มือใหม่แล้วไง? EP.2 จับโน๊ตบุ๊คเครื่องเก่า เปลี่ยน HDD เป็น SSD จะดีขึ้นขนาดไหน | NotebookSPEC Show เปลี่ยน HDD เป็น SSDถ้าโน๊ตบุ๊คที่ใช้งานอยู่เริ่มช้า เริ่มมีอาการอืด เปิดเครื่องก็ติดช้า เปิดโปรแกรมขึ้นมาแต่ละทีแล้วต้องรอเป็นวัน กินข้าวก็แล้ว ดูหนังก็แล้ว ยังโหลดไม่เสร็จ เราอาจไม่ต้องลงมือลงแรงถึงขั้นเปลี่ยนเครื่องใหม่ หากแต่เปลี่ยน HDD เป็น SSD ก็เรียกความเร็วของคอมพิวเตอร์/โน๊ตบุ๊ค ให้เร็วขึ้นได้เกือบเท่าตัวแล้ว และสำหรับวันนี้ ทีมงานก็จะมาพูดถึงการเปลี่ยน HDD เป็น SSD โดยเฉพาะกับในโน๊ตบุ๊คว่า SSD นั้นดีอย่างไร มีกี่ประเภท และมี SSD น่าใช้งาน และได้รับความนิยมจากเว็บไซต์ของเรากันบ้าง ไปดูกันเลย
Hard Disk VS SSDฮาร์ดดิสหรือหน่วยความจำหลักสำหรับเก็บข้อมูลต่าง ๆ ถ้าเป็นสมัยก่อนแทบไม่มีผลต่อการใช้งานเครื่องเท่าไร เพราะเป็นฮาร์ดดิสค์จานหมุน จึงจะมีผลกับพื้นที่เก็บข้อมูลมากกว่ายิ่งความจุมากก็เก็บข้อมูลได้เยอะ แต่ปัจจุบันฮาร์ดดิสค์มีแบบ SSD (solid state drive) หรือฮาร์ดดิสค์ที่เป็นแบบชิป ข้อดีของมันก็คือเร็วกว่าฮาร์ดดิสค์จานหมุนถึง 10 เท่า เพราะว่าไม่ต้องหมุนจานเพื่อหาตำแหน่งข้อมูล แต่มีข้อสังเกตคือถ้า SSD เสีย ก็จะไม่สามารถกู้ข้อมูลใด ๆ ได้ ในขณะที่ HDD แบบจานหมุนยังพอสามารถเข้าศูนย์กู้ข้อมูลออกมาได้ SSD จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการความเร็วในการเปิดเครื่อง เปิดโปรแกรม หรือค้นหาไฟล์ในเครื่องเป็นหลัก ถ้าเปลี่ยนมาใช้ SSD ชีวิตจะเปลี่ยนไปทันทีแล้วแทบไม่สามารถกลับมาใช้ฮาร์ดดิสค์ธรรมดาได้เลย เปิดเครื่องในระดับไม่ถึงนาที หรือเปิดโปรแกรม เปิดไฟล์ได้รวดเร็ว หาไฟล์ในเครื่องแทบจะในทันทีไม่ต้องรอฮาร์ดดิสค์หมุน และที่สำคัญคือไม่มีเสียรบกวนและประหยัดพลังงานยิ่งกว่า แต่ด้วยพื้นที่จำกัดอาจจะต้องมีฮาร์ดดิสค์แบบ USB ไว้เก็บข้อมูลสักอัน หรือบางรุ่นที่มีพอร์ตเชื่อมต่อฮาร์ดดิสค์ 2 แบบก็จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องความจุได้ด้วย โดยปกติแล้วโน๊ตบุ๊คทั่วไปจะมีช่องสำหรับติดตั้งฮาร์ดดิสค์ แบบ 2.5 นิ้ว 1 ตัวเป็นมาตรฐานอยู่แล้ว การอัพเกรดจึงเป็นการเพิ่มความจุ หรือเปลี่ยนชนิดของฮาร์ดดิสค์เป็น SSD แบบ 2.5 นิ้ว มีขายทั่วไป ในราคาไม่แพงมาก สามารถซื้อมาใส่แทนตัวเก่าได้เลย จากนั้นก็ลงวินโดวส์เหมือนฮาร์ดดิสค์ธรรมดา และเพื่อความคุ้มค่าสูงสุด เรายังสามารถเอาฮาร์ดดิสค์ตัวเก่าที่ถอดมา ใส่กล่อง เพื่อทำเป็นฮาร์ดดิสค์ USB ได้ด้วย ราคากล่องแค่หลักร้อยคุ้มกว่าไปซื้อฮาร์ดดิสค์ USB ต่อเพิ่ม มีโน๊ตบุ๊คบางรุ่นที่มีช่องสำหรับติดตั้งฮาร์ดดิสค์แบบ SSD นามว่า M.2 ซึ่งสลีอตนี้จะเป็นแบบเดียวกับที่ใช้ต่อการ์ด WiFi มีขนาดเล็ก