Show city ������ 6000�ҷ city idsi 2005 ��Ѻ ������� gasohol 95 ��е����ѹ���ᾧ�ҡ��Ѻ ����city �ѹ��� �Ѻ�� 110 �СԹ����ҳ 15-16 km/l ������ 130-140 �СԹ 9-10 km/l ��·����� ��觢���ҡ���觡Թ��ҹ�ҹҹ�ҡ��绹�� ��觨���Ѥ������ҹ �͵ͺ ��з���á������ǡѹ��Ѻ ��mazda2 ������� 2000�ҷ ������ V-Power ��ʹ�ҧ��Ѻ�� ��� m2 �Ѻ 130-140 ��ʹ�ҧ���ѧ 22-25 km/l ��ʹ��Ѻ ��Ҵ������ѧ�����Ѵ��Ѻ ในยุคที่ราคาน้ำมันยังคงผันผวนแบบนี้ ยิ่งถ้าใครมีความจำเป็นต้องใช้รถยนต์ในการเดินทางเป็นประจำ ก็ต้องเสียเงินเติมน้ำมันอยู่บ่อย ๆ แต่เชื่อหรือไม่ว่าเพียงแค่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการขับรถ ก็สามารถช่วยให้คุณประหยัดน้ำมันได้อย่างเหลือเชื่อ อย่าง 10 วิธีขับรถให้ประหยัดน้ำมัน ที่เรานำมาฝาก รับรองว่าทำตามนี้แล้วคุณจะเซฟเงินในกระเป๋าได้อย่างแน่นอน 1. ขับรถด้วยความเร็วคงที่อย่างที่รู้กันดีว่า ยิ่งขับรถเร็วมากเท่าไหร่ รถยนต์ยิ่งกินน้ำมันมากขึ้น และการขับรถช้าจนเกินไป ก็ไม่ได้ช่วยประหยัดน้ำมันอย่างที่เข้าใจเช่นเดียวกัน สำหรับคำแนะนำในการใช้ความเร็วคงที่ ควรจะอยู่ที่ประมาณ 80 – 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง เนื่องจากช่วงความเร็วนี้ จะทำให้เครื่องยนต์มีประสิทธิภาพในการเผาผลาญเชื้อเพลิงได้ดีที่สุด ร่วมกับการใช้เกียร์ที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้รอบเครื่องยนต์สูงเกินไป และควรจะขับโดยรักษาความเร็วให้สม่ำเสมอไปตลอดทั้งเส้นทาง ก็จะสามารถช่วยลดอัตราการใช้เชื้อเพลิงลดได้ อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันในการขับรถยนต์ที่ความเร็วต่างกัน
2. ไม่เบรกบ่อย / เบรกกะทันหันทราบหรือไม่ว่า การเบรกอย่างหนักและเร่งความเร็วบ่อย ๆ จะยิ่งเพิ่มอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากถึง 40% เลยทีเดียว ดังนั้นตลอดเวลาที่ขับรถ ควรจะสังเกตสิ่งแวดล้อมรอบตัว มองไกลเพื่อประเมินสถานการณ์ข้างหน้า และวางแผนการขับรถให้เหมาะสม เมื่อต้องเจอสิ่งกีดขวางหรือทางเลี้ยว ก็สามารถค่อย ๆ ชะลอความเร็วได้ ไม่ต้องเบรกบ่อย ๆ หรือเบรกแบบกะทันหัน ซึ่งสาเหตุที่การเบรกมีผลต่อการกินน้ำมันเชื้อเพลิง ก็เป็นเพราะทุกครั้งที่เบรก ความเร็วจะลดลง หากต้องการไปต่อก็ต้องเร่งเครื่องขึ้น เพื่อเพิ่มความเร็ว นอกจากจะเปลืองน้ำมันแล้ว ยังเป็นการกระตุ้นให้เครื่องยนต์ทำงานหนักโดยไม่จำเป็นอีกด้วย 3. ไม่ออกรถกระชาก เร่งเฉพาะจำเป็นการออกรถแบบกระชาก หรือพุ่งไปด้วยความเร็ว นอกจากจะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันแล้ว ยังทำให้เครื่องยนต์เกิดการสึกหรอได้ไวขึ้นอีกด้วย ดังนั้นการขับรถยนต์ที่ถูกวิธี จะต้องไม่เบิ้ล ไม่กระชาก หรือลากเครื่องยนต์ เพราะทุกครั้งที่เร่งเครื่อง หรือเหยียบคันเร่งจนมิด จะทำให้น้ำมันเชื้อเพลิงถูกฉีดเข้าห้องเผาไหม้มากยิ่งขึ้น ซึ่งการเร่งเครื่องแซงรถคันอื่น อาจทำให้เครื่องยนต์ชำรุด และเพิ่มโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้มากถึง 