ข้อมูลทั่วไป
ตราแผ่นดินตราแผ่นดินของสาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า เป็นเครื่องหมายราชการของรัฐบาลสาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า ใช้ประทับในเอกสารของทางราชการทุกชนิด รวมถึงการตีพิมพ์ในเอกสารสำหรับเผยแพร่แบบตราดังที่ปรากฏในปัจจุบันนี้เป็นลักษณะตามที่ปรากฏในหมวดที่ 8 ของรัฐธรรมนูญสาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า ซึ่งได้รับการรับรองด้วยการลงประชามติในปี พ.ศ. 2551 ลักษณะของดวงตราประกอบด้วยรูปสิงห์แบบศิลปะพม่า จำนวน 2 ตน อยู่ในท่านั่งรักษาการณ์ หันหลังให้ ซึ่งกันและกัน ที่กลางตรานั้นมีภาพของแผนที่ประเทศพม่ารองรับด้วยช่อใบมะกอกคู่ ล้อมรอบด้วยลวดลายบุปผชาติตามแบบศิลปะพม่า ที่บนสุดของดวงตราเป็นรูปดาวห้าแฉกดวงหนึ่ง รูปรองรับด้วยม้วนแพรแถบจารึกนามเต็มของประเทศ ด้วยใจความ "สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า" นับตั้งแต่สมัยราชาธิปไตยเป็นต้นมา พม่าได้ใช้รูปนกยูงรำแพนเป็นเครื่องหมายประจำแผ่นดินมาโดยตลอด ดังปรากฏในเงินเหรียญรูปีของพม่าและธงของพม่าในสมัยต่างๆ ทั้งในสมัยเป็นเอกราชในยุคราชวงศ์อลองพญา สมัยภายใต้การปกครองของสหราชอาณาจักร และธงของรัฐบาลพม่าภายใต้การควบคุมของญี่ปุ่น ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังได้รับเอกราชจากสหราชอาณาจักรในปี พ.ศ. 2491 ประเทศพม่าได้ใช้รูปตราแผ่นดินอันมีลักษณะคล้ายกับดวงตราที่ปรากฏในปัจจุบัน สำหรับรายละเอียดที่แตกต่างกันประกอบด้วย แพรแถบชื่อประเทศจารึกข้อความว่า "สหภาพพม่า" ตำแหน่งบนสุดของดวงตรานั้นมีรูปสิงห์นั่งหน้าตรงอยู่แทนที่รูปดาว ภาพแผนที่ประเทศพม่ากลางดวงตรานั้นบรรจุอยู่ในวงกลมอีกชั้นหนึ่ง ที่ขอบวงกลมนั้นจารึกคาถาพุทธภาษิตเป็นภาษาบาลี ซึ่งยกมาจากธัมมปทัฏฐกถาพุทธวัคควัณณนา คาถาที่ 194 ความว่า "สมคฺคานํ ตโป สุโข" อันหมายถึง "ความเพียรของชนผู้พร้อมเพรียงกัน เป็นเหตุนำสุขมา" ในสมัยการปกครองแบบสังคมนิยมของนายพลเน วิน รัฐธรรมนูญของพม่าฉบับ ค.ศ. 1974 (พ.ศ. 2517) ได้บัญญัติภาพตราแผ่นดินใหม่ให้มีลักษณะในเชิงสังคมนิยมมากขึ้นโดยมีการแก้รูปแผนที่ประเทศพม่าให้ซ้อนทับบนรูปล้อเฟืองล้อมรอบด้วยช่อรวงข้าวคู่ และเปลี่ยนรูปสิงห์นั่งที่อยู่บนสุดให้เป็นรูปดาวห้าแฉกส่วนนามประเทศในแพรแถบล่างสุดได้เปลี่ยนเป็นข้อความ "สาธารณรัฐสังคมนิยมพม่า"ข้อความดังกล่าวนี้เมื่อคณะทหารได้ทำรัฐประหารและตั้งสภาฟื้นฟูกฎหมาย และระเบียบแห่งรัฐขึ้นในปี พ.