วิธีแก้ปัญหา Windows11 ไม่มีเสียง เนื่องจาก Windows11 ยังเป็นระบบปฏิบัติิการรุ่นใหม่ที่ยังอัปเดตเรื่อยๆ ผู้ใช้มักพบข้อบกพร่อง เช่น หน้าจอกะพริบ หน้าจอสีดำ ฯลฯ เมื่อเร็ว ๆ นี้ ผู้ใช้ Windows 11 บางรายบ่นว่าไม่มีเสียงบนคอมพิวเตอร์ทั้ง พีซีและแล็ปท็อป เจอแบบเสียงหยุดทำงานบน Windows 11 ด้วยก็มี แม้คุณไม่มีปัญหาเรื่องเสียงใน Windows 11 ใหม่ ในบทความนี้ได้รวบรวมวิธีที่ดีที่สุดในการแก้ไขปัญหาทั้งหมดเกี่ยวกับเสียงบน Windows 11 Show
วิธีแก้ปัญหา Windows11 ไม่มีเสียง1. ตรวจสอบว่าถูกปิดเสียงหรือไม่iT24Hrsกดปุ่ม Windows + A จะแสดงแถบเสียงและปรับระดับแสงสว่าง ให้ปรับแถบเสียงให้เพิ่มขึ้นแล้วลองฟัง iT24Hrsถ้าเห็นไอคอนลำโพง มีกากบาทอยู่ ให้คลิกไอคอนลำโพง เพื่อเปิดเสียงปกติ แล้วลองฟังเสียงอีกครั้ง กรณีนี้ เสียงต้องมาแล้ว 2. ต่อสายสัญญาณเสียงเข้ากับพอร์ต ถูกต้องหรือไม่Image : Techviralในกรณีต่อลำโพง ลองเช็คดูว่่่าสายนี้เสียบถูกช่องหรือไม่ โดยส่วนใหญ่จะเสียบกับพอร์ตสีเขียว หรือพอร์ตรูปไอคอนหูฟัง หากบางคนต่อสายสัญญาณเสียงเข้ากับพอร์ตที่ไม่ถูกต้อง ก็ส่งผลให้ไม่มีเสียง 3. เลือกแหล่งเสียงที่ถูกต้องเสียบสายเข้ากับพอร์ตที่ถูกต้องแล้ว คุณต้องเลือกแหล่งกำเนิดเสียงที่เหมาะสม โดยทำตามขั้นตอนดังนี้ iT24Hrs1. กดปุ่มWindows + A เพื่อเปิด Action Center จากนั้นคลิกที่ปุ่มลูกศร ซึ่งอยู่ถัดจากแถบเลื่อน iT24Hrs2. จะเห็นรายชื่ออุปกรณ์เสียง คุณต้องเลือกแหล่งกำเนิดเสียงที่ถูกต้อง 4. สั่งใช้งานอุปกรณ์บน Windows แล้วหรือยัง ?ผู้ใช้คอมบางรายอาจประสบปัญหากับอุปกรณ์เล่น บางครั้ง อุปกรณ์การเล่นอาจถูกปิดใช้งานเนื่องจากข้อบกพร่องหรือการตั้งค่าที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้น ต้องตรวจสอบและเปิดใช้งานอุปกรณ์เล่นเสียงดังนี้ iT24Hrs1. กดปุ่มWindows + R เพื่อเปิดหน้าต่าง RUN แล้วป้อน mmsys.cpl แล้วกดปุ่ม Enter จะเป็นการเปิดอุปกรณ์ Windows สำหรับเอาต์พุตเสียง คุณต้องคลิกขวาที่อุปกรณ์แล้วเลือก’ Enable ‘ เพื่อเปิดใช้งาน iT24Hrsเพื่อทดสอบว่าอุปกรณ์เปิดใช้งานจริงหรือไม่ คุณต้องคลิกขวาที่อุปกรณ์เล่นเสียง และเลือก Test แล้วฟังทดสอบเสียง หากมีเสียงแล้วแสดงว่า อุปกรณ์เล่นเสียงถูกเปิดใช้งานและทำงานได้ดี 5. อนุญาตให้แอปใช้อุปกรณ์เสียงของคุณใน Windows 11 จะมีตัวเลือกอนุญาตเข้าถึงใช้อุปกรณ์เล่นเสียง ดังนั้น หากคุณไม่ได้อนุญาตให้แอปใช้เสียง ก็จะไม่เล่นเสียง ทำให้ไม่มีเสียง ดังนั้นในวิธีนี้ เราจะอนุญาตให้แอปต่างๆ ใช้อุปกรณ์เสียงบน Windows 11 ได้ iT24Hrs1. ก่อนอื่น เปิดการค้นหาของ Windows 11 และพิมพ์ Sound Settings เปิดการตั้งค่าเสียงจากรายการตัวเลือก iT24Hrsเช็คว่าเลือกอยู่ที่ Speakers หรือไม่ คลิกไอคอนลูกศรเพิ่มเติม แล้วเลือก Allow เพื่ออนุญาตให้เล่นเสียงผ่านทางอุปกรณ์เล่นเสียง 6. ตรวจสอบลำโพงตรวจสอบว่าลำโพงต่อขั้วเรียบร้อยหรือไม่ หากมีสายสังเกตที่สายว่าขาดชำรุดหรือไม่ และสังเกตที่ปลั๊กว่าเสียบอยู่หรือไม่ เปิดสวิตซ์ใช้งานหรือยัง และเสียบถูกพอร์ตหรือไม่ 7. อัปเดตหรือติดตั้งไดรเวอร์การ์ดเสียงอีกครั้งiT24Hrsด้วยไดรเวอร์เสียงที่ล้าสมัยก็ไม่ทำให้เกิดปัญหาด้านเสียง ดังนั้น คุณต้องตรวจสอบและอัปเดตไดรเวอร์เสียง