เทคนิคการจัดการสมัยใหม่ ppt

We’ve updated our privacy policy so that we are compliant with changing global privacy regulations and to provide you with insight into the limited ways in which we use your data.

You can read the details below. By accepting, you agree to the updated privacy policy.

Thank you!

View updated privacy policy

We've encountered a problem, please try again.

องค์การและการจัดการOrganization & Managementการบูรณาการ ภาวะผู้นา การบริหารจดั การยคุ ใหม่ ppthttp://www.gm.sskru.ac.th/uploads/File/O&M1-5.ppt 1

สารบญั1. ความรู้เบ้ืองตน้ เกี่ยวกบั การบริหารและการจดั การ2. แนวคิดเก่ียวกบั องคก์ าร3. งานการบริหารและกระบวนการบริหาร4. การวางแผนเพอื่ การจดั การ5. การจดั องคก์ าร6. การบริหารงานบุคคล7. การอานวยการ 2

7. การอานวยการ8. การประสานงาน9. การควบคุมงาน10. แนวคิดในการบริหารยคุ ใหม่11. ยทุ ธศาสตร์การบริหารแบบบูรณาการ CEO …………………….. 3

บทที่ 1ความรู้เบือ้ งต้นเกยี่ วกบั การบริหารและการจัดการ การบริหาร Administration บริหารรัฐกิจ การจดั การ Management บริหารธุรกิจ เป็นท้งั ศาสตร์ และ ศิลป์ เสมือนหวั กอ้ ย แต่เป็นเหรียญเดียวกนั 4

4 M’sManMoneyMaterialManagement 5

Woodrow Wilson เป็ นผู้เสนอแนวคดิ ให้แยกฝ่ ายการเมอื ง ออกจากฝ่ ายบริหาร ฝ่ ายการเมอื ง ฝ่ ายบริหาร1. มีหนา้ ท่ีความรับผดิ ชอบใน 1. มีหนา้ ที่รับผดิ ชอบตอ่ ฝ่ าย นโยบาย การเมือง2. มีความรับผดิ ชอบต่อ 2. มีความรับผดิ ชอบตอ่ ผลงานท่ี คณะรัฐมนตรี รัฐสภา และ ไดร้ ับมอบหมาย ประชาชน 3. มีหนา้ ท่ีในการเสนอแนะให้3. มีอานาจส่ังการไดก้ วา้ งขวาง ขอ้ มลู แก่ฝ่ ายการเมือง4. ควบคุมการปฏิบตั ิงานตาม 4. รับผดิ ชอบในการวางแผนและ นโยบายและเป้ าหมายใหไ้ ดผ้ ล โครงการต่าง ๆ ตลอดจนปฏิบตั ิ ตามแผนและโครงการ 6

พฒั นาการของการบริหาร ; Classical <1909 Max Weber ระบบราชการ เป็นสานกั งาน เอามาจากระบบ ทหาร เช่ือในระบบสง่ั การตามสายบงั คบั บญั ชา ใชเ้ ชือกสีแดงผกู เอกสารแทนแฟ้ ม Red Tape Thomas Hobbes เช่ือการปกครองโดยพระมหากษตั ริย์ ดีที่สุด John Locks เช่ือการปกครองในระบอบประชาธิปไตย 7

Neo Classical 1910-1929 Federick W Taylor เขียนเรื่อง Time and Motion Study ใชว้ ชิ าวศิ วกรรมศาสตร์มาช่วยในการบริหาร ใชห้ ลกั Equal pay for Equal work มองคนเป็น Economic Man (เศรษฐทรัพย)์ Taylor วิจยั พบวธิ ีจดั การตามหลกั วิทยาศาสตร์ 3 ประการ คือ1. ใชค้ นใหเ้ หมาะกบั งาน2. กาหนดมาตรฐานในการปฏิบตั ิงาน3. กาหนดเคร่ืองมือในการควบคุมงาน 8