ศ. 2531 ข้อความ ซึ่งหมายถึง "สาธารณรัฐสังคมนิยม" จึงได้ถูกลบออกไป ธงชาติและเพลงชาติธงชาติสาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า มีลักษณะเป็นธงสามสีรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ภายในแบ่งตามแนวนอน ความกว้างเท่ากัน พื้นสีเหลืองสีเขียวและสีแดง เรียงตามลำดับจากบนลงล่าง กลางธงมีรูปดาวห้าแฉกสีขาวขนาดใหญ่ ธงนี้ได้เริ่มชักขึ้น ครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 ตุลาคมพ.ศ. 2553 ในเวลา 15.00 น. ที่กรุงเนปีดอ และในเวลา 15.33 น. ที่อาคารศาลาว่าการนครย่างกุ้ง (อ้างอิงตามเวลาท้องถิ่น) อันเป็นเวลา 17 วัน ก่อนหน้าการเลือกตั้งทั่วไปของพม่า ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 7 พฤศจิกายน ปีเดียวกัน ความหมายของสัญลักษณ์ในธงชาติประกอบด้วย สีเขียวหมายถึงสันติภาพ ความสงบ และความอุดมสมบูรณ์ของพม่า สีเหลืองหมายถึงความสามัคคี สีแดงหมายถึงความกล้าหาญ ความเข้มแข็ง เด็ดขาด ดาวสีขาวหมายถึงสหภาพอันมั่นคงเป็นเอกภาพ วมการต่อต้านการปกครองของฝรั่งเศสในปี พ.ศ. 2483 การต่อต้านครั้งนั้นประสบความล้มเหลว เหวียนฮิ้วเทียนจึงถูกจับกุมตัวและถูกประหารชีวิตพร้อมกับผู้นำคนอื่นๆ ที่เข้าร่วมการต่อต้านครั้งนั้นด้วย กะบ่ามะเจ่ (, ละติน: Kaba Ma Kyei) เป็นชื่อเพลงชาติของสหภาพเมียนมาร์ ชื่อเพลงมีความหมายตามตัวอักษรว่า "ตราบโลกแหลกสลาย" ในภาษาอังกฤษนิยมแปลชื่อเพลงนี้เป็น "Till the End of the World, Burma" หรือ "We Shall Never Give Up Our Motherland, Burma" เพลงนี้เป็นหนึ่งในเพลงชาติของประเทศนอกทวีปยุโรปไม่กี่เพลง ที่แต่งขึ้นจากทำนองเพลงพื้นเมืองของชาติตนเอง เนื่องจากในตอนต้นของเพลงนี้เป็นการเรียบเรียงดนตรีแบบดั้งเดิมของพม่า ก่อนที่จะเข้าสู่ดนตรีช่วงถัดมาซึ่งเรียบเรียงในลักษณะดนตรีออเครสตราของตะวันตก เพลงนี้ประพันธ์เนื้อร้องและทำนองโดย สะหย่าติ่น (Saya Tin - สะหย่าเป็นคำเรียกนำหน้านาม หมายถึง อาจารย์ ติ่นเป็นชื่อตัว) เพื่อใช้เป็นเพลงประจำสมาคมเราชาวพม่าเมื่อ พ.ศ. 2473 โดยใช้ชื่อเพลงว่า “Dohbama” แปลว่า “พม่าของเรา” ต่อมาประกาศใช้เป็นเพลงชาติพม่าอย่างเป็นทางการเมื่อ พ.ศ. 2490 เนื้อร้อง ถ่ายเสียงด้วยอักษรไทย ตะยา มยั้ต ต๊ะ ลุ้ต ลั้ต ชิ้น แน่ มะ เตว่โด้ ปเหย่ โด้ มเหย่มยา หลู่ คั้ต เต๊ยน์ เญ้ยน์ จ๊าน เส่ โบเซ็ย ตู่ หญี่ มยะ หว่าดะ พยู สิ่น เด ปเหย่โด ปเหย่ โด มเหย่ปหยี่ เด่าน์ ซู อัมเหว่ อัมเย้ ติ ดัน เสะอะเด็ยถ่าน ปยู เบ๊ เท็ยน์ เต็ยน์ โซ เหล่กาบ่า มาเจ่ มยาหม่า ปเหย่โด โบ๊ บว๊า อัมเหว่ สิ โม ชิ มยะ โน้ เบ่ปหยี่ เด่าน์ ซู โก่ อะเตะ เป๊ โล โด กะ กแหว่ เมอเหล่ด่า โด ปเหย่ ด่า โด มเหย่ โด ไป่น์ แด มเหย่โด ปเหย่ โด มเหย่ เออโจ๊ โก่ หญี่ หญ่า สว่า โด ดะเหว่ท้าน เส่าน์ บ่า โซ เหล่ โด ต่า หวุ่น เบ่ อะโพ้ ต่าน มเหย่