แม้ว่าไดรเวอร์เสียงจะเป็นเวอร์ชันล่าสุด แต่ถ้าทำแล้วและเช็คอุปกรณ์ข้างต้นไม่มีเสียงจริงๆ คุณต้องติดตั้งไดรเวอร์เสียงใหม่ โดยเปิด Device Manager แล้วเลือก Sound, video, and game controllers จากนั้นคลิกขวาที่อุปกรณ์เล่นเสียง แล้วเลือก Update Driver. สำหรับผู้ใช้งานระบบปฏิบัติการ Windows แล้วเมื่อเปิดใช้งาน Microphone หรือเสียบแจ็คไมค์แล้วเสียงไม่ดัง จึงเกิดคำถามว่าวิธีการดูไมค์ให้ดัง หรือต้องการจะใช้ไมค์นั้นต้องทำอย่างไร ตั้งค่าตรงไหน ตรวจสอบตรงไหนบ้างหากเจอปัญหาไม่สามารถใช้งานไมค์ได้ (บทความนี้เป็นบทความที่เกี่ยวกับการไม่สามารถใช้งาน Microphone ได้ แต่หากใครเจอปัญหา Microphone เบา ให้ลองไปอ่านอีกบทความ) ตรวจสอบว่าเสียบไมค์ไปแล้วเครื่องเจอไมค์ที่เสียบไปหรือไม่ในกรณีเสียบไมค์ไม่ติดสิ่งแรกที่ต้องตรวจสอบเลยคือเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราเจอไมค์ที่เสียบเข้าไปหรือไม่ โดยให้คลิกขวาที่ปุ่ม Start > Setting > System > เลือกเมนู Sound ด้านข้าง (หรือพิมพ์ Sound Setting ที่ช่องค้นหา) ให้ดูที่เมนูด้านขวามือที่เขียนว่า Input คือสือที่นำเข้าจะมีให้เลือก Choose your input device อยู่ดูว่าตรงนี้เป็นไมค์ตัวที่เราใช้งานหรือไม่ ถ้าถูกต้อง ตรงส่วนของ Test Your Microphone จะมีการเคลือนไหวเมื่อมีเสียงเข้าไมค์ แต่ถ้าไม่มีให้ลองปรับที่ Choose your input device แล้วลองทดสอบดูใหม่ ตรวจดูอุปกรณ์หากมีมากกว่า 2 ช่องทางหากใช้ Realtek HD Audio Managerจากภาพด้านบน หากเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณใช้ไดร์เวอร์ของ Realtek และมีโปรแกรม Realtek HD Audio Manager ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณใช้ไมค์กี่ตัว (ด้านหน้าและหลัง) และได้เปิดใช้งานไมค์ตัวที่ถูกตำแหน่ง ให้สังเกตที่ Set Default device ว่าเป็นตัวที่เราใช้งานอยู่หรือไม่ ตรวจสอบแอปหรือโปรแกรมมีสิทธิใช้ไมค์โครโฟนหรือไม่เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่เราอาจจะใช้งานโปรแกรมบางโปรแกรมแล้วไม่สามารถใช้งานได้ ทั้งๆที่ตรวจสอบแล้วเครื่องก็พบอุปกรณ์การเชื่อมต่อไมค์โครโฟน และเทสแล้วว่าสามารถใช้งานได้ ให้ตรวจสอบในส่วนของการตั้งค่าความเป็นส่วนตัว ดูว่าเรามีการให้สิทธิแอปหรือโปรแกรมที่เราใช้งานให้สามารถมีสิทธิใช้ไมค์โครโฟนไว้หรือไม่ ให้ไปที่ คลิกขวาที่ปุ่ม Start > Setting > System > Privacy มองหาเมนูด้านซ้ายมือที่เขียนว่า Microphone ให้ตรวจสอบว่ามีการเปิดให้สิทธิการใช้งาน Microphone ตรงเมนูด้านบนตรงกลางไว้หรือไม่ (จากภาพด้านบน) “if you allow access. you can choose which apps can accenss your microphone by using the setting on this page. Denying access blocks app from accessing your microphone.” ซึ่งแปลได้ประมาณว่า “หากคุณอนุญาตให้เข้าถึง คุณสามารถเลือกได้ว่าจะให้แอปใดเข้าถึงไมโครโฟนของคุณได้โดยใช้การตั้งค่าในหน้านี้ การปฏิเสธการเข้าถึงจะบล็อกแอปไม่ให้เข้าถึงไมโครโฟนของคุณ” แล้วให้ตรวจสอบตรง “Choose which Microsoft Store apps can access your microphone” ด้วยว่าเราได้เปิดให้สิทธิการเข้าถึงไมค์โครโฟนไว้กับโปรแกรมหรือแอปที่เราจะใช้งานไว้หรือไม่ ในกรณีที่ไมค์ไม่ดังในแอปในแอปที่เราใช้งาน |