 Henry L Gant นาแนวคิดของ Taylor มาขยาย เครื่องมือควบคุมงาน เรียก Gant Chart Henry Fayol ถือเป็น บดิ าของการจดั การยุคใหม่ พบวา่ หน่วยธุรกิจทุกแห่งจะมี 6 งาน คือ 1. งานเทคนิค 2. งานการคา้ 3. งานการเงิน 4. งานดา้ นความปลอดภยั 5. งานบญั ชี 6. งานจดั การ 9

 Henry เสนอหลกั การจดั การที่ดี 14 ขอ้ คือ 1. การแบ่งงานกนั ทา 2. กาหนดหนา้ ที่ความรับผดิ ชอบ 3. กาหนดสายบงั คบั บญั ชา 4. เอกภาพในการบงั คบั บญั ชา 5. ตอ้ งมีวนิ ยั 6. ใหม้ ีศูนยก์ ลางอานาจ 7. ใหม้ ีเอกภาพในการอานวยการ 8. ใหม้ ีเสถียรภาพในการปฏิบตั ิ 9. ถือหลกั ประโยชน์ส่วนร่วมยงิ่ กวา่ ส่วนตวั 10. ถือความเป็นระเบียบ 11. ถือหลกั ความเสมอภาค 12. ถือหลกั ประโยชน์ตอบแทน 13. ใหม้ ีความคิดริเร่ิม 14. ใหม้ ีความสามคั คี 10

Humanistic 1930-1950 Elton G Mayo วจิ ยั เร่ือง Hawthorn Study เก่ียวกบั สภาพแวดลอ้ มในการทางาน แสงสวา่ ง ความสะอาด พบวา่ นายจา้ งกบั คนงานมกั ขดั แยง้ เสมอ ควรแกป้ ัญหาโดยมนุษย์ สมั พนั ธ์ 11

Modern System > 1951 Chester I Barnard เนน้ ความสมั พนั ธ์ไม่เป็นทางการ ระหวา่ งนายจา้ งและลูกจา้ ง Herbert A Simon สร้างศาสตร์สาขา วทิ ยาการจดั การ Management Science และ DecisionMaking Peter F Drucker เขียนการบริหารโดยวตั ถุประสงค์ Management by Objective (MBO) Luther Gulick & Lyndal Urwick เขียน 12 POSDCoRB

 Douglas Macgregor เขยี นทฤษฎี X Y ทฤษฎี X ทฤษฎี Y 1. มนุษยส์ ่วนใหญ่ขยนั1. มนุษยส์ ่วนใหญ่เกียจคร้าน2. ชอบหลบหลีกงานเม่ือมีโอกาส 2. ชีวติ มนุษยค์ ือการทางาน ทา พกั3. ชอบทาตามที่ส่ังและผคู้ วบคุม และเลน่ ไปในตวั4. ชอบปัดความรับผดิ ชอบ5. ชอบความมนั่ คงอบอุ่น 3. มีวนิ ยั ในตนเอง ปลอดภยั 4. มีความรับผดิ ชอบ6. ขาดความริเริ่มสร้างสรรค์ 5. หวงั รางวลั หรือสิ่งตอบแทนเมื่อ องคก์ รประสบผลสาเร็จ 6. มีความริเริ่มสร้างสรรค์ 13

Federick Herzberg เขยี นทฤษฎี 2 ปัจจยัMotivator Factors Hygiene Factors1. ความสาเร็จของงาน 1. นโยบายและการบริหารงาน2. การไดร้ ับการยกยอ่ งชมเชย 2. การนิเทศงาน3. ลกั ษณะของงาน 3. ความสัมพนั ธ์กบั เพอื่ นร่วมงาน4. ความรับผดิ ชอบ 4. สภาพการทางาน5. โอกาสกา้ วหนา้ 5. เงินเดือนและผลประโยชน์6. การไดร้ ับการพฒั นา เก้ือกลู 6. สถานภาพในการทางาน 7. ความมน่ั คง 14

บทท่ี 2 แนวคดิ เกย่ี วกบั องค์การ กลุ่มคนท่ีร่วมกนั ประกอบกิจการงานอยา่ งใดอยา่ งหน่ึง โดยมีการ จดั ระเบียบไว้ ประเภทขององค์การ แบ่งตามความมุ่งหมายท่ีจดั ต้งั 4 ประเภท องคก์ ารเพอ่ื ประโยชน์ของสมาชิก เช่น สหกรณ์ องคก์ ารธุรกิจ เช่น บริษทั หา้ งร้าน องคก์ ารเพอ่ื สาธารณะ เช่น กระทรวง ทบวง กรม องคก์ ารเพ่ือบริการ เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล 15

