในความฝัน แม่บ้านเล่าต่อด้วยว่า เธอคนนั้นกลายเป็นศพไม่มีญาติอยู่ที่วัดดังกล่าวที่บางโพนั่นเอง เพราะฝ่ายผู้ชายไม่ได้มารับรู้เรื่องราวอะไรอีกเลย...

  พอคุณปรายและเพื่อนๆ กลับมาที่กรุงเทพฯ ก็เลยได้ไปทำพิธีบังสุกุลเป็นบังสุกุลตายเพื่อสะเดาะเคราะห์

  กระทั่งหลายเดือนต่อมา วันหนึ่งคุณปรายนั่งรถแท็กซี่ไปเรียนตามปกติ วันนั้นคนขับแท็กซี่ถามขึ้นว่า “คุณเล่นหวยมั้ย มีศพไม่มีญาติที่วัด-- แถวบางโพให้เลขพี่มา (พร้อมกับบอกเลขนั้น) ถ้าถูกก็เอาไปทำบุญที่วัดนั้นก็แล้วกัน”

  ปกติคุณปรายไม่เล่นหวย แต่งวดนั้นทำไมก็ไม่รู้ เธอจึงลองซื้อเลขตามที่แท็กซี่บอกมา แล้วก็ปรากฏว่าถูกจริงๆ

  คุณปรายกับเพื่อนๆ ก็เลยคิดว่าจะไปทำบุญที่วัด ตอนนั้นก็คิดว่าเป็นวัดอะไรก็ได้มั้ง ก็เลยจะไปทำบุญที่วัดหลักสี่ ปรากฏว่าติดๆขัดๆ จนไม่ได้ทำบุญ ก็เลยนั่งแท็กซี่ไปบางโพ..

  รถแท็กซี่ก็ขับพาหาวัดดังกล่าวอยู่แถวๆบางโพ ก็ยังหาไม่เจอ ในใจก็แอบคิดว่า ไม่ต้องเป็นวัดนั้นก็ไม่น่าจะเป็นอะไร ทันใดนั้นเอง มีรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งขี่มาตัดหน้า จนแท็กซี่ต้องเบรกชะงัก!

  รถจอดอยู่หน้าทางเข้าวัดนั้นพอดี

  คุณปรายและเพื่อนๆ ก็เลยได้เข้าไปทำบุญที่วัดนั้น และด้วยความอยากรู้ว่าศพไร้ญาติที่วัดนี้เกี่ยวข้องอะไรกับเหตุการณ์ที่เชียงใหม่หรือเปล่า คุณปรายและเพื่อนๆ จึงขอทางวัดดูรูปของผู้เสียชีวิต และเมื่อได้เห็นรูป เพื่อนคนที่ปากไวถึงกับเข่าอ่อน คนในรูปนั้น ก็คือคนที่ลอยมาเกาะหน้าต่างโรงแรมที่เชียงใหม่นั่นเอง

..........