ลำดับ ประเทศที่รวยที่สุดในโลก

ประเทศที่ร่ำรวยมักจะมีคำจำกัดความทางเศรษฐกิจที่แตกต่างกันซึ่งบางประเทศเป็นแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจจากการส่งออกในขณะที่บางประเทศขึ้นอยู่กับน้ำมันและก๊าซ

มาดูกันว่าประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลกตอนนี้คือกำลังซื้อจากกำลังซื้อ -Power-parity (PPP) ต่อคนหรือกำลังซื้อต่อประชากรต่อปีคืออะไร ...

ลองมาดูกันว่าประเทศที่ร่ำรวยที่สุด 5 อันดับแรกของโลกคืออะไรคุณคิดอย่างไร?

5. เนเธอร์แลนด์ $ 47,633 PPP ต่อคน
ประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลก

มันเป็นประเทศที่มีประชากรเกือบ 17 ล้านคนและมีความเสี่ยงในการซื้อ (PPP) $ 47,633 เนเธอร์แลนด์เป็นประเทศที่มีทิวลิปมากมาย

4. ไอร์แลนด์, $ 48,755 PPP ต่อคน


ประเทศที่สวยงามมีรายได้ $ 48,755 และประชากรน้อยกว่า 5 ล้าน อุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ได้แก่ เหมืองแร่ผลิตภัณฑ์สิ่งทอและ

3. ซาอุดิอาระเบีย $ 52,010 PPP ต่อคน
ประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลกประเทศซาอุดิอาระเบียเป็นประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลกประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลก

บทความโดย pussy888thai

pussy888

2. US $ 54,629 PPP ต่อคน


ประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลกอเมริกาเป็นหนึ่งในประเทศที่ใหญ่ที่สุดและเป็นมหาอำนาจในโลกที่มีประชากรมากกว่า 310 ล้านคน เหตุผลหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศคือเทคโนโลยี

1. สวิตเซอร์แลนด์ $ 57,235 PPP ต่อคน
ประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลก

สวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศที่สวยงามและเป็นเอกลักษณ์สำหรับวันหยุดพักผ่อนธนาคารและสถาบันการเงินของประเทศที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง

Forbes เผยทำเนียบมหาเศรษฐีพันล้านจากการรวบรวมสถิติใน 70 ประเทศทั่วโลก โดยในปี 2021 นี้ มีมหาเศรษฐีเพิ่มขึ้นสูงถึง 2,755 คน หรือคิดเป็นหนึ่งในสามของปี 2020 ซึ่งมีจำนวนทั้งหมดอยู่ที่ 2,095 รายชื่อ 

ลำดับ ประเทศที่รวยที่สุดในโลก
Moscow, Russia

เช่นเดิมกับในปีที่ผ่านมา กว่าครึ่งหนึ่งของมหาเศรษฐีพันล้านเป็นพลเมืองอเมริกันและจีน โดยมีเพียง 1 คนเท่านั้นที่มาจากประเทศเซนต์คิตส์และเนวิสในหมู่เกาะแคริบเบียน ขณะที่คูเวตและแองโกลาไม่ปรากฎรายชื่อมหาเศรษฐีแต่เพียงคนเดียว

สำหรับในปี 2021 นี้ สหรัฐอเมริกายังคงครองตำแหน่งประเทศที่มีมหาเศรษฐีมากที่สุดในโลก ด้วยจำนวนทั้งสิ้น 724 คน เพิ่มสูงขึ้นมากที่สุดเป็นประวัติการณ์จากเดิมที่มีอยู่ที่ 615 ในปีก่อนหน้า 

ขณะที่ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2020 เป็นต้นมา จีนมีมหาเศรษฐีเพิ่มมากขึ้นถึง 239 รายชื่อ รวมเป็นทั้งหมด 626 คน ส่งผลให้ส่วนต่างของจำนวนเศรษฐีใน 2 สหรัฐฯและจีนปรับตัวลงเหลือเพียง 98 คน จากเดิมที่แตกต่างกันมากถึง 283 และ 227 คนในปี 2018 และ 2019 ตามลำดับ 

โดยในปีนี้ มหาเศรษฐีชาวอเมริกันทั้ง 724 คน มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวมกันทั้งสิ้น 4.4 ล้านล้านเหรียญ เพิ่มขึ้นจาก 1.5 ล้านล้านเหรียญในปีก่อน ซึ่งได้รับอานิสงส์จาก Jeff Bezos มหาเศรษฐีผู้มั่งคั่งที่สุดในโลก ด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 1.77 แสนล้านเหรียญ 

ด้านมูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวมของมหาเศรษฐีชาวจีนก็ปรับขึ้นมากถึง 1.3 ล้านล้านเหรียญ มาอยู่ที่ 2.5 ล้านล้านเหรียญ ซึ่งหากนับรวมมหาเศรษฐีทั้ง 71 คนจากฮ่องกง และอีก 1 คนจากมาเก๊าด้วย จะส่งผลให้มีจำนวนมหาเศรษฐีผู้ถือสัญชาติจีนทั้งสิ้น 698 คน จากเดิมที่มี 456 คนในปีก่อนหน้า

นอกจากสหรัฐฯ และจีนแล้ว อินเดียก็ได้สร้างสถิติใหม่ขึ้นครองอันดับ 3 ประเทศที่มีมหาเศรษฐีมากที่สุดในโลก โดยมีมหาเศรษฐีหน้าใหม่เพิ่มขึ้นมาอีก 19 คน รวมเป็น 140 คน แซงหน้าเยอรมนีซึ่งมีอยู่ที่ 136 คน ขณะที่อิตาลีก้าวขึ้นสู่ทำเนียบ 10 ประเทศแรก ด้วยจำนวนมหาเศรษฐี 51 คน นำหน้าฝรั่งเศสซึ่งตกลงไปอยู่อันดับที่ 15 

ทั้งนี้ หากพิจารณาในภาพรวม จะสะท้อนให้เห็นว่าภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกยังคงครองอันดับ 1 ภูมิภาคที่มีมหาเศรษฐีมากที่สุด ด้วยจำนวนทั้งสิ้น 1,149 คน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 370 คน โดยส่วนใหญ่เป็นมหาเศรษฐีหน้าใหม่จากจีนและอินเดีย ขณะที่ภูมิภาคอื่นๆ อย่างยุโรป ตะวันออกกลาง แอฟริกา และอเมริกาก็ต่างมีมหาเศรษฐีเพิ่มมากขึ้น ต่างจากในปี 2019 ที่มีเศรษฐีหลุดจากทำเนียบจำนวนมากจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

โดย 10 อันดับประเทศและเขตปกครองที่มีมหาเศรษฐีมากที่สุด ประจำปี 2021 จากการประเมินมูลค่าทรัพย์สินสุทธิโดยอ้างอิงมูลค่าหุ้นและอัตราการแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 5 มีนาคม 2021 ได้แก่

เป็นประจำทุกปีที่นิตยสาร Forbes จะประกาศการจัดอันดับมหาเศรษฐีโลก ซึ่งในปี 2022 นี้เป็นการจัดอันดับครั้งที่ 36 ซึ่งพบว่าปีนี้ทั่วโลกมีมามหาเศรษฐีทั้งหมด 2,668 คน ลดลง 87 คนจากปีที่แล้ว

โดยปีนี้เหล่าคนที่รวยที่สุดในโลกมีทรัพย์สินรวมกัน 12.7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ (425 ล้านล้านบาท) ลดลง 4 แสนล้านเหรียญจากปี 2021

สาเหตุสำคัญมาจากสงคราม การระบาดที่ยังยืดเยื้อ และตลาดที่ซบเซา โดยที่น่าตกใจที่สุดก็คือในรัสเซีย ที่จำนวนมหาเศรษฐีลดลงจากปีที่แล้ว 34 คน

ที่ร้ายแรงกว่าก็คือในจีน ที่มหาเศรษฐีที่ติดอันดับมีจำนวนลดลงจากปีที่แล้ว 87 คน หลังโดนรัฐบาลไล่ปราบปรามบริษัทเทคโนโลยีอย่างหนักนั่นเอง

แต่ถึงอย่างนั้น Forbes ก็พบว่าปีนี้มีมหาเศรษฐีกว่า 1,000 คนที่รวยขึ้นกว่าเดิม แถมยังมีมหาเศรษฐีหน้าใหม่ถึง 236 รายอีกด้วย ในจำนวนนี้ยังเป็นเศรษฐีจากบาร์เบโดส บัลแกเรีย เอสโตเนีย และอุรุกวัย ที่เป็นประเทศที่ติดอันดับเป็นครั้งแรกอีกด้วย

ลำดับ ประเทศที่รวยที่สุดในโลก

สหรัฐอเมริกายังคงเป็นผู้นำของโลกด้วยจำนวนมหาเศรษฐี 735 คน มูลค่าทรัพย์สินรวมกัน 4.7 ล้านล้านเหรียญ โดย ‘อีลอน มัสก์’ ครองอันดับ 1 มหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลก

ส่วนประเทศจีน (รวมมาเก๊าและฮ่องกง) มีจำนวนเศรษฐีรองลงมาคือ 607 คน มูลค่าทรัพย์สินรวม 2.3 ล้านล้านเหรียญ

สำหรับประเทศไทย อันดับ 1 ยังคงเป็น ‘เจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์’ แห่งซีพี โดยอยู่ในอันดับ 137 ของโลก รองลงมาคือ ‘เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี’ แห่งไทยเบฟเวอเรจ และอันดับ 3 คือ ‘สารัชถ์ รัตนาวะดี’ แห่ง GULF

ที่น่าสนใจคือหากดูจากการจัดอันดับนี้แล้ว ‘เฉลิม อยู่วิทยา’ แห่ง Red Bull ไม่ติด 1 ใน 10 อันดับมหาเศรษฐีไทย ทั้งที่ในปีก่อนอยู่อันดับ 2