การสร้างความประทับใจครั้งแรก

First Impression หรือความประทับใจแรกคือสิ่งที่นักขายทุกคนต้องสร้างให้ได้ในการเจอลูกค้าทุกครั้งโดยเฉพาะลูกค้าใหม่

ชื่อบอกอยู่แล้วว่าเป็น “ความประทับใจแรก” 

นั่นแปลว่าคุณมีโอกาสเดียวเท่านั้นที่จะสร้างความประทับใจแรกนี้ได้ ไม่มีทางที่คุณจะมีโอกาสที่สองเด็ดขาด

ซึ่งนี่คือการตอกย้ำว่าการสร้างความประทับใจแรกนั้นสำคัญแค่ไหน

นอกจากนั้นคุณต้องเข้าใจว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่วางแผนและออกแบบได้

ใครก็ตามที่เข้าใจและวางแผนได้ละเอียดกว่าก็มีโอกาสมัดใจลูกค้าได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอ

มาดูกันเลยครับว่า 3 หลักการสร้างความประทับใจแรกนั้นมีอะไรบ้าง

1. เริ่มต้นโดยไม่ขาย

นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุดในมุมมองของผม

ความประทับใจแรกจะไม่มีทางเกิดขึ้นเด็ดขาดถ้าคุณเริ่มต้นโดยตะบี้ตะบันขายของอย่างเดียวโดยไม่ลืมหูลืมตา

ในทางกลับกัน สิ่งที่คุณควรทำคือ “ไม่ขายอะไรเลยตอนเริ่มต้น”

คุณควรจะเริ่มต้นโดยการทำตัวเป็นที่ปรึกษามืออาชีพ

ซึ่งที่ปรึกษามืออาชีพทุกคนจะไม่มีใครเริ่มต้นให้คำปรึกษาอะไรใดๆทั้งสิ้นถ้าพวกเค้าไม่เข้าใจปัญหาหรือความต้องการของผู้ที่เค้าให้คำปรึกษานั้น

ดังนั้นสิ่งที่คุณต้องทำให้ได้คือแสดงความชัดเจนว่าคุณจะไม่มีการนำเสนอสินค้าหรือบริการใดๆจนกว่าคุณจะเข้าใจ background ของลูกค้าอย่างครบถ้วน

2. เป็นนักฟังและนักถามที่ดี

สิ่งถัดไปที่ต้องเน้นเป็นพิเศษโดยเฉพาะตอนเริ่มต้นคือการเป็นนักถามคำถามและนักฟังที่ดี

เน้นในการถามคำถามเพื่อเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้เล่าปัญหาหรือความต้องการทั้งหมดที่มี

ใช้รูปแบบคำถามเปิดที่มีประสิทธิภาพเพื่อให้ลูกค้าได้รู้สึกสบายใจที่จะแชร์เรื่องราว

อย่าใช้แต่คำถามปิดที่กระหน่ำถามลูกค้าเสมือนหนึ่งกำลังสอบปากคำ

เทคนิคต่างๆเหล่านี้จะเอื้ออำนวยให้ลูกค้ารู้สึกเปิดใจและอยากแชร์ข้อมูลมากขึ้น

ลูกค้าจะไม่รู้สึกอึดอัดและเป็นฝ่ายตั้งรับแต่เพียงอย่างเดียว

บางคนมีทักษะในการเป็นนักฟังและนักถามคำถามที่ยอดเยี่ยมมากเสียจนกระทั่งลูกค้าอดไม่ได้ที่จะเล่าสิ่งต่างๆอย่างเปิดอก

ซึ่งจะทำให้ลูกค้ารู้สึกสนิทใจมากกว่าแค่มานั่งฟังเซลล์ขายของพูดถึงแต่สิ่งที่เค้าอยากขายอย่างเดียว

และนี่คือสิ่งที่นักขายที่ดีต้องทำให้ได้ในการสร้างความประทับใจแรกให้เกิดขึ้น

3. ความเป๊ะในรายละเอียดปลีกย่อย

หลายครั้ง คนที่ประสบความสำเร็จในระดับสูงอาจไม่ใช่คนที่ทำเรื่องใหญ่อลังการเสมอไป

แต่อาจเป็นแค่คนที่ทำเรื่องเล็กๆแต่เป๊ะที่สุด

และความเป๊ะที่ว่าดังกล่าวจะทำให้คนอื่นสังเกตได้และรู้สึกประทับใจ

นักขายก็เช่นกัน การสร้างความประทับใจแรกนั้นอาจไม่มีอะไรซับซ้อนไปกว่าการสร้างความเป๊ะในรายละเอียดเหล่านั้น

ยกตัวอย่างเช่น

  • ตรงเวลาทุกครั้งในการเข้าพบ
  • นัดว่าจะโทรหากี่โมงก็โทรตอนนั้นเป๊ะ 100% ตามเวลาในโทรศัพท์มือถือ (ซึ่งเท่ากันทุกคนชัวร์)
  • ไม่เคยลืมนามบัตร
  • เอกสารทางการขายทุกอย่างมีครบ 100% ในกระเป๋าเอกสาร
  • เสื้อผ้าหน้าผม
  • ปิดเสียงโทรศัพท์ทุกครั้งเวลาอยู่กับลูกค้า
  • ไม่รับโทรศัพท์ต่อหน้าลูกค้าเด็ดขาดนอกเสียจากเป็นเรื่องคอขาดบาดตายจริงๆ (แนะนำให้ยัดโทรศัพท์ใส่กระเป๋าไปเลยตอนคุยเพื่อไม่ให้ต้องเห็น notification ใดๆ)
  • สมุดปากกาพร้อมจดตลอดเวลาที่อยู่กับลูกค้า

เรื่องพวกนี้คือเรื่องเบสิคสุดๆ

แต่ถ้าคุณเผลอทำพลาดอย่างละนิดอย่างละหน่อย นอกจากจะไม่ได้รับความประทับใจแรกแล้ว ลูกค้าจะค่อยๆเอือมและหนีหายจากคุณไป

แต่ในทางกลับกัน ถ้าเราทำเรื่องเล็กๆน้อยๆเหล่านี้แบบเป๊ะ 100% ผมการันตีว่าลูกค้าจะสัมผัสได้ถึงความเป็นมืออาชีพที่ว่านั้น

และแน่นอนว่าความประทับใจแรกของลูกค้าจะติดตราตรึงมากกว่าที่คุณคิดอย่างแน่นอน

บทสรุป

ย้ำอีกครั้งนะครับว่าคุณมีโอกาสเดียวเท่านั้นที่จะสร้างความประทับใจแรกได้

ข้อแรกที่คุณทำได้คือการเริ่มต้นสนทนากับลูกค้า อย่าตะบี้ตะบันขายอะไรโดยเด็ดขาด

ข้อที่สอง เป็นนักฟังและนักถามคำถามที่ดี

ข้อที่สาม อย่าลืมความเป๊ะในรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ

เอาแค่คร่าวๆตามนี้ก่อน

สุดท้ายคุณจะพบว่าการปิดการขายอาจจะได้มาเร็วกว่าที่คุณคิดก็เป็นได้ครับ

อัปเดตเมื่อ 15 ก.ค. 2562

การสร้างความประทับใจครั้งแรก

ในการสร้างคอนเนคชั่น ผูกสัมพันธ์ทางธุรกิจ หรือความสัมพันธ์ใด ๆ First Impression (ความประทับใจแรกพบ) มีผลมากเสมอ คนส่วนใหญ่มักตัดสินคนอื่นด้วยความรู้สึกเมื่อแรกเจอโดยไม่รู้ตัว แปลว่าใครที่สร้างความประทับใจในจังหวะแรกนั้นได้ ก็จะต่อยอดความสัมพันธ์ได้ง่ายขึ้น วันนี้ MatchLink เลยจะมาบอก 12 เทคนิคทางจิตวิทยา ที่ทำให้คนชอบคุณตั้งแต่แรกเจอ สร้าง First Impression ได้สมใจแน่นอนครับ