แบ่งตามหลกั การจดั ระเบยี บภายในองค์การ 2 ประเภท องคก์ ารท่ีเป็นทางการ หรือองคก์ ารรูปนยั ต้งั ข้ึนโดยกฎหมาย รับรอง มีวตั ถุประสงคร์ ะเบียบแบบแผนสายบงั คบั บญั ชา แน่นอน องคก์ ารที่ไม่เป็นทางการ หรือองคก์ ารอรูปนยั เกิดจาก ความสมั พนั ธส์ ่วนตวัแบ่งตามลกั ษณะความเป็ นเจ้าของ 2 ประเภท องคก์ ารรัฐกิจ รัฐเป็นเจา้ ของ องคก์ ารธุรกิจ เอกชนเป็นเจา้ ของ 16

พฤตกิ รรมองค์การ องคก์ ารเป็นหน่วยสงั คมประกอบดว้ ย ทรัพยากรบุคคล Man เงนิ Money วสั ดุอปุ กรณ์ Material และการจัดการ Management เปรียบเสมือนร่างกายมนุษย์ มีสุขภาพดี ฟ่ ฟู ่ า หรือยอบแยบยอ่ หยอ่ น หงอยเหงา ตอ้ งเขา้ ทาการรักษาเยยี วยา Kurt Lewin ช้ีใหเ้ ห็นพฤติกรรมองคก์ ารเกิดจากB = f (P, E)B =Behavior f = FunctionP = Personality E = Environment 17

โครงสร้างองค์การ– ทุกองคก์ ารตอ้ งมีโครงสร้าง ซ่ึงเป็นสายใยยดึ โยงใหอ้ งคก์ ารดารงอยู่ ได้ เช่นเดียวกบั โครงกระดูกมนุษย์– โครงสร้างขององค์การประกอบด้วยส่วนสาคญั ดงั นี้ 1. ภารกิจหนา้ ที่ Function 2. การแบ่งงานกนั ทา Division of Work 3. สายการบงั คบั บญั ชา Hierarchy 4. ช่วงการควบคุม Span of control 5. เอกภาพในการบงั คบั บญั ชา Unity of Command 18

การเปลย่ี นแปลงองค์การ องคก์ ารมีตวั ตน มีเกิดแก่เจบ็ ตาย จึงควรศึกษาสาเหตุของการเปลย่ี นแปลงองค์การ มีดงั น้ี1. การเปล่ียนแปลงทางเศรษฐกจิ2. การเปลี่ยนแปลงทางสังคม3. การเปลี่ยนแปลงทางการเมอื ง4. การเปลี่ยนแปลงอานาจรัฐ5. การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี และนวตั กรรม6. การเกิดองคก์ ารไม่เป็นทางการ7. ความเจริญเติบโตขององคก์ าร8. สาเหตุอื่น ๆ 19

บทที่ 3 งานการบริหารและกระบวนการบริหาร การบริหารเป็ นกจิ กรรมของหมู่คณะ จึงจาเป็นตอ้ งมีกฎเกณฑเ์ พอ่ื ถือปฏิบตั ิ มีการสง่ั การ มอบหมายงาน และประสานงาน เพ่อื ให้ บรรลุเป้ าหมายขององคก์ าร วิจิตร ศรีสอา้ น ไดเ้ สนอหลกั การของงานบริหารเป็น 2 แนวคดิ คือ 20

1. แนวคดิ 3 มิติ โดยทวั่ ไปผบู้ ริหารมีภารกิจในการบริหาร ประกอบไปดว้ ย งาน คน บรรยากาศ ขององคก์ ารหนา้ ท่ีเก่ียวกบั คน คือ สร้างบรรยากาศและงานสรรหาคนดีมา สญั ลกั ษณ์ใหแ้ ก่องคก์ ารปฏิบตั ิ งาน 21 มีหนา้ ที่และรับผดิ ชอบในงาน ท้งั หมดขององคก์ าร

