พระราชบัญญัติ Show การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ และ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๓ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๒ เป็นปีที่ ๕๔ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ โดยที่เป็นการสมควรให้มีกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ พระราชบัญญัตินี้มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจ ากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่ง อ านาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยค าแนะน าและยินยอมของ รัฐสภา ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒” 1[๑] 1[๑] ื่ มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัตินี้ “การศึกษา” หมายความว่า กระบวนการเรียนรู้เพอความเจริญงอกงามของบุคคลและสังคม ทางวิชาการ การสร้างองค์ความรู้อนเกิดจากการจัดสภาพแวดล้อม สังคม
การเรียนรู้และปัจจัยเกื้อหนุนให้ “การศึกษาตลอดชีวิต” หมายความว่า การศึกษาที่เกิดจากการผสมผสานระหว่างการศึกษา ั ื่ ึ “การประกันคุณภาพภายใน” หมายความว่า การประเมินผลและการติดตามตรวจสอบ คุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาจากภายใน โดยบุคลากรของสถานศึกษานั้นเอง หรือโดย “การประกันคุณภาพภายนอก” หมายความว่า การประเมินผลและการติดตามตรวจสอบ คุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาจากภายนอก โดยส านักงานรับรองมาตรฐานและประเมิน “ครู” หมายความว่า บุคลากรวิชาชีพซึ่งท าหน้าที่หลักทางด้านการเรียนการสอนและการ ส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนด้วยวิธีการต่าง ๆ ในสถานศึกษาทั้งของรัฐและเอกชน “คณาจารย์” หมายความว่า บุคลากรซึ่งท าหน้าที่หลักทางด้านการสอนและการวิจัยใน สถานศึกษาระดับอุดมศึกษาระดับปริญญาของรัฐและเอกชน แต่ละแห่ง ทั้งของรัฐและเอกชน “ผู้บริหารการศึกษา” หมายความว่า บุคลากรวิชาชีพที่รับผิดชอบการบริหารการศึกษานอก “บุคลากรทางการศึกษา” หมายความว่า ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา รวมทั้ง ผู้สนับสนุนการศึกษาซึ่งเป็นผู้ท าหน้าที่ให้บริการ หรือปฏิบัติงานเกี่ยวเนื่องกับการจัดกระบวนการเรียนการ “รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ 3[๓] กฎกระทรวง ระเบียบ และประกาศนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับ หมวด ๑ ความมงหมายและหลักการ ั 2[๒] มาตรา ๔ นิยามค าว่า “กฎกระทรวง” แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ มาตรา ๗ ในกระบวนการเรียนรู้ต้องมุ่งปลูกฝังจิตส านึกที่ถูกต้องเกี่ยวกับการเมืองการ ั รู้จักรักษาผลประโยชน์ส่วนรวมและของประเทศชาติ รวมทั้งส่งเสริมศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรมของชาติ การ ั มาตรา ๘ การจัดการศึกษาให้ยึดหลักดังนี้ (๑) เป็นการศึกษาตลอดชีวิตส าหรับประชาชน (๒) ให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา มาตรา ๙ การจัดระบบ โครงสร้าง และกระบวนการจัดการศึกษา ให้ยึดหลักดังนี้ (๑) มีเอกภาพด้านนโยบาย และมีความหลากหลายในการปฏิบัติ ื้
