ค่าปกติของสัญญาณชีพ ทั้ง 5 องค์ประกอบ

ก่อนที่จะเข้ารับการตรวจรักษาทุกครั้ง คนไข้จะต้องถูกคัดกรองเบื้องต้นด้วยการวัดค่าต่าง ๆ ของร่างกาย ค่าเหล่านี้ทางการแพทย์เรียกว่าค่าสัญญาณชีพ หรือ Vital sign สัญญาณชีพคืออะไร มีอะไรบ้าง และบอกอะไรเกี่ยวกับร่างกายของเรา มาทำความเข้าใจกัน


 

อ่านตามหัวข้อ

 


สัญญาณชีพเป็นค่าที่บอกสภาพการทำงานของระบบในร่างกาย ประกอบไปด้วย 4 ค่าด้วยกัน ได้แก่ อุณหภูมิ ความดันโลหิต ชีพจร และจำนวนครั้งการหายใจ


อุณหภูมิ (Temperature)

โดยทั่วไปร่างกายคนเราอุณหภูมิเฉลี่ยที่ 37 องศาเซลเซียส ถ้าเกิน 37.5 ถือว่ามีไข้ การวัดใช้เครื่องมือที่เรียกว่าเทอร์โมมิเตอร์ โดยนิยมวัดทางปาก หรือรักแร้



ความดันโลหิต (Blood Pressure)

คือแรงที่หัวใจใช้สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกาย ประกอบไปด้วย ค่าความดันตัวบน (ค่าความดันสูงสุดขณะที่หัวใจห้องล่างบีบตัว) โดยทั่วไปไม่เกิน 120 มิลลิเมตรปรอท และค่าความดันตัวล่าง (ค่าความดันต่ำสุดขณะที่หัวใจห้องล่างคลายตัว) โดยทั่วไปไม่เกิน 80 มิลลิเมตรปรอท สำหรับผู้ใหญ่ปกติ



ชีพจร (Pulse)

หรืออัตราการเต้นของหัวใจ ค่าอยู่ที่ 60 – 100 ครั้งต่อนาที สำหรับบุคคลทั่วไป



การหายใจ (Respiratory)

โดยทั่วไปอยู่ที่ 12 – 20 ครั้งต่อนาที สำหรับผู้ใหญ่ปกติ


นอกจากนี้อาจมีการตรวจวัดสัญญาณชีพอื่นเพิ่มเติม เพื่อประกอบการวินิจฉัยให้มีความแม่นยำยิ่งขึ้น เช่น การวัดปริมาณฮีโมโกลบินที่จับตัวอยู่กับออกซิเจนในเลือดด้วยเครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว เพื่อติดตามภาวะเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งผลกระทบต่อความสามารถในการลำเลียงออกซิเจนในเลือดของร่างกาย เป็นต้น



จะเห็นได้ว่าการทราบถึงสถานะของสัญญาณชีพเป็นประโยชน์ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ให้สามารถวินิจฉัยและทำการรักษาได้อย่างเหมาะสมแม่นยำ ในความจริงแล้วค่าสัญญาณชีพไม่ได้คงที่ตลอดเวลา สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามช่วงอายุ ลักษณะท่าทาง หรือกิจกรรมที่ทำขณะวัด ซึ่ง H LAB ได้พัฒนา embedded-algorithm ใน Vital Sign monitoring feature ใน CORTEX ER ซึ่งเป็น platform การบริหารจัดการงานเวชศาสตร์ฉุกเฉินที่สามารถตรวจวัดสัญญาณชีพของคนไข้ที่นอนพักรักษาและแสดงผลใน dashboard ได้แบบ real time รวมถึงนำข้อมูลสัญญาณชีพที่วัดได้ไปประมวลผลด้วย rule-based MEWS criteria ที่มีการตกลงร่วมกับแพทย์ เพื่อพิจารณาแนวโน้มความเสี่ยงในการเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ (adverse event) ได้ล่วงหน้า ช่วยบุคลากรทางการแพทย์ลดเวลาในการตัดสินใจ เพิ่มความแม่นยำในการวิเคราะห์สภาพร่างกาย และแนะนำขั้นตอนการรักษาที่เหมาะสมกับคนไข้ที่สุดต่อไปด้วย