2. แนวคดิ ทักษะการจดั การ เป็ นทักษะทางการบริหาร ซ่ึงประกอบดว้ ยทกั ษะท่ีสาคญั 3 ประการ คือ 2.1 ทกั ษะด้านความคดิ Conceptual skill เป็นทกั ษะที่จาเป็นท่ีสุด สาหรับผบู้ ริหาร เห็นภาพรวม ตระหนกั และเขา้ ใจอยา่ งดีถึง ภารกิจและหนา้ ที่ขององคก์ าร ตลอดจนแนวทางปฏิบตั ิ แกไ้ ข ปรับปรุง “เก่งคิด 2.2 ทกั ษะด้านมนุษย์สัมพนั ธ์ Human Relation Skill รู้จกั คน เขา้ ใจคน ครองคนได้ “เก่งคน” 2.3 ทกั ษะด้านเทคนิค Technical Skill มกั เป็นผบู้ ริหาร ระดบั กลางตอ้ งใชท้ กั ษะดา้ นน้ีมาก 22

ผู้บริหารกบั กระบวนการบริหาร การเป็นผบู้ ริหารท่ีดีตอ้ งทราบท้งั งานหรือภารกิจในการบริหาร ขององคก์ าร และหลกั การบริหาร กค็ ือกระบวนการบริหารนน่ั เอง ลูเธอร์ กลู กิ และไลนอล อูริค Luther Gulick & Lyanal Urwick ไดเ้ สนอหลกั การวา่ กระบวนการบริหาร ประกอบดว้ ยข้ึนตอนท่ีสาคญั 7 ประการ คือ 23

POSDCoRB การวางแผน บริหารงบประมาณรายงานผล จดั องคก์ าร ผบู้ ริหารกบั กระบวนการบริหารประสานงาน บริหารงานบุคคล สัง่ การ 24

การวางแผน Planning ผจู้ ดั การองคก์ ารตอ้ งวางแผนงานของตนเองทุกข้นั ตอนของการ ปฏิบตั ิงานของเขา เพราะเป็นแนวทางปฏิบตั ิท้งั องคก์ าร ซ่ึง ประกอบดว้ ย แผนงานหลกั และแผนงานยอ่ ย แผนตอ้ งมีลกั ษณะยดื หยนุ่ คาดการณ์ล่วงหนา้ อยา่ งระมดั ระวงั และใกลเ้ คียงความเป็นจริง 25

การจดั ทา SWOT MATRIXc นาผลการวเิ คราะห์สภาพแวดล้อมก. ภายนอก: โอกาส / ข้อจากดั 5 -10 รายการข. ภายใน: จุดแข็ง / จุดอ่อน 5 -10 รายการค. จากนัน้ ให้จาลองสถานการณ์ (Scenario planning)หรือSWOT Matrix ดังต่อไปนี้ 26

ภายใน จุดแข็ง จุดอ่อน (Weaknesses)ภายนอก (Strengths) WO Strategiesโอกาส SO Strategies พัฒนาภายใน(Opportunities) รุกไปข้างหน้า WT Strategiesข้อจากัด ST Strategies ปรับเปล่ียนภายใน(Threats) สร้างพนั ธมติ ร 27

ปัจจัยสภาพแวดล้อมภายนอกองค์การ การเมอื ง ลูกค้า คู่แข่งสังคม องคก์ าร เศรษฐกจิ ผู้สนับสนุน ผู้ควบคุม โลกาภิวตั น์ / IT 28

การจดั องค์การ Organizing1. การกาหนดส่วนงานและการแบ่งงาน มีวธิ ีการดงั น้ี1.1 ระบุชนิดของงาน Identification of work1.2 การจดั หมวดหมู่งาน Grouping of work1.3 จดั บุคคลและมอบหมายงาน Put the right man inthe right job2. การกาหนดความสัมพนั ธ์ภายในองค์การ2.1 กาหนดสายการบงั คบั บญั ชา Hierarchy2.2 กาหนดช่วงการบงั คบั บญั ชา Span of control3. กาหนดอานาจหน้าทแี่ ละความรับผดิ ชอบ Authority & 29 Responsibility