(๓) มีการก าหนดมาตรฐานการศึกษา และจัดระบบประกันคุณภาพการศึกษาทุกระดับและ (๔) มีหลักการส่งเสริมมาตรฐานวิชาชีพครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา และการ พัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษาอย่างต่อเนื่อง (๖) การมีส่วนร่วมของบุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เอกชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ และสถาบันสังคมอื่น หมวด ๒ สิทธิและหน้าที่ทางการศึกษา มาตรา ๑๐ การจัดการศึกษา ต้องจัดให้บุคคลมีสิทธิและโอกาสเสมอกันในการรับการศึกษา การจัดการศึกษาส าหรับบุคคลซึ่งมีความบกพร่องทางร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์ ึ่ ื่ มาตรา ๑๑ บิดา มารดา หรือผู้ปกครองมีหน้าที่จัดให้บุตรหรือบุคคลซึ่งอยู่ในความดูแล ได้รับการศึกษาภาคบังคับตามมาตรา ๑๗ และตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องตลอดจนให้ได้รับการศึกษา นอกเหนือจากการศึกษาภาคบังคับ ตามความพร้อมของครอบครัว มาตรา ๑๒ นอกเหนือจากรัฐ เอกชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้บุคคล ครอบครัว องค์กรชุมชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ และสถาบันสังคมอน มีสิทธิใน มาตรา ๑๓ บิดา มารดา
หรือผู้ปกครองมีสิทธิได้รับสิทธิประโยชน์ ดังต่อไปนี้ แก่บุตรหรือบุคคลซึ่งอยู่ในความดูแล (๓) การลดหย่อนหรือยกเว้นภาษีส าหรับค่าใช้จ่ายการศึกษาตามที่กฎหมายก าหนด มาตรา ๑๔ บุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบัน
ื้ ดูแลรับผิดชอบ (๓) การลดหย่อนหรือยกเว้นภาษีส าหรับค่าใช้จ่ายการศึกษาตามที่กฎหมายก าหนด หมวด ๓ ระบบการศึกษา มาตรา ๑๕ การจัดการศึกษามีสามรูปแบบ คือ การศึกษาในระบบ
การศึกษานอกระบบ (๑) การศึกษาในระบบ เป็นการศึกษาที่ก าหนดจุดมุ่งหมาย วิธีการศึกษา หลักสูตร (๒) การศึกษานอกระบบ เป็นการศึกษาที่มีความยืดหยุ่นในการก าหนดจุดมุ่งหมาย รูปแบบ วิธีการจัดการศึกษา ระยะเวลาของการศึกษา การวัดและประเมินผล ซึ่งเป็นเงื่อนไขส าคัญของการส าเร็จ บุคคลแต่ละกลุ่ม ั ความรู้อื่น ๆ สถานศึกษาอาจจัดการศึกษาในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งหรือทั้งสามรูปแบบก็ได้ ั ื้ การศึกษาขั้นพื้นฐานประกอบด้วย การศึกษาซึ่งจัดไม่น้อยกว่าสิบสองปีก่อนระดับอดมศึกษา การแบ่งระดับหรือการเทียบระดับการศึกษานอกระบบหรือการศึกษาตามอธยาศัย ให้เป็นไป มาตรา ๑๗ ให้มีการศึกษาภาคบังคับจ านวนเก้าปี โดยให้เด็กซึ่งมีอายุย่างเข้าปีที่เจ็ด เข้า ื้ มาตรา ๑๘ การจัดการศึกษาปฐมวัยและการศึกษาขั้นพนฐานให้จัดในสถานศึกษา ั (๓) ศูนย์การเรียน ได้แก่ สถานที่เรียนที่หน่วยงานจัดการศึกษานอกโรงเรียน บุคคล สถานประกอบการ โรงพยาบาล สถาบันทางการแพทย์ สถานสงเคราะห์ และสถาบันสังคมอื่นเป็นผู้จัด ุ มาตรา ๒๐ การจัดการอาชีวศึกษา การฝึกอบรมวิชาชีพ ให้จัดในสถานศึกษาของรัฐ ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการอาชีวศึกษาและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง มาตรา ๒๑ กระทรวง ทบวง กรม รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอนของรัฐ อาจจัดการศึกษา หมวด ๔ ั มาตรา ๒๓ การจัดการศึกษา ทั้งการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษา การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ประสบการณ์เรื่องการจัดการ การบ ารุงรักษาและการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อย่างสมดุลยั่งยืน ภูมิปัญญา (๔) ความรู้ และทักษะด้านคณิตศาสตร์ และด้านภาษา เน้นการใช้ภาษาไทยอย่างถูกต้อง มาตรา ๒๔ การจัดกระบวนการเรียนรู้ ให้สถานศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด าเนินการ ดังต่อไปนี้ (๑) จัดเนื้อหาสาระและกิจกรรมให้สอดคล้องกับความสนใจและความถนัดของผู้เรียน โดย (๒) ฝึกทักษะ กระบวนการคิด การจัดการ การเผชิญสถานการณ์ และการประยุกต์ความรู้มา