12 เทคนิคทางจิตวิทยาในการสร้าง First Impression ดี ๆ

1. Copy ท่าทางคู่สนทนา

นักจิตวิทยาเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า Chameleon Effect คือการเลียนแบบท่าทางของอีกฝ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ ในขณะที่คุยกัน เช่น ท่ายืน ท่านั่ง การวางมือ รวมถึงการแสดงสีหน้า จะทำให้คู่สนทนาชอบเรามากขึ้น

2. เอาตัวไปอยู่ใกล้เขาบ่อย ๆ

ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า Mere-exposure Effect คือคนมักนึกชอบคนที่ตัวเองคุ้นเคยด้วยได้ง่าย อาจไม่ต้องเป็นการพูดคุยกันโดยตรง แต่แค่นั่งอยู่ในห้องเดียวกันบ่อย ๆ หรือเห็นหน้ากันตามโซเชียลมีเดียทุกวัน ก็สร้างความคุ้นเคยได้แล้ว

3. พูดชมเยอะ ๆ

เรียกว่าปรากฏการณ์ Spontaneous Trait Transference คือคนมักจะแสดงออกพฤติกรรมตามที่อีกฝ่ายบรรยายตัวเองไว้ เช่น ถ้าคุณชมเขาบ่อย ๆ ว่าเป็นคนมีน้ำใจ คน ๆ นั้นก็มีแนวโน้มจะแสดงน้ำใจกับคุณมากกว่ากับคนอื่น

4. แต่อย่าชมเยอะเกินไป

ตามทฤษฎี Gain-loss Theory คำชมจะสร้างความประทับใจมากที่สุดเมื่อพูดครั้งแรก จะลดน้อยลงในครั้งต่อ ๆ ไป และกลายเป็นติดลบถ้ามากเกินพอดี ดังนั้นจะชนะใจใคร พูดชมแค่โอกาสเหมาะ ๆ ก็พอ

5. ทำตัวเองให้อารมณ์ดี

เรียกว่าปรากฏการณ์ Emotional Contagion คือคนจะมีความสุขมากกว่า ถ้าได้อยู่ใกล้กับคนที่แสดงอารมณ์ด้านบวก (แน่นอนล่ะ) ฉะนั้นก่อนจะเข้าไปคุยกับใคร ควรทำตัวเองให้สดใสก่อนเสมอ

6. เป็นเพื่อนกับเพื่อนของเขา

ทฤษฎีนี้เรียกว่า Triadic Closure คือคนสองคนมีโอกาสจะรู้สึกดี ๆ ต่อกันมากขึ้น ถ้ามีเพื่อนร่วมกัน ยิ่งมีเพื่อนร่วมกันมากก็ยิ่งพร้อมเปิดใจ ถ้าอยากชนะใจใคร ลองตีสนิทกับเพื่อนเขาดูก่อน แล้วให้เพื่อนช่วยเป็นคนกลางแนะนำก็ไม่เลวนะ

7. แสดงออกว่าเป็นคนอบอุ่น

หลักการนี้เรียกว่า Stereotype Content Model คือการทำตัวเองให้ดูเป็นคนอบอุ่น อ่อนน้อม ไม่แสดงออกถึงความชอบการแข่งขันหรือเจตนาเอาชนะ วิธีนี้จะทำให้คนอื่นรู้สึกว่าคุณไว้ใจได้ ยิ่งถ้าคุณมีความสามารถหรือหน้าที่การงานดีเป็นที่ประจักษ์ พวกเขาก็จะยิ่งเคารพคุณอย่างจริงใจ

8. เปิดเผยข้อเสียของตัวเองบ้าง

เรียกว่าปรากฏการณ์ Pratfall Effect คือคนจะรู้สึกชอบคุณมากขึ้นเมื่อคุณมีข้อเสีย แต่ต้องไม่ใช่ข้อผิดพลาดที่ใหญ่จนเกินไป เช่น ถ้าเปรียบเทียบคน 2 คน โดยคนหนึ่งเก่งสมบูรณ์แบบไปซะทุกอย่าง กับอีกคนที่เก่งพอ ๆ กันแต่ร้องเพลงแย่ คนจะมีแนวโน้มชอบคนหลังมากกว่า