อาหารประจำชาติ
กีฬาประจำชาติ
ประเพณีและวัฒธรรมประจำชาติเนื่องจากได้รับอิทธิพลจากจีน อินเดีย และไทยมานาน จึงมีการผสานวัฒนธรรมเหล่านี้เข้ากับวัฒนธรรมของตนจนเป็นเอกลักษณ์ นอกจากนี้ยังได้รับอิทธิพลจากพุทธศาสนา จึงเกิดประเพณีสำคัญ เช่น ประเพณีปอยส่างลอง (Poy Sang Long) หรืองานบวชลูกแก้ว เป็นงานบวชเณรที่สืบทอดกันมานาน และชาวเมียนมาร์ให้ความสำคัญมาก เพราะถือเป็นบุญอันยิ่งใหญ่ของครอบครัว งานไหว้พุทธเจดีย์ประจำปี ซึ่งแต่ละที่มักนิยมจัดในเดือนหลังออกพรรษา ถือเป็นงานเฉลิมฉลองที่สนุกสนานและได้ทำบุญสร้างกุศลด้วย เครื่องแต่งกายประจำชาติชุดประจำชาติของชาวพม่าเรียกว่า ลองยี (Longyi) เป็นผ้าโสร่งที่นุ่งทั้งผู้ชายและผู้หญิง ในวาระพิเศษต่าง ๆ ผู้ชายจะใส่เสื้อเชิ้ตคอปกจีนแมนดารินและเสื้อคลุมไม่มีปก บางครั้งจะใส่ผ้าโพกศีรษะที่เรียกว่า กอง บอง (Guang Baung) ด้วย ส่วนผู้หญิงพม่าจะใส่เสื้อติดกระดุมหน้าเรียกว่า ยินซี (Yinzi) หรือเสื้อติดกระดุมข้างเรียกว่า ยินบอน (Yinbon) และใส่ผ้าคลุมไหล่ทับ สกุลเงิน
ธนบัตรที่พิมพ์ออกใช้ในปัจจุบันนี้มีฉบับละ 50 ปยา, 1 จ๊าด, 5 จ๊าด, 20 จ๊าด, 50 จ๊าด,100 จ๊าด, 200 จ๊าด, 500 จ๊าด, 1,000 จ๊าด , 5,000 จ๊าด และ 10,000 จ๊าด ดอกไม้ประจำชาติดอกไม้ประจำชาติของประเทศพม่า คือ ดอกประดู่ (Paduak) เป็นดอกไม้ที่พบมากในประเทศพม่า มีสีเหลืองทอง ผลิดอกและส่งกลิ่นหอมในฤดูฝนแรก ช่วงเดือนเมษายนซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ประเทศพม่ามีการเฉลิมฉลองปีใหม่ขึ้น ชาวพม่าเชื่อว่าดอกประดู่คือสัญลักษณ์ของความแข็งแรง ความทนทาน และเป็นดอกไม้ที่ขาดไม่ได้ในพิธีทางศาสนาของชาวพม่าเลยล่ะ บุคคลสำคัญนายพล ออง ซาน (Aung San) หรือ อู อองซาน (U Aung San) เป็นนักปฏิวัติและผู้นำในการเรียกร้องเอกราชของพม่า โดยเป็นผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มสันนิบาตเสรีภาพแห่งประชาชนต่อต้านฟาสซิสต์ ออง ซาน ซูจี (Aung San Suu Kyi) บุตรสาวของนายพล ออง ซาน เป็นผู้นำการต่อต้านรัฐบาลเผด็จการทหาร และได้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ ใน พ.ศ.2534 ที่มา :http://th.wikipedia.org/wiki/ประเทศพม่า,http://aec.ubru.ac.th/index.php/aec-group/mmyanmar |