ทำให้สามารถติดตั้งบนโน๊ตบุ๊คได้โดยไม่เปลืองพื้นที่ และยังสามารถมีฮาร์ดดิสค์แบบ 2.5 นิ้ว อีกลูกได้ด้วย โดย SSD แบบ M.2 จะแบบยาว ๆ คล้ายการ์ด WiFi โดยโน๊ตบุ๊คทั่วไป ซึ่งก็จะแบ่งแยกย่อยออกเป็น 2 แบบอีกคือ M.2 แบบธรรมดา ซึ่งจะให้ความเร็วเทียบเท่ากับพอร์ต SATA ธรรมดา อีกแบบคือ PCI Express หรือ PCIe แบบเดียวกับซล๊อตบนเมนบอร์ดเครื่องพีซี ซึ่งให้ความเร็วสูงกว่า M.2 ธรรมดา อย่างน้อย 2 เท่าขึ้นไป แต่ก็ขึ้นอยู่กับตัว SSD ด้วยว่าสามารถรันได้ที่ความเร็วเท่าไร ซึ่งความต่างนอกจาก PCIe จะมีการระบุถึงชิป Nvme ที่เป็นชิปคอนโทรลแล้ว สล๊อตเชื่อมต่อก็ยังต่างกันอีกด้วย M.2 ทั่วไปจะมี 2 ร่อง ขณะที่ PCIe จะมีร่องเดียว ซึ่งเราต้องดูก่อนว่า โน๊ตบุ๊คของเรามีสล๊อตหรือไม่ และเป็นแบบใด ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแบบ M.2 แต่ถ้าเป็นโน๊ตบุ๊คที่มีราคาแพง ระดับ 29,990 บาทขึ้นไป ก็มักจะเป็นแบบ PCIe แนะนำว่าเช็คจากผู้ผลิตอีกทีเพื่อความแน่ใจ โดย PCIe จะมีราคาแพงกว่าพอสมควรอย่างน้อย 20 -30% แต่ก็แลกมาด้วยความเร็วสูงกว่า จากนั้นก็มีดูความจุที่ต้องการ 128GB ไปจนถึง 2TB สำหรับเครื่องที่มีฮาร์ดดิสค์ 2.5 นิ้ว อีกลูกอาจจะซื้อแค่ 128GB ก็เพียงพอ (หากต้องการเก็บข้อมูลหรือลงเกมหนัก ๆ ก็สามารถเลือกลงที่ฮาร์ดดิสค์ธรรมดาได้) แต่ถ้าหากโน๊ตบุ๊คมีช่อง M.2 อันเดียว ควรจะซื้อความจุ 256GB ขึ้นไปมาใส่ดีกว่า ประเภทของ SSD
เลือก SSD ราคา ความจุ เท่าไรถึงพอเหมาะ?
10 อันดับ SSD ยอดฮิตในหน้าจัดสเปค NBS
อ่านบทความฉบับเต็มได้ที่นี่ กล่าวโดยสรุปแล้ว การเปลี่ยน HDD เป็น SSD นั้น นอกจากจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้กับคอมพิวเตอร์ของเราให้รวดเร็วขึ้นแล้ว ก็ยังเป็นการยืดอายุการใช้งานออกไปได้อีกด้วย เพราะคอมพิวเตอรืสามารถทพงานได้อย่างลื่นไหลมากยิ่งขึ้น รันโปรแกรมได้รวดเร็วขึ้น โดยที่เราไม่ต้องไปลงทุนผ่านเงินก้อนใหญ่ในการซื้อโน๊ตบุ๊คเครื่องใหม่แต่อย่างใด ในส่วนของความจุ ว่าถ้าเปลี่ยน HDD เป็น SSD แล้วนั้น ควรจะใช้ SSD กี่ GB ก็สามารถเลือกได้ตามความต้องการ รวมไปถึงการบริหารพื้นที่ในการใช้งานของเราด้วย เช่น เราอาจจะซื้อ SSD ความจุ 240GB มาใช้เป็นไดรฟ์ติดตั้ง Windows 10 เอาไว้และโปรแกรมหลักแล้วมี HDD เอาไว้เป็นไดรฟ์เสริมสำหรับบันทึกไฟล์งานสัก 1TB ก็ดีเช่นกัน หรือจะเอาซื้อ 500GB แล้วเอางานทั้งหมดใส่ไว้ใน External Hard disk เพื่อจะได้ไม่ต้องกินพื้นที่ในไดรฟ์ C ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ขึ้นอยู่กับจินตนาการและการพลิกแพลงการใช้งานของผู้ใช้ ว่าจะบริหารการใช้งานเครื่องของเราอย่างไร อ่านบทความเพิ่มเติม/บทความที่เกี่ยวข้อง
|