ใช้เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหา เป็น รักการอ่านและเกิดการใฝ่รู้อย่างต่อเนื่อง (๔) จัดการเรียนการสอนโดยผสมผสานสาระความรู้ด้านต่าง ๆ อย่างได้สัดส่วนสมดุลกัน (๕) ส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้สอนสามารถจัดบรรยากาศ สภาพแวดล้อม สื่อการเรียน และ อ านวยความสะดวกเพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้และมีความรอบรู้ รวมทั้งสามารถใช้การวิจัยเป็นส่วนหนึ่งของ ประเภทต่าง ๆ (๖) จัดการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นได้ทุกเวลาทุกสถานที่ มีการประสานความร่วมมือกับบิดามารดา มาตรา ๒๕ รัฐต้องส่งเสริมการด าเนินงานและการจัดตั้งแหล่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตทุก ิ ิ การสอนตามความเหมาะสมของแต่ละระดับและรูปแบบการศึกษา ประเมินผู้เรียนตามวรรคหนึ่งมาใช้ประกอบการพิจารณาด้วย
ื้ มาตรา ๒๘
หลักสูตรการศึกษาระดับต่าง ๆ รวมทั้งหลักสูตรการศึกษาส าหรับบุคคลตาม ละระดับโดยมุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตของบุคคลให้เหมาะสมแก่วัยและศักยภาพ สาระของหลักสูตร ทั้งที่เป็นวิชาการ และวิชาชีพ ต้องมุ่งพฒนาคนให้มีความสมดุล ทั้งด้าน ส าหรับหลักสูตรการศึกษาระดับอดมศึกษา นอกจากคุณลักษณะในวรรคหนึ่ง และวรรคสอง มาตรา ๒๙ ให้สถานศึกษาร่วมกับบุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครอง ั หมวด ๕ การบริหารและการจัดการศึกษา ส่วนที่ ๑ การบริหารและการจัดการศึกษาของรัฐ 4[๔] ระดับและทุกประเภท ก าหนดนโยบาย แผน และมาตรฐานการศึกษา สนับสนุนทรัพยากรเพอการศึกษา ื่ 5[๕] 6[๖] การศึกษาทุกระดับ (๓)
พิจารณาเสนอนโยบายและแผนในการสนับสนุนทรัพยากรเพื่อการศึกษา 4[๔] (๕) ให้ความเห็นหรือค าแนะน าเกี่ยวกับกฎหมายและกฎกระทรวงที่ออกตามความใน พระราชบัญญัตินี้ คณะรัฐมนตรี ให้คณะกรรมการสภาการศึกษา ประกอบด้วย รัฐมนตรีเป็นประธาน กรรมการโดยต าแหน่ง ิ เลขานุการ จ านวนกรรมการ คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการสรรหา การเลือกกรรมการ วาระการด ารง 7[๗] ทรัพยากร การติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการจัดการอาชีวศึกษา โดยค านึงถึงคุณภาพและความเป็น ั 7[๗] มาตรา ๓๕ องค์ประกอบของคณะกรรมการตามมาตรา ๓๔ ประกอบด้วย กรรมการโดย ต าแหน่งจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้แทนองค์กรเอกชน ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้แทนองค์กร จ านวนกรรมการ คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการสรรหา การเลือกประธานกรรมการและ กรรมการ วาระการด ารงต าแหน่งและการพนจากต าแหน่งของคณะกรรมการแต่ละคณะ ให้เป็นไปตามที่ ด้วย ให้ส านักงานคณะกรรมการตามมาตรา ๓๔ เป็นนิติบุคคล และให้เลขาธิการของแต่ละ มาตรา ๓๖ ให้สถานศึกษาของรัฐที่จัดการศึกษาระดับปริญญาเป็นนิติบุคคล และอาจ ให้สถานศึกษาดังกล่าวด าเนินกิจการได้โดยอสระ สามารถพฒนาระบบบริหาร และการ 8[๘] ให้รัฐมนตรีโดยค าแนะน าของสภาการศึกษา มีอานาจประกาศในราชกิจจานุเบกษาก าหนด
ในกรณีที่เขตพื้นที่การศึกษาไม่อาจบริหารและจัดการได้ตามวรรคหนึ่ง กระทรวงอาจจัดให้มี 8[๘] (๑) การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานส าหรับบุคคลที่มีความบกพร่องทางร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์ สังคม การสื่อสารและการเรียนรู้ หรือมีร่างกายพิการหรือทุพพลภาพ (๓) การจัดการศึกษาขั้นพนฐานส าหรับบุคคลที่มีความสามารถพิเศษ 9[๙] การศึกษาประสาน