9. เน้นจุดที่เรามีเหมือนกัน

คนเรามักจะชอบที่มีอะไรเหมือนตัวเอง เรียกว่าปรากฏการณ์ Similarity-attraction Effect ถ้าเราอยากชนะใจใคร ต้องคอยเน้นจุดที่เรามีเหมือนกันบ่อย ๆ เช่น แสดงทัศนคติไปในทางเดียวกันกับเขา พูดถึงงานอดิเรกที่เหมือนกัน บ้านเกิดเดียวกัน ชอบตัวละครตัวเดียวกัน เป็นต้น

10. สัมผัสร่างกาย

เทคนิคนี้เรียกว่า Subliminal Touching เกิดขึ้นเมื่อคุณสัมผัสร่างกายของอีกฝ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ ขณะสนทนา เช่นแตะไหล่หรือหลังเป็นครั้งคราว จะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเป็นพวกเดียวกับคุณมากขึ้น แต่วิธีนี้ต้องดูบริบทของแต่ละสังคมด้วยนะครับ ว่าการสัมผัสจะเหมาะสมหรือไม่

11. มองเขาในแบบที่เขาอยากเป็น

เราเรียกทฤษฎีนี้ว่า Self-verification Theory คือทุกคนจะมีตัวตนที่ตัวเองอยากเป็น และต้องการให้คนอื่นมองตัวเองในแบบนั้น เช่น ถ้าคุณเห็นว่าอีกฝ่ายพยายามจะแสดงตัวว่าเป็นสุดยอดโปรแกรมเมอร์ คุณก็ควรแสดงออกกลับไปว่าคุณก็เห็นเขาเป็นสุดยอดโปรแกรมเมอร์เช่นเดียวกัน

12. แชร์ความลับให้กัน

เทคนิคนี้เรียกว่า Self-disclosure คือคนเราจะรู้สึกใกล้ชิดกันมากขึ้นถ้าได้แลกเปลี่ยนข้อมูลส่วนตัวอื่น ๆ นอกเหนือจากเรื่องงาน เช่นการเล่าถึงคนที่บ้าน หรือเรื่องในวัยเด็ก และจะยิ่งได้ผลถ้าคุณบอกไปด้วยว่า “นี่เป็นความลับนะ!” (ถึงความจริงมันจะไม่ใช่) อีกฝ่ายจะรู้สึกตัวเองมีความสำคัญ และได้รับความไว้ใจจากคุณ

การสร้างความประทับใจครั้งแรก

ก็ถือเป็นสูตรโกงเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการสร้างความสัมพันธ์ครับ จะเอาไปใช้ในการสร้างคอนเนคชั่น เจรจาธุรกิจ สัมภาษณ์งาน หรือผูกสัมพันธ์ส่วนตัวก็ได้ทั้งนั้น

แอป MatchLink ก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการสร้างคอนเนคชั่น ช่วยให้คุณหาคอนเนคชั่นที่มีประโยชน์ เข้าถึงคนได้ทุกวงการ เริ่มต้นธุรกิจง่ายขึ้น สร้างโปรไฟล์ตัวเองให้น่าเชื่อถือ และยังขอสินเชื่อได้ผ่านแอป

ดาวน์โหลด MatchLink ได้แล้วทั้ง iOS และ Android

iOS >>> http://bit.ly/IOSdownloadMatchLink

Android >>> http://bit.ly/AndroiddownloadMatchLink

💰 ยื่นขอสินเชื่อธุรกิจง่ายไม่ต้องไปธนาคาร >>> http://bit.ly/Match_Link_Loan

👨 เข้าถึงลูกค้าและพาร์ทเนอร์ใหม่ๆ ได้มหาศาล

📊 ดูงบการเงินของทุกธุรกิจทั่วไทย

📇 สร้าง Digital Name Card

🤝 สร้างคอนเนคชันทางธุรกิจได้ง่าย ๆ

📌 อัพเดทเคล็ดลับสำหรับเจ้าของธุรกิจ ด้วยแอปพลิเคชัน MatchLink แอปดี ๆ ที่ผู้ประกอบการ 4.0 ห้ามพลาด