การบริหารงานบุคคล Staffing คนเป็ นทรัพยากรทส่ี าคญั ทสี่ ุด ที่ส่งผลใหส้ าเร็จหรือลม้ เหลว งาน เก่ียวกบั บริหารงานบุคคลมีดงั น้ี 1. กาหนดแบบของงาน Job design มีงานอะไรบา้ ง จดั เป็นกลุม่ ไว้ 2. วเิ คราะห์งาน Job analysis วเิ คราะห์แต่ละงานวา่ ยากง่ายแค่ไหน 3. อธิบายลกั ษณะงาน Job description พรรณนารายละเอียดของงาน ชื่อตาแหน่งงาน คุณสมบตั ิผดู้ ารงตาแหน่ง 4. มาตรฐานการปฏิบัติ Performance standard กาหนดเป็น เกณฑม์ าตรฐานการปฏิบตั ิ วา่ ตอ้ งไดก้ ่ีชิ้น 5. กฎของงาน Work rules เป็นการกาหนดมาตรฐานความประพฤติ และการปฏิบตั ิงานข้นั ต่าของพนกั งาน เช่น เวลาเร่ิมงาน เลิกงาน ฯลฯ 30

การอานวยการ Directing ผจู้ ดั การตอ้ งอานวยการในเรื่องต่อไปน้ี 1. มอบหมายอานาจหน้าท่ี ใหล้ กู นอ้ งแต่ละคนตามลาดบั โดย ใหส้ มั พนั ธ์และสอดคลอ้ งกบั ความรับผดิ ชอบแต่ละ ตาแหน่ง 2. ประกาศใช้ระเบียบและออกคาสั่ง ใหล้ ูกนอ้ งถือปฏิบตั ิ 3. ตดั สินใจสั่งการ ไดถ้ ูกตอ้ งรวดเร็ว 31

การประสานงาน Coordinating มีความสมั พนั ธ์กบั ขนาดขององคก์ าร ถา้ ขนาดใหญ่ระบบ ประสานงานตอ้ งมีประสิทธิภาพยง่ิการรายงานผล Reporting เป็นการรวบรวมขอ้ มูลเกี่ยวกบั การปฏิบตั ิของพนกั งาน หรือ รายงานดา้ นการเงิน กาไร งบดุล ขอ้ มูลดีถูกตอ้ งช่วยในการ วางแผนและพฒั นาไดด้ ี 32

การจดั ทางบประมาณ Budgeting เป็นส่วนหน่ึงของการวางแผนและการควบคุมแผนงานและโครงการ ตลอดจนคา่ ใชจ้ ่ายต่าง ๆ การจัดทางบประมาณขององค์การธุรกจิ แบ่งเป็ น 6 ประเภท คือ1. งบประมาณการขาย ประมาณการยอดการขายไว้2. งบประมาณคา่ ใชจ้ ่ายและคา่ โฆษณา เช่น ค่าเช่า คา่ ไฟฟ้ า3. งบประมาณในการผลิต อาศยั ฐานจากงบประมาณหรือยอดการขายเป็นหลกั4. งบประมาณเงินสด ตอ้ งมีเงินสดในมือไวห้ มุนเวียน เช่น เงินเดือน ฯลฯ5. งบประมาณคา่ ใชจ้ ่ายอื่น ๆ เช่น งบชาระหน้ีเงินกู้6. งบประมาณคาดการของงบการเงิน รวมทุกงาน เพือ่ จดั ทางบดุลประจางวดหรือประจาปี ต่อไป 33

