เป็นประโยคที่ “ม.ร.ว.ดิศนัดดา ดิศกุล” ประธานคณะกรรมการมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้เล่าให้ฟังถึงแนวทางการทำงานของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ที่จะครบ 30 ปีในปี 2560 นี้ ที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลง ด้วยเพราะโลกเปลี่ยนไปเร็ว แต่ด้วยวัย 77 ปี การวิ่งตามโลกสมัยใหม่ให้ทันคงเป็นไปไม่ได้ แม้ตัวเองเป็นผู้ลงมือแปร ’ศาสตร์พระราชา“ มาสู่ขั้นตอนปฏิบัติ เพื่อแก้ปัญหาความยากจนของคนไทยมาหลายทศวรรษแล้วก็ตาม แต่ด้วยโลกมันเปลี่ยน ก็ถึงเวลาที่มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯต้องเสริมทัพด้วยคนรุ่นใหม่ที่มีหัวใจตอบแทนแผ่นดิน เข้ามาช่วยทำงาน เข้ามาช่วยเดินหน้า ให้งานของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ สามารถตอบโจทย์และก้าวทันโลกที่เปลี่ยนแปลงไปได้ด้วยเช่นกัน ขณะเดียวกันบรรดากรรมการรุ่นเก่าก็มีอายุปากันเข้าไป 80 ปี การก้าวให้ทันโลก คงเป็นเรื่องยาก จึงได้เปลี่ยนแปลงเอาคนรุ่นใหม่ อย่าง พ.ต.จิทัศ ศรสงคราม, ม.ล.ดิศปนัดดา ดิศกุล, ดร.ก้อ-วิรไท สันติประภพ, ฐาปน สิริวัฒนภักดี และ มนูญ สรรค์คุณากร เข้ามาร่วมเป็นกรรมการตั้งแต่ปี 2558 ที่ผ่านมา เพราะคนเหล่านี้ต่างเป็นคนรุ่นใหม่ที่เต็มไปด้วยความคิดใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาทำสิ่งใหม่ ๆ ให้กับมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ “คุณชายดิศนัดดา” ย้อนอดีตให้ฟังถึงการเข้ามาพัฒนาพื้นที่ดอยตุง ว่า เดิมดอยตุงเรียกว่า “ดอยแดง” นั่นก็เพราะ... พื้นที่บริเวณนี้มีปัญหาการบุกรุกป่า เพื่อปลูกยาเสพติด คือ ฝิ่น แหล่งใหญ่ที่สุด ที่ชาวบ้านปลูกฝิ่น ก็เพราะความยากจนไม่มีรายได้ จึงต้องบุกรุกป่า และบางคนที่ยากจนจริง ก็จำต้องขายลูกสาวไปเป็นโสเภณีในเมือง ดังนั้น...มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ที่ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือ “สมเด็จย่า” ของคนไทย มีพระราชดำริให้ก่อตั้งขึ้น เพื่อเข้ามาแก้ปัญหา “เจ็บ-จน-ไม่รู้” โดยใช้แนวทางตามพระราชดำริของ “พระเจ้าอยู่หัว” เข้ามาแก้ปัญหาแบบค่อยเป็นค่อยไป ปรับเปลี่ยนพื้นที่ปลูกฝิ่นเป็นปลูกป่า และเสริมด้วยอาชีพการเกษตรบนที่สูง ด้วยการทำโครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ทั้งนี้การทำงานแยกออกเป็นระยะแรกเริ่มคือในปี 2531-2536 ที่เริ่มจากการสร้างความรู้ สร้างความเข้าใจให้เกิดความเชื่อถือ และเปลี่ยนคนในหมู่บ้านมาเป็นเกษตรกรรับจ้างของโครงการหลวงด้วยการปลูกป่าเศรษฐกิจ ซึ่งชาวบ้านจะได้ประโยชน์มากที่สุด แล้วเข้ามาสู่ระยะที่ 2 ในปี 2537-2545 ทำให้คนอยู่ดีมีสุข มีการศึกษา สร้างคนเข้าสู่สถาบันการศึกษาเพื่อให้มาทำงานกับโครงการ แล้วจากนั้นจึงเข้าสู่ระยะที่ 3 ในปี 2546-2560 ก็ให้กลุ่มคนเหล่านี้มาเทคโอเวอร์งานออกไปให้ชุมชนแล้วโครงการก็ถอนตัวออกจากโครงการไป คุณชายดิศนัดดา หรือที่แต่เดิมชาวบ้านเรียกว่า “นายสมชาย” เพราะต้องการแฝงตัวเป็นนายช่างกรมชลประทาน บอกต่อว่า การทำงานหลังจากนี้ไป ในปี 2560 หลังจากโครงการดอยตุงทั้ง 3 ระยะหมดสิ้นลง ตามสัญญาการเช่าที่ดินจากทางการ งานต่อไป...ต้องมาพิจารณากันต่อว่าจะเดินหน้าต่ออย่างไร หรือ ด้าน “ม.ล.ดิศปนัดดา ดิศกุล” รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ซึ่งเป็นผู้มาใหม่ที่เต็มไปด้วย “ไฟ” บอกว่า ’การทำงานของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ที่ผ่านมา ไม่มีใครทำได้อย่างที่คุณชายทำ ดังนั้นแนวทางการทำงานในอนาคตต้องคำนึงถึงข้อนี้ เพราะคุณชายเปรียบเหมือนยักษ์ตัวใหญ่ เสียงดัง และพลังเยอะ แต่เมื่อในอนาคตโลกหมุนเร็วขึ้น การเปลี่ยนแปลงมีมากขึ้น ปัญหารุนแรงทวีคูณขึ้น การมีทีมที่ดี และการรับช่วงต่อที่ดี จะทำให้องค์กรเข้มแข็งมากขึ้น และต้องยอมรับว่า ที่ผ่านมาคุณชายรู้เรื่องนี้ดีที่สุด และการทำงานจากนี้ยังต้องใช้ประสบการณ์ของคนรุ่นก่อนมาเป็นแบ๊กอัพ“ ไม่เพียงเท่านี้ คุณชายดิศนัดดา บอกอยู่เสมอว่า การเปลี่ยนแปลงของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ในอนาคตต้องดีขึ้นกว่าเก่า ดีขึ้นเรื่อย ๆ และหยุดไม่ได้ โดยมีจุดยืนคือ ผู้ปฏิบัติ “พาทำ” นำเอาความรู้ที่มีสกัดออกมาให้เป็นองค์ความรู้ เพื่อหยิบไปพัฒนา โดยโครงการพัฒนาดอยตุง ถือเป็นการพัฒนาไม่เหมือนใครจนขึ้นมาโดดเด่น และก็เป็นที่กล่าวถึงในเวทีใหญ่ ๆ ของนานาชาติ ถึงผลการพัฒนาที่ประสบความสำเร็จเกี่ยวกับการแก้ปัญหาพื้นที่ที่เป็นยาเสพติด ซึ่งงานต่อจากนี้ ต้องขยายผลความสำเร็จไปยังประเทศต่าง ๆ ให้คนเห็นเป็นตัวอย่างเพื่อให้เป็นโมเดลการแก้ปัญหาที่ว่านี้ของโลก “ตอนนี้ได้ไปคุยในหลาย ๆ ประเทศ เช่น ในเมียนมา ก็ได้ผลักดันนโยบาย และความเปลี่ยนแปลงที่เราทำเอง ถ้าขยายนโยบายไปสู่คนอื่นแม้ไม่ได้ 100% ก็ดีกว่าไม่ได้ทำ โดยการผลักดันนี้เราไปทำในกรอบขององค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น เรื่องการพัฒนาในพื้นที่ที่ปลูกพืชยาเสพติด โดยนำดอยตุงโมเดลไปเผยแพร่ ซึ่งก็ได้รับการยอมรับมากทุก ๆ เวที จนเป็นตัวอย่างต้นแบบของโลกที่ไปเวทีไหนถ้าไม่มีใครพูดเรื่องดอยตุงถือว่าแปลก” ณ เวลานี้ การขับเคลื่อน...“ดอยตุงโมเดล” ในปัจจุบันยังมีสิ่งที่ต้องพัฒนาต่อไปอีกมาก และแน่นอนว่า การนำเอาความรู้ ความคิดของคนรุ่นใหม่เข้ามาผนวกเพื่อให้การพัฒนาขยายผลออกไปในวงกว้าง ช่วยแก้ไขปัญหาความยากจนของคนไทยให้ทุเลาลง ซึ่งถือเป็นภารกิจใหม่ที่คอยท้าทายการทำงานอยู่ข้างหน้า!!. หางาน สำนักงานประสานงานโครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง /
ดูโปรไฟล์บริษัท
โครงการพัฒนาดอยตุง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ (พื้นที่ทรงงาน) เป็นโครงการของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งนับได้ว่าเป็นโครงการที่พัฒนาคนอย่างมีบูรณาการ ควบคู่ไปกับด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และสร้างสภาพแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ไปในเวลาเดียวกัน ที่มีเป้าหมายสูงสุดเพื่อให้ชุมชนดอยตุงสามารถพึ่งพาตัวเองได้อย่างมีคุณภาพ ต่อเนื่อง สำหรับธุรกิจประกอบด้วยงานหัตถกรรม...ฝีมือ ภูมิปัญญา และดีไซน์เพื่อความยั่งยืน จำหน่ายผลิตภัณฑ์งานฝีมือของดอยตุง คือ ร้านดอยตุงไลฟ์สไตล์ และอีกหนึ่งของการต่อยอดเพื่อเพิ่มมูลค่าธุรกิจของดอยตุง คือ ร้านกาแฟคาเฟ่ดอยตุง ที่พร้อมจะเติบโตมีสาขาที่กำลังเปิดภายในปี 2554 จนกระทั่งปี 2559 ปัจจุบัน ยังมีอีกหลายสาขาอาชีพที่ทำงานด้านสนับสนุน หากคุณพร้อมที่จะก้าวหน้าในสายอาชีพงานของคุณ ก้าวไปด้วยกันและร่วมงานกับเรา Recruitment Officer (ประจำโครงการพัฒนาดอยตุงฯ จังหวัดเชียงราย)รายละเอียดงานรูปแบบงาน : งานประจำจำนวนที่รับ : 1 ตำแหน่งสถานที่ปฏิบัติงาน : เชียงราย(แม่ฟ้าหลวง)เงินเดือน(บาท) : 18,000 - 25,000วันหยุด : วันอาทิตย์เวลาทำงาน : 08:00 - 17:00เวลาทำงานอื่น : ไม่ระบุ หน้าที่ความรับผิดชอบ• ออกแบบกลยุทธ์และช่องทางในการสรรหาแต่ละตำแหน่งที่เหมาะสม คุณสมบัติเพศ : ไม่ระบุอายุ(ปี) : ทุกช่วงอายุระดับการศึกษา : ปริญญาตรี - ปริญญาโทประสบการณ์(ปี) : 1 - 2อื่นๆ : ยินดีรับผู้ไม่มีประสบการณ์คุณสมบัติเพิ่มเติม• จบการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาบริหารทรัพยากรบุคคลหรือสาขาที่เกี่ยวข้อง สวัสดิการ ประกันอุบัติเหตุ ประกันชีวิต กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ค่าล่วงเวลา ค่าเบี้ยเลี้ยง วันหยุดพักร้อน วันหยุดตามกฎหมายแรงงาน วันหยุดตามประเพณี ส่วนลดค่าอาหารและเครื่องดื่มและผลิตภัณฑ์ของดอยตุง ที่พักสำหรับพนักงาน* เข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวของดอยตุงฟรี วิธีการรับสมัครงานรับสมัครงานผ่านทาง JOBBKK.COM ข้อมูลที่น่าสนใจวันที่อัพเดท : 30/11/2021รับสมัคร : 1 ตำแหน่งเงินเดือน(บาท) : 18,000 - 25,000สมัครงานตำแหน่งนี้ : 317 คน ตำแหน่งงานอื่นๆLoading... จำนวน 0 รายการ อ่านทั้งหมด
ฝ่ายบุคคลสำนักงานประสานงานโครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง1875/1 ถ.พระราม 4 แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330 แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10330 ประเทศไทย |