30% รวมทั้งน้ำมันเชื้อเพลิงส่วนเกิน ก็ยังจะทำให้เกิดการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ เกิดเป็นมลพิษตามมา ยิ่งในเครื่องยนต์ดีเซลก็จะทำให้เกิดควันดำ เพิ่มปริมาณฝุ่น PM2.5 ในอากาศอีกด้วย แต่ปัญหาทั้งหมดนี้แก้ไขได้ เพียงการขับรถให้นุ่มนวล ค่อยๆ เหยียบคันเร่ง ใช้ความเร็วสม่ำเสมอตั้งแต่ช่วงที่ออกตัวเท่านั้นเอง 4. ถ้ารถติดนาน ๆ ให้ใส่เกียร์ว่างถ้าต้องเจอกับไฟแดงนานหลายนาที หรือติดแหง็กอยู่บนท้องถนนนาน ๆ จากการจราจรที่หนาแน่น จนขยับไปไหนไม่ได้ สิ่งที่ควรทำคือการเข้าเกียร์ว่าง (N) แทนที่จะเข้าเกียร์เดินหน้า (D) ทิ้งไว้ เพราะจากผลการทดสอบยืนยันว่า วิธีนี้สามารถช่วยประหยัดน้ำมันได้จริง และยังช่วยให้ไม่เมื่อยเท้า จาการที่ต้องเหยียบเบรกตลอดเวลาอีกด้วย 5. หมั่นเช็กลมยางการหมั่นตรวจเช็กสภาพลมยาง สามารถช่วยประหยัดน้ำมันได้ เพราะถ้าลมยางอ่อนเกินไป จะส่งผลให้เกิดการเสียดทานระหว่างตัวยางกับพื้นถนน ทำให้เครื่องยนต์รับภาระในการหมุนล้อเพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็น เป็นสาเหตุของการเผาผลาญน้ำมันที่เพิ่มขึ้นมากกว่าปกตินั่นเอง แต่ขณะเดียวกัน หากลมยางแข็งเกินไป ก็จะทำให้การยึดเกาะถนนน้อยลง ดังนั้นจึงควรเติมลมยางตามที่คู่มือรถแนะนำ เพื่อความปลอดภัย และทำให้ประหยัดน้ำมัน 6. เปิดแอร์อุณหภูมิเหมาะสม ไม่เย็นเกินไปเพียงแค่ตั้งอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศในรถยนต์ ให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสม ไม่เย็นจนเกินไป ก็จะสามารถลดการทำงานของคอมเพรสเซอร์แอร์ และภาระของเครื่องยนต์ ที่ดึงพลังงานเชื้อเพลิงจากน้ำมันไปใช้มากถึง 10-20% ได้แล้ว 7. ขนสัมภาระให้น้อย ไม่เก็บของไว้ในรถทราบหรือไม่ว่า หากเราบรรทุกสัมภาระหนักขึ้น 45.3 กก. จะไปลดอัตราการประหยัดพลังงาน 1% และเมื่อรถยนต์ต้องบรรทุกน้ำหนักมากขึ้น เครื่องยนต์ก็ต้องใช้พลังงานมากขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นวิธีที่จะช่วยประหยัดน้ำมัน และทำให้รถยนต์สามารถวิ่งได้ด้วยความเร็วปกติ ก็คือการขนสัมภาระเท่าที่จำเป็น และไม่ควรเก็บของไว้ในรถ คำแนะนำสำหรับรถกระบะ : หากมีความจำเป็นต้องบรรทุกของครั้งละมาก ๆ ควรจะจัดสรรการวางสิ่งของให้สมดุล ไม่วางของให้อยู่ด้านใดด้านหนึ่งมากเกินไป เและไม่ควรขับรถเร็ว ควรวิ่งชิดเลนซ้าย ใช้ความเร็วสม่ำเสมอ ประมาณ 80 – 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก็จะช่วยประหยัดน้ำมันได้มากถึง 15 – 20 % เลยทีเดียว 8. หมั่นตรวจเช็กเครื่องยนต์ควรหมั่นตรวจเช็กเครื่องยนต์อย่างสม่ำเสมอ และเปลี่ยนอะไหล่ตามกำหนด จะช่วยถนอมเครื่องยนต์ให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน และช่วยลดการกินน้ำมันได้มากขึ้นด้วย สำหรับสิ่งที่ควรตรวจเช็ก ได้แก่
9. เปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะเวลาการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ควรอิงตามคำแนะนำในคู่มือรถยนต์เป็นหลัก หรือตามประเภทของน้ำมันเครื่องที่ใช้งาน โดยส่วนใหญ่แล้วจะกำหนดระยะเวลาอยู่ที่ 6 เดือน ซึ่งแม้จะไม่ได้ใช้รถยนต์บ่อย ๆ ก็ยังมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง เนื่องจากน้ำมันเครื่องจะมีการเสื่อมประสิทธิภาพลงตามเวลา และหากเครื่องยนต์ไม่ได้สตาร์ตมาเป็นเวลานาน อาจทำให้เครื่องยนต์เกิดสนิม หรือมีคราบเขม่าตามมาได้ ทั้งนี้ในบางกรณี อาจไม่จำเป็นต้องรอจนครบระยะทางหรือระยะเวลาที่กำหนด หากพบว่าน้ำมันเครื่องมีปริมาณลดลง หรือมีสีผิดปกติไปจากเดิม ก็ควรจะนำรถไปตรวจสอบสภาพ และเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องในทันที 10. ดับเครื่องยนต์เมื่อจอดรถทราบหรือไม่ว่าการติดเครื่องยนต์จอดรถเป็นเวลา 5 นาที จะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมัน 100 cc. และถ้ายิ่งติดเครื่องยนต์จอดรอนานมากกว่านั้น ก็จะยิ่งสิ้นเปลืองน้ำมันยิ่งขึ้นไปอีก ดังนั้นหากมีความจำเป็นต้องจอดรถนานเกิน 5 นาทีขึ้นไปควรจะทำการดับเครื่องยนต์ เพื่อประหยัดน้ำมัน และลดมลพิษทางอากาศ 10 เทคนิคขับรถอย่างไรให้ประหยัดน้ำมันนี้หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับคุณ หากปฏิบัติแล้วมันเวิร์ค อย่าลืมบอกให้เพื่อนๆ ของคุณได้รู้ด้วยนะ รถกินน้ำมันผิดปกติเกิดจากอะไรสาเหตุที่ส่งผลทำให้รถใช้น้ำมันมากขึ้น
1.ไส้กรองอากาศ ไส้กรองอากาศที่สกปรกและอุดตัน ทำให้อากาศไหล่ผ่านเข้าไปในเครื่องยนต์ได้น้อยทำให้การเผาไหม้น้ำมันเชื้อเพลิงไม่หมดจด จึงส่งผลให้เกิดการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์เป็นควันสีดำหรือกลิ่นน้ำมันเชื้อเพลิงออกมาที่ปลายท่อไอเสีย 2.หัวเทียน (เฉพาะเครื่องยนต์เบนซินและเครื่องยนต์ติดแก๊ส)
รถมาสด้า 2 กินน้ำมันไหมอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับ 2022 Mazda 2 Hatchback 1.3 S Sports คือ 4.3 ลิตรต่อ 100 กม. อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับ 2022 Mazda 2 Hatchback 1.3 SP Sports คือ 4.3 ลิตรต่อ 100 กม. อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับ Mazda 2 1.3 E AT 2022 คือ 5.56 ลิตรต่อ 100 กม.
รถกินน้ำมันมากแก้ไขยังไงควรตรวจเช็กที่กรองอากาศ ว่ามีสิ่งสกปรก หรือมีการอุดตันของฝุ่นละอองอยู่หรือไม่ เพราะสิ่งสกปรกเหล่านั้นอาจจะทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้ไม่เต็มที่ และส่งผลให้รถกินน้ำมันมากกว่าปกติ ดังนั้นควรนำไส้กรองออกมาทำความสะอาด เพื่อสุขภาพที่ดีขณะขับขี่ และช่วยประหยัดน้ำมันได้มากขึ้น
Mazda 2 2022 กินน้ำมันไหมMazda 2 Sedan 2022 เครื่องยนต์และสมรรถนะ
เครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 1.3 ลิตร กำลังสูงสุด 93 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 123 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ขับเคลื่อนล้อหน้า อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 23.3 กิโลเมตร/ลิตร
|