บทที่ 4 การวางแผนเพอ่ื การจัดการ แผน คือ กิจกรรมหรืองานที่จะตอ้ งกาหนดวตั ถุประสงค์ นโยบาย และ วธิ ีปฏิบตั ิท่ีดีท่ีสุดไวล้ ว่ งหนา้ เพ่ือเป็นแนวทางสาหรับดาเนินการเป็นไป ตามเป้ าหมายที่กาหนดไว้ มีองคป์ ระกอบ 3 ประการ คือ1. จะตอ้ งเป็นเร่ืองเก่ียวกบั อนาคต2. จะตอ้ งเป็นการกระทา3. จะตอ้ งเป็นวถิ ีทางการกระทาที่ต่อเนื่องกนั ไปจนสาเร็จตามเป้ าหมายโดยสรุป หมายถึงการตกลงใจไวล้ ว่ งหนา้ วา่ จะทา What, How many, Why, When, Where, Whom, who, How 34

นโยบายกบั การวางแผนนโยบาย Policy แผน Plan แผนงาน Program โครงการ Project กิจกรรม Activity 35

แผนงานและโครงการ แผน Plan คือแนวทางหรือวธิ ีการหรือกลุ่มของแผนงานรวม เช่น แผนพฒั นาเศรษฐกิจฯ แผนงาน Program คือ กลุ่มของโครงการที่จะดาเนินการ เพอ่ื ใหบ้ รรลุวตั ถุประสงคห์ รือเป้ าหมายท่ีกาหนดไวใ้ นแผน เช่น แผนงานพฒั นาการผลิตรถยนต์ โครงการ Project คือกิจกรรมหรือกลุ่มกิจกรรมที่จะดาเนินการ เพื่อใหบ้ รรลุวตั ถุประสงคห์ รือเป้ าหมายที่กาหนดไว้ แผนปฏิบัตกิ าร Operation Plan คือขอ้ กาหนดในรายละเอียดในการดาเนินงานตามแผนในช่วงเวลาส้นั ๆ เช่น 1 ปีมกั เสนอในรูป Gantt chart 36

ตัวอย่าง ; แผนปฏบิ ัตกิ ารบริหารงานบุคคล รายการ มค กพ มีค เมย พค กค สค กย ตค งบประมาณ1. สารวจอตั ราวา่ ง 5,0002. ประกาศรับสมคั ร 2,0003. สอบคดั เลือก 3,0004. ดาเนินการบรรจุและ 100,000 ปฐมนิเทศ5. ฝึ กอบรม6. พจิ ารณาความดีความชอบ7. คดั เลือกไปศึกษาดูงาน 37

ประเภทของแผน ตามระยะเวลา 1. ระยะส้นั 1 ปี หรือนอ้ ยกวา่ เช่น แผนปี งบประมาณ Fiscal Year 2. ระยะปานกลาง 3 – 5 ปี เช่น แผนพฒั นาเศรษฐกิจฯ 3. ระยะยาว 5 – 10 ปี เช่น แผนพฒั นาทางทหาร 4. ระยะยาวมาก เช่น แผนทางทหารของอเมริกากบั รัสเซีย 5. แผนกลิ้ง Rolling Plan เป็นแผนส้นั + แผนปานกลางหรือ แผนระยะยาว 38

 ตามสถานที่  ตามสายงาน 1. แผนระดบั ชาติ 1.แผนระดบั ชาติ 2. แผนระดบั ภาค 2.แผนระดบั กระทรวง 3. แผนระดบั จงั หวดั 3.แผนระดบั กรม หรือสานกั งาน 4. แผนระดบั อาเภอ หรือองคก์ าร 5. แผนระดบั ตาบล 4.แผนระดบั กอง หรือฝ่ าย ตามหลกั เศรษฐศาสตร์  ปฏทิ นิ ปฏิบัตงิ าน Working 1. แผนมหภาค calendar คือ การนาเอากิจกรรมต่างๆ 2. แผนรายสาขา ทุกโครงการในช่วงเวลา 1 ปี มาเรียงลาดบั ตามวนั ที่ในปฏิทิน 39

หลกั การจดั ทาโครงการ ผจู้ ดั ทาโครงการตอ้ งต้งั คาถามและตอ้ งตอบคาถามใหไ้ ดใ้ น สาระสาคญั ต่อไปน้ี1. What จะทาโครงการอะไร2. Why จะทาทาไม มีเหตุอะไร3. How many/Whom จะทาเท่าไร/ทากบั ใคร4. How จะทาอยา่ งไร วธิ ีการข้นั ตอนในการดาเนินการ5. Who มอบใหใ้ ครรับผดิ ชอบ6. How much & where จะใชง้ บประมาณทรัพยากรเท่าไร จากแหลง่ ใด7. When จะเร่ิมตน้ ทาเม่ือใด เสร็จเมื่อใด 40