ส่งเสริมและสนับสนุนสถานศึกษาเอกชนในเขตพนที่การศึกษา ประสานและส่งเสริม ศาสนา สถานประกอบการ และสถาบันสังคมอื่นที่จัดการศึกษาในรูปแบบที่หลากหลายในเขตพื้นที่การศึกษา จ านวนกรรมการ คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการสรรหา การเลือกประธานกรรมการและ กรรมการ วาระการต ารงต าแหน่ง และการพ้นจากต าแหน่ง ให้เป็นไปตามที่ก าหนดในกฎกระทรวง เขตพื้นที่การศึกษา ในการด
าเนินการตามวรรคหนึ่งในส่วนที่เกี่ยวกับสถานศึกษาเอกชนและองค์กรปกครองส่วน ื้ มาตรา ๓๙ 11[๑๑] ให้กระทรวงกระจายอานาจการบริหารและการจัดการศึกษา ทั้งด้าน 9[๙] หลักเกณฑ์และวิธีการกระจายอ านาจดังกล่าว ให้เป็นไปตามที่ก าหนดในกฎกระทรวง ื้ สถานศึกษาระดับอุดมศึกษาระดับต่ ากว่าปริญญาและสถานศึกษาอาชีวศึกษาอาจมีกรรมการ จ านวนกรรมการ คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการสรรหา การเลือกประธานกรรมการและ กรรมการ วาระการด ารงต าแหน่ง และการพ้นจากต าแหน่ง ให้เป็นไปตามที่ก าหนดในกฎกระทรวง ความในมาตรานี้ไม่ใช้บังคับแก่สถานศึกษาตามมาตรา ๑๘ (๑) และ (๓) ส่วนที่ ๒ มาตรา ๔๑ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีสิทธิจัดการศึกษาในระดับใดระดับหนึ่งหรือทุก ระดับตามความพร้อม ความเหมาะสมและความต้องการภายในท้องถิ่น มาตรา ๔๒ ให้กระทรวงก าหนดหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินความพร้อมในการจัด การศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และมีหน้าที่ในการประสานและส่งเสริมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้สามารถจัดการศึกษา สอดคล้องกับนโยบายและได้มาตรฐานการศึกษา รวมทั้งการเสนอแนะการจัดสรร 11[๑๑] ส่วนที่ ๓ การบริหารและการจัดการศึกษาของเอกชน มาตรา ๔๓
การบริหารและการจัดการศึกษาของเอกชนให้มีความเป็นอิสระ โดยมีการก ากับ คุณภาพและมาตรฐานการศึกษาเช่นเดียวกับสถานศึกษาของรัฐ มาตรา ๔๔ ให้สถานศึกษาเอกชนตามมาตรา ๑๘ (๒) เป็นนิติบุคคล และมีคณะกรรมการ บริหารประกอบด้วย ผู้บริหารสถานศึกษาเอกชน ผู้รับใบอนุญาต ผู้แทนผู้ปกครอง ผู้แทนองค์กรชุมชน ผู้แทน ครู ผู้แทนศิษย์เก่า และผู้ทรงคุณวุฒิ กรรมการ วาระการด ารงต าแหน่ง และการพ้นจากต าแหน่ง ให้เป็นไปตามที่ก าหนดในกฎระทรวง มาตรา ๔๕ ให้สถานศึกษาเอกชนจัดการศึกษาได้ทุกระดับและทุกประเภท การศึกษาตามที่ การศึกษา ื้
ั มาตรา ๔๖ รัฐต้องให้การสนับสนุนด้านเงินอดหนุน การลดหย่อนหรือการยกเว้นภาษี และ 13[๑๓] หมวด ๖ มาตรฐานและการประกันคุณภาพการศึกษา มาตรา ๔๗ ให้มีระบบการประกันคุณภาพการศึกษาเพอพฒนาคุณภาพและมาตรฐาน กฎกระทรวง มาตรา ๔๘ ให้หน่วยงานต้นสังกัดและสถานศึกษาจัดให้มีระบบการประกันคุณภาพภายใน สถานศึกษาและให้ถือว่าการประกันคุณภาพภายในเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบริหารการศึกษาที่ต้อง และเปิดเผยต่อสาธารณชน เพื่อน าไปสู่การพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษา และเพอรองรับการประกัน มาตรา ๔๙ ให้มีส านักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา มีฐานะเป็น ั ให้มีการประเมินคุณภาพภายนอกของสถานศึกษาทุกแห่งอย่างน้อยหนึ่งครั้งในทุกห้าปี นับตั้งแต่การประเมินครั้งสุดท้าย และเสนอผลการประเมินต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสาธารณชน มาตรา ๕๐ ให้สถานศึกษาให้ความร่วมมือในการจัดเตรียมเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ที่มีข้อมูล ึ มาตรา ๕๑ 14[๑๔] ในกรณีที่ผลการประเมินภายนอกของสถานศึกษาใดไม่ได้ตามมาตรฐานที่ ก าหนด ให้ส านักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา จัดท าข้อเสนอแนะ การปรับปรุงแก้ไข ื้ หมวด ๗ มาตรา ๕๒ ให้กระทรวงส่งเสริมให้มีระบบ กระบวนการผลิต การพฒนาครู คณาจารย์ และ มาตรา ๕๓ ให้มีองค์กรวิชาชีพครู ผู้บริหารสถานศึกษา และผู้บริหารการศึกษา มีฐานะเป็น องค์กรอิสระภายใต้การบริหารของสภาวิชาชีพ ในก ากับของกระทรวง มีอ านาจหน้าที่ก าหนดมาตรฐานวิชาชีพ ออกและเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ก ากับดูแลการปฏิบัติตามมาตรฐานและจรรยาบรรณของวิชาชีพ ื่ ศึกษาอื่น คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ และวิธีการในการออกและเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพให้เป็นไปตามที่ 14[๑๔] ั ระดับอดมศึกษาระดับปริญญา มาตรา ๕๔ ให้มีองค์กรกลางบริหารงานบุคคลของข้าราชการครู โดยให้ครูและบุคลากร ทางการศึกษาทั้งของหน่วยงานทางการศึกษาในระดับสถานศึกษาของรัฐ และระดับเขตพนที่การศึกษาเป็น บริหารงานบุคคลสู่เขตพื้นที่การศึกษา และสถานศึกษา ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามที่กฎหมายก าหนด มาตรา ๕๕ ให้มีกฎหมายว่าด้วยเงินเดือน ค่าตอบแทน สวัสดิการ และสิทธิประโยชน์เกื้อกูล ี ื่ ั ระดับปริญญาที่เป็นนิติบุคคล ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งสถานศึกษาแต่ละแห่งและกฎหมายที่ มาตรา ๕๗ ให้หน่วยงานทางการศึกษาระดมทรัพยากรบุคคลในชุมชนให้มีส่วนร่วมในการ เพื่อให้เกิดประโยชน์ทางการศึกษาและยกย่องเชิดชูผู้ที่ส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการศึกษา หมวด ๘ ทรัพยากรและการลงทุนเพื่อการศึกษา มาตรา ๕๘ ให้มีการระดมทรัพยากรและการลงทุนด้านงบประมาณ การเงิน และทรัพย์สิน วิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ สถาบันสังคมอื่น และต่างประเทศมาใช้จัดการศึกษาดังนี้ ื่ (๒) ให้บุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเอกชน องค์กร เอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ และสถาบันสังคมอื่น ระดมทรัพยากรเพอการศึกษา ดังกล่าว โดยการสนับสนุน การอดหนุนและใช้มาตรการลดหย่อนหรือยกเว้นภาษี ตามความเหมาะสมและ มาตรา ๕๙ ให้สถานศึกษาของรัฐที่เป็นนิติบุคคล มีอานาจในการปกครอง ดูแล บ ารุงรักษา ั หรือแย้งกับนโยบาย วัตถุประสงค์ และภารกิจหลักของสถานศึกษา บรรดารายได้และผลประโยชน์ของสถานศึกษาของรัฐที่เป็นนิติบุคคล รวมทั้งผลประโยชน์ที่ บรรดารายได้และผลประโยชน์ของสถานศึกษาของรัฐที่ไม่เป็นนิติบุคคล รวมทั้งผลประโยชน์ ั ทรัพย์สินหรือจ้างท าของที่ด าเนินการโดยใช้เงินงบประมาณให้สถานศึกษาสามารถจัดสรรเป็นค่าใช้จ่ายในการ จัดการศึกษาของสถานศึกษานั้น ๆ ได้ตามระเบียบที่กระทรวงการคลังก าหนด มาตรา ๖๐ ให้รัฐจัดสรรงบประมาณแผ่นดินให้กับการศึกษาในฐานะที่มีความส าคัญสูงสุด ต่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศโดยจัดสรรเป็นเงินงบประมาณเพื่อการศึกษา ดังนี้ (๒)
จัดสรรทุนการศึกษาในรูปของกองทุนกู้ยืมให้แก่ผู้เรียนที่มาจากครอบครัวที่มีรายได้น้อย ื่ ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ก าหนดในกฎกระทรวง นโยบายแผนพฒนาการศึกษาแห่งชาติ และภารกิจของสถานศึกษา โดยให้มีอสระในการบริหารงบประมาณ (๗) จัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาการศึกษาของรัฐและเอกชน ุ มาตรา ๖๒ ให้มีระบบการตรวจสอบ ติดตามและประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผล มาตรฐานการศึกษา โดยหน่วยงานภายในและหน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่ตรวจสอบภายนอก หลักเกณฑ์ และวิธีการในการตรวจสอบ ติดตามและการประเมิน ให้เป็นไปตามที่ก าหนดใน หมวด ๙ เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา ื้ มาตรา ๖๔ รัฐต้องส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการผลิต และพฒนาแบบเรียน ต ารา หนังสือ ื่ มาตรา ๖๖ ผู้เรียนมีสิทธิได้รับการพัฒนาขีดความสามารถในการใช้เทคโนโลยีเพอการศึกษา ื่ ื่ ื่ มาตรา ๖๙ รัฐต้องจัดให้มีหน่วยงานกลางท าหน้าที่พจารณาเสนอนโยบาย แผน ส่งเสริม บทเฉพาะกาล มาตรา ๗๐ บรรดาบทกฎหมาย กฎ ข้อบังคับ
ระเบียบ ประกาศ และค าสั่งเกี่ยวกับ จนกว่าจะได้มีการด าเนินการปรับปรุงแก้ไขตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ ซึ่งต้องไม่เกินห้าปีนับแต่วันที่ มาตรา ๗๑ ให้กระทรวง ทบวง กรม หน่วยงานการศึกษา และสถานศึกษาที่มีอยู่ในวันที่ พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับยังคงมีฐานะและอานาจหน้าที่เช่นเดิม จนกว่าจะได้มีการจัดระบบการบริหารและ
การจัดการศึกษาตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ ซึ่งต้องไม่เกินสามปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้ มาตรา ๗๒ ในวาระเริ่มแรก มิให้น าบทบัญญัติ มาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง และมาตรา ๑๗ มาใช้ แห่งราชอาณาจักรไทยใช้บังคับ ภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้ด าเนินการออกกฎกระทรวงตาม
ภายในหกปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้กระทรวงจัดให้มีการประเมินผล มาตรา ๗๓ ในวาระเริ่มแรก มิให้น าบทบัญญัติในหมวด ๕ การบริหารและการจัดการศึกษา และหมวด ๗ ครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา มาใช้บังคับจนกว่าจะได้มีการด าเนินการให้เป็นไป มาตรา ๗๔ ในวาระเริ่มแรกที่การจัดตั้งกระทรวงยังไม่แล้วเสร็จ ให้นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และรัฐมนตรีว่าการทบวงมหาวิทยาลัย รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ ื่ มาตรา ๗๕ ให้จัดตั้งส านักงานปฏิรูปการศึกษา ซึ่งเป็นองค์การมหาชนเฉพาะกิจที่จัดตั้งขึ้น โดยพระราชกฤษฎีกาที่ออกตามความในกฎหมายว่าด้วยองค์การมหาชนเพื่อท าหน้าที่ ดังต่อไปนี้ พระราชบัญญัตินี้ (๒) เสนอการจัดระบบครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษาตามที่บัญญัติไว้ในหมวด ๗
(๓) เสนอการจัดระบบทรัพยากรและการลงทุนเพอการศึกษาตามที่บัญญัติไว้ในหมวด ๘ (๕) เสนอแนะเกี่ยวกับการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย กฎ ข้อบังคับ ระเบียบ และค าสั่งที่บังคับ ทั้งนี้ ให้ค านึงถึงความคิดเห็นของประชาชนประกอบด้วย 15[๑๕] มาตรา ๗๖ ให้มีคณะกรรมการบริหารส านักงานปฏิรูปการศึกษาจ านวนเก้าคน ประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญด้านการบริหารการศึกษา การบริหารรัฐกิจ การบริหารงานบุคคล การงบประมาณ การเงินและการคลัง กฎหมายมหาชน และกฎหมายการศึกษา ทั้งนี้
จะต้องมีผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่ง ให้คณะกรรมการบริหารมีอานาจแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิเป็นที่ปรึกษา และแต่งตั้ง กรรมการบริหาร และบริหารกิจการของส านักงานปฏิรูปการศึกษาภายใต้การก ากับดูแลของคณะกรรมการ บริหาร ครบวาระแล้วให้ยุบเลิกต าแหน่งและส านักงานปฏิรูปการศึกษา มาตรา ๗๗ ให้มีคณะกรรมการสรรหาคณะกรรมการบริหารส านักงานปฏิรูปการศึกษาคณะ เท่าของจ านวนประธานและกรรมการบริหาร เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาแต่งตั้ง ประกอบด้วย (๑) ผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจ านวนห้าคน ได้แก่ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ปลัด ผู้อ านวยการส านักงบประมาณ (๒) อธิการบดีของสถาบันอดมศึกษาของรัฐและเอกชนที่เป็นนิติบุคคล ซึ่งคัดเลือกกันเอง ปริญญาในสาขาวิชาครุศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ หรือการศึกษา ซึ่งคัดเลือกกันเองจ านวนสามคน ในจ านวนนี้ จะต้องเป็นคณบดีคณะครุศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ หรือการศึกษาจากมหาวิทยาลัยของรัฐไม่น้อยกว่าหนึ่งคน จ านวนห้าคน กรรมการสรรหาอีกคนหนึ่งเป็นเลขานุการคณะกรรมการสรรหา มาตรา ๗๘ ให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาการตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งส านักงานปฏิรูป การศึกษา และมีอ านาจก ากับดูแลกิจการของส านักงานตามที่ก าหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยองค์การมหาชน การศึกษา อย่างน้อยต้องมีสาระส าคัญ ดังต่อไปนี้ (๑) องค์ประกอบ อานาจหน้าที่ และวาระการด ารงต าแหน่งของคณะกรรมการบริหารตาม มาตรา ๗๕ และมาตรา ๗๖ (๒) องค์ประกอบ อานาจหน้าที่ของคณะกรรมการสรรหา หลักเกณฑ์ วิธีการสรรหา และ (๔) ทุน รายได้ งบประมาณ และทรัพย์สิน (๖)
การก ากับดูแล การตรวจสอบ และการประเมินผลงาน (๘) ข้อก าหนดอื่น ๆ อันจ าเป็นเพื่อให้กิจการด าเนินไปได้โดยเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายกรัฐมนตรี หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ก าหนดให้รัฐต้องจัดการศึกษาอบรม และสนับสนุนให้เอกชนจัดการศึกษาอบรมให้เกิดความรู้คู่คุณธรรม จัดให้ สังคม สร้างเสริมความรู้และปลูกฝังจิตส านึกที่ถูกต้องเกี่ยวกับการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ั ไทยดังกล่าว จึงจ าเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ 16[๑๖] หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายปฏิรูประบบ เป็นการสมควรปรับปรุงการบริหารและการจัดการศึกษาของเขตพนที่การศึกษา ประกอบกับสมควรให้มี จ าเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๓ 17[๑๗] ื้ 16[๑๖] ื้ ปัจจุบันใช้พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติฉบับใดมาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๒” มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
พร บ่ การศึกษาแห่งชาติ มี กี่ ฉบับพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติพ.ศ.2542 มีการปรับปรุง 4 ฉบับ ได้แก่ 1. พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติพ.ศ. 2542 ประกาศใช้ 19 สิงหาคม 2542 2. พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ(ฉบับที่2)พ.ศ. 2545 ประกาศใช้19 ธันวาคม 2545 3. พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติฉบับที่3 (พ.ศ.2553) ประกาศใช้22 กรกฎาคม2553 4. พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติฉบับที่4 (พ.ศ.2562) ประกาศใช้ ...
พระราชบัญญัติการศึกษาไทยฉบับปัจจุบันเริ่มใช้ในปี พ.ศ.ใดพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542.
พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 (ฉบับที่ 1) มีทั้งหมดกี่หมวดกี่มาตราพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ หมวด ๑ บททั่วไป หมวด ๒ สิทธิและหน้าที่ทางการศึกษา หมวด ๓ ระบบการศึกษา หมวด ๔ แนวการจัดการศึกษา ๑๓ หมวด ๕ การบริหารและการจัดการศึกษา ๑๗
|