ทั้งนี้การวัดสัญญาณชีพเพื่อประกอบการวินิจฉัยของแพทย์จำเป็นที่จะต้องตรวจวัดด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจากองค์กรอาหารและยา ในปัจจุบันการวัดสัญญาณชีพด้วยเครื่อง ECG หรือ smartphone หรือ smartwatch ไม่สามารถนำมาเป็นหลักฐานประกอบการรักษาได้


 


H LAB เป็นผู้เชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษา และพัฒนา Modern Cloud-Based Healthcare Platform สำหรับการบริหารจัดการในโรงพยาบาล พวกเรามีความตั้งใจในการพัฒนาระบบสุขภาพแบบมุ่งเน้นคุณค่า เพื่อเพิ่มศักยภาพในการให้บริการของโรงพยาบาล โดยมีเป้าหมายในการยกระดับคุณภาพการรักษาและการเข้าถึงระบบสาธารณสุขของประชาชนที่ทั่วถึงมากยิ่งขึ้น

         เวลาคุณไปโรงพยาบาล  คุณพยาบาลเค้าจะจับคุณชั่งน้ำหนัก วัดความดันโลหิตใช่ไหมคะ คุณรู้ไหมว่าเค้าเรียกว่าอะไร ศัพท์ทางการแพทย์เขาเรียกว่า  Vital Sign  หรือสัญญาณชีพ เพื่อเป็นข้อมูลให้คุณหมอทราบข้อมูลทางสุขภาพของคุณเบื้องต้นก่อน  Vital Sign  หลักๆก็มี 4 อย่างค่ะ

  1. วัดอุณหภูมิร่างกาย (ถ้าไม่ได้ป่วยเป็นไข้ เขาก็อาจจะไม่วัด) อุณหภูมิร่างกายที่ปกติอยู่ที่ ๓๗ องศาเซลเซียส อนุญาตให้ไม่เกิน 37.5  ถ้าเกิน คือ มีไข้ค่ะ
  2. วัดความดันโลหิต ความดันโลหิต คือแรงดันที่หัวใจต้องทำงานในการสูบฉีดโลหิต ความดันโลหิตค่าปกติ ยอดนิยมอยู่ที่ 120/80 มิลลิเมตรปรอท แต่ที่แสดงว่าสุขภาพดี คือ 110/70  แล้วอย่างไหนอันตรายกว่ากันระหว่างความดันโลหิตสูงและความดันโลหิตต่ำ  ความดันโลหิตถ้าสูงเกินไป ต่ำเกินไป อันตรายหมด แต่ความดันโลหิตสูงอันตรายกว่าค่ะ เพราะความดันโลหิตสูง  อาจไม่แสดงอาการปวดศีรษะ  และความดันโลหิตในระยะยาว ทำให้เกิดผลเสียต่อสมอง หัวใจและไต  การตรวจวัดความดันทำให้พบและรักษาได้ แทนที่จะเกิดปัญหาใหญ่ฯ  เช่น ไตวายหรือเส้นเลือดสมองแตก จะวัดได้ที่ไหน ถ้าที่ไหนมีตรวจสุขภาพฟรีๆ ก็เดินไปขอวัดความดันโลหิตได้เลยค่ะ หรือไปขอวัดตามโรงพยาบาลก็ได้ค่ะ
  3. วัดชีพจร คืออัตราการเต้นของหัวใจ ที่ปกติคือประมาณ 70-80  ครั้ง/นาที (ในผู้ใหญ่นะคะ)
  4. วัดจำนวนครั้งการหายใจ ปกติควรอยู่ที่ 20 – 26 ครั้งต่อนาที ในผู้ใหญ่เช่นกัน ข้อนี้บางทีเขาก็ไม่วัดค่ะ ถ้าไม่มาด้วยโรคระบบการหายใจคือดูจากชีพจรได้ วิชาการสมัยใหม่ เขากำลังรณรงค์ให้วัด  Vital Sign  
  5. ตัวที่ 5. คือ วัดรอบเอว คุณหมอด้านหัวใจจะชอบมากค่ะ เพราะแสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงโรคหัวใจเช่นกัน (คือภาวะอ้วนลงพุง ที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้) รอบเอวที่ปกติคือ ถ้าเป็นผู้ชาย ต้องไม่เกิน 90 ซม. ถ้าเป็นผู้หญิง ต้องไม่เกิน 80 ซม.ค่ะ

         เอาเป็นว่า คุณเคยวัดความดันโลหิตกันบ้างรึยังคะ?  แล้วรอบเอวคุณเท่าไหร่เอ่ย ?