โครงการประกอบด้วยหัวข้อต่อไปนี้ เม่ือตอบคาถามไดแ้ ลว้ นามารวบรวมเขียนเป็นรูปแบบโครงการ ประกอบดว้ ยหวั ขอ้ ตอ่ ไปน้ี 1. ช่ือโครงการ ระบุช่ือกิจกรรมสาคญั 2. ความเป็นมาโครงการ 3. หลกั การและเหตุผล 4. วตั ถุประสงค์ 5. เป้ าหมาย 6. การดาเนินงานตามโครงการ เป็นข้นั ตอนดาเนินงาน 7. ระยะเวลาของโครงการ 8. งบประมาณ 9. การประเมินผล 41

ข้อคดิ สาหรับผู้วางแผนและผู้ปฏิบตั ติ ามแผน พฤติกรรมมนุษยม์ กั ต่อตา้ น ดว้ ยเหตุผลสาคญั ดงั น้ี1. ความเฉ่ือย คุน้ เคยกบั ของเดิม ไม่กลา้ เสี่ยง มีความรู้สึกต่อตา้ น2. แบบแผนของสังคมและความเช่ือ ถา้ แผนกาหนดใหเ้ ขาทาในวธิ ีท่ีเขาคิดวา่ ไม่ถกู ตามความเชื่อ จารีตประเพณี อุดมการณ์3. ผลประโยชนส์ ่วนตวั เกิดผลกระทบจึงตอ่ ตา้ น4. การตอ่ ตา้ นขอ้ เสนอท่ีขาดเหตุผล แมว้ า่ ส่วนใหญ่จะคิด/ทาโดยปราศจาก เหตุผล แตค่ นน้นั ไม่ชอบใหใ้ ครมามองเช่นน้นั และยงั ตอ้ งการใหผ้ อู้ ื่นนิยม ชมชอบตวั เอง เช่น เห็นหนา้ ป๊ ุบกไ็ ม่ถกู ใจแลว้5. การตอ่ ตา้ นท่ีเกิดจากการเป็นผใู้ ตบ้ งั คบั บญั ชา คนไม่ประสงคใ์ หค้ นอื่นไม่เคารพเช่ือถือ คือ หยง่ิ ในตวั เอง มกั จะต่อตา้ นทนั ที โดยเฉพาะนายท่ีส่งั มีฐานะทางสังคม การเงิน ฯลฯ ต่ากวา่ ตนเอง 42

วงจรแผน วางแผน Planningประเมินผลสาเร็จ ปฏิบตั ิตามแผน Summation Implementing Evaluation ติดตามผล/ประเมินผล 43 Monitoring & Formation Evaluation

การประเมนิ โครงการ เมื่อนาแผนไปปฏิบตั ิ แต่ละข้นั ตอนตอ้ งมีการประเมินวา่ ในข้นั น้นั อยใู่ นหว้ งเวลา และคา่ ใชจ้ ่ายท่ีกาหนดตามแผนหรือไม่ เพอ่ื ปรับปรุงการปฏิบตั ิไดท้ นั ท่วงทีประเมินผลสาเร็จ Milestoneติดตามประเมินผล 44

การประเมนิ ผลโครงการ1. ยดึ วตั ถุประสงคข์ องโครงการเป็นหลกั ในการประเมิน2. เป็นกิจกรรมต่อเน่ือง ก่อนเร่ิมโครงการ Appraisal หลงั จากที่โครงการเร่ิมแลว้ ระยะหน่ึง Monitoring และ เมื่อเสร็จสิ้นโครงการ Post evaluation3. นาผลการประเมินไปปรับปรุงโครงการ4. เนน้ ท้งั ปริมาณและคุณภาพ ในการประเมิน 45

บทท่ี 5 ; การจัดองค์การ หมายถึง การจดั ระบบความสมั พนั ธ์ระหวา่ งส่วนงานต่าง ๆ และ บุคคลในองคก์ าร โดยกาหนดภารกิจ อานาจ หนา้ ท่ี และความ รับผดิ ชอบใหช้ ดั แจง้ เพอ่ื ใหก้ ารประกอบการตามภารกิจของ องคก์ ารบรรลุวตั ถุประสงคแ์ ละเป้ าหมายอยา่ งมีประสิทธิภาพ 46

ทฤษฎอี งค์การ แบ่งเป็ น 3 ทฤษฎี คอื ทฤษฎดี ้งั เดมิ Classical organization theory 1. การจัดองค์การแบบราชการ Bureaucracy ; Max Weber ประกอบดว้ ย 1. ตอ้ งมีการแบ่งงานกนั ทา ตามความชานาญ 2. การปฏิบตั ิถือกฎเกณฑร์ ะเบียบโดยเคร่งครัด 3. สายการบงั คบั บญั ชาลดหลนั่ ชดั เจน 4. บุคคลในองคก์ ารไม่คานึงถึงความสมั พนั ธ์ เพียงแต่มุ่งสู่เป้ าหมายใหด้ ีท่ีสุด 5. การคดั เลือกบุคคล ข้ึนอยกู่ บั ความสามารถ 2. การจัดองค์การแบบวทิ ยาศาสตร์ Scientific Management ; Frederic W Taylor นาวธิ ีการทางวทิ ยาศาสตร์มาวเิ คราะห์และแกป้ ัญหา เริ่มจากการหา ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งคนกบั งาน ใชก้ ารทดลองเป็นเกณฑห์ ามาตรการการทางานใหม้ ีประสิทธิภาพ สูงสุด เช่ือวา่ เงินตวั เดียวล่อใจใหค้ นทางาน ละเลยการจูงใจ อารมณ์ และความตอ้ งการทางสงั47คม

 ทฤษฎสี มยั ใหม่ Neo Classical organization theory คนเป็นปัจจยั สาคญั และมีอิทธิพลต่อการเพิม่ ผลผลิต ขององคก์ าร เนน้ ความสาคญั ของคน มนุษยสมั พนั ธ์ ขวญั กาลงั ใจ การมีส่วนร่วม สร้างความพงึ พอใจสร้างผลผลิตไดอ้ ยา่ งเตม็ เมด็ เตม็ หน่วย เป็นยคุ ของ Elton Mayo ทฤษฎสี มยั ปัจจุบัน Modern organization theory เนน้ การวิเคราะห์เชิงระบบ คานึงถึงองคป์ ระกอบทุก ส่วน ต้งั แต่ ตวั ป้ อน กระบวนการ ผลผลิต ผลกระทบ สิ่งแวดลอ้ ม 48

หลกั การจดั องค์การทีด่ ี ; ต้องมอี งค์ประกอบและแนวปฏบิ ัตดิ งั นี้ 491. หลกั วตั ถุประสงค์ Objective2. หลกั ความรู้ความสามารถเฉพาะอยา่ ง Specialization3. หลกั การประสานงาน Coordination4. หลกั การบงั คบั บญั ชา Authority5. หลกั ความรับผดิ ชอบ Responsibility6. หลกั ความสมดุล Balance7. หลกั ความตอ่ เน่ือง Continuity8. หลกั การโตต้ อบและการติดต่อ Correspondence9. หลกั ขอบเขตของการควบคุม Span of control10. หลกั ตามลาดบั ข้นั Ordering11. หลกั การเล่ือนข้นั เลื่อนตาแหน่ง Promotion

การจดั โครงสร้างองค์การOrganization structure1. โครงสร้างองคก์ ารตามหนา้ ที่การงาน Functional Organization Structure2. โครงสร้างองคก์ ารตามสายงานหลกั Line Organization Structure3. โครงสร้างองคก์ ารแบบสายงานท่ีปรึกษา Staff Organization Structure4. โครงสร้างองคก์ ารแบบเมทริกซ์ Matrix Organization Structure5. โครงสร้างองคก์ ารแบบคณะกรรมการ Committees